DC บทที่ 379: คู่ต่อสู้ที่ไม่คาดคิด

 

สองสามชั่วโมงผ่านไปนับตั้งแต่เริ่มการแข่งขันในวันที่สองสำนักหงส์สวรรค์ที่เพิ่งเสร็จสิ้นการแข่งขันของตนเองก็ได้รับชัยชนะอย่างท่วมท้นอีกครั้ง อย่างไรก็ตามซูหยินได้ยอมให้เพื่อนศิษย์ของตนเองได้มีโอกาสสนุกในรอบนี้

 

“ทำได้ดีมากสาวๆทั้งหลาย” ไป่ลี่ฮัวชมพวกเธอด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า

 

หลังจากนั้นอีกสองสามคู่สำนักเมฆม่วงก็ก้าวขึ้นไปบนเวทีเพื่อแข่งขัน อย่างไรก็ตามคู่ต่อสู้ของพวกเขา สำนักตัดใบไม้ ได้ยอมแพ้ก่อนที่จะก้าวขึ้นไปบนเวที สร้างความงุนงงให้กับผู้ชม

 

“พวกเขาต้องยังคงกลัวที่เจะเจอกับนางฟ้าหงหลังจากที่เห็นการกำราบอย่างโหดเหี้ยมเมื่อวาน…”

 

“ข้าก็คงจะยอมแพ้เช่นกันถ้าข้าเข้าไปอยู่ในตำแหน่งนั้น นางฟ้าหงแข็งแกร่งเกินไป”

 

“ในเมื่อพวกเขาเอาชนะนิกายล้านอสรพิษ มีเพียงสำนักระดับสูงเท่านั้นที่จะมีโอกาสเอาชนะพวกเขา”

 

หลังจากที่สำนักเมฆม่วงลงไปจากเวที พวกเขาก็หายไปจากโคลีเซียม

 

“จะเป็นการแข่งขันของพวกเราหลังจากคู่นี้ พวกเราไปยังชั้นล่างกัน” โหลวหลานจีกล่าวกับศิษย์ของเธอ

 

“อือ” พวกเธอพากันพยักหน้าด้วยความตื่นเต้น

 

“โชคดีพี่ชาย โชคดี….เอ่อ…คู่ฝึกพี่ชาย” ซูหยินโบกมือให้กับพวกเขาขณะที่พวกเขาไปจากที่ตรงนั้นด้วยสีหน้าประหลาด

 

ครึ่งชั่วโมงถัดมา สุดท้ายก็ถึงช่วงเวลาที่นิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยที่จะก้าวสู่บริเวณสำหรับการแข่งขันครั้งแรกของพวกเขา

 

“สำหรับการต่อสู้รอบต่อไป เรามีสมาพันธ์แม่น้ำเหลืองและนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย”

 

ครั้นเมื่อซื่อตงเรียกพวกเขา ซูหยางและทุกคนก็ก้าวขึ้นไปบนเวทีอย่างใจเย็น

 

“พระเจ้าช่วย นิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยเป็นนางฟ้าจากสวรรค์ชั้นไหนกัน พวกเธอทุกคนล้วนมีหน้าตาชวนให้ปากอ้าตาค้าง”

 

เมื่อผู้ชมเห็นนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยและศิษย์ พวกเขาทุกคนต่างพากันตกตะลึงจนพูดไม่ออก โดยเฉพาะผู้ชายที่เห็นศิษย์หญิงที่เหมือนกับหยกที่ไร้ตำหนิ ในสายตาของพวกเขานี่เหมือนกับแหล่งรวมนางฟ้าจากสวรรค์

 

“อย่าตื่นเต้นเกินไปพวกนั้นเป็นสำนักที่ฝึกวิชาคู่ แม้ว่าพวกเธอจะดูไร้ตำหนิปราศจากมลทิน ใครจะรู้ว่าชายกี่คนที่พวกเธอได้ร่วมฝึกด้วย”

