ตอนที่ 464 สวยตะลึงเป็นพิเศษ
เซียวเหยี่ยนผลักประตูเปิดออกทันที หลิงอวี้จื้อสวมชุดแต่งงานสีแดงเด่น เมื่อเห็นเซียวเหยี่ยนเข้ามา เธอก็ยิ้มสดใสให้เซียวเหยี่ยน
ชุดแต่งงานเป็นกระโปรงยาว ชายกระโปรงสีแดงกองปูพื้น ดิ้นทองบนตัวเปล่งประกายระยิบระยับ เสริมให้ผิวของหลิงอวี้จื้อยิ่งขาวผ่อง
ยังมีลวดลายดอกโบตั๋นตรงมุมอับของไหมเฟิ่งหวง หากไม่ดูละเอียดก็จะมองไม่ออก ดอกโบตั๋นขยับไหวมีชีวิตขึ้นมา ตามย่างก้าวของหลิงอวี้จื้อ เวลาหยุดอยู่เฉยๆ ดูไม่เหมือนของจริง แต่เมื่อเดินเคลื่อนไหวจะเห็นได้ชัด นี่เป็นคุณสมบัติพิเศษของไหมเฟิ่งหวง
ปกติหลิงอวี้จื้อไม่ค่อยใส่เสื้อผ้าสีสันฉูดฉาด จะแต่งตัวแนวน่ารักสดใส
ตอนนี้สวมชุดสีแดงเด่นทั้งตัว ชุดแต่งงานอันมีมนต์เสน่ห์นี้มิได้กลบความไร้เดียงสาของเธอ แต่กลับเสริมบุคลิกความเป็นผู้ใหญ่ให้กับเธอ บุคลิกทั้งสองอย่างนี้ผสมผสานกันอย่างสมบูรณ์แบบ ทำให้เธอในตอนนี้มีเสน่ห์เป็นอย่างมาก
แววตาของเซียวเหยี่ยนแสดงความทึ่งอย่างเห็นได้ชัด ความรู้สึกที่มีต่อหลิงอวี้จื้อเช่นนี้ ครั้งที่แล้วเกิดขึ้นตอนที่หลิงอวี้จื้อเต้นระบำในงานเลี้ยงมื้อค่ำเทศกาลไหว้พระจันทร์ ตอนนี้นางทำให้เขาตะลึงอีกครั้ง
หลิงอวี้จื้อของเขายังงดงามมากเหมือนเคย
หลิงอวี้จื้อเดินไปตรงหน้าเซียวเหยี่ยน แววตาแจ่มใสแฝงความตื่นเต้นดีใจอย่างเห็นได้ชัด
“เป็นอย่างไรบ้าง สวยหรือไม่เพคะ”
เซียวเหยี่ยนพยักหน้าอย่างหนักแน่น
“สวยงามอย่างยิ่ง”
“ไหมเฟิ่งหวงนี่อัศจรรย์มาก นึกไม่ถึงว่าลวดลายดอกโบตั๋นนี้จะขยับได้ มิน่าทั้งแคว้นเว่ยตะวันตกถึงมีอยู่เพียงชุดเดียว เนื้อผ้าอันน่าอัศจรรย์นี้มาจากไหนหรือเพคะ ชุดแต่งงานนี้งดงามเหลือเกินเพคะ”
หลิงอวี้จื้อชมชุดแต่งงานไม่หยุดปาก วันนี้เธอไม่ได้เปลี่ยนทรงผมและการแต่งหน้า ถ้าหากแต่งให้ดีๆ หน่อย จะต้องสวยตะลึงเป็นพิเศษ เมื่อครู่เธอมองเห็นความทึ่งทะลุแววตาของเซียวเหยี่ยน
“เจ้าต่างหากที่สวยมาก”
หลิงอวี้จื้ออารมณ์ดีมาก
“จริงหรือเพคะ ข้าสวยกว่าชุดหรือ”
“เหตุใดต้องเปรียบเทียบกับชุด”
เซียวเหยี่ยนถามด้วยความสงสัย
หลิงอวี้จื้ออาย นั่นสิ คำถามนี้โง่จริงๆ จะไปเปรียบเทียบความสวยกับชุดๆ หนึ่งทำไม คงจะดีใจมากเกินไป การเป็นดารา ทำให้เธอได้สวมชุดแบรนด์เนมไฮเอนด์มามากมาย ชุดออกงานก็เคยใส่มาไม่น้อย แต่ไม่เคยมีชุดไหนที่ทำงานดีใจจนเป็นเช่นนี้ ทำให้เธอไม่อยากถอดออก รู้สึกมีความสุขมาก
ผู้ชายตรงหน้านี้เป็นคนที่เธออยากใช้ชีวิตด้วยตลอดไป อืม นี่แหละคนที่ใช่ ทำให้เธอรู้สึกถึงการเป็นเจ้าของอย่างรุนแรง เฝ้ารอวันที่จะได้แต่งงานกับเขาเร็วขึ้น ความคิดอยากแต่งงานรุนแรงเช่นนี้เกิดขึ้นเมื่ออยู่กับเขาเท่านั้น
“ข้าตื่นเต้นเกินไป ชุดแต่งงานนี้ข้าชอบมาก ขอบคุณนะ อาเหยี่ยน ที่ทำชุดสวยขนาดนี้ให้ข้า”
เซียวเหยี่ยนกุมมือหลิงอวี้จื้อ
“พอดีเลย ดูๆ แล้วข้าวัดขนาดได้แม่นยำมาก”
“…”
หลิงอวี้จื้อหมดคำตอบโต้ เขินจนต้องก้มหน้า
เซียวเหยี่ยนยื่นมือไปเชยคางเธอขึ้นมา โน้มตัวลงจุมพิตริมฝีปากของเธอ ส่วนหลิงอวี้จื้อหลับตาลง จุมพิตนี้ หวานจัง
วันถัดมา หลิงอวี้จื้อเข้าวังไปร่วมงานเลี้ยง แต่งหน้าอย่างบรรจงสวยงาม ผิวขาวนั้นขาวผ่อง ราวกับแกะสลักจากหยกขาว น่ารักอย่างยิ่ง หากพูดเรื่องน่ารัก กุลสตรีในเมืองหลวงทั้งหมดนี้ไม่มีใครสู้เธอได้ ในบรรดากุลสตรีเหล่านี้ นับว่าเธอมีความโดดเด่นมาก บุคลิกไม่ซ้ำใคร หน้าก็ไม่ซ้ำใคร
เธอสวมชุดสีเขียวอ่อนทั้งตัว สดใสน่าพึงใจมาก เธอนั่งหน้ากระจกทองแดงตบหน้าตัวเองเบาๆ ไม่แน่วันนี้อาจจะเป็นวันที่สนุกมากวันหนึ่ง อย่างไรเธอก็มีลางสังหรณ์ ว่าวันนี้จะต้องเกิดเรื่องบางอย่างแน่
หลังจากเตรียมตัวเรียบร้อยแล้ว เธอก็พาหรูเยียนเข้าวัง ตอนแรกอยากพามั่วชิงไป แต่คราวที่แล้วมั่วชิงจับตัวไทเฮาไว้ จึงไม่เหมาะที่จะเข้าวังอีก เพื่อไม่ให้มู่หรงกวานเย่ว์หาเรื่องให้ลำบากใจ และทำให้ในวังไม่มีปัญหาด้านความปลอดภัยด้วย
ตอนที่ 465 เปิดเผยตัวตน
ข้างนอกแดดจ้า สวนดอกไม้ในวังเริ่มบานแล้ว ถึงแม้จะไม่มาก แต่ก็ได้กลิ่นหอมจางๆ ของดอกไม้
มู่หรงกวานเย่ว์จัดงานเลี้ยงในสวนดอกไม้ เชิญลูกสาวขุนนางในเมืองหลวงมาชมดอกไม้ ทั้งหมดสิบกว่าคน
แต่ละคนแต่งตัวอย่างประณีตบรรจง สวมเสื้อผ้าหลากสีสันแตกต่างกัน ผู้หญิงอยู่ด้วยกันหลายคนย่อมเปรียบเทียบความงามกันเป็นธรรมดา ฉากนั้นน่าดูกว่าดอกไม้ที่ขึ้นหร็อมแหร็มมาก
เฉินปี้ก็ย่อมต้องอยู่ด้วย นางสวมชุดสีฟ้าทั้งตัว ดูสุขุมราวกับน้ำ
รอบกายมีลูกสาวขุนนางรายล้อม นางยืนเป็นจุดสนใจอยู่ตรงกลาง คนที่รายล้อมอยู่ล้วนถูกตีตก ทำให้ใครที่มองผ่านมาย่อมมองพุ่งไปที่นาง เห็นได้ชัดว่านางเป็นคนที่มนุษยสัมพันธ์ดีมาก พูดคุยหัวเราะกับบรรดาลูกสาวขุนนางด้วยรอยยิ้มอบอุ่นเป็นมิตร คล้ายว่ากลายเป็นดาราของงานเลี้ยง
การมาของเฉินปี้อยู่ในความคาดหมายของเธอ ที่ทำให้เธอประหลาดใจคือเธอมองเห็นมู่หรงกวานเสวี่ยอยู่ท่ามกลางผู้คน
นึกไม่ถึงว่านางจะมาด้วย ในนี้ล้วนเป็นสาวน้อยที่ยังไม่ออกเรือน มีเพียงนางเพียงคนเดียวที่เกล้ามวย สะดุดตามาก นางกลับเมืองหลวงมาตั้งแต่เมื่อไหร่ นึกไม่ถึงว่ายังกล้าเข้าวังอย่างโจ่งแจ้งอีก ช่างกล้าดีจริงๆ
ตอนแรกนางยืนคุยอยู่ข้างๆ มู่หรงกวานเย่ว์ หลิงอวี้จื้อเห็นว่าบนโต๊ะมีผลไม้วางอยู่ไม่น้อย เธอหยิบบ๊วยมาหนึ่งเม็ด กัดไปหนึ่งคำ นึกไม่ถึงว่ารสชาติจะดีขนาดนี้
เพิ่งจะพ่นเม็ดออกไป มู่หรงกวานเย่ว์และมู่หรงกวานเสวี่ยก็เดินมาหาเธอพร้อมกัน หลิงอวี้จื้อรีบทำความเคารพมู่หรงกวานเย่ว์
มู่หรงกวานเย่ว์สวมชุดสุภาพสีม่วง แต่งตัวสูงศักดิ์หาใดเปรียบ หากพูดเรื่องบุคลิกและความภูมิฐานแล้ว คนที่นี่ไม่มีใครสู้มู่หรงกวานเย่ว์ได้ สมแล้วที่นางเป็นไทเฮา คลุกคลีอยู่ในวังมาก็ตั้งหลายปี
มู่หรงกวานเย่ว์พยักหน้าให้หลิงอวี้จื้อ รักษาความสง่างามที่ไทเฮาควรมีไว้
“ลุกขึ้นเถิด!”
“เพคะ”
หลิงอวี้จื้อไม่ได้มีความขัดแย้งกับมู่หรงกวานเย่ว์ซึ่งหน้า ด้วยเหตุนี้ต่อหน้ามู่หรงกวานเย่ว์ก็ยังแสดงความเคารพอยู่มาก เพื่อเลี่ยงไม่ให้นางหาเรื่องจับผิดอะไร เช่นนั้นจะไม่เป็นผลดีกับเธอ ถึงแม้เธอไม่จำเป็นต้องกลัวใคร แต่มู่หรงกวานเย่ว์เป็นไทเฮา อย่างไรก็ต้องรักษาหน้านาง
“สมกับเป็นคนกำลังจะออกเรือนจริงๆ คุณหนูหลิงดูมีสง่าราศีดีมาก”
มู่หรงกวานเสวี่ยมองหลิงอวี้จื้อเหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม สายตาเยือกเย็นราวคมมีด นางยังจำความแค้นที่ถูกแทงได้ดี บนตัวยังมีรอยแผลเป็นที่เห็นได้ชัด
“นี่เป็นงานมงคล ข้าย่อมดีใจอยู่แล้ว สีหน้าของเจียงฮูหยินดูไม่ค่อยดี เหตุใดจู่ๆ เจียงฮูหยินจึงกลับมาเจ้าคะ
ข้ายังนึกว่าเจียงฮูหยินจะอยู่ที่สำนักอู๋จี๋ระยะยาวเสียอีก ท่านเป็นถึงศิษย์รักของเจ้าสำนัก ตอนนี้เฟิงอิ๋นก็ตายไปแล้ว ผู้คุมกฎในสำนักอู๋จี๋ก็ไม่มีแล้ว เจ้าสำนักทำใจยอมให้ท่านกลับมาได้หรือ”
ได้ยินหลิงอวี้จื้อพูดเช่นนี้ มู่หรงกวานเสวี่ยก็เริ่มมีสีหน้าไม่เป็นธรรมชาติ รีบปฏิเสธทันที
“ข้าไม่เข้าใจว่าเจ้ากำลังพูดอะไร คุณหนูหลิง ต่อพระพักตร์ไทเฮา เจ้าอย่าพูดจาเหลวไหลไร้สาระ ข้าไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับสำนักอู๋จี๋แม้แต่น้อย”
นึกไม่ถึงว่ามู่หรงกวานเสวี่ยจะปฏิเสธ หลิงอวี้จื้อแอบพินิจดูมู่หรงกวานเย่ว์ พบว่านางก็กำลังมองมู่หรงกวานเสวี่ย ดูเหมือนนางไม่รู้ตัวตนของมู่หรงกวานเสวี่ยเลย มิหนำซ้ำเมื่อครู่ตอนที่มู่หรงกวานเสวี่ยพูดถึงเรื่องนี้ ดูไม่เป็นธรรมชาติอย่างยิ่ง นี่ทำให้เธอเริ่มสงสัย หรือว่ามู่หรงกวานเย่ว์ไม่รู้ว่ามู่หรงกวานเสวี่ยเป็นผู้คุมกฎแห่งสำนักอู๋จี๋
นี่ก็ไม่ถูกต้อง คนที่อยู่เบื้องหลังคือมู่หรงกวานเย่ว์ นางจะไม่รู้ได้อย่างไร หรือว่าทั้งสองคนจงใจแกล้งทำ
“มีความสัมพันธ์หรือไม่ เจียงฮูหยินรู้ดีแก่ใจ วิ่งไปวิ่งมาทั้งสองข้างเช่นนี้ เจียงฮูหยินคงลำบากแย่!”
มู่หรงกวานเสวี่ยเริ่มโมโหแล้ว
“หากเจ้ายังพูดเหลวไหลอีกข้าจะฉีกปากเจ้า”
“วิทยายุทธ์ของเจียงฮูหยินสูงส่งแข็งแกร่ง อย่าว่าแต่ฉีกปากข้าเลย แม้แต่จะพรากชีวิตข้าไปก็แสนจะง่ายดาย ที่เจ้าใช้กระบี่แทงท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์คราวนั้น จนบัดนี้ข้ายังจำได้ชัดเจน ก่อนนี้ไม่รู้เลยว่าเจียงฮูหยินเป็นผู้เยี่ยมยุทธ์แห่งยุทธภพ ช่างถ่อมตนเงียบเชียบมิดชิดเสียจริง”