ตอนที่ 357 เข้าประตูแล้วก็ล้วนเป็นผู้หญิงของท่าน
เฉินยางฝันตอนกลางคืน นางฝันเห็นน่าอวี้ยิ้มให้ตน สีหน้านั้นซีดขาว ริมฝีปากกลับแดงจัด ถามนางครั้งแล้วครั้งเล่าว่า “ทำไมท่านถึงได้เลือกข้าเข้าจวน” ถามจบนางก็เอามือปิดหน้าร้องไห้ ร้องไห้เสร็จก็เงยหน้าขึ้นมา ใบหน้าดำมืด แยกไม่ออกว่าอันใดเป็นจมูกอันใดเป็นตา นางชูมือพุ่งใส่เฉินยาง บอกว่าเฉินยางทำร้ายนาง บอกว่านางแค้นนาง
จากนั้นก็เป็นภาพสีแดงเต็มไปหมด ดั่งคลื่นถาโถมใส่นาง พริบตาเดียว ก็เห็นน่าอวี้ยืนยิ้มให้นางอยู่บนฝั่ง บนฝั่งเฝิงเยี่ยไป๋กำลังฆ่าคน ดาบหนึ่งคนหนึ่งเหมือนดั่งผ่าฟืน นางก้มศีรษะดู คลื่นที่ถาโถมเข้ามาใส่นางนั้นไม่ได้เป็นคลื่น แต่เป็นศีรษะมนุษย์ที่แสยะยิ้มอย่างน่ากลัว
นางตกใจมาก ดิ้นตื่นจากความฝัน ยังหวาดผวาอยู่ สองตาเบิกโพลง
เฝิงเยี่ยไป๋หลับไม่ลึก ตั้งแต่ที่นางเริ่มร้อง “ช่วยด้วย” นั้นเขาก็ตื่นแล้ว นางฝันร้าย ปลุกไม่ตื่น จึงทำได้เพียงกอดนางเอาไว้ แล้วจูบหน้าผากนาง ปลอบนาง “ไม่เป็นไรๆ ไม่ต้องกลัวๆ” แล้วเช็ดเหงื่อที่หน้าผากให้นาง
เฉินยางเอียงตัวมุดเข้าอยู่ในอ้อมกอดของเขา ใบหน้าแนบกับชุดนอนเรียบลื่นของเขา มือยื่นไปหาแล้วกอดเอวของเขาไว้แน่น ผ้าที่อกของเขานั้นค่อยๆ เปียกชุ่ม น้ำตาเทลงในใจเขาอย่างไร้เสียง ทะลุเป็นรอย พอเห็นนางร้องไห้ คนที่เสียใจที่สุดกลับเป็นเขา
“เป็นอะไรไป ฝันร้ายหรือ” เขาจูบลงบนเรือนผมหนาของนาง มือลูบหลังของนางเบาๆ
“ข้าฝันเห็นน่าอวี้…ยังฝันเห็นว่าท่านฆ่าคนแล้ว”
เขากระตุก หัวใจเศร้าหมอง กอดนานแน่นยิ่งขึ้นไปอีก “ไม่ต้องกลัว บอกแล้วว่าเป็นความฝัน เจ้าวางใจได้ หลังจากนี้ข้าไม่ฆ่าคนแล้ว ดีหรือไม่”
นึกไม่ถึงว่านางกลับส่ายหน้าอยู่ในอ้อมกอดของเขา “ฮ่องเต้ทำทุกวิธีที่จะฆ่าท่าน ท่านไม่ฆ่าพวกเขา พวกเขาก็จะฆ่าท่าน”
เขากระตุกมุมปากด้วยความจนใจ เขย่านางเบาๆ “เช่นนั้นจะทำอย่างไรดี เจ้าเห็นข้าฆ่าคนแล้วจะกลัว หากพรุ่งนี้เจ้าคิดว่าข้าเป็นปีศาจฆ่าคนจึงไม่สนใจข้าแล้ว เช่นนั้นข้าจะทำอย่างไร”
นึกไม่ถึงว่านางจะเงยหน้าจูบที่คางของเขาเบาๆ “ท่านก็อย่าได้ฆ่าคนอย่างมักง่ายนัก อย่างน้อยท่านก็เป็นพ่อคนแล้ว สร้างบาปไม่ดี คนเขาไม่ยุ่งกับพวกเรา พวกเราก็ไม่ยุ่งกับคนอื่น หากคนอื่นมายุ่งกับพวกเรา…พระพุทธเจ้าเข้าใจ ถูกด่าถูกตีไม่ตีคืนเป็นนักบุญ ข้าไม่ต้องการให้ท่านเป็นนักบุญ”
กลางคืนเช่นนี้จุดไฟให้เขา เฝิงเยี่ยไป๋ก้มศีรษะลง มือข้างหนึ่งกอดเอวนางไว้ มืออีกข้างจับที่คางของนาง จูบอันร้อนแรงประทับลงมา บรรยากาศก็ร้อนแรงขึ้นมาทันที
จูบนั้นจบลงที่นางดิ้นเหมือนดั่งใกล้จะจมน้ำตาย เฝิงเยี่ยไป๋ปล่อยนางออก แล้วได้ยินนางพูดอีกว่า “แม้ว่าข้าจะไม่ได้ชอบซ่งจูและหลี่หรู แต่พวกนางก็ไม่ง่ายนัก หากไม่มีอะไรท่านก็ไปเยี่ยมพวกนางเสียบ้าง…ยังมีน่าอวี้ ข้าไม่สนว่าท่านจะรู้สึกอย่างไรกับพวกนาง จะชอบก็ดี จะเกลียดก็ช่าง พอเข้าประตูมาแล้ว ก็เป็นครอบครัวเดียวกัน คุยกันในวันปกติก็ยังต้องมีบ้าง”
เฝิงเยี่ยไป๋ได้ยินจบก็ขมวดคิ้วถามนาง “เป็นใครที่สอนให้เจ้าพูดเช่นนี้ ถูกคนพวกนั้นยุยงหรือ”
“ไม่ใช่ ไม่มีใครสอนให้ข้าพูดเช่นนี้ ข้าไม่ได้โง่เสียหน่อย หากพวกนางสอนให้ข้าพูดเช่นนี้ ข้าจะไม่รู้สึกได้หรือ” นางนอนลงแล้วถอนหายใจ “ท่านเป็นผู้ชาย ไม่รู้ความลำบากของผู้หญิง พี่สะใภ้จูท่านก็รู้จักกระมัง นางเป็นหม้ายตั้งแต่อายุยังน้อย คนมักบอกว่าคนเป็นหม้ายก็มีข่าวลือมาก คุยกับผู้ชายตามปกติก็ยังถูกคนนินทาว่าไม่รักษาความเป็นกุลสตรี บอกตามตรง เข้าประตูแล้วก็เป็นผู้หญิงของท่าน จะให้แต่งพวกนางแล้วให้พวกนางเป็นหม้ายไม่ได้กระมัง หากเป็นเช่นนั้นชีวิตจะลำบาก เจอกันบ่อยๆ ก็ดี”
——
ตอนที่ 358 ขอเพียงเจ้าเป็นคนคลอดออกมาข้าล้วนชอบหมด
คำพูดเหล่านี้ล้วนมาจากใจจริงของนาง ตอนแรกเก็บกลั้นอยู่ในใจ คิดไปแล้วก็ไม่รู้สึกมีอะไร ตอนนี้พูดออกมาแล้ว ก็ค่อยๆ รู้สึกว่าไม่ใช่เช่นนั้นแล้ว เขาเป็นเช่นนี้ดี ดีกับนาง ดูแลนางอย่างดี แต่นางกลับขอเพียงความสบายใจเล็กน้อยผลักไสเขา ช่างทำร้ายจิตใจคนเสียจริงๆ
เฝิงเยี่ยไป๋ไม่ได้โกรธ เขาหยิบปอยผมนางมาเล่นที่ปลายนิ้ว พูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งว่า “เจ้าคิดเช่นนั้นหรือ รู้สึกว่าผิดต่อพวกนาง?”
นางสะอึก เสียงค่อยๆ ลดเบาลง “หากตอนแรกข้าไม่โกรธกับท่านก็คงจะดี ไม่แต่งพวกนางเข้ามาก็ดีแล้ว เพียงแต่…ในเมื่อแต่งเข้ามาแล้ว เช่นนั้นก็เป็นผู้หญิงของท่าน ไปเยี่ยมพวกนางในวันปกติก็ถือเป็นการปลอบใจ”
นางเป็นผู้หญิงนิสัยดี ความลำบากของพวกนาง นางไม่เห็นก็แล้วไป แต่พอเห็นแล้วก็รู้สึกไม่ดี ในใจมักรู้สึกว่าตัวเองก็มีความรับผิดชอบส่วนหนึ่ง นางเป็นคนที่คิดแทนคนอื่นได้เก่ง นางเอาตัวเองแทนเข้าไป ต่อให้ตอนแรกจะปล่อยวาง ตอนนี้ก็ปล่อยวางไม่ลงแล้ว
ตอนนี้นางตั้งครรภ์อยู่ เขาจึงอยากให้ทุกอย่างเป็นดั่งที่นางคิด ในเมื่อนางขอร้องแล้ว เช่นนั้นเขาก็จะตามใจนาง ก็เพียงแค่ดูเท่านั้นไม่ใช่หรือ ทุกวันเรียกคนมารวมตัวพูดคุยกัน ถือเสียว่าพูดคุยเป็นเพื่อนนางก็ได้ เขานั่งอยู่ข้างๆ ก็ถือว่าทำตามความปรารถนาของนางแล้ว
“ได้ เอาตามที่เจ้าพูด เจ้าว่าเช่นไรก็เป็นเช่นนั้น”
เขาตอบรับแล้ว
ในใจเฉินยางกลับยิ่งรู้สึกแย่
นี่เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ ไม่ต้องสนว่าเหตุผลเป็นอะไร แต่งกับพวกนางก็ไม่ได้เป็นความสมัครใจของเขาเอง ในเมื่อพวกนางก็เข้ามาในจวนนี้แล้ว ชื่อในสังคมก็เท่ากับเป็นผู้หญิงของเขา นางรู้ว่าที่ตัวเองขอร้องเขาให้ทำเรื่องที่เขาไม่อยากทำนั้นเห็นแก่ตัวนัก เพียงแต่เขาไม่เหมือนกับพวกนาง เขาเป็นคนของตัวเอง นางยังมีชีวิตทั้งชีวิตสามารถค่อยๆ ชดเชยให้เขา
ทั้งสองคนก็นอนกอดกันจนฟ้าสว่าง
เฝิงเยี่ยไป๋ตื่นเช้าจะไปเข้าประชุมราชกิจ เฉินยางสะลืมสะลือลืมตาขึ้นมา แล้วนั่งขึ้น เสียงอ่อนหวานพูดว่า “เข้าวังเช้าเช่นนี้เลยหรือ”
“ฝั่งฮ่องเต้นั้นมีเรื่องเล็กน้อย เจ้าก็อย่าเพิ่งลุกเลย นอนเสียอีกหน่อย” เขาย่อตัวลงครึ่งหนึ่ง แล้วจูบที่ท้องของนาง “ลูกชาย เป็นเด็กดีอยู่กับแม่ของเจ้าที่บ้าน รอพ่อกลับมานะ”
เฉินยางบ่นเขา “หากเป็นลูกสาวเล่า”
เขาจูบมุมปากนาง “ลูกสาวข้าก็ชอบ ขอเพียงเจ้าเป็นคนคลอดออกมา ข้าล้วนชอบหมด”
หวานซึ้งกันพอแล้ว ก็ควรจะไปแล้ว เฉินยางนอนกลับลงไปใหม่ “เช่นนั้นท่านรีบกลับมาเร็วๆ แล้วกัน”
“เลิกราชกิจแล้วข้าก็จะกลับ เจ้ารีบนอนเถิด”
บางครั้งเฉินยางก็สงสารเขา ไปเข้าประชุมราชกิจต้องเจอแผนร้ายของฮ่องเต้ กลับมาที่บ้านก็ยังต้องทนความไร้เหตุผลของตัวเองอยู่บ่อยๆ ช่างทำเอาเขาลำบากเสียจริง นางหลับตาลง แอบตัดสินใจ หลังจากนี้จะเชื่อฟังมากขึ้น สร้างปัญหาให้เขาน้อยลงถึงจะดี
นางหลับไปอีกครั้งจนสายแล้วถึงได้มีทีท่าว่าจะตื่น ซั่งเหมยซั่งเซียงรออยู่ข้างๆ นานแล้ว นางลืมตาขึ้นแล้วนั่ง ถึงกับเห็นความสงบนิ่งที่ยากจะได้เห็นนักบนใบหน้าของซั่งเหมยซั่งเซียง ปกติก็จะคุยหยอกล้อกับนางเสียหน่อยถึงจะหยุด วันนี้กลับแปลกยิ่งนัก
นางยิ้มเริ่มพูดก่อน “วันนี้พวกเจ้าเป็นอะไรหรือ ไม่พูดอะไรเลย ยืนนิ่งๆ เช่นนี้ น่าตกใจนัก”
ซั่งเหมยเข้าไปประคองเท้าของนางไว้ แล้วสวมถุงเท้ารองเท้าให้นาง ก่อนจะบุ้ยปากไปที่ประตู พูดเสียงเบาว่า “ไทเฮารู้เรื่องที่ท่านตั้งครรภ์แล้ว จึงส่งหงอวี้ที่เป็นนางกำนัลข้างกายมารับท่านเข้าวัง”
ในใจเฉินยางตระหนก “ไฉนไทเฮาถึงรู้เร็วเช่นนี้ เรียกคนมารับข้าเข้าวังไปทำไมหรือ”
ความทรงจำของนางที่มีต่อวังก็มีเพียงไม่กี่วันที่เรียนระเบียบนั่น กินไม่อิ่มนอนไม่หลับ แถมระเบียบยังมีมากอีก ไม่ทันไรก็ต้องคุกเข่านี่คุกเข่านั่น ไม่ได้มีความทรงจำที่ดีเท่าไรนัก