ตอนที่ 466 ตัวแม่แห่งการตีสองหน้า
“เจ้า…”
มู่หรงกวานเสวี่ยโกรธจัด ตรวจดูสีหน้าท่าทางของมู่หรงกวานเย่ว์อย่างระมัดระวัง
นางนึกไม่ถึงว่าหลิงอวี้จื้อจะยกเรื่องนี้มาพูดต่อหน้าคนอื่น เดิมทีกลัวว่ามู่หรงนี่อวิ๋นจะพูด นางเตรียมหาโอกาสเหมาะเพื่อพูดกับมู่หรงกวานเย่ว์ให้เข้าใจ สุดท้ายมู่หรงนี่อวิ๋นไม่ได้พูด กลายเป็นหลิงอวี้จื้อเป็นคนพูดออกมาก่อน
สีหน้าของมู่หรงกวานเย่ว์ขรึมลง มู่หรงกวานเสวี่ยอธิบายอย่างเร่งรีบ
“ท่านพี่ อย่าฟังเด็กนี่พูดจาเหลวไหลนะเพคะ เรื่องไม่ได้เป็นอย่างที่นางพูด”
“เอาล่ะ เดี๋ยวเจ้ากลับวังฉางเล่อกงกับข้า พวกเราพี่น้องมิได้พูดคุยกันนานแล้ว ควรจะพบปะพูดคุยสารทุกข์สุกดิบกันบ้าง”
มู่หรงกวานเสวี่ยเข้าใจความหมายของมู่หรงกวานเย่ว์ ตอนแรกก็คิดอยู่ว่าจะบอกมู่หรงกวานเย่ว์หลังงานเลี้ยง ในเมื่อปิดไม่อยู่แล้ว สิ่งที่ควรบอกนางก็จะบอกมู่หรงกวานเย่ว์ให้หมด
หลายปีมานี้พวกนางสองพี่น้องช่วยเหลือเกื้อกูลกัน นางไม่เคยทำเรื่องอะไรผิดต่อมู่หรงกวานเย่ว์ ถึงแม้นางจะไม่ใช่มู่หรงกวานเสวี่ยตัวจริง นางก็เชื่อว่ามู่หรงกวานเย่ว์จะไม่ทำอะไรนาง ในเมื่อนางจะยังช่วยเหลือมู่หรงกวานเย่ว์ต่อไปอีก
มู่หรงกวานเย่ว์พูดจบก็หันไปทางหลิงอวี้จื้อ
“คุณหนูหลิง วันนี้เฉินปี้ก็อยู่ ไม่นานพวกเจ้าก็ต้องเป็นพี่น้องกันแล้ว จงถือโอกาสนี้พบปะพูดคุยกัน
คุณหนูเฉินรอบรู้มีการศึกษา ต่อไปนางจะกลายเป็นผู้ช่วยของเจ้าแน่นอน หวังว่าพวกเจ้าจะสามัคคีกัน เช่นนี้ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์จะได้ทำงานให้ราชสำนักอย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องพะวงเรื่องหลังบ้าน”
“หม่อมฉันเข้าใจแล้วเพคะ”
หลิงอวี้จื้อรับคำแล้วก็ออกไป ในใจเธอยิ่งสงสัยมากขึ้นทุกที
ก่อนหน้านี้เธอสงสัยอย่างมากว่าคนที่สมรู้ร่วมคิดกับสำนักอู๋จี๋ก็คือมู่หรงกวานเย่ว์ หากมู่หรงกวานเย่ว์ไม่รู้ตัวตนของมู่หรงกวานเสวี่ย เช่นนั้นคนคนนั้นอาจจะไม่ใช่นาง หากไม่ใช่นาง แล้วเป็นใคร
ผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นเป็นของคนในวัง ใครยังจะมีอำนาจมากเช่นนี้อีก นอกจากมู่หรงกวานเย่ว์ คนอื่นก็ไม่มีความจำเป็นต้องทำเรื่องเช่นนี้ แปลกจริง เรื่องนี้คิดอย่างไรก็คิดไม่ออก ไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย
เธอเดินไปหาเฉินปี้ เฉินปี้เห็นหลิงอวี้จื้อแล้ว ก็ทักทายหลิงอวี้จื้อ เผยรอยยิ้มอันเป็นมิตร
“คุณหนูหลิง วันนี้อากาศดีเช่นนี้ พวกเราไปเดินเล่นกันสักหน่อยดีหรือไม่”
“ได้สิ ไปเถิด!”
เฉินปี้เป็นมิตร หลิงอวี้จื้อก็เป็นมิตรยิ่งกว่า ไม่เพียงแต่ยิ้มอย่างสดใส เธอควงแขนเฉินปี้อย่างสนิทสนมทันที เธอเปลี่ยนความคิดใหม่ เธอจะไม่ต่อต้านเฉินปี้ ไหนๆ ก็ทำให้คนอื่นเห็น เธอก็ทำให้คนอื่นได้เห็นให้ชัดๆ ว่าตนเองดีกับเฉินปี้แค่ไหน จะได้ไม่ต้องไปเป็นขี้ปากของคนอื่น ในเมื่อมีคนไม่น้อยกำลังรอดูเรื่องขายหน้า
ตามคาด เมื่อสองคนแสดงกิริยาใกล้ชิดสนิทสนมเช่นนี้ ทำให้เหล่าบรรดาลูกสาวขุนนางต่างตกตะลึง แอบพูดคุยซุบซิบกันเป็นแถบๆ
เฉินปี้ไม่คุ้นเคยที่หลิงอวี้จื้อคล้องแขนนางไว้เช่นนี้ อยากจะผลักหลิงอวี้จื้อออกไป แต่สุดท้ายก็ไม่ทำอะไร
นางรู้สึกประหลาดใจ สองคนเจอหน้ากันคราวที่แล้ว หลิงอวี้จื้อไม่ต้อนรับนางอย่างเห็นได้ชัด นางนึกว่าเจอกันคราวนี้ หลิงอวี้จื้อจะแสดงออกชัดเจนกว่าเดิม ใครจะไปรู้ว่าเธอจะแสดงกิริยาสนิทสนมเช่นนี้ เธอคิดจะทำอะไรกันแน่
“คุณหนูหลิง ข้ารู้ดีว่าเจ้ากับท่านอ๋องต่างรักซึ่งกันและกัน แต่ผู้ชายอย่างท่านอ๋องถูกกำหนดมาให้ไม่สามารถมีผู้หญิงได้เพียงคนเดียว เจ้ารักและชื่นชมท่านอ๋อง ข้าก็รักและชื่นชมท่านอ๋องเช่นกัน
ข้าจะไม่แย่งท่านอ๋องกับคุณหนูหลิงเด็ดขาด จะทุ่มเทแรงกายแรงใจกับคุณหนูหลิงเพื่อปรนนิบัติท่านอ๋อง จัดการดูแลจวนท่านอ๋อง ให้กำเนิดบุตรแก่ท่านอ๋องด้วยกัน”
ได้ยินเช่นนี้ สีหน้าหลิงอวี้จื้อก็เปลี่ยนทันที แล้วกลับมาเป็นปกติอย่างไว เฉินปี้หน้าไม่อาย เซียวเหยี่ยนบอกเธออยู่ชัดๆ ว่าเฉินปี้เองก็ยินดีออกจากจวนอ๋อง เห็นนางกลับพูดอีกแบบหนึ่งแล้ว นี่เป็นตัวแม่แห่งการตีสองหน้าแท้ๆ มารยาซ่อนลึกไม่ธรรมดาจริงๆ
ตอนที่ 467 เกาะอยู่ในจวนท่านอ๋องไม่ไปไหน
“คุณหนูเฉิน ข้าจำได้ว่าอาเหยี่ยนไปหาเจ้ามา ควรพูดว่าบอกเจ้าชัดเจนไปแล้วมากกว่า บัดนี้เจ้าพูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร คงไม่ลืมคำที่ตัวเองพูดเองก่อนหน้านี้หรอกกระมัง!
อะไรที่ไม่ใช่ของเจ้าก็ไม่ใช่ของเจ้า คิดมากไปไม่ดีต่อสุขภาพ คุณหนูเฉินอายุยังน้อย เหตุใดต้องหาเรื่องลำบากตนเอง”
เฉินปี้เห็นว่าคนอื่นอยู่ค่อนข้างไกล จึงปล่อยมือจากหลิงอวี้จื้อ รักษาระยะห่างจากหลิงอวี้จื้อหนึ่งก้าว ดูจากไกลๆ ยังคงรู้สึกว่าทั้งสองคนใกล้ชิดกันเช่นเดิม
ข้างหน้าเป็นทะเลสาบไท่เยี่ยในสวนดอกไม้ของวังหลวง สองคนยืนอยู่ข้างต้นหลิวริมทะเลสาบ เฉินปี้ยกมือขึ้นเอาผมที่หล่นลงมาเกี่ยวหู
“ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์สะดุดตาเช่นนี้ ข้าจะรักใคร่ชอบพอท่านอ๋องผิดตรงไหนมิทราบ”
“ไม่ผิดหรอก เจ้าชอบเขาได้อยู่แล้ว เพียงแต่เขามิได้ชอบเจ้า ซ้ำยังบอกกับเจ้าชัดเจนแล้วด้วย หากเจ้าแต่งเข้าจวนท่านอ๋องไป ก็เป็นได้เพียงแม่หม้ายเฝ้าเรือนเท่านั้น
เจ้าจะดึงดันเข้ามาก็ไม่มีใครห้ามเจ้า เพียงแต่ทำเช่นนั้นก็แสดงให้เห็นว่าตนเองต่ำมาก
อย่างไรเจ้าก็เป็นหญิงงามอันดับหนึ่งของเมืองหลวง มีคนรอต่อแถวสู่ขอเจ้าอยู่ ก็ยังดึงดันจะเกาะคนที่ไม่สนใจไยดีเจ้า เพื่ออะไรกัน ถึงเวลานั้นเจ้าไม่โอดครวญแค้นเคืองก็ดีไป หากเจ้าอยู่ไม่สุข ข้าก็ไม่มีทางปรานีเจ้าเช่นกัน”
เฉินปี้นึกไม่ถึงว่าหลิงอวี้จื้อจะปากร้ายเช่นนี้ แม้คำพูดเหล่านี้จะทำให้นางไม่สบายใจอยู่บ้าง แต่ใบหน้ามิได้แสดงออกไปแม้แต่น้อย ยังคงมีท่าทีอ่อนโยนเช่นเดิม
พูดพลางยิ้มน้อยๆ ว่า
“ข้าแต่งงานกับเขาเพราะไทเฮาพระราชทานงานแต่งให้ ต่อไปเขาก็จะเป็นสามีของข้าอย่างถูกต้อง เหตุใดจะอยู่กับเขาไม่ได้ นี่เป็นหลักการตามทำนองคลองธรรมมิใช่หรือ
คุณหนูหลิง ความแตกต่างระหว่างข้ากับเจ้ามีเพียงแค่ตอนนี้ ใจท่านอ๋องมีเพียงเจ้าผู้เดียว เจ้ารับประกันได้หรือว่า ในใจเขาจะมีเพียงตำแหน่งของเจ้าผู้เดียวตลอดไป
ข้าจะบอกเจ้าให้ ข้าจะไม่มีวันไปจากจวนท่านอ๋องเด็ดขาด นอกจากข้าจะตายเสียก่อน ขอเพียงได้เข้าจวนไปแล้ว ข้าก็จะเป็นคนของท่านอ๋อง
ถึงแม้ท่านอ๋องจะไม่เข้าห้องข้า ข้าก็จะไปเฝ้าท่านอ๋อง เขาเป็นสามีของข้า และจะเป็นที่พึ่งพิงสุดท้ายของข้าไปทั้งชีวิต จวนท่านอ๋องเป็นบ้านของเจ้า และต่อไปก็จะเป็นบ้านของข้า”
หลิงอวี้จื้อขมวดคิ้วมองเฉินปี้ นึกไม่ถึงว่าเฉินปี้จะหน้าไม่อายเพียงนี้ ยังไม่ทันได้เข้าจวนก็เริ่มยั่วยุเธอเสียแล้ว
ตอนแรกยังนึกว่านางจะดัดจริตเสแสร้ง ยังไม่กล้าทำอะไรตอนนี้ นึกไม่ถึงว่าตนเองจะประเมินเฉินปี้ต่ำไป กล้าท้าทายเธอตั้งแต่ตอนนี้ ต่อไปเข้าจวนไปแล้วจะต้องก่อเรื่องแน่นอน ไม่ต้องใช้สมองก็คิดได้ นางจะเกาะอยู่ในจวนท่านอ๋องไม่ไปไหน
เธอนึกถึงชิวจวี๋ที่ไม่รู้ว่าใช้วิธีอะไรถึงตั้งครรภ์ขึ้นมาได้ เฉินปี้คงไม่คิดจะใช้วิธีเดียวกันเพื่อยึดตำแหน่งไว้หรอกนะ!
รู้อยู่เต็มอกว่านางคิดไม่ซื่อยังจะรับนางเข้าจวนอีก นั่นไม่ใช่หาเรื่องทุกข์ใส่ตัวหรอกหรือ ในเมื่อเฉินปี้เป็นคนเช่นนี้ เธอก็ไม่อยากเล่นเกมนี้กับเฉินปี้ต่อไปแล้ว ต้องคิดวิธีหยุดยั้งไม่ให้เฉินปี้แต่งเข้าจวนได้
“ถ้าแจ้าแน่จริงก็พูดเช่นนี้ให้อาเหยี่ยนฟังอีกรอบสิ เจ้ามาทำเก่งกล้าสามารถอะไรต่อหน้าข้า”
เฉินปี้หยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาปิดปากแล้วพูดว่า
“คำพูดเหล่านี้เจ้าเข้าใจคนเดียวก็พอแล้ว ในเมื่อต่อไปคนที่ต้องพบปะเจอกันเช้าเย็นก็คือพวกเรา ท่านอ๋องยุ่งเรื่องงาน คงไม่อยู่ในจวนบ่อยๆ หรอก”
“ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็ลองดูสิ ดูสิว่าชีวิตแต่ละวันจะเป็นอย่างที่เจ้าจินตนาการหรือไม่ ข้าจะบอกให้ เจ้ากับข้าช่างแตกต่างกันมากนัก นอกจากใจอาเหยี่ยนมีเพียงข้าแล้ว ความแตกต่างที่ใหญ่ที่สุดก็คือข้าเป็นเมีย เจ้าเป็นอนุ
ในจวนตระกูลเฉินต้องมีอนุแน่นอน คุณหนูเฉินคงซึมซับมาตั้งแต่เด็ก ควรจะรู้ว่าอนุคืออะไร
อนุจำเป็นต้องปรนนิบัตินายหญิงของจวน ต่อไปเจ้าก็ต้องเรียนรู้กฎเกณฑ์ไว้ให้ดี ปรนนิบัติข้าให้ดีๆ ข้าชอบคนที่ขยันทำงานหนักหน่อย กลับไปแล้ว ข้าก็ควรไปคิดดูว่าจะตั้งกฎระเบียบอะไรให้เจ้าถึงจะดี”
คำว่าอนุนั้นทิ่มแทงใจเฉินปี้ นางไม่มีทางเป็นอนุไปตลอดชีวิต ทุกอย่างเป็นแค่เรื่องชั่วคราว หลิงอวี้จื้อ เจ้าก็ไม่มีทางได้ใจไปตลอดเช่นกัน