DC บทที่ 377: ขอความยุติธรรม

 

“ไร้สาระ มิมีทางที่ศิษย์ข้าจักฆ่าศิษย์เจ้า”

 

เจ้าสำนักเมฆม่วงกู่กว่านถิงกระโดดขึ้นไปบนเวทีและปกป้องหงอวี้เอ๋อร์

 

“ทุกคนที่นี่ต่างเป็นประจักษ์พยานให้กับการแข่งขัน ศิษย์ของข้ามิได้แม้กระทั่งแตะตัวศิษย์เจ้าด้วยซ้ำ”

 

“ข้ามิรู้ว่านังนี่ทำอย่างไร แต่ข้ามั่นใจว่านั่งนี่ฆ่าศิษย์ของข้า”

 

“ผายลม ไหนละข้อพิสูจน์ของเจ้า” กู่กว่านถิงตะโกนด้วยความโกรธ

 

แม้ว่าหินวิญญาณสิบล้านก้อนจะเป็นเงินจำนวนมหาศาล แต่สำนักเมฆม่วงสามารถอยู่รอดได้โดยไม่มีสิ่งนั้น อย่างไรก็ตามชื่อเสียงและความปลอดภัยของหงอวี้เอ๋อร์นั้นเป็นอีกเรื่อง ถ้าเธอกลายเป็นคนผิดสำหรับการตายของเหมาอี้จวิน นิกายล้านอสรพิษย่อมตามล่าเธออย่างแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่เธอตบหน้าคนพวกนั้นทั้งนิกายต่อหน้าคนนับล้านในวันนี้

 

“ข้อพิสูจน์ ข้าจำเป็นต้องหาข้อพิสูจน์อะไรอีกนอกจากการที่นังนี้ได้ทุบตีศิษย์ข้าอย่างโหดร้ายในวันนี้ เห็นชัดว่านังนี่มีความแค้นกับพวกเราด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง และสุดท้ายเธอก็มิอาจจะต่อต้านความต้องการและฆ่าหนึ่งในนั้น”

 

จากนั้นฟูกวานก็หันไปมองเจ้าซีและคำนับ “ท่านเจ้า ข้าน้อยผู้นี้ขอความยุติธรรมสำหรับศิษย์ของเขา หลังจากที่ดูการกระทำของพวกเขาในวันนี้ ข้ามั่นใจว่าสำนักเมฆม่วงแฝงเร้นเจตนาร้ายบางอย่างต่อนิกายล้านอสรพิษ มิเพียงแต่พวกนั้นป้ายอึหมาบนใบหน้าพวกเราในการแข่งขันกระชับมิตรนี้ แต่พวกนั้นก็ยังฆ่าหนึ่งในศิษย์ที่มีพรสวรรค์มากที่สุดของเราอีกด้วย นิกายล้านอสรพิษของพวกเรามิเคยทำอะไรที่เป็นการล่วงเกินพวกเขา พวกเรามิสมควรได้รับผลเช่นนี้”

 

เจ้าซีหรี่ตาไปยังฟูกวานและแอบถอนหายใจ “ฟูกวานเป็นอย่างที่คิด เขาเป็นคนเจ้าเล่ห์ที่มีลิ้นคมกริบ”

 

อย่างไรก็ตามก่อนที่เขาจะทันได้พูดอะไร กู่กว่านถิงก็ก้าวออกมาด้านหน้าเช่นกันและพูดว่า “ท่านเจ้า มีคนนับล้านที่นี่ที่ได้ดูศิษย์ของข้าตลอดเวลา นั่นย่อมมิมีทางที่เธอจักสามารถฆ่าอีกฝ่ายได้โดยมิถูกสังเกตแม้แต่น้อย แม้ว่าข้ามิสามารถจะอธิบายถึงพฤติกรรมที่ผิดปกติของเธอในวันนี้ ข้าก็ยินดีที่จะเสี่ยงเดิมพันด้วยตำแหน่งเจ้าสำนักของข้าว่าเธอมิได้ฆ่าอีกฝ่าย นั่นต้องมีเหตุผลอื่นที่ทำไมเหมาอี้จุนจึงล้มลง”

