ตอนที่ 341 พายุโหมพัดอีกครา / ตอนที่ 342 หุบปากเสีย

ลิขิตฟ้าชะตารัก

ตอนที่ 341 พายุโหมพัดอีกครา 

 

 

 

 

 

“ในจวนของเรามีกฎ บ่าวไพร่ไม่อาจทำตามใจตัวเองได้ เมื่อเห็นพวกเขาแลกเปลี่ยนเงินทองจำนวนมากเช่นนั้น แน่นอนว่าย่อมรู้สึกสงสัย เพราะอย่างนั้นถึงได้ส่งคนไปตรวจสอบ จึงพบว่า…” 

 

 

อนุรองเว้นจังหวะการพูดเอาไว้ 

 

 

“เจ้าพบอะไรก็รีบพูดมาเถิด” หลิงอ๋องที่ก่อนหน้านี้นับว่ามีสีหน้าผ่อนคลายอยู่บ้าง เมื่อได้ยินนางพูดเช่นนี้แล้ว สีหน้าก็เริ่มแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย 

 

 

“กลับพบว่าหวังหลงจู๊นั้นได้แอบโกงเงินของจวนของเราไปเป็นจำนวนมาก ตามที่หม่อมฉันทราบนั้นเป็นจำนวนหลายล้านตำลึงทอง และยังมีที่ไม่ทราบอีก ซึ่งการฉ้อโกงครั้งนี้เกือบจะเท่ากับครั้งก่อนเลยนะเพคะ” 

 

 

“หลายล้านตำลึงทองรึ! เจ้าหวังหลงจู๊ที่สมควรตายนั่น กลับกล้าที่จะยักยอกเงินของเราได้ ช่างน่ารังเกียจยิ่งนัก!” เมื่อหลิงอ๋องได้ยินดังนั้นก็โกรธขึ้นมาในทันที 

 

 

“เสด็จพ่ออย่าทรงกริ้วไปเลยเพคะ” อวี้อาเหราเอ่ยปากปลอบโยน ก่อนที่จะมองไปทางอนุรองแล้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ในเมื่ออนุรองรู้เสียนานแล้ว เหตุใดจึงไม่รายงานเสด็จพ่อให้ทรงทราบในทันที แต่ต้องรอให้ถึงตอนนี้ด้วย?”  

 

 

“ที่คุณหนูรองกล่าวมานั้นไม่ผิด แต่เพราะข้าน้อยเป็นเพียงหญิง ไม่กล้าที่จะพูดออกไปลอยๆ แต่กระนั้นก็กลัวว่าจะถูกคนอื่นจารกรรมทรัพย์สมบัติไปจนหมดจวนอ๋อง เพราะอย่างนั้นถึงได้แอบตรวจสอบอย่างลับๆ เพื่อให้แน่ใจจึงค่อยพูดความจริงออกไป” อนุรองพูดตรงๆ ไม่อ้อมค้อม 

 

 

“อย่างนั้นหรือ” อวี้อาเหราพูดขึ้นอย่างไม่อยากจะเชื่อถือ พูดช่วงไหนก็ไม่พูด กลับรอจนนางกลับมาจากหัวเมืองตะวันตกถึงค่อยพูดเช่นนี้ ทั้งยังเรียกให้นางอยู่รับฟังอีก นี่ก็ชัดเจนแล้วว่าต้องการที่จะโจมตีนางแน่ๆ 

 

 

“คุณหนูรองหมายความว่าอย่างไร หรือท่านคิดว่าข้าน้อยจะใส่ความหวังหลงจู๊กัน? ก่อนหน้านี้มีเรื่องเฉียนหลงจู๊ยักยอกเงินในจวน เป็นใครก็ย่อมเกิดความรู้สึกแคลงใจเป็นธรรมดา แต่เมื่อได้ยินคุณหนูรองพูดเช่นนี้ ท่านก็ทำราวกับข้าน้อยพูดจาส่งเดชเพื่อกวนน้ำให้ขุ่น ช่างน่าเจ็บปวดใจยิ่งนัก” อนุรองพูดแจกแจงเหตุผล แล้วจึงเสแสร้งทำตัวน่าสงสาร 

 

 

อวี้อาเหราไม่รู้จะพูดอย่างไร “ข้าเพียงแต่ถามไปอย่างนั้นเอง เหตุใดอนุรองจึงต้องแสดงท่าทีใหญ่โตถึงเพียงนี้เล่า หรือว่าข้าพูดจี้ใจดำเข้าเสียแล้ว? อย่างไรเสียเรื่องของเฉียนหลงจู๊ก็เป็นอนุรองที่จัดการเขากับมือตัวเองนี่นา” 

 

 

“เรื่องของเฉียนหลงจู๊นั่นเขาก็สมควรถูกลงโทษแล้ว ข้าน้อยเพียงแต่ช่วยท่านอ๋องดูแลกิจการภายในจวนก็เท่านั้น อีกอย่างตอนนี้ข้าน้อยเองก็กำลังตั้งครรภ์ จึงทนฟังเรื่องราวชั่วร้ายพวกนั้นไม่ได้ ขอให้คุณหนูรองโปรดอภัยให้ข้าน้อยด้วย” อนุรองจู่ๆ ก็ยกเรื่องเด็กในท้องขึ้นมาเป็นข้ออ้างในการสังหารเฉียนหลงจู๊เสียอย่างนั้น 

 

 

คนที่มีสายตาแหลมคนเท่านั้นที่จะมองเห็น อนุรองนั้นภายนอกดูเป็นคนสุภาพอ่อนโยน หากเป็นเหตุการณ์ปกติไหนเลยจะกล้าลงมือฆ่าคนได้ นอกจากจะเป็นเรื่องที่ส่งผลร้ายต่อนางเท่านั้น เพียงแต่น่าเสียดายนัก ใครอยากให้นางตั้งครรภ์ขึ้นมาในช่วงเวลานี้พอดีเล่า หลิงอ๋องยินดีเป็นอย่างยิ่ง เพื่อเห็นแก่ทารกในครรภ์แล้ว แน่นอนว่าก็ไม่ได้สืบถามหาความอะไรอีก 

 

 

อีกอย่าง เงินที่ยักยอกไปนั้นก็เพียงแค่ห้าพันตำลึง ไม่ถือว่ามากมายอะไร เทียบกับครั้งนี้ไม่ได้เลยแม้แต่น้อย 

 

 

ทว่าเรื่องของเฉียนหลงจู๊เพิ่งจะซาไปได้ไม่นานนัก จู่ๆ ก็เกิดเรื่องการยักยอกทรัพย์ของหวังหลงจู๊ขึ้นมาอีก นี่ก็ช่างเป็นเรื่องบังเอิญเสียเหลือเกิน สิ่งที่นางไม่เข้าใจมากที่สุดก็คือนับตั้งแต่เฉียนหลงจู๊ตายไป หลงจู๊ที่ยังเหลืออยู่อีกสองคนที่ยังคงมีจิตใจต่อต้านอยู่ก็โดนอวี้อาเหราขู่จนเข็ดหลาบไปกันหมดแล้ว ไหนเลยจะกล้าทำผิดอีกเล่า? 

 

 

หรือว่า ที่เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นก็เป็นเพราะ… 

 

 

ทั่วทั้งห้องโถงใหญ่เงียบสนิท ทุกคนเอาแต่สูดลมหายใจ ไม่มีใครกล้าที่จะส่งเสียงออกมา 

 

 

ผ่านไปนานทีเดียว หลิงอ๋องจึงค่อยรวบรวมสมาธิ ใบหน้าเคร่งขรึม เงยหน้าขึ้นมองไปด้านนอก แล้วจึงค่อยออกคำสั่งต่อองครักษ์ที่รออยู่ด้านนอก 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 342 หุบปากเสีย 

 

 

 

 

 

“เมื่ออนุรองพูดออกมาเช่นนี้แล้ว พวกเจ้าก็รีบไปสืบหาความจริงมาให้กระจ่าง ไปจับตัวหวังหลงจู๊และองครักษ์ที่มันคบค้าด้วยมาให้เรา เราอยากจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นมาจวนแห่งนี้กันแน่ สรุปเรื่องราวเป็นขั้นเป็นตอนมา ครั้งนี้ เราจะต้องชำระความให้รู้เรื่อง!” 

 

 

“พ่ะย่ะค่ะ!” เหล่าองครักษ์ชุดดำรับคำแล้วก็พลันหายตัวไปในพริบตา 

 

 

ดูแล้วพวกเขาคงเป็นองครักษ์ข้างกายของหลิงอ๋อง หากจะตรวจสอบอะไรก็คงรวดเร็วกว่าผู้อื่นไม่น้อย 

 

 

หลังจากที่ออกคำสั่งไปเช่นนั้น หลิงอ๋องก็ทอดสายตามองมายังร่างของอนุรอง “เจ้ายังมีเรื่องอะไรอีกก็พูดมาให้หมดเถิด” 

 

 

“เพคะ หม่อมฉันรับบัญชา” ดวงตาของอนุรองส่องประกาย มองออกว่านางนั้นตื่นเต้นเป็นอันมาก จากนั้นจึงเอ่ยต่อว่า “ความจริงแล้วยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่หม่อมฉันไม่ใคร่กล้าพูดนัก เกรงว่าหากท่านอ๋องและคุณหนูรองได้ยินเข้าจะยิ่งโกรธเคืองเพคะ” 

 

 

“ยังมีเรื่องน่าโมโหอะไรกันอีก รีบบอกเรามาเดี๋ยวนี้” หลิงอ๋องนิ่งอึ้งไปเล็กน้อย แต่ก็เป็นเพียงชั่วขณะเดียวเท่านั้น 

 

 

“หลังจากเกิดเรื่องของเฉียนหลงจู๊วันนั้นแล้ว ท่านอ๋องก็ทรงอนุญาตให้คุณหนูรองมอบหน้าที่ดูแลเรื่องเสบียงและที่นาให้กับสาวใช้คนสนิทเจาเอ๋อร์ แต่หลังจากที่หม่อมฉันตรวจสอบเรื่องของหวังหลงจู๊แล้วจึงพบว่าที่หลงจู๊หวังสามารถยักยอกเงินได้มากถึงเพียงนี้ เหตุผลสำคัญก็เพราะเจาเอ๋อร์ใส่ตัวเลขในบัญชีส่งเดช จึงทำให้หลงจู๊หวังได้รับผลประโยชน์โดยที่คนอื่นๆ ไม่ทราบ หม่อมฉันจึงไม่กล้าที่จะพูดออกไปมั่วๆ เพคะ เพราะกลัวว่าคุณหนูรองจะเห็นว่าหม่อมฉันจงใจที่จะใส่ร้ายนางและสาวใช้ข้างกาย แต่ที่หม่อมฉันทำเช่นนี้ก็เพื่อจวนของเรา ไหนเลยจะกล้าปิดบังท่านอ๋องได้ ในเมื่อโลกเรามีคนชั่วที่พร้อมจะทำร้ายผู้อื่นตลอดเวลา หม่อมฉันจึงต้องระมัดระวังเป็นพิเศษเพคะ” 

 

 

วาจาที่อนุรองกล่าวออกมาทั้งหมดนั้น ราวกับทุกประโยคทุกคำคิดถึงเพียงแต่ประโยชน์ของจวนอ๋อง อีกทั้งยังต้องการที่จะทำให้อวี้อาเหราตกที่นั่งลำบาก หากคนอื่นมองก็คงคิดว่านางมองโลกในแง่ร้าย หากแต่ใจของอวี้อาเหรานั้นรู้ดีเป็นที่สุด 

 

 

ที่นางพูดออกมาเช่นนี้ นี่ก็ไม่เพียงแต่หวังจะได้ความดีความชอบต่อหน้าท่านอ๋อง แต่ทั้งยังลากเอาเรื่องเช่นนี้เข้ามาเกี่ยวข้องกับเจาเอ๋อร์อีกด้วย เพราะเจาเอ๋อร์เป็นผู้ดูแลเกี่ยวกับเสบียงและที่นา เมื่อเกิดข้อผิดพลาดขึ้น แน่นอนว่าจะต้องเป็นนางที่ต้องรับผิดชอบเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด 

 

 

เมื่อวิเคราะห์ถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ก็ทราบว่าเจาเอ๋อร์นั้นกำลังตกอยู่ในที่นั่งลำบากเสียแล้ว 

 

 

เมื่อหลิงอ๋องได้ยินดังนี้ ก็รีบออกคำสั่งต่อเมี่ยวอวี้ที่อยู่ด้านนอก “เจ้าไปเรียกเจาเอ๋อร์มาเดี๋ยวนี้ หากเป็นนางที่ก่อเรื่องขึ้น เราจะไม่ปล่อยนางเอาไว้แน่” 

 

 

“เสด็จพ่อ…” อวี้อาเหราออกปากเพื่อจะห้าม เจาเอ๋อร์เกือบจะต้องไปยมโลกเพราะช่วยชีวิตนาง ทั้งตอนนี้ยังอยู่ในช่วงรักษาตัว แล้วจะยอมให้นางรับโทษทัณฑ์ได้อย่างไร ถ้าหากเรื่องทั้งหมดนี้ไม่ใช่เพราะนางที่เป็นคนจัดแตง แล้วเจาเอ๋อร์จะถูกจัดการได้อย่างไร เมื่อคิดมาถึงตรงนี้แล้ว นางก็ไม่อาจที่จะยอมรับได้  

 

 

เมื่อเพิ่งจะเอ่ยปากออกมา ก็ถูกเสียงหัวเราะเย็นชาของอวี้จื่อเยียนตัดบทเสียก่อน “น้องสาว เจ้าเพิ่งจะกลับถึงจวนก็ไปพักผ่อนเสียดีๆ เถิด เรื่องนี้ปล่อยให้เสด็จพ่อเป็นผู้จัดการก็ดีแล้ว อย่าปล่อยให้สาวใช้เพียงคนเดียวทำให้จวนอ๋องของเราต้องมัวหมองเลย” 

 

 

“เจ้าหุบปากเดี๋ยวนี้!” อวี้อาเหราจ้องมองตาถลน 

 

 

หญิงนางนี้ไม่ยอมปล่อยให้นางและเจาเอ๋อร์มีชีวิตที่สงบสุข ตอนนี้นางขัดคอไม่ให้พูด หากเจาเอ๋อร์มาถึงที่นี่จริงๆ คงต้องโดนสองแม่ลูกรังแกเป็นแน่ พวกนางสองแม่ลูกไม่ชอบตน เช่นนั้นนั้นจึงลากสาวใช้ของนางมาระบายอารมณ์ 

 

 

อีกทั้งตอนนี้นางเพิ่งกลับมาจากตลาดมืด แน่นอนว่าย่อมไม่รู้เรื่องของหวังหลงจู๊ เช่นนั้นจึงไม่อาจจะช่วยเหลือเจาเอ๋อร์ได้ จึงได้แต่จ้องมองเมี่ยวอวี้เดินออกไปตามเจาเอ๋อร์ตามคำสั่งของหลิงอ๋อง