ตอนที่ 343 ศีรษะตั้งอยู่บนบ่า / ตอนที่ 344 ไม่ได้ทำ

ลิขิตฟ้าชะตารัก

ตอนที่ 343 ศีรษะตั้งอยู่บนบ่า 

 

 

 

 

 

เพียงแต่ เรื่องที่พวกนางยืมเจาเอ๋อร์เพื่อทำร้ายตนนั้นก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย แต่ในใจนางนั้นก็มักเกิดความคลางแคลงใจอยู่โดยตลอด ที่น่ากลัวที่สุดนั้นก็คือการที่สองแม่ลูกคิดเรื่องชั่วร้ายออกมาได้ไม่มีที่สิ้นสุดไม่ใช่เรื่องที่เกินจริงเลย และสิ่งที่นางไม่อาจโต้ตอบได้ก็คือการที่อีกฝ่ายมีหลักฐานที่ทำให้นางต้องทนจำยอม 

 

 

อวี้อาเหรากังวลใจอยู่เล็กน้อย แต่ใบหน้ากลับไม่แสดงออกถึงอารมณ์ความรู้สึกใดๆ 

 

 

อวี้จื่อเยียนโดนนางด่าทอเช่นนั้นก็พลันหุบปาก ปิดปากลงฉับไม่กล่าววาจาโดยทันที มองไปทางอนุรองด้วยสีหน้าเป็นทุกข์ อีกฝ่ายก็ทำได้เพียงแต่ใช้สายตาปลอบขวัญความไม่พอใจของนางเอาไว้ ทันใดนั้นนางก็เข้าใจความหมายของอนุรอง ตอนนี้นางไม่ควรจะต่อปากต่อคำกับอวี้อาเหรา เพราะจะส่งผลร้ายเสียเปล่าๆ 

 

 

เพียงแต่เรื่องของเจาเอ๋อร์นี้ แม้อวี้อาเหราจะร้องขอความช่วยเหลืออย่างไรก็คงไม่เป็นผล  

 

 

แล้วนางจะรนหาที่ไปทำไมกันเล่า? 

 

 

สายตาดุดันของหลิงอ๋องจ้องมองไปยังกลุ่มคนที่อยู่ตรงนั้น สายตากวาดไปทั่วแฝงไปด้วยแววพิจารณา 

 

 

ในชั่วขณะนั้นเอง ภายในห้องโถงใหญ่ก็เกิดความเงียบสงัด เมี่ยวอวี้ก็นำพาตัวเจาเอ๋อร์เข้ามาในทันที 

 

 

“คารวะท่านอ๋องเพคะ”  

 

 

“ลุกขึ้นเถิด” 

 

 

หลิงอ๋องพยักหน้าลงอย่างเย็นชา 

 

 

อาการของเจาเอ๋อร์ยังดูไม่ค่อยดีนัก ใบหน้าของนางยังคงซีดเผือด ก่อนหน้านี้อาการนางก็ดีขึ้นแล้วจริงๆ แต่เป็นเพราะการเดินทางที่ยาวนานถึงสองวันจึงทำให้ร่างกายของนางย่ำแย่ลงบ้าง และยังต้องทนทุกข์อย่างมากกว่าจะถึงที่นี่ได้ เช่นนั้นใบหน้าของนางจึงไม่สู้ดี ริมฝีปากขาวซีดไร้สีเลือดเช่นนี้ 

 

 

อวี้อาเหราก้าวเข้าไปประคองตัวนาง “เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง” 

 

 

“บ่าวไม่เป็นอะไรเจ้าค่ะ คุณหนู” เจาเอ๋อร์เงยหน้าขึ้น พยายามที่จะยิ้มออกมา ครึ่งหนึ่งจากรอยยิ้มนั้นเป็นความฝืดฝืน 

 

 