 

หลังจากที่นิ่งเงียบไปชั่วขณะแล้ว เจ้าซีก็กล่าวขึ้นว่า “เจ้าสำนักฟู ข้าเข้าใจความขุ่นข้องเสียใจของเจ้าในเมื่อเหตุการณ์นี้เป็นโชคร้ายอย่างแท้จริง อย่างไรก็ตามข้าได้มองตลอดเวลาและข้าก็มิเห็นอะไรที่จักสามารถกล่าวหาหงอวี้เอ๋อร์ถึงการตายของเหมาอี้จวินได้ ด้วยเหตุนั้น จนกว่าเราจะสอบสวนหาสาเหตุการตายของเหมาอี้จวินได้ ข้าจักขอเลื่อนคำตัดสินออกไป”

 

“ข-ขอบพระทัย ท่านเจ้า” กู่กว่านถิงพลันแสดงรอยยิ้มโล่งอกและประสานมือคารวะเพื่อแสดงความขอบคุณ

 

อย่างไรก็ตามฟูกวานเพียงแค่ยืนอยู่ที่นั้นด้วยท่าทางไม่พึงพอใจ

 

“ต-แต่ท่านเจ้า—”

 

“พอแล้ว ข้าเข้าใจว่าเจ้าต้องการที่จะแก้ไขเรื่องนี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ แต่จนกว่าเราจะรู้ว่าเหมาอี้จวินตายด้วยสาเหตุอะไร ก็ยังมิมีสิ่งใดที่เราจะสามารถทำได้ ซื่อตง ข้าจักปล่อยเรื่องนี้ให้เจ้า”

 

“ขอรับ ท่านเจ้า” ซื่อตงพลันตอบรับ

 

“ในเมื่อมิมีการแข่งขันต่อแล้วหลังจากรอบนี้ ข้าก็จักขอตัวในตอนนี้”

 

หลังจากที่กล่าวคำพูดเหล่านั้นแล้ว เจ้าซีพร้อมด้วยซีซิงฟางก็ออกไปจากสนามแข่งขัน

 

ครั้นเมื่อตระกูลซีไม่อยู่อีกต่อไปแล้ว ฟูกวางก็หันไปหากู่กว่านถิงและหงอวี้เอ๋อร์และกล่าวว่า “อย่าแม้แต่จะคิดแม้วินาทีว่าเรื่องจะจบลงตรงนี้ เจ้าฆ่าศิษย์ของข้าและนิกายล้านอสรพิษจักมิพลาดที่จะตามเก็บหนี้นี้”

 

“พวกเราไปกัน” ฟูกวางหันตัวกลับอย่างรวดเร็วและเริ่มเดินออกไปจากสนามแข่งขันพร้อมกับศิษย์

 

ตลอดเวลานี้ผู้ชมต่างพากันเงียบ แต่ครั้นเมื่อนิกายล้านอสรพิษออกไปจากโคลีเซียม พวกเขาก็ส่งเสียงดังขึ้น

 

“สวรรค์ สำนักเมฆม่วงเอาชนะนิกายล้านอสรพิษได้จริงๆ เตะพวกนั้นออกไปตั้งแต่วันแรก นี่เป็นสิ่งที่มิมีใครคาดคิด นี่เป็นสิ่งที่มิเคยมีมาก่อน”

 

“นิกายล้านอสรพิษมักจะเย่อหยิ่งและใจร้อนมาโดยตลอด ข้ามิอาจจะจินตนาการได้ว่าพวกนั้นจะรู้สึกอย่างไรหลังจากที่พ่ายแพ้อย่างน่าอับอายในวันนี้”

 

“มิเพียงเท่านั้น นี่เป็นด้านที่เหนือกว่าอย่างแท้จริงของสำนักเมฆม่วง และทั้งหมดนี้ล้วนทำให้เกิดขึ้นได้เพราะนางฟ้าหง”

 

“พี่ชาย ข้ากังวลเรื่องพี่สาวอวี้เอ๋อร์ จะเกิดอะไรขึ้นถ้านิกายล้านอสรพิษตามหาตัวเธอจากสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้” ซูหยินถามเขา

 

