อาคารสี่ฝ่าย เป็นอาคารสี่เหลี่ยมจัตุรัส เหล่าผู้ทรงอิทธิพลเป็นผู้ก่อสร้างตอนที่จัดงานพันธมิตรสี่ฝ่ายครั้งแรก และใช้สำหรับจัดงานพันธมิตรสี่ฝ่ายโดยเฉพาะ

ภายในอาคารสี่ฝ่าย เป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส โดยมีเวทีมวยขนาดใหญ่อยู่ตรงกลาง กว้างขวางและตกแต่งอย่างสวยงาม

งานพันธมิตรสี่ฝ่ายดำเนินมาจนถึงทุกวันนี้ และกลายเป็นงานใหญ่ของหมู่บ้านหวงหยางไปแล้ว ก่อนและหลังงานพันธมิตรสี่ฝ่าย จะมีบุคคลสำคัญจากมณฑลใกล้เคียงมาร่วมงานมากมาย

ประการแรก สามารถมาตรวจสอบความแข็งแกร่งของผู้ทรงอิทธิพลทั้งสี่มณฑล ประการที่สอง สามารถผูกมิตรเพื่อเสริมสร้างเส้นสายของตนเอง และกระทั่งสามารถเจรจาตกลงทำสัญญาธุรกิจของตนเองได้

พ่อของฉีหมิงซานเป็นผู้ทรงอิทธิพลของมณฑลไห่ตง มีทรัพย์สินมูลค่ามากกว่าหนึ่งร้อยล้าน คราวนี้เขามาดูความคึกคัก และมาหาเพื่อนที่มีอุดมการณ์ตรงกัน

เมื่อคืนหลังจากถามสถานที่ตั้งชัดเจนแล้ว วันนี้มู่หรงยานเอ๋อร์ก็พาเฉินโม่ออกไปแต่เช้า จนถึงตอนนี้แล้วพวกเขาก็ยังไม่ปรากฏตัวออกมา

ตอนนี้อาคารสี่ฝ่ายเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย และแม้แต่ตั๋วที่ราคาแพง ก็ไม่สามารถหยุดความสนใจของผู้คนได้

สองพี่น้องตระกูลฉีติดตามฉีฉางเฟิงพ่อของตนเองและญาตินั่งอยู่แถวที่หก ข้างหลังยังมีแถวที่เจ็ด แถวที่แปด แถวที่เก้า ฯลฯ

สำหรับที่นี่แล้ว พลังอำนาจของบุคคลสามารถมองได้จากที่นั่ง และการที่พวกเขาสามารถนั่งอยู่แถวที่หก ก็เพียงพอที่จะพิสูจน์ว่าพลังอำนาจของตระกูลฉีนั้นไม่ธรรมดา

ส่วนหวางเส้าหยู่ที่เดิมพันชกมวยกับฉีหมิงซานเมื่อวาน ตอนนี้เขากับพ่อนั่งอยู่แถวที่ห้าที่อยู่ตรงข้าม เห็นได้ชัดว่าพลังอำนาจของตระกูลหวางอยู่เหนือตระกูลฉี

ส่วนที่นั่งใกล้กับเวทีมวยมากที่สุดนั้นว่างเปล่า เพราะที่นั่งเหล่านั้นสงวนไว้สำหรับตัวหลักของงานพันธมิตรสี่ฝ่าย

“ดูสิ นั่นคือเฉินเยว่แห่งไห่ตงใช่ไหม?” ฉีหมิงซานชี้กลุ่มคนที่เดินเข้ามาจากประตูและอุทาน

ฉีเยว่หยูรู้สึกตกตะลึง “เขาคือเฉินเยว่ เป็นผู้ทรงอิทธิพลแห่งไห่ตง ที่รองจากหวงเจิ้นหลงใช่ไหม? เป็นคนที่ไม่ใช่ว่าจะสามารถเห็นได้ง่าย ๆ น่ะ!”

ฉีฉางเฟิง พ่อของพวกเขาสองคนกล่าวด้วยสีหน้าราบเรียบว่า “พลังอำนาจของเฉินเยว่เกี่ยวข้องกับผู้นำในเมืองหลวง แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าหวงเจิ้นหลงแล้ว เขามีสิทธิ์เพียงแค่ยืนพูดเท่านั้น”

สองพี่น้องตระกูลฉีพยักหน้าพร้อมกัน เห็นด้วยกับเรื่องที่ว่าหวงเจิ้นหลงเป็นผู้ทรงอิทธิพลแห่งไห่ตงที่ได้รับการยอมรับ และไม่มีใครสามารถเทียบได้

คนเดินเข้ามาเรื่อย ๆ และมีคนมากมายที่สองพี่น้องตระกูลฉีสามารถเรียกชื่อออกมาได้ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าคนเหล่านั้นล้วนเป็นคนที่มีชื่อเสียงในท้องถิ่น

ทันใดนั้น เกิดความโกลาหลขึ้น คนส่วนใหญ่ต่างยืนขึ้น แล้วมองไปทางประตู

ฉีหมิงซานยืนขึ้นและอุทานว่า “เหล่าผู้ทรงอิทธิพลจากสี่มณฑลมาถึงแล้ว!”

“คนที่เดินอยู่ด้านหน้าคือกู้เฟิงซึ่งเป็นผู้ทรงอิทธิพลแห่งเจียงเป่ย ด้านหลังคือมู่หรงเค่อแห่งเจียงหนาน หวงเจิ้นหลงแห่งไห่ตง และเสิ่นฉีเซิ่งแห่งไห่ซี!” ฉีหมิงซานกล่าวด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเลื่อมใส

สายตาของฉีเยว่หยูมองไปยังสาวสวยสวมชุดสีขาวที่เย่อหยิ่งและเย็นชา เธอเดินอยู่ข้างเสิ่นฉีเซิ่งที่เป็นผู้ทรงอิทธิพลแห่งไห่ซี

“พี่ชาย ดูสิ นั่นคือเสิ่นหยูปิงใช่ไหม?”

“เป็นเธอเอง เธอเป็นลูกสาวของเสิ่นฉีเซิ่งที่เป็นผู้ทรงอิทธิพลแห่งไห่ซี! มิน่าล่ะ หวางเส้าหยู่ถึงได้อ่อนน้อมถ่อมตนต่อเธอมากขนาดนั้น!”

เหล่าผู้ทรงอิทธิพลทั้งสี่คนและผู้ติดตามเดินไปที่นั่งแถวแรก และนั่งเป็นสี่กลุ่ม

หลังจากนั้น พิธีกรเดินขึ้นไปบนเวที อ่านกฎของงานพันธมิตรสี่ฝ่าย

หลังจากอ่านจบ ผู้ทรงอิทธิพลทั้งสี่ฝ่ายก็ลงนามในพันธสัญญา และถ้ามีคนละเมิดพันธสัญญา อีกสามฝ่ายก็จะร่วมมือกันโจมตีบุคคลนั้น

หลังจากเสร็จสิ้นกระบวนต่าง ๆ แล้ว งานพันธมิตรสี่ฝ่าย เริ่มต้นอย่างเป็นทางการ

เมื่อนั่งอยู่ที่นี่แล้ว มันจะกลายเป็นการต่อสู้ที่นองเลือด และตอนนี้สีหน้าของผู้ทรงอิทธิพลทั้งสี่มณฑลล้วนเคร่งขรึม