บัญชามังกรเดือด บทที่ 605 แสดงฉากซ้ำ
เหลิ่งหยุนส่ายหน้าแล้ว พูด“ฉันไม่รู้นั่นเป็นของอะไร พ่อบุญธรรมพูดให้ฉันไม่ต้องร้อนรนไปจะมีคนมาบอกฉัน”
“หรือว่าคนนั้นก็เป็นคุณ?”
“ของนั้นก็เป็นบัญชาทางตะวันตกอะไร?”
ฉินเทียนอดไม่ได้ที่จะอึดอัด พูดอย่างอารมณ์เสีย“พวกเราต่างก็ถูกตาแก่หลอกแล้ว!”
“ทำให้ผมโมโหแล้ว!”
เหลิ่งหยุนกุมมือของเขาอยู่ เข้ามาใกล้พูดเสียงอ่อนโยน“ดูสิทำให้คุณโมโหแล้ว!”
“สรุปแล้วเกิดเรื่องอะไรขึ้นล่ะ ยังมีเพราะอะไรคุณต้องช่วยมังกรซ่อนรูปทำเรื่องอย่างไม่มีเหตุผล?”
ฉินเทียนถอนหายใจแล้ว เพียงต้องเล่าเรื่องที่ผ่านมาอย่างคร่าว ๆ แล้ว จากนั้นพูดอย่างกลัดกลุ้มใจ“ตอนนี้ดูแล้วตาแก่ก็คือร่วมมือกับมังกรซ่อนรูปหลอกผม”
“เขาก็รู้นานแล้วมังกรซ่อนรูปเก็บเอาไว้ต้องการให้ผมช่วยพวกเขาทำเรื่อง เขาไม่บอกผมก็ช่างแล้วยังคิดร้ายผม!”
ตอนที่เหลิ่งหยุนไปคุกพญายมที่แดนเหนือหาเถ้าแก่ใหญ่ ฉินเทียนยังไม่ได้เจอหน้าครั้งที่สองกับจูจูไม่รู้จินหู่จินหู่และบัญชาทางตะวันตกอะไร
แต่เห็นชัดมากเวลานั้นตาแก่ได้รู้แล้ว
นี่ยังไม่พอที่จะอธิบายปัญหาเหรอ!
เหลิ่งหยุนยิ้มคริ“คิดร้ายก็คิดร้ายสิ”
“เขาเป็นอาจารย์ของคุณ อาจารย์คิดร้ายลูกศิษย์ยังไม่ใช่สมเหตุสมผล”
ฉินเทียนพูดอย่างอารณ์เสีย“กลับไปค่อยหาเขาคิดบัญชี!”
“ตอนนี้เรื่องได้ชัดเจนแล้ว เป็นไปอย่างที่คิดตอนที่จินหู่ใกล้จะตายเอาบัญชาทางตะวันตกมอบให้พ่อของคุณนำกลับประเทศ”
“มีความเป็นไปได้มากยังมีความจริงที่เขาตาย”
“พวกเราขอแค่หามือมืดที่อยู่เบื้องหลังคนนั้นออกมา ก็สามารถเปิดโปงสาเหตุการตายที่แท้จริงของพวกเขาได้อีกทั้งหาบัญชาทางตะวันตกเจอ”
“คุณเตรียมที่จะทำยังไง?”
สีหน้าของเหลิ่งหยุนก็เปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมา ในดวงตาสวยเผยให้เห็นกลิ่นไอของความชั่วร้ายออกมา
“พรรคนินจาของญี่ปุ่นมีสามองค์กรที่ใหญ่ที่สุด แบ่งเป็นองค์กรอี้เหอ องค์กรหลิ่วเซิง องค์กรซารุโทบิ”
“ฉันเชื่อ มือมืดที่อยู่เบื้องหลังอย่างแท้จริงก็เป็นหนึ่งในสามองค์กรนี้”
“เพียงแต่ฉันยังไม่มีวิธีที่จะยืนยัน สามองค์กรนี้อยู่มานานแล้วยิ่งใหญ่และลึกลับไปหาพวกเขาเลยโดยตรง เพียงกลัวว่าก็จะไม่มีผลอะไร”
“ดังนั้นฉันตัดสินใจเข้าร่วมการแข่งขันแลกเปลี่ยนเวทีหมอกหลังหนึ่งเดือน!”
“ครั้งนี้ฉันไม่เพียงต้องประกาศฐานะยังต้องเอาที่หนึ่งมา!”
ฉินเทียนตะลึงเล็กน้อย อดไม่ได้ที่จะพูด“ตรงกลางนี้มีความเกี่ยวข้องอะไรหรือเปล่า?”
เหลิ่งหยุนพูดอธิบาย“สามองค์กรนี้ถึงแม้เป็นกลุ่มนินจาที่ใหญ่ที่สุดแต่พวกเขามีผู้นำทางจิตวิญญาณร่วมกัน ก็เป็นสัญลักษณ์จิตวิญญาณของนินจาทุกคน”
“การแข่งขันแลกเปลี่ยนเวทีหมอกก็คือทะยูจัดงานเพื่อพัฒนาวิชาซ่อนตัวให้เจริญรุ่งเรือง”
“เอาตามกฏขอแค่ได้รับอันดับที่หนึ่งของการแข่งขันแลกเปลี่ยนก็สามารถเสนอเงื่อนไขหนึ่งต่อทะยูได้”
ฉินเทียน“ผมเข้าใจแล้ว!”
“คุณต้องการได้รับอันดับที่หนึ่งจากนั้นแสดงความต้องการต่อทะยู ให้สามองค์กรใหญ่เสนอเรื่องจริงในปีนั้น!”
เหลิ่งหยุน“ถูก!”
ฉินเทียนถอนหายใจแล้ว ตอนนี้เขารู้เพราะอะไรเขาให้ราชาหนูส่งคนเฝ้าดูทิศทางการเคลื่อนไหวของกลุ่มงูและเหลิ่งหยุน ผลที่ได้รับคือพวกหล่อนต่างก็ซื่อสัตย์กว่าเวลาใด ๆ อีก
ที่แท้เหลิ่งหยุนถืออำนาจอยู่ไม่เคลื่อนไหวชั่วคราวเพื่อรอโอกาส คือสะสมพลังเตรียมเข้าร่วมการแข่งขันแลกเปลี่ยนเวทีหมอก
ถึงแม้รู้สึกไม่ค่อยเหมาะสม แต่ตอนนี้ฉินเทียนคิดวิธีที่ดีกว่าอะไรไม่ออก
อีกทั้งถ้าหากเหลิ่งหยุนสามารถได้รับอันดับที่หนึ่งแล้วจริง ๆ ให้ทะยูพูดความจริงออกมา ไม่ให้พลาดโอกาสทางลัด
“แต่คุณต้องคิดใตร่ตรองให้ชัดเจน พอประกาศฐานะวันหลังอาจจะมีความวุ่นวายมากมาย”
“รวมถึงองค์กรเลือดเทานินจาที่คุณทำลายก่อนหน้านี้ เป็นไปได้มากที่จะเจอการเอาคืน”
เหลิ่งหยุนยิ้มสวย“ฉันไม่กลัว”
“ฉันไม่ใช่มีคุณเหรอ?คุณจะสนับสนุนเพื่อฉันใช่ไหม?”
“พี่เทียนของฉันพอโกรธ วิหารเทพสิบสองราชารวมตัวกันอย่าพูดว่านินจาเล็ก ๆ ไม่กี่คนแล้วถึงเป็นศิลปะการต่อสู้ทั้งญี่ปุ่นทำลายแล้วยังไงอีก?”
ฉินเทียนรู้สึกอึดอัด
ผู้หญิงคนนี้คือจะให้ตัวเองตกอยู่ในสถานะที่ลำบาก
ถึงตอนนี้เรื่องเหมือนได้ชัดเจนแล้ว เพียงต้องเตรียมการแข่งขันแลกเปลี่ยนเวทีหมอกต่อมาพยายามเอาอันดับที่หนึ่งก็พอแล้ว
แต่ฉินเทียนยังคงเป็นห่วงเล็กน้อย เขารู้สึกว่าสามารถทำเรื่องหนึ่งสองด้านในเวลาเดียวกันได้ หาเบาะแสจากบนตัวอีกองค์กรหนึ่ง
“คุณมีความเข้าใจต่อเทพลักซ่อนเท่าไหร่?”
“ปีนั้นที่ฆ่าจินหู่เป็นคนของเทพลักซ่อนที่ลงมือ คุณคิดว่าเทพลักซ่อนในฐานะของทางการยุทธจักรจะสมรู้ร่วมคิดกับองค์กรนินจาไหม?”
เหลิ่งหยุนย่นคิ้วพูด“เข้าใจไม่มากแต่รู้ ถึงแม้พวกเขาเวลาปกติอยู่แต่ในบ้านน้อยมากที่จะออกจากบ้านโพล่หน้าไป สำหรับยุทธจักรศิลปะการต่อสู้ของญี่ปุ่นกลับครอบครองสิทธิในการพูดและพลังการควบคุมอย่างเด็ดขาด”
“พี่เทียน ฉันคิดว่ายังไงก็ไม่ต้องไปแตะต้องพวกเขาชั่วคราว”
“ได้ยินว่าคนของเทพลักซ่อนนิสัยแปลกประหลาดคบหายากมาก ฐานะของคุณพิเศษถ้าหาเรื่องให้พวกเขารำคาญแล้วคุณอาจจะต้องเรียกสิบสองราชามารวมตัวช่วยแล้วจริง ๆ ”
“งั้นก็ได้” ฉินเทียนไม่ได้พูดอะไรอีก แต่เขาคิดว่าหลังกลับไปมีบางเรื่องกลับพูดเปิดอกกับอูเถิงได้แล้ว
ตอนนี้เขาสงสัยอูเถิง ไม่เพียงเป็นสายลับของมังกรซ่อนรูปแล้ว เวลาเดียวกันยังเป็นสายลับของเทพลักซ่อน
พูดง่าย ๆ เป็นสายลับสองด้าน
เรื่องที่ควรพูดคุยพูดเสร็จแล้ว แววตาที่เหลิ่งหยุนมองไปทางฉินเทียนจู่ ๆ เปลี่ยนเป็นแปลกขึ้นมา
“อะไร!”
ฉินเทียนหัวใจสั่นเหมือนถูกงูสาวสวยตัวหนึ่งเล็งไว้แล้ว ถอยไปข้างหลังอย่างคิดได้แล้ว
เหลิ่งหยุนยิ้มหวาน ๆ แววตาหลอกล่อใจ
“ศิษย์พี่ ไม่ได้เจอกันนานมากแล้วหวนคิดถึงฉากตอนที่พวกเราเจอกันครั้งแรก”
“ไม่งั้น พวกเรามาแสดงฉากซ้ำสักหน่อย”
แสดงฉากซ้ำ?ฉินเทียนตะลึงเล็กน้อย นึกถึงฉากที่ครั้งแรกเจอกัน
เวลานั้นเหลิ่งหยุนปลอมตัวเป็นพนักงานหญิงตั้งใจเข้าใกล้เขา อยากที่จะลอบฆ่าเขา
คิดถึงฉากที่สวยงามนั่น สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปมาก
ที่ยิ่งสำคัญคือเขามองเห็นเหลิ่งหยุนยืนขึ้นมา สองมือวางที่รอบเอวทำท่าทางเตรียมที่จะปลดเสื้อผ้า
“ศิษย์น้องเล็ก เอ่อผมยังมีภาระกิจอยู่ ไปก่อนแล้ว”
พูดประโยคหนึ่งแล้วเขาลุกขึ้นมุ่งหันไปทางหน้าประตู
เหลิ่งหยุนมีการเตรียมพร้อมนานแล้ว ร่างกายกระพริบขวางที่หน้าประตู ฉินเทียนเกือบชนบนตัวของหล่อน
“ทำไม คุณกลัวฉันอย่างนี้?”
“วางใจ คุณไม่พูด ฉันไม่พูด ไม่มีใครจะรู้”
หน้าอกตั้งหันกระแทกมาทางในอ้อมอกของฉินเทียนเลยทันที
“ไม่เอา!” ฉินเทียนอุทานเสียงต่ำหนึ่ง ภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉินหมดหนทางหนีเขายิงกลับออกไปปังเสียงหนึ่ง ชนหน้าต่างทะลุล้มไปด้านนอกสวนแล้วเลยทันที
เวลานี้ด้านนอกสวนกำลังล้อมด้วยกลุ่มคน
นอกจากลูกน้องเหล่านั้นของเหลิ่งหยุนและเฉินเสี่ยวอี้ ยังมีหญิงชายแปลกหน้าสองสามคน พวกขากำลังยื้อแย่งอะไรอยู่
จู่ ๆ บินออกมาจากข้างในคนหนึ่ง ทุกคนทั้งหมดต่างก็ตะลึงแล้ว
รูปแบบการปรากฏตัวนี้ก็พิเศษมากไปแล้วมั้ง
วินาทีต่อมาบนหน้าของงูเขียวหางไหม้และคนอื่น ๆ ปรากฏรอยยิ้มที่แปลกประหลาด
ฉินเทียนไอเสียงหนึ่ง พูดจาง ๆ “เถ้าแก่เหลิ่งกับฉันพนันกัน พูดว่าฉันกระโดดไม่ไกลอย่างนี้……ง่ายนิดเดียวเอง”
“เฉินเสี่ยวอี้นายเด็กนี่ยังตะลึงทำอะไรอยู่ ยังไม่รีบไป!”
เฉินเสี่ยวอี้มีใบหน้ามึนงงมีปฏิกิริยากลับมารีบเตรียมออกไปตามฉินเทียน
“คุณคือ ฉินเทียน พี่เทียน?”
และในเวลานี้ในหญิงชายแปลกหน้าสองสามคนนั้น เด็กผู้หญิงวัยรุ่นคนหนึ่งลังเลเล็กน้อยถามเสียงต่ำ