“จากที่รู้จักนิกายล้านอสรพิษและนิสัยเจ้าคิดเจ้าแค้นของพวกนั้น นี่เป็นไปได้มาก” โหลวหลานจีถอนใจ

 

“ถ้าเจ้ากังวลเกี่ยวกับคู่หมั้นของเจ้า ทำไมเจ้ามิขอให้สำนักเมฆม่วงเข้าร่วมเป็นพันธมิตรล่ะ” ไป่ลี่ฮัวพลันแนะนำ “นี่ย่อมทำให้นิกายล้านอสรพิษต้องคิดซ้ำก่อนที่พวกนั้นจะตัดสินใจจะทำอะไรไปจริงๆ”

 

“อย่ากังวล ข้ามีความรู้สึกว่าเธอจักมิมีปัญหาอะไรต่อให้มิได้รับความช่วยเหลือของพวกเรา กล่าวไปแล้วการที่มีสำนักเมฆม่วงเข้าร่วมกับพวกเราก็เป็นความคิดที่ไม่เลว ข้าจักพูดกับพวกเขาเมื่อมีโอกาส” ซูหยางกล่าว

 

ไม่นานหลังจากนั้น ซื่อตงก็ประกาศเสียงดัง “ขอแสดงความยินดีกับผู้ชนะทุกคนในวันนี้ พวกเราจักทำการจับฉลากอีกครั้งสำหรับการแข่งขันรอบต่อไปหลังจากนี้ไม่นานนัก สำหรับผู้ชม ก็ขอขอบคุณทุกท่านที่มาในวันนี้ และพวกเราจักพบกันอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ในการแข่งขันระดับภูมิภาควันที่สอง”

 

“อย่างไรก็ตาม พวกเรามาดูกันว่าพวกเราจักมีโอกาสที่จะต่อสู้ในวันพรุ่งนี้หรือไม่” ซูหยางกล่าวขณะที่เขายืนขึ้น

 

ไม่นานหลังจากนั้น เจ้าสำนักทุกคนที่สำนักได้รับชัยชนะในวันนี้ก็มารวมตัวในที่เดียวกัน

 

หลังจากที่ทุกคนหยิบหมายเลขแล้ว ซื่อตงก็เริ่มเขียนผังการแข่งขันสำหรับวันถัดไป

 

“ใครได้รับกระดาษเปล่าในครั้งนี้” ซื่อตงพลันถาม

 

ชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่ยกมือขึ้นหลังจากนั้น

 

เมื่อเจ้าสำนักอื่นตระหนักถึงตัวตนของชายคนนี้ พวกเขาต่างพากันถอนหายใจโล่งอก

 

“ขอบคุณสวรรค์ที่มิมีใครต้องสู้กับนิกายดอกบัวเพลิงในการแข่งขันวันพรุ่งนี้”

 

“ใช่ การจับคู่กับนิกายดอกบัวเพลิงก็เหมือนกับการพ่ายแพ้ไปเรียบร้อยแล้ว…”

 

ตอนนี้เมื่อความกังวลเกี่ยวกับนิกายดอกบัวเพลิงพ้นไปจากใจของเจ้าสำนักเหล่านี้แล้ว พวกเขาทั้งหมดต่างก็ใส่ใจกับคู่ต่อสู้คนถัดไป

 

“สมาพันธ์แม่น้ำเหลือง… ท่านรู้จักที่แห่งนี้หรือไม่” ซูหยางถามโหลวหลานจีเกี่ยวกับคู่ต่อสู้ในวันพรุ่งนี้

 

“พวกเขาเป็นพวกที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงอยู่พอควร ตั้งอยู่ห่างจากที่อยู่ของพวกเราประมาณสามร้อยกิโลเมตร แม้ว่าพวกเขามิอาจจะเปรียบเทียบได้กับสำนักระดับสูงหรือสำนักเมฆม่วง พวกเขาก็ยังเป็นคู่แข่งที่พวกเรามองข้ามไปไม่ได้”

 

“ข้าหวังเช่นนั้น มิเช่นนั้นก็จะน่าเบื่อเกินไป” ซูหยางกล่าวพร้อมรอยยิ้ม