ตอนที่ 231 ผูกกันเป็นญาติบุญธรรม + ตอนที่ 232 ทำไมไม่ตบอู่เยวี่ยสักหนึ่งที โดย Ink Stone_Romance
ตอนที่ 231 ผูกกันเป็นญาติบุญธรรม
เหอปี้อวิ๋นนั้นกลับคิดตรงข้าม เธอไม่ได้ใช้สมองคิดเยอะขนาดนั้น ขั้นตอนไม่สำคัญ ผลสรุปต่างหากที่เธอให้ความสำคัญ เธอกระวนกระวายไม่รู้จะพูดคุยกับจ้าวอิงหนานอย่างไร ด้านจ้าวอิงหนานก็วิ่งลงบันไดมาถึงที่นี่ด้วยตัวเอง นี่เป็นโชคก้อนใหญ่ที่หล่นมาจากสวรรค์จริงๆ!
แม้ว่าคนอื่นจะพูดว่าอู่เหมยหน้าตาเหมือนจ้าวอิงหนาน แต่เหอปี้อวิ๋นไม่ใส่ใจเลยสักนิด ถึงแม้ว่าอู่เหมยจะหน้าตาไม่เหมือนตัวเธอเอง แต่ก็เป็นเธอคลอดออกมาจากท้องร้อยเปอร์เซ็นต์อย่างไม่ต้องสงสัย
เมื่อกี้เธอดูแล้ว อู่เหมยกับจ้าวอิงหนานอันที่จริงแล้วไม่ได้เหมือนกันขนาดนั้น คนขี้โม้พวกนั้นอยากจะประจบเอาใจก็ช่าง บนโลกนี้มีคนเป็นหมื่นเป็นล้านคน หน้าตาเหมือนกันมีเยอะแยะ ยังมีคนที่ห่างกันเป็นหมื่นลี้พันลี้หน้าตาเหมือนกันได้เลย!
อีกทั้งแม้อู่เหมยจะไม่เหมือนเธอ แต่กลับเหมือนนังสารเลวคนนั้นมากกว่า ตามที่แม่ของเธอบอกว่านังสารเลวนั่นหน้าตาเหมือนคุณย่าของเธอ ถ้าอย่างนั้นอู่เหมยจะหน้าตาเหมือนคุณย่าทวดก็ไม่แปลกอะไร
ถึงแม้ว่าการนึกถึงศัตรูคู่อาฆาตในวันวานนั้นจะทำให้อารมณ์เสีย แต่พอมีเรื่องที่น่ายินดีจากจ้าวอิงหนาน เหอปี้อวิ๋นก็ปัดความไม่สบายใจทิ้งไปอย่างรวดเร็วและมีความสุขขึ้นมาอีกครั้ง
การผูกญาติเป็นญาติบุญธรรมนั้นเธอยินยอมเป็นอย่างมาก ทั้งยังมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะรับปากเดี๋ยวนี้ แต่หัวหน้าครอบครัวอย่างอู่เจิ้งซือยังไม่ได้พูดอะไร เหอปี้อวิ๋นก็ไม่กล้ากระทำเกินอำนาจ วันนี้เธอทำให้อู่เจิ้งซือไม่พอใจมามากแล้ว ถ้าหากว่าทำผิดอีกเรื่อง อู่เจิ้งซือจะต้องด่าเธอแน่ๆ
จ้าวอิงหนานเห็นอู่เจิ้งซือเงียบไม่ส่งเสียงอยู่นาน ดูแล้วทั้งไม่ดีใจและไม่โกรธ เธอดูไม่ออกว่าเขาคิดอะไรอยู่ ก็เลยไม่สบายใจเป็นอย่างมาก เธอเป็นคนที่นิสัยตรงไปตรงมา และไม่ชอบที่สุดคือคนที่ดูไม่ออกว่าคิดอะไรอยู่
“อาจารย์อู่ หรือว่าคุณรู้สึกว่าฉันไม่คู่ควรที่จะเป็นแม่บุญธรรมของเหมยเหมย? ได้หรือไม่ได้ก็รีบพูดสิ!” จ้าวอิงหนานเร่งรัดอย่างไม่พอใจ
เหอปี้อวิ๋นในใจนั้นร้อนรนมาก กลัวว่าเป็ดที่ต้มสุกแล้วจะบินหนีไป รีบร้อนพูดขึ้นมาว่า “”อาจารย์จ้าวอย่าเข้าใจผิด คุณอู่เขาไม่ได้ไม่เห็นด้วยแน่นอน….”
พูดยังไม่ทันจบ อู่เจิ้งซือก็จ้องเขม็งมาอย่างเย็นชา แววตาเย็นชานั้นทำให้เหอปี้อวิ๋นตกใจกลัวเป็นอย่างมาก จึงรีบกลืนคำพูดครึ่งหลังนั้นลงคอไปอย่างรวดเร็ว พลางหัวเราะอย่างเก้อเขิน
อู่เจิ้งซือนั้นยังคงลังเลใจ เขายังคงกลัวว่าโลกนี้จะเล็กจนทำให้พบเจอกับคนคุ้นเคย ถึงแม้ว่าจะคิดถึงทุกวันทุกคืน แต่เขากลับไม่อยากพบเจอ อยู่ห่างกันเป็นหมื่นลี้พันลี้แบบนี้ดีกว่า
แต่เขาก็กังวลอีกว่าเขาจะคิดมากเกินไป พลาดโอกาสที่จะได้เป็นญาติกับตระกูลสยง นิสัยวิตกกังวลกับผลได้ผลเสียของตนเองนั้น ทำให้ปกติจิตใจที่ไม่เด็ดขาดอะไรของอู่เจิ้งซือยิ่งทวีความลังเลและไม่มีความเด็ดขาดขึ้นไปใหญ่ พอเห็นจ้าวอิงหนานเร่งรัด เขาเลยพูดได้แค่เพียงว่า “จะผูกกันเป็นญาติไม่ใช่เรื่องเล็ก ไม่อย่างนั้นอาจารย์จ้าวก็เรียกอาจารย์สยงมาด้วย พวกเราพูดคุยรายละเอียดกันในห้องดีไหม?”
“ก็ได้ มู่มู่ลูกไปเรียกพ่อลงมาแป๊บนึงสิ” จ้าวอิงหนานไม่มีการอ้อมค้อม
สยงมู่มู่มองอู่เหมยอีกครั้ง วิ่งขึ้นไปข้างบน เขาควรจะกลับไปถามพ่อตัวเอง ดูว่าพ่อจะนึกออกหรือไม่
สถานการณ์ที่ดูจะวุ่นวายก็กลายเป็นดี คนอื่นๆ ต่างก็อิจฉาริษยากันเป็นอย่างมาก แต่พวกเขาต่างก็เป็นปัญญาชน ยังไงก็ไม่มีการแสดงอารมณ์ออกมาให้สังเกตเห็น ทุกคนต่างหัวเราะกันอย่างมีความสุข มีบางคนยกมือเสนอตัวเองว่าจะเป็นคนกลางให้ แต่ว่าต่างก็โดนอู่เจิ้งซือหัวเราะเลี่ยงๆ ไป
ต่อให้พวกเขาจะผูกญาติกัน เขาก็ควรจะหาคนที่มีคุณธรรมและบารมีมาเป็นคนกลาง คนที่วุ่นวายมั่วซั่วพวกนี้จะนับเป็นอะไรได้
ส่วนอู่เหมยนั้น ตั้งแต่จ้าวอิงหนานพูดเรื่องผูกญาติกันเธอก็ยังคงสับสนมึนงงอยู่ จนถึงตอนนี้เธอก็ยังคงไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้กลับมา ข้างหูต่างก็เป็นเสียงจ้อกแจ้กจอแจของคนรอบข้าง สมองของเธอยิ่งมึนงงเข้าไปใหญ่
ในชาตินี้มีเรื่องหลายเรื่องที่ไม่เหมือนชาติที่แล้ว ชาติที่แล้วเธอไม่รู้จักเหยียนหมิงซุ่น และก็ไม่รู้จักสยงมู่มู่ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการมาบรรจบพบกับจ้าวอิงหนาน อู่เหมยมีความสับสนงุนงงเล็กน้อย ชาตินี้ยังจะเป็นชีวิตของเธอในชาตินั้นที่เธอเคยผ่านมันมาก่อนได้หรือ?
…………………………………………………………………
ตอนที่ 232 ทำไมไม่ตบอู่เยวี่ยสักหนึ่งที
สยงมู่มู่เรียกพ่อที่กำลังตกตะลึงแล้วลากตัวเขาลงมาอย่างรวดเร็ว ตรงเอวยังผูกผ้ากับเปื้อนลวดลายดอกไม้น่ารักไว้ คนอื่นๆ พอเห็นก็เกิดปากกระตุก รีบหันหัวหลบ นัยน์ตายิ้มๆ กันทั้งหมด
มิน่าล่ะห้องครัวของตระกูลสยงถึงสร้างไว้ในห้อง ผู้ชายอกสามศอกกลับเอาแต่ทำกับข้าวอยู่ที่ระเบียงช่วยกลุ่มผู้หญิงทั้งวัน ดูไม่ได้เลยจริงๆ ทำเสียห้องสกปรกไปหมด แต่ดันไม่มีคนหัวเราะเขา
คุณพ่อสยงนั้นพอได้เห็นหน้าของอู่เหมยที่บวมเหมือนหัวหมูก็ตกใจเป็นอย่างมาก ลูกชายขึ้นมาถามคำถามเขาแปลกๆ เรื่องอื่นๆ ก็ไม่ได้พูดอย่างละเอียด แค่รู้ว่าอู่เหมยโดนตี ภรรยาของเขาพบเห็นความไม่เป็นธรรมก็ออกตัวไปช่วย บอกว่าจะรับเอาอู่เหมยมาเป็นลูกบุญธรรม
เรื่องนี้แน่นอนว่าเขาไม่ได้ไม่พอใจหรือมีความเห็นอะไร อู่เหมย เด็กคนนี้เขาก็ชอบ อีกทั้งยังเป็นเพื่อนสนิทของลูกชายเขา เขายิ่งไม่มีเหตุผลอะไรมาไม่เห็นด้วยอยู่แล้ว
“อิงหนาน เรื่องอะไรก็ตามของบ้านเราเธอเป็นคนตัดสินใจก็พอ ไม่ต้องมาปรึกษาหารือกับผม ให้คุณเป็นคนตัดสินใจเถอะ” คุณพ่อแซ่สยงทำหน้าตาประมาณว่า ‘ภรรยาของฉันใหญ่ที่สุด’ มองจนผู้ชายคนอื่นๆ ตาร้อน พวกผู้หญิงก็อิจฉาริษยาอย่างมาก
จ้าวอิงหนานบุ้ยปากเป็นสัญญาณไปทางอู่เจิ้งซือ “อาจารย์อู่ไม่เชื่อว่าคำพูดของฉันจะมีผล ก็เลยต้องรบกวนคุณสามีลงมาแล้ว คุณว่าเหมยเหมยหน้าตาเหมือนกับฉันไหม? แต่ก่อนฉันก็ไม่ได้ใส่ใจเท่าไร แต่ตอนนี้พอได้มองดูดีๆ ฉันก็เข้าใจแล้ว มิน่าล่ะแค่เห็นเด็กคนนี้ก็ชอบเลย”
จ้าวอิงหนานดีใจจนขยี้หัวอู่เหมย โชคดีที่ช่วงนี้อู่เหมยบำรุงร่างกายเป็นอย่างดี ผมก็เปลี่ยนเป็นสีดำมันเงาเรียบลื่น ไม่ถึงกับเหมือนขยี้รังนก อู่เหมยได้แต่มองจ้าวอิงหนานที่เล่นหัวเธออย่างจนปัญญา แต่ในใจกลับอบอุ่นยิ่งนัก
เมื่อสักครู่เธอคิดจนเข้าใจแล้ว ไม่ว่าชาตินี้จะเป็นอย่างไร อู่เยวี่ยก็เป็นคู่อริของเธอ เหอปี้อวิ๋นก็ช่วยกันก่อกรรมทำชั่ว ความแค้นยังไงก็ต้องชำระ ข้อนี้ไม่จำเป็นต้องกังขา เพราะฉะนั้นเธอแค่ต้องจำเรื่องนี้ให้ขึ้นใจก็พอ
สำหรับเหยียนหมิงซุ่นกับสยงมู่มู่ น่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงของชาตินี้ สำหรับเธอแล้วนี่นับว่าเป็นเรื่องดี อย่างน้อยเธอก็คงไม่เหมือนชาติก่อนที่ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวเดียวดายอีกแล้ว มีเพื่อนยังไงก็ดีกว่าไม่มีเพื่อนอยู่แล้ว!
ทุกคนต่างก็กลับบ้านไปกินข้าวกันหมด อาจารย์แม่จางก็ดีใจไปกับอู่เหมย ที่มากกว่านั้นคืออิจฉา ความคิดที่จะรับเป็นลูกบุญธรรมนั้นเธอคิดมานานและครุ่นคิดอย่างถ้วนถี่แล้ว แต่เมื่อรู้จักนิสัยใจคอของเหอปี้อวิ๋นคู่สามีภรรยา ก็รู้แล้วว่าพวกเขาไม่อาจมาผูกญาติกับคนอย่างเธอแน่นอน อีกทั้งเธอก็เป็นแค่แม่บ้านธรรมดาๆ ไม่มีงานทำ คงดูแลปกป้องอู่เหมยไม่ได้ จ้าวอิงหนานนี่แหละคือคนที่เหมาะสมที่สุด
อาจารย์จ้าวมีความเจริญก้าวหน้าอีกทั้งวงศ์ตระกูลก็ดี เวลาเหอปี้อวิ๋นอยู่ต่อหน้าเธอก็แทบจะโค้งคำนับให้จนหลังตรงไม่ได้เลยทีเดียว อีกทั้งดูแล้ว จ้าวอิงหนานก็รักใคร่อู่เหมยจริงๆ จะต้องปกป้องเด็กที่น่าสงสารคนนี้ได้แน่
อู่เหมยรู้สึกได้ถึงความห่วงใยผ่านทางสายตาของอาจารย์แม่จาง จึงเงยหน้าหันไปทางเธอและยิ้มให้อย่างซาบซึ้ง เมื่อกี้มีคนมาตั้งมากมาย แต่มีเพียงแค่อาจารย์แม่จางเพียงคนเดียวที่ยืนหยัดออกตัวเพื่อเธอ น้ำใจของอาจารย์แม่จางในครั้งนี้เธอไม่มีวันลืม หลังจากนี้ถ้าอาจารย์แม่จางต้องการความช่วยเหลือจากเธอ เธอจะต้องตอบแทนบุญคุณอาจารย์แม่จางแน่นอน
จ้าวอิงหนานเห็นหน้าอู่เหมยบวมจนดูไม่ได้ อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว ยิ่งรังเกียจเหอปี้อวิ๋นมากขึ้น นี่คือคิดว่าลูกสาวเป็นคู่อริแล้วล่ะ ไม่อย่างนั้นคงไม่ลงมือหนักขนาดนี้!
“มู่มู่ไปหยิบกล่องยาในบ้านลงมาให้หน่อยสิ”
เหอปี้อวิ๋นรีบพูดขึ้นมาว่า “ในบ้านมียาขี้ผึ้ง มู่มู่ไม่ต้องไปหยิบหรอก”
จ้าวอิงหนานปากกระตุกเล็กน้อย เหน็บแนมว่า “ยาขี้ผึ้งบ้านฉันทำมาพิเศษ ประสิทธิภาพดีกว่ายาขี้ผึ้งธรรมดา บาดแผลบองเหมยเหมยหนักขนาดนี้ อาจารย์เหอไม่ปวดใจ แต่ฉันปวดใจจนเจ็บไปหมด”
เหอปี้อวิ๋นยิ่งหัวเราะยิ่งเก้อเขิน แต่ลึกๆ ในใจด่าบรรพบุรุษของจ้าวอิงหนานไปสิบแปดโคตร หัวเราะอย่างไม่จริงใจพูดว่า “นิสัยของฉันใจร้อนเกินไป ตอนที่อดทนไม่ไหวก็จะลงมือหนักไปหน่อย คราวหลังจะระวังกว่านี้”
สยงมู่มู่โมโหจนทนไม่ไหวพูดว่า “น้าเหอ ทำไมน้าถึงชอบมีนิสัยรุนแรงกับอู่เหมยล่ะ? สอบประจำเดือนนี้อู่เยวี่ยทำคะแนนตกลงไปมาก ทำไมน้าไม่ตบหน้าอู่เยวี่ยสักที แต่ตรงกันข้ามกลับนำความโมโหนั้นมาลงที่อู่เหมยแทน แปลกจริงๆ!”
…………………………………………………………………