ตอนที่ 233 เธอต้องเรียนรู้คุ้นเคยคำว่าพ่ายแพ้ + ตอนที่ 234 ความคิดของเหอปี้อวิ๋น โดย Ink Stone_Romance
ตอนที่ 233 เธอต้องเรียนรู้คุ้นเคยคำว่าพ่ายแพ้
เหอปี้อวิ๋นโดนคำพูดของสยงมู่มู่ทำให้ตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอับอายชั่วขณะ หน้าเดี๋ยวเขียวคล้ำเดี๋ยวขาวซีด กับสยงมู่มู่นั้นเธอรู้สึกไม่เข้าตาและไม่ชอบเป็นอย่างมาก ทำตัวไม่มีการศึกษาเลยสักนิด ก็ไม่รู้ว่าจ้าวอิงหนานสอนลูกชายอย่างไร เทียบไม่ได้แม้แต่ปลายเล็บนิ้วมือของเยวี่ยเยวี่ย
“มู่มู่ไปทางนั้นไป ผู้ใหญ่เขากำลังพูดกัน สอดปากเข้ามาทำไม?” จ้าวอิงหนานแสร้งตำหนิ
สยงมู่มู่หัวเราะฮิๆ หันไปทางอู่เหมยทำหน้าหลอกผี แต่ไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงแต่ว่าคำพูดของเขากลับมีอานุภาพอย่างยิ่ง พูดหนึ่งประโยคเหมือนคนอื่นพูดสิบประโยค เฮ้อ!
“มู่มู่ของฉันเป็นคนนิสัยตรงไปตรงมาคนหนึ่ง มีอะไรก็พูดตรงๆ ไม่ใช่คนมีเล่ห์เหลี่ยมอะไร อาจารย์เหออย่าถือสาหาความกับเด็กเลยนะ!” จ้าวอิงหนานพูดยิ้มๆ
เหอปี้อวิ๋นหน้าเหยเกหัวเราะ ในใจคับแค้นใจจะตาย แต่ก็ไม่สามารถแสดงออกมาได้แม้แต่เพียงนิดเดียว กัดฟันจนฟันกรามจะแตกอยู่รอมร่อ
สำหรับเธอแล้ว สยงมู่มู่ก็เหมือนคางคกขึ้นวอกำลังกำเริบเสิบสาน ครั้งนี้เยวี่ยเยวี่ยล้มไม่เป็นท่า ทำให้สยงมู่มู่ได้โชคดีนี้ไป ดูครอบครัวนี้สิ ยกหางจนแทบจะชูขึ้นถึงฟ้าแล้ว เหอะ! เดือนหน้าอันดับหนึ่งจะต้องเป็นของเยวี่ยเยวี่ยแน่นอน ถ้าสยงมู่มู่คิดอยากจะเอาละก็ ไม่ต้องคิดหรอก
ใจของอู่เจิ้งซือก็เต็มไปด้วยความไม่พอใจ เชิญคนบ้านสยงเข้าห้องอย่างมีมารยาท อู่เยวี่ยล้างหน้าบ้วนปากเรียบร้อยแล้ว สดชื่นผ่อนคลาย จะมีก็แค่ดวงตาเท่านั้นที่ยังแดงๆ ข้างนอกเกิดเรื่องอะไรขึ้น อู่เยวี่ยที่อยู่ในบ้านได้ยินอย่างชัดเจน ในใจยิ่งรู้สึกไม่พอใจ
ทั้งอิจฉาอู่เหมยที่ได้รับสายใยจากจ้าวอิงหนาน แล้วก็โมโหสยงมู่มู่ไอ้คางคกขึ้นวอนี่ อารมณ์ของเธอก็ยิ่งขุ่นมัว มองไปที่ใครก็จะพลันรู้สึกว่าพวกเขากำลังหัวเราะเยาะเธอ
“คุณอาสยง คุณน้าจ้าว สวัสดีค่ะ” อู่เยวี่ยทักทายอย่างมีมารยาท
จ้าวอิงหนานเหลือบมองเธอแวบนึง ในใจไม่ใช่ว่าไม่พอใจ แค่ไม่ได้ที่หนึ่งก็ทำท่าเหมือนจะตายแบบนี้ เหอะ! แต่ก่อนยกหางขึ้นสูงขนาดนั้น ทั้งวันจะได้ยินเหอปี้อวิ๋นคุยโม้ในโรงเรียน แต่ตอนนี้กลับมาเป็นโฉมหน้าเดิมแล้วสินะ?