อวี้อาเหราเห็นเช่นนั้นแล้วก็ไม่อาจทานทนได้ เจาเอ๋อร์เกือบจะต้องตายเพราะช่วยนาง และในตอนนี้ยังถูกลากเข้ามาให้เกี่ยวข้องกับเรื่องความแค้นของพวกนางสองแม่ลูกอีก ไหนเลยนางจะทำใจให้สงบได้ แต่เจาเอ๋อร์กลับไม่ได้บ่นอะไรแม้แต่น้อย ทำเพียงฝืนยิ้มบางๆ ส่งให้นางเท่านั้น 

 

 

ผ่านไปไม่นานนัก ในที่สุดองครักษ์ที่รับหน้าที่ตรวจสอบเรื่องบัญชีก็เดินเข้ามา ที่ด้านหลังมีหวังหลงจู๊และองครักษ์ที่เขาคบค้าเดินตามมาด้วย 

 

 

หวังหลงจู๊ที่โดนจับมานั้นยังมีท่าทีไม่สะทกสะท้าน แต่วินาทีที่เห็นหน้าองครักษ์ผู้นั้นก็ถึงกับต้องทรุดกายคุกเข่าลง แล้วรีบมองไปยังหลิงอ๋องที่มีท่าทีเคร่งขรึม “ทะ…ท่านอ๋อง พระองค์ทรงเรียกกระหม่อมมาเช่นนี้มีธุระอะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

เขารู้สึกได้ถึงความผิดปกติ ทว่าทันทีที่คิดขึ้นมาได้นั้น จะหนีก็หนีไม่ทันเสียแล้ว 

 

 

น้ำเสียงเย็นชาของหลิงอ๋องดังขึ้น “เราได้ยินอนุรองพูดว่าเจ้ายักยอกเงินจากจวนอ๋องไปมากกว่าล้านตำลึงทอง” 

 

 

“ยักยอกเงินกว่าล้านตำลึงหรือ” หวังหลงจู๊เอ่ยพึมพำ เมื่อรับรู้ถึงความหนักหนาของเรื่องที่จะเกิดขึ้นก็รีบโขกศีรษะลงทันที “ท่านอ๋องได้โปรดทรงตรวจสอบให้กระจ่างด้วย กระหม่อมอุทิศตัวเองเพื่อจวนอ๋องมาโดยตลอด แม้แต่ความคิดที่จะยักยอกเงินแม้แต่น้อยก็ไม่มี ไหนเลยจะกล้ายักยอกเงินไปถึงหนึ่งล้านตำลึงทองได้พ่ะย่ะค่ะ อีกอย่างก่อนหน้านี้ยังเกิดเรื่องของเฉียนหลงจู๊ขึ้นมาอีก แม้จะบอกว่ากระหม่อมกล้าหาญถึงเพียงใด แต่เรื่องนี้อย่างไรก็ทำไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ!” 

 

 

“แน่นอนว่าเราจะต้องตรวจสอบแน่ ทางที่ดีก็ขอให้ไม่ใช่ มิเช่นนั้นเราจะไม่ปล่อยให้ศีรษะของเจ้าตั้งอยู่บนบ่าได้อีกต่อไป!”ท่าทีของหลิงอ๋องไม่เปลี่ยนแปลงไปเลยแม้แต่น้อย แม้จะไม่ค่อยเชื่อนักว่าหวังหลงจู๊จะเป็นคนยักยอกเงิน แต่สิ่งที่อนุรองพูดมาก็ล้วนแล้วแต่มีหลักฐาน ไม่มีทางที่จะกล่าวหาผิดคน 

 

 

อีกอย่าง เฉียนหลงจู๊ทำงานที่นี่มาก็หลายปี แต่ก็ยังเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นมามิใช่หรือ? 

 

 

เพราะฉะนั้นเขาจะไว้ใจใครได้อีกเล่า 

 

 

ไม่มีทาง! 

 

 

อนุรองเห็นว่าน้ำเสียงของหลิงอ๋องอ่อนลงบ้างแล้ว และเห็นหวังหลงจู๊พูดรับรองพร้อมทั้งโขกศีรษะยอมรับเช่นนั้น ทันใดนั้นรอยยิ้มอ่อนโยนก็เผยให้เห็นขึ้นมาบนใบหน้า  

 

 

 

 

 

ตอนที่ 344 ไม่ได้ทำ 

 

 

 

 

 

“ที่ท่านอ๋องตรัสมาก็ถูกต้องเพคะ หม่อมฉันเองก็ทำเพื่อจวนอ๋องของเราเสมอมา ถ้าหากตรวจสอบแล้วเป็นหม่อมฉันที่เข้าใจหวังหลงจู๊ผิดไป แน่นอนว่าหม่อมฉันย่อมต้องขออภัยด้วยตัวเอง แต่หากไม่ใช่ เช่นนั้นก็ไม่อาจย่อหย่อนได้เป็นธรรมดา ท่านอ๋อง คุณหนูรอง ไม่ทราบว่าหม่อมฉันกล่าวถูกต้องหรือไม่เพคะ” 

 

 

แน่นอนว่าที่นางพูดเช่นนี้ก็คงเป็นเพราะต้องการที่จะยืนยันตัวเองต่อหน้าหลิงอ๋องเป็นแน่ ในเมื่อนางพูดด้วยท่าทีที่จริงใจเช่นนี้ แม้ว่าต่อไปหากไม่อาจตรวจสอบได้ว่าหวังหลงจู๊ผิดจริง นั่นก็ไม่ใช่เรื่องหนักหนาอะไร อย่างมากก็เพียงถูกหลิงอ๋องสั่งสอนไปสักยกก็เท่านั้น 

 

 

การเปิดเผยเรื่องราวเช่นนี้ ก็ไม่เห็นว่านางจะได้รับผลกระทบตรงไหน 

 

 

แล้วไหนเลยจะไม่ยินดีเล่า 

 

 

เมื่อได้ฟังอนุรองพูดออกมาเช่นนี้ ในใจของหลิงอ๋องก็ยังคงลังเล ไม่ปักใจเชื่ออยู่บ้าง “ไม่ผิด เจ้าก็กล่าวได้มีเหตุผล” 

 

 

สีหน้าของหวังหลงจู๊เต็มไปด้วยความทุกข์ทน รีบคลานไปคุกเข่าต่อหน้าอนุรอง “อนรุอง เหตุใดท่านถึงตรวจสอบข้าเช่นนี้ ตัวข้าน้อยทำเพื่อจวนอ๋อง ไม่กล้าที่จะคิดเป็นอื่น ไหนเลยจะกล้ายักยอกเงินไปตั้งหลายล้านตำลึงทอง ทำเช่นนั้นข้ามิตายหรือขอรับ” 

 

 

“หวังหลงจู๊ ท่านก็ลุกขึ้นเถิด ท่านจะทำจริงหรือไม่ขอเพียงตรวจสอบดูก็รู้ แต่ท่านที่มาขอร้องข้าเช่นนี้…” อนุรองแสร้งแสดงท่าทีเป็นทุกข์เป็นร้อนขี้นมา แล้วยังย้อนพูดอีกว่า “มิเช่นนั้นคนอื่นๆ จะคิดว่าท่านร้อนตัว ครั้งที่แล้วที่เกิดเรื่องของเฉียนหลงจู๊ขึ้นนั้น เขาก็แทบจะลากข้าเดือดร้อนไปด้วย ท่านแสดงท่าทีต่อข้าเช่นนี้ ข้าก็รับไม่ไหวหรอก” 

 

 

แม้ปากของนางจะพูดออกว่าต้องรอให้ผลการตรวจสอบออกมาเสียก่อน ทว่าในคำพูดของนางนั้นกลับทำเหมือนกำหนดคนผิดเอาไว้แล้ว หวังหลงจู๊ไม่ใช่คนโง่ แน่นอนว่าต้องเข้าใจความหมายของนางเป็นอย่างมาก ดังนั้นท่าทีของเขาจึงเปลี่ยนไปเป็นชะงัก 

 

 

“อนุรอง ท่านพูดเช่นนี้…” 

 

 

“หวังหลงจู๊ ท่านก็ไปพักผ่อนเสียก่อนเถิด จู่ๆ ก็เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นมาคงทำให้ท่านตกใจแย่แล้วกระมัง” อนุรองออกปากตัดบทขึ้นมาได้ทันเวลา ทันใดนั้นก็พลันยกยิ้มขึ้น 

 

 

อวี้อาเหรานั่งมองอยู่ข้างๆ ก็ไม่แน่ใจว่าหวังหลงจู๊ยักยอกเงินไปจริงหรือไม่ แต่นางแน่ใจว่าเรื่องนี้จะต้องเกี่ยวข้องกับอนุรองแน่ๆ แต่หากหวังหลงจู๊ไม่ได้ยักยอกเงินไปจริงๆ หลักฐานทั้งหมดที่มีก็คงเป็นอนุรองที่จัดการขึ้นมา เป้าหมายนั้นไม่ได้ต้องการกำจัดหวังหลงจู๊…แต่เป็นนาง 

 

 

นางเริ่มที่จะเข้าใจเจตนาของอีกฝ่าย แต่ไม่รู้ว่าจะรับมืออย่างไรดี 

 

 

หลิงอ๋องที่กำลังใช้เวลาว่างจากการสนทนาเปิดสมุดบัญชีเพื่อตรวจดู ยิ่งอ่านดูสีหน้าก็ยิ่งแย่ลง จนใบหน้าหมองคล้ำไปหมด ดูแล้วเนื้อหาในบัญชีคงไม่ใช่เรื่องดีนัก เปิดดูอยู่เป็นนาน ในที่สุดเขาก็โยนสมุดบัญชีไปอีกทางอย่างโกรธเคือง “หวังหลงจู๊ นี่เป็นสิ่งที่เจ้าทุ่มเทแรงกายแรงใจเพื่อจวนหลิงอ๋องจริงๆ หรือ!” 

 

 

“ท่านอ๋องโปรดระงับโทสะ” ทุกคนตกใจจนคุกเข่าลงกับพื้น ไม่กล้าที่จะเงยหน้าขึ้นมอง บรรยากาศในห้องโถงใหญ่เปลี่ยนไปเป็นเย็นเยียบ เย็นเสียจนตัวจะแข็งอยู่แล้ว คนที่กลัวที่สุดก็หนีไม่พ้นหวังหลงจู๊อย่างไม่ต้องสงสัย ที่หมอบอยู่กับพื้นแล้วเปิดสมุดบัญชีดูด้วยตัวสั่นเทา มือไม้สั่นไปหมด 

 

 

“เจ้ายังมีอะไรอยากจะพูดอีกหรือไม่” หลิงอ๋องโกรธจนพื้นที่หว่างคิ้วยับย่นอย่างเห็นได้ชัด เขาไม่คิดเลยว่าจะเป็นอย่างที่อนุรองว่าไว้จริงๆ สมุดบัญชีเหล่านี้ เมื่ออ่านอย่างละเอียดแล้วก็เห็นว่ามีปัญหาอยู่มากมายจริงๆ หากใช่เพียงตาและสมองในการคำนวณก็จะเห็นว่าเป็นเงินจำนวนมาก แต่หากคำนวณโดยละเอียด ก็สามารถทำให้หวังหลงจู๊หวาดกลัวจนขนหัวลุกได้แล้ว! 

 

 

“ท่านอ๋องได้โปรดตรวจสอบให้กระจ่าง เรื่องนี้กระหม่อมก็ไม่ได้ทำเลยแม้แต่น้อย ไหนเลยจะมีเรื่องพวกนี้ได้” หวังหลงจู๊ดูทุกข์ทนยิ่งนัก แต่ก็นับว่ายังรักษาอาการได้อย่างสงบนิ่ง แม้จะมองออกว่าเขารู้สึกกลัว แต่ก็ไม่มีท่าทีกระวนกระวาย ทำเพียงปฏิเสธไม่ยอมรับ 

 

 

“ในเมื่อไม่ได้ทำ เช่นนั้นแล้วหวังหลงจู๊จะกลัวอะไร?” อนุรองพูดขึ้นอย่างเฉียบขาด