ตอนที่ 30

Ranker’s Return

[คุณได้ฆ่านักรบโครงกระดูกระดับต่ำ]

 

[ได้รับค่าประสบการณ์]

 

“ฮยอง! ไม่พักซักหน่อยเหรอครับ?” ยองจุนนวดมือขวาของเขาเบา ๆ  แม้ว่ามือทั้งสองข้างของเขาจะไม่มีทางได้รับบาดเจ็บเมื่ออยู่ในเกมอารีน่า แต่การล่าเจ็ดชั่วโมงติดต่อกันโดยไม่หยุดพักก็ไม่ต่างอะไรกับการทำงานใช้แรงงานเลย มันหนักจนทำให้เขารู้สึกได้ถึงความปวดเมื่อยที่ไม่มีอยู่จริง จะบอกว่ามันคือความเหนื่อยล้าทางจิตใจก็ยังได้และนั่นคือสภาพของยองจุนในตอนนี้

 

“ใช่ค่ะพี่ เหมือนจะหนักไปหน่อยสำหรับยองจุนนะคะ”

 

ในทางกลับกันทั้งฮยอนูและยูริเองต่างก็ยังดูกระปรี้กระเปร่าอยู่ เพราะปกตินั้นฮยอนนูก็ล่าแบบนี้อยู่แล้ว ส่วนทางยูริเองก็ทำเพียงแค่ยืนเฉย ๆ และคอยร่ายบัฟไปเรื่อย ๆ เท่านั้น ดังนั้นจึงแทบไม่มีอะไรที่ทำให้ทั้งสองต้องเหนื่อยเลย

 

“นั่นสินะ พักกันซักหน่อยเถอะ ตอนนี้เหลือแค่ล่าบอสประจำดันเจี้ยนเท่านั้น”

 

‘ฉันก็ล่ามาทั่วทั้งถ้ำแล้ว แต่ก็ยังไม่เห็นพวกมันซักตัวเลย…’

 

ยองจุนและยูริไม่รู้เลยว่าฮยอนนูไม่ได้แค่กำลังล่าอยู่เท่านั้น แต่เขากำลังมองหาจอมเวทมนตร์ดำด้วยเช่นกัน ทว่าเขากลับไม่เจอร่องรอยอะไรของพวกจอมเวทมนตร์ดำเลย อย่างไรก็ตามฮยอนนูก็ไม่ได้ใส่ใจมากนักเพราะอย่างไรก็ยังเหลือห้องของบอสประจำดันเจี้ยนอยู่

 

‘แต่ถ้ามันไม่ได้อยู่ที่นั่นละก็…’ เมื่อคิดได้ดังนั้นฮยอนนูก็อดกังวลไม่ได้ มันคือความเป็นไปได้ที่ค่อนข้างเลวร้าย ถ้าหากจอมเวทมนตร์ดำไม่ได้อยู่ในห้องของบอสใหญ่แล้วมันจะไปอยู่ที่ไหนกัน?

 

“เด็ก ๆ พวกเราไปกันเถอะ”

 

หลังจากสิ้นเสียงของฮยอนนูแล้ว ทั้งยองจุนและยูริต่างก็ลุกขึ้นยืน หลังจากนั้นยูริก็เอ่ยปากพูด เธอถามขึ้นมาว่า “ถ้างั้นดันเจี้ยนส่วนตัวของพี่อยู่ตรงไหนเหรอคะ?”

 

ฮยอนนูตอบคำถามของยูริไปว่า “ตรงนี้แหละ…”

 

[คุณต้องการจะเข้าไปยังห้องทดลองของจอมเวทมนตร์ดำสมัครเล่นอเดลหรือไม่?]

 

“พวกเรากำลังจะเข้าไปยังที่นั่น ตอนนี้เลย”

 

รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของฮยอนนู

 

‘เยี่ยม!’

 

“ใช่! ฉันจะเข้าไป” และทันใดนั้นเองกลุ่มของฮยอนนูก็หายไปจากถ้ำแห่งความมืดอย่างไร้ร่องรอย

 

[คุณได้เข้ามายังห้องทดลองของจอมเวทมนตร์ดำสมัครเล่นอเดลแล้ว]

 

“ฮยองที่นี่มันที่ไหนเหรอครับ?”

 

ภายในดันเจี้ยนส่วนตัวนี้เป็นเพียงพื้นที่แคบ ๆ ขนาดมากกว่า 20 ตารางเมตรอยู่นิดหน่อยเท่านั้น ทั่วบริเวณของดันเจี้ยนส่วนตัวเต็มไปด้วยหนังสือชนิดต่าง ๆ รวมถึงอุปกรณ์ทดลองกระจัดกระจายอยู่เต็มไปหมด

 

‘ก็เป็นห้องทดลองนี่นะ’

 

มันดูเหมือนกับห้องทดลองของนักเวทในนิยายแนวแฟนตาซีไม่มีผิด ในตอนนั้นเองเสียงของอะไรบางอย่างก็ดังมาจากด้านหนึ่งของห้อง ฮยอนนูเดินไปยังต้นตอของเสียงนั้นทันที

 

“นี่มันอะไรกัน?”

 

ฮยอนนูแทบไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เขาเห็น ชุดเกราะกระดูกสีขาวที่สวมทับร่างกายซึ่งสูงกว่าสามเมตรนั้นทำให้เจ้าหมียักษ์ที่เขากำลังมองอยู่ในขณะนี้ดูอันตรายมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าตัว

 

‘ไม่ต้องสงสัยเลย เจ้านี่คือหมีนกฮูกไม่ผิดแน่ (owlbear – สัตว์ในตำนานที่มีหัวเป็นนกฮูกและตัวเป็นหมีสีน้ำตาล) แต่ว่าชุดเกราะนั่นมันอะไรกัน?’

 

“ฮยอง! นั่นมันเกราะกระดูกไม่ใช่เหรอ?”

 

“เกราะกระดูกงั้นเหรอ?”

 

ในตอนนั้นเองฮยอนนูก็ได้ยินเสียงใครบางคนตะโกนมาจากทางด้านหลังของห้อง “พวกเจ้า! เข้ามาที่นี่ได้ยังไงกัน?!”

 

เจ้าของเสียงตะโกนคือจอมเวทมนตร์ดำฝึกหัดอเดลนั่นเอง ทั้งยองจุนและยูริต่างก็รีบจัดกระบวนท่าโดยวิ่งเข้าไปหลบอยู่ด้านหลังของฮยอนนูทันที

 

“แกคือคนที่ทำให้พวกซอมบี้ออกมาเพ่นพ่านอยู่แถวนี้งั้นสินะ?” ฮยอนนูพยายามรีดข้อมูลจากอเดลเพื่อให้ภารกิจของเขาสามารถดำเนินต่อไปได้

 

อย่างไรก็ตามจอมเวทมนตร์ดำกลับเพิกเฉยต่อคำถามของฮยอนนู “ทำไมข้าต้องตอบด้วย? ข้ารับใช้ที่ซื่อสัตย์ของข้าเอ๋ย จงฆ่าพวกมันให้หมด!”

 

ทันทีที่อเดลพูดจบ เจ้าหมีนกฮูกยักษ์ก็เริ่มเคลื่อนไหว ทุก ๆ ครั้งที่มันย่ำเท้า พื้นดินก็จะสั่นสะเทือนตามการก้าวเดินของมัน

 

“พวกแกคิดว่าจะเอาชนะหมีกระดูกผลงานชิ้นเอกของข้าคนนี้ได้งั้นเหรอ?! 555” อเดลหัวเราะด้วยท่าทีที่มั่นใจเป็นอย่างมาก

 

‘หึ! คิดว่าเขาจะมาแพ้ให้กับหมีแค่ตัวเดียวงั้นเหรอ? ฝันไปเถอะ!’

 

“อย่ามั่นใจเกินไปหน่อยเลย!” ฮยอนนูพูดตอบกลับจากนั้นเขาก็หันไปยังยูริ “ยูริ! เธอใช้บัฟของเธอในขณะที่ยองจุนคอยสกัดเจ้าจอมเวทนั่นไว้นะ ฉันจะเป็นคนจัดการเจ้าหมีตัวนี้เอง!”

 

เขาจะรับหน้าที่เป็นคนกำจัดหมีนกฮูกยักษ์ ดังนั้นยูริและยองจุนจะต้องคอยขัดขวางจอมเวทมนตร์ดำเอาไว้

 

“เข้าใจแล้วค่ะพี่ หนูจะบัฟให้พี่ก่อนนะ”

 

 

[คุณได้รับบัฟ ‘พลังงานศักดิ์สิทธิ์’]

 

[อาวุธของคุณได้รับพลังจากพระเจ้าผู้สูงส่ง]

 

[พลังโจมตีเพิ่มขึ้น]

 

[คุณได้รับบัฟ ‘คำอวยของเหล่าเทพธิดา’]

 

[ค่าสถานะทั้งหมดจะเพิ่มขึ้น]

 

[ความเร็วในการเคลื่อนที่เพิ่มขึ้น]

 

ฮยอนนูขยับริมฝีปากพึมพำไม่นานนักวงแหวนเวทก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า เขากำลังอัญเชิญทังอีออกมานั่นเอง

 

“ไอ้เจ้านายท่าน! ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”

 

“ตอนนี้้ฉันกำลังรีบ ๆ อยู่ เอาไว้ค่อยคุยกันทีหลังนะทังอี นายรู้ใช่ไหมว่าต้องทำอะไร?”

 

ทังอีกระโดดโลดเต้นไปมาทันทีที่มันเห็นฮยอนนู ทว่าในตอนนี้ฮยอนนูต้องจัดการกับเจ้าหมีนกฮูกยักษ์นั่นก่อน ดังนั้นเขาจึงให้ทังอีไปอยู่ด้านหลังเขา

 

“เข้าใจแล้วไอ้เจ้านายท่าน แต่ว่านายต้องให้ฉันขี่นะ”

 

[คุณได้รับบัฟ ‘การเคลื่อนที่ของหมี’]

 

[พลังโจมตีทางกายภาพเพิ่มขึ้น]

 

[พละกำลังเพิ่มขึ้น]

 

[คุณได้รับบัฟ ‘คำอวยพรแห่งป่า’]

 

[พลังป้องกันเพิ่มขึ้น]

 

[พลังชีวิตจะฟื้นฟูอย่างต่อเนื่อง]

 

ทังอีกำมือทั้งสองข้างของมันแล้วชูขึ้นเพื่อเชียร์ฮยอนนู “นายไม่ทางแพ้ให้กับเจ้าหมีระดับต่ำแบบนี้อยู่แล้ว ไอ้เจ้านายท่านสู้ ๆ”

 

การที่เจ้านายของตัวเองจะแพ้ให้กับเจ้าหมีรูปร่างน่าเกลียดนี้เป็นเรื่องที่ไม่มีทางเป็นไปได้เลย ยิ่งไปกว่านั้นทังอีไม่ค่อยชอบเกราะกระดูกสีขาวที่สวมอยู่บนตัวมันเช่นกัน

 

เมื่อฮยอนนูได้รับบัฟทั้งหมดและเปี่ยมล้นไปด้วยพลังแล้ว ด้วยพลังที่มีอยู่ในตอนนี้เขารู้สึกว่าไม่ว่าอะไรเขาก็ทำได้ รวมถึงการจัดการเจ้าหมียักษ์ตัวนี้เพื่อแผนการล้างแค้นของเขาจะเป็นไปได้แล้ว

 

‘รอก่อนเถอะ…จุงฮันแบค!’

 

ฮยอนนูพุ่งเข้าใส่เจ้าหมียักษ์ตัวนั้นในทันที

 

***

 

การต่อสู้กันระหว่างชายหนุ่มผู้ซึ่งสูง 180 เซนติเมตรกับหมียักษ์ที่มีความสูงเกินกว่าสามเมตรนั้นดูเหมือนจะน่าประทับใจกว่าที่ใครหลาย ๆ คนคิดไว้ เจ้าหมีนกฮูกยักษ์ส่งเสียงร้องคำรามน่ารังเกียจออกมา มันกำลังทำตามคำสั่งของเจ้านายโดยพุ่งเข้าใส่ศัตรูเพื่อจะฉีกร่างของฝ่ายตรงข้ามให้เป็นชิ้น ๆ

 

เจ้าหมีนกฮูกยักษ์ดูคล่องแคล่วว่องไวกว่าที่คิด มันเข้าใกล้ฮยอนนูด้วยความรวดเร็วและกวัดแกว่งอุ้งมือยักษ์ที่เต็มไปด้วยกรงเล็บอันแหลมคมมายังชายหนุ่ม ทว่าฮยอนนูกลับสามารถป้องกันการโจมตีของมันได้อย่างง่ายดายเนื่องจากบัฟต่าง ๆ รวมถึงทักษะ ‘พลังแห่งยักษา’

 

เจ้าหมีนกฮูกยักษ์หยุดนิ่งไปสักพัก ดูเหมือนมันจะคิดไม่ถึงว่าการโจมตีนั้นจะโดนปัดออกอย่างง่ายดาย อย่างไรก็ตามมันก็พุ่งเข้าหาฮยอนนูอีกครั้งและรุกเขาด้วยการโจมตีอย่างต่อเนื่อง

 

‘ทั้งพลังและความเร็วล้วนไม่เลวเลย แต่ว่า…มันก็มีแค่นั้น’

 

ไม่นานนักการโต้กลับของฮยอนนูก็เริ่มต้นขึ้น เขาตัดสินใจจัดการกับอุ้งมือด้านหน้าที่โจมตีเขาก่อนเป็นอันดับแรก ฮยอนนูโต้กลับการโจมตีจากอุ้งมือของเจ้าหมีนกฮูกยักษ์ด้วยการแทงดาบยาวปลายมนของเขาออกไปตรง ๆ

 

คมดาบของเขาเคลื่อนผ่านอุ้งมือของมันไปจนถึงข้อต่อนิ้วมือจากนั้นก็พุ่งทลวงผ่านร่างกายใหญ่ยักษ์ของมันไป เจ้าหมีนกฮูกยักษ์ส่งเสียงร้องโหยหวนออกมาด้วยความเจ็บปวด นี่ไม่ใช่เสียงคำรามของนักล่าทว่าเป็นเสียงร้องของสัตว์ที่กำลังดิ้นรนกระเสือกกระสนด้วยความเจ็บปวด อย่างไรก็ตามเจ้าหมียักษ์ตัวนั้นก็ยังคงเคลื่อนไหวและต่อสู้ต่อไป ราวกับว่ามันกำลังโอ้อวดความแข็งแกร่งของมันอย่างไรอย่างนั้น ทว่ามันก็ไม่อาจคุกคามฮยอนนูได้เลยแม้แต่น้อย

 

เหลือเวลาอีกเพียงสองนาทีเท่านั้นก่อนที่บัฟจากทักษะ ‘พลังแห่งยักษา’ จะหมดลง

 

‘แค่นี้ก็มากเกินพอแล้ว ฉันจะจบมันเดี๋ยวนี้้แหละ’

 

ในการปะทะกันครั้งนี้เป็นฝ่ายฮยอนนูที่เริ่มออกวิ่ง ชายหนุ่มพุ่งเข้าใส่หมียักษ์และในตอนนั้นเองเส้นแสงสีขาวก็พุ่งผ่านกรงเล็บทั้งสองข้างของมันไป ไม่นานหลังจากนั้นอุ้งมือทั้งสองของมันก็เริ่มมีเลือดไหลออกมา เจ้าหมียักษ์เริ่มคลุ้มคลั่งขึ้นมาทันทีเมื่อมันเห็นเลือดอันแดงฉานไหลทะลักออกมาจากร่างกายของมัน มันอ้าปากเพื่อระบายความโกรธแค้นออกมา

 

[คุณได้รับความกลัวจากหมีนกฮูกยักษ์]

 

ความกลัว…

 

เจ้าหมีนี่ใช้ทักษะ ‘ความกลัว’ ออกมา มันจัดได้ว่าเป็นหนึ่งในทักษะแบบ CC (ควบคุมสถานะแบบหมู่) โดยบอสหรือมอนสเตอร์ในเลเวลสูงระดับหนึ่งจะมีความสามารถนี้ การตายของผู้เล่นที่พบเห็นได้โดยทั่วไปเวลาล่าบอสคือการตายหลังจากโดนสถานะความกลัวเข้าไปแล้วนั่นเอง มันเป็นทักษะที่น่าสะพรึงกลัวเนื่องจากจะทำให้เกิดสถานะผิดปกติต่าง ๆ นา ๆ ไม่ว่าจะเป็นสถานะอัมพาตหรือเลือดไหล

 

[ด้วยความสามารถของทักษะ ‘พลังงานการต่อสู้’ ทำให้คุณไม่ได้รับผลจากทักษะ ‘ความกลัว’]

 

อย่างไรก็ตามสำหรับฮยอนนูแล้วมันไม่ใช่สิ่งที่น่ากังวลอะไร เขาเหวี่ยงดาบยาวปลายมนอีกครั้งโดยไม่มีวี่แววของความกลัวเลยสักนิด ทั้งเจ้าหมียักษ์และอเดลต่างก็ตกตะลึงกันหมด บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าพวกมันเพิ่งจะเคยเห็นคู่ต่อสู้ที่ความกลัวทำอะไรไม่ได้เป็นครั้งแรก

วินาทีนั้นพื้นที่โดยรอบถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบ ทว่าไม่นานนักก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นท่ามกลางความเงียบนั้น มันคือเสียงลูกธนูของยองจุนที่พุ่งทลวงหน้าอกของอเดลนั่นเอง ลูกศรศักดิ์สิทธิ์ที่ได้รับการบัฟจากยูริสามารถปลิดชีวิตจอมเวทมนตร์ดำได้สำเร็จ

 

“อึก!…เจ้าหมี…” อเดลพยายามจะร้องเรียกเจ้าหมียักษ์ตัวนั้นก่อนที่จะล้มลง และแล้วจอมเวทมนตร์ดำ ‘อเดล’ ก็พบกับจุดจบที่ไม่อาจหลบหลีกได้