มู่มู่ของเธอถ้าได้ใช้ฝีมือสักเล็กน้อย ที่หนึ่งก็แค่ของกล้วยๆ อู่เยวี่ยของคุณจะนับเป็นอะไรได้?
สำหรับครั้งนี้ที่ลูกชายได้ที่หนึ่ง ลึกๆ จ้าวอิงหนานก็รู้สึกปลื้มอกปลื้มใจ มีแม่ที่ไหนจะไม่ชอบเวลาที่ลูกตัวเองได้ที่หนึ่งกันล่ะ พ่อแม่จำพวกที่ปากก็บอกว่าไม่สนใจว่าลูกจะได้คะแนนเท่าไร คนพวกนี้ในใจไม่รู้ว่าสนใจเรื่องนี้มากขนาดไหน แค่พูดแบบนั้นก็เพราะต้องการปลอบใจตัวเองก็แค่นั้น!
“เยวี่ยเยวี่ยปล่อยวางหน่อย อย่าให้ความสนใจเรื่องอันดับมาก ไหนเลยจะมีขุนศึกที่ไม่เคยแพ้ รบแพ้บ้างก็เป็นเรื่องปกติ พวกเราต้องเรียนรู้และคุ้นเคยที่จะแพ้บ้าง”
อู่เยวี่ยรู้สึกเหมือนหัวใจโดนทิ่มแทง ลมหายใจอัดแน่นอยู่ที่อก แต่ก็ฝืนยิ้มออกมา น่าเกลียดกว่าตอนร้องไห้อีก
เหอปี้อวิ๋นโกรธแค้นจนคันฟันไปหมด อะไรคือต้องเรียนรู้คุ้นเคยที่จะแพ้ เยวี่ยเยวี่ยของเธอคือขุนศึกที่ไม่มีวันแพ้ จะพ่ายแพ้ได้อย่างไรกัน?
จ้าวอิงหนานคนนี้กำลังอิจฉา อิจฉาชัดๆ!
อู่เหมยได้ฟังแล้วก็รู้สึกสะใจ ก้มหน้าลงหัวเราะตามใจ มีดเล่มนี้ของจ้าวอิงหนานแทงได้สะใจจริงๆ!
เธอก็ควรเรียนรู้ศิลปะการพูดของจ้าวอิงหนานไว้บ้าง สำหรับเหอปี้อวิ๋นกับอู่เยวี่ย คนแบบนี้ไม่ควรที่จะให้เกียรติด้วย ต้องแทงลงไปแรงๆ
อู่เจิ้งซือไม่ได้มีใจจะไปใส่ใจเรื่องเล็กน้อยพวกนี้ สิ่งที่เขาให้ความสนใจก็คือหน้าตา หลังจากที่ลังเลมาสักพัก ในที่สุดก็เปิดปากพูด “เหมยเหมยสามารถทำให้อาจารย์จ้าวชื่นชอบได้ก็เป็นวาสนาของเธอ อีกทั้งเหมยเหมยกับอาจารย์จ้าวก็มีหน้าตาคล้ายกัน ก็แสดงว่าเหมยเหมยกับอาจารย์จ้าวมีวาสนาต่อกัน ขอเพียงเหมยเหมยเห็นดีด้วย พวกเราผู้ใหญ่แน่นอนว่าไม่คัดค้าน”
จ้าวอิงหนานยิ้มนิดๆ มองอู่เหมย หน้าอู่เหมยหลังจากได้ทายาขี้ผึ้งแล้ว อาการบวมแดงก็ลดลงไปมาก มองดูก็ไม่น่าตกใจขนาดนั้นแล้ว เธอพยักหน้านิดๆ จ้าวอิงหนานหัวเราะอย่างพึงพอใจ มองไปที่อู่เจิ้งซืออีกครั้ง
“พูดขึ้นมาก็แปลกจริงๆ อาจารย์จ้าวเป็นคนเมืองหลวง แต่บ้านผมเป็นคนเมืองจินเกิดและเติบโตที่นี่ ทำไมเหมยเหมยถึงได้มีหน้าตาคล้ายอาจารย์จ้าวกันนะ? อาจารย์สยงคุณว่าแปลกหรือไม่แปลกล่ะ?” อู่เจิ้งซือพูดล้อเล่น
………………………………………………
ตอนที่ 234 ความคิดของเหอปี้อวิ๋น
จ้าวอิงหนานหัวเราะพลางพูดว่า “เหมยเหมยเธอกับฉันมีวาสนาต่อกัน ดูเราสองแม่ลูกสิ ตาจมูกเหมือนกันมาก สามีคุณว่าใช่ไม่ใช่?”
“ใช่ พวกเธอต่างก็เป็นคนสวย คนหนึ่งก็เป็นคนสวยคนโต อีกคนก็เป็นคนสวยคนเล็ก”
พ่อสยงพยักหน้ายิ้มๆ ภรรยาพูดอะไรก็ถูกทั้งหมดแหละ ถึงแม้ว่าอันที่จริงแล้วเขาจะไม่ได้รู้สึกว่าอู่เหมยเหมือนภรรยาของตัวเองขนาดนั้น แต่กลับเหมือนภรรยาของน้องชายของเขามากกว่า ถึงแม้ว่าภรรยาของน้องขายเขาจะเคยเจอแค่สองครั้ง อีกทั้งยังเจอแบบรีบๆ แต่ไฝสีแดงชาดเม็ดนั้นกลับติดอยู่ในความทรงจำของเขาอย่างลึกซึ้ง
จ้าวอิงหนานมองบนใส่พ่อสยง ตั้งแต่หัวจรดเท้าเต็มเปี่ยมไปด้วยรังสีของความสุข เหอปี้อวิ๋นมองจนขนลุกไปทั้งร่าง แต่ก็อิจฉาความรักของคู่สามีภรรยาคู่นี้ที่รักกันมาก
เหมือนเธอกับอู่เจิ้งซือ ถึงแม้ว่าจะเป็นคู่รักกันก็ยังไม่เหมือนสองคนนั้นที่ตอนนี้ตัวติดกันอย่างกับกาว สิบกว่าปีที่เป็นสามีภรรยากัน ต่อหน้าสาธารณชนยังจะทำตัวน้ำเน่า ช่างหน้าไม่อาย ขายขี้หน้าจริงๆ!
ในใจของอู่เจิ้งซือรู้สึกเหยียดหยามพ่อสยงเป็นอย่างมาก ตามที่เขาเห็น พ่อสยงเป็นแมงดาที่เกาะผู้หญิงกินและขี้ขลาดตาขาวคนหนึ่ง ขายหน้าผู้ชายที่สุดจริงๆ!
แต่ว่าบนหน้าของเขาไม่แสดงออกแม้แต่น้อย เมื่อผ่านการครุ่นคิดครั้งแล้วครั้งเล่า อู่เจิ้งซือก็ตัดสินใจไม่ละทิ้งการผูกญาติครั้งนี้ เขารู้สึกว่าการที่จ้าวอิงหนานกับอู่เหมยหน้าตาเหมือนกันนั้นน่าจะเป็นเรื่องบังเอิญเท่านั้น ไหนเลยที่จะเป็นคนคนนั้น!
ในเมื่อเหมยเหมยก็ไม่ได้ไม่เห็นด้วย ถ้าอย่างนั้นเรื่องนี้ก็เป็นไปตามนี้ สามารถเป็นลูกบุญธรรมของพวกคุณสามีภรรยาได้ก็เป็นวาสนาของเหมยเหมย” อู่เจิ้งซือเห็นชอบอย่างยินดี
จ้าวอิงหนานเป็นคนนิสัยใจร้อน เธอให้อู่เหมยเรียกเธอว่าแม่บุญธรรมในทันที อีกทั้งยังถอดกำไลหยกจากมือ บอกว่าให้อู่เหมยเป็นของขวัญที่ได้พบหน้ากัน อู่เจิ้งซือมองจนคิ้วขมวด เขาเป็นคนที่เข้มงวดในเรื่องของกฏเกณฑ์ ท่าทางของจ้าวอิงหนานทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจจริงๆ
มีอย่างที่ไหนที่คิดอยากจะผูกญาติก็ผูกได้เลยตามใจ?
แม้กระทั่งคนกลางก็ยังไม่มี เป็นกระทำที่มั่วซั่วจริงๆ!
พ่อสยงก็โดนการกระทำภรรยาของตัวเองทำให้กลืนไม่เข้าตายไม่ออก ตีจ้าวอิงหนานเบาๆ พูดเสียงเบาอีกว่า “อิงหนานอย่าใจร้อน การผูกญาติไม่ใช่ว่าแค่พูดก็ได้แล้ว พวกเราต้องหาคนกลางที่เหมาะสมอีก เลือกฤกษ์งามยามดีอีก สองบ้านนั่งลงมาจัดพิธีทำความรู้จักกัน อย่างนี้สิถึงจะได้มาตรฐาน!”
จ้าวอิงหนานเบะปากอย่างไม่พอใจ ทำหน้ามุ่ยส่งเสียงบ่นว่า “กฏเกณฑ์เยอะจริงๆ!”
อู่เจิ้งซือขมวดคิ้วอีกครั้ง พ่อสยงรีบพูดขึ้นมาว่า “ผมว่าเรื่องคนกลางคงต้องรบกวนอาจารย์อู่ ผมกับอิงหนานอยู่ที่นี่ยังไม่ค่อยเชี่ยวชาญเรื่องคน อาจารย์อู่รู้สึกอย่างไร?”
“การเคารพเทียบไม่ได้กับทำตามคำสั่ง อาจารย์สยงรู้สึกว่าท่านผู้เฒ่าเหยียนเป็นยังไง?” อู่เจิ้งซือก็ไม่อยากจะพูดกับจ้าวอิงหนานอีกต่อไป เขาถือว่ามองออกแล้ว ครอบครัวนี้ก็มีพ่อสยงที่เข้าใจในหลักทำนองคลองธรรม อีกสองคนนั้นที่โง่แล้วก็ตรรกะมั่วนิ่ม
พ่อสยงพยักหน้ายิ้มๆ “ท่านผู้เฒ่าเหยียนมีคุณธรรมและบารมีสูงส่ง ลูกศิษย์เต็มบ้านเต็มเมือง แน่นอนว่าเหมาะสมที่สุด ส่วนเรื่องฤกษ์ยาม…”
จ้าวอิงหนานร้อนใจส่งเสียงเอะอะว่า “ฉันว่าเลือกวันไม่ดีเท่าเสี่ยงวัน ยังไงก็วันนี้แหละ”
พ่อสยงตีเบาๆ ที่ภรรยาของตัวเองอย่างปลอบโยน บอกให้ใจเย็นๆ ไม่เห็นคิ้วของอู่เจิ้งซือหรือว่าจะรวมกันเป็นก้อนเดียวกันแล้ว จ้าวอิงหนานเบะปาก มิน่าล่ะลูกชายถึงบอกว่าอู่เจิ้งซือเป็นคนหัวโบราณ เป็นไปตามที่พูดไว้ไม่ผิดแม้แต่นิดเดียว
อู่เจิ้งซือกลับไม่ได้ให้ความสำคัญกับฤกษ์ยามมากนัก ถึงอย่างไรเขาก็ไม่ได้เชื่อสิ่งนี้มากนัก เพียงแค่เขาไม่พอใจทัศนคติที่ไม่รอบคอบของจ้าวอิงหนาน ผูกญาติเป็นเรื่องที่สำคัญขนาดนี้ จะปฏิบัติแบบขอไปทีได้อย่างไร?
วันนี้จะเร่งด่วนเกินไปหน่อย ผมว่าไม่งั้นก็พรุ่งนี้ตอนบ่ายเป็นไง? อาจารย์สยงคุณว่ายังไง?” อู่เจิ้งซือมีเจตนาขัดจ้าวอิงหนาน
พ่อสยงพยักหน้าพูดว่า “งั้นก็เป็นพรุ่งนี้ตอนบ่าย แล้วพรุ่งนี้ตอนเย็นทั้งหมดก็ทานข้าวกันที่บ้านผม ผมจะเตรียมกับข้าวดีๆ เหล้าดีๆเตรียมให้พร้อม”
อู่เจิ้งซือพอใจจนหัวเราะออกมา อย่างนี้ถึงจะเป็นวิธีการผูกญาติที่ถูกต้อง!
ตลอดการสนทนาเหอปี้อวิ๋นไม่ได้ออกเสียงเลย สมองของเธอกำลังทำงานด้วยความเร็วสูง มีความคิดที่ค่อนข้างจะใจกล้ามากลอยขึ้นมา ดวงตายิ่งประกายแสงแวววับ
………………………………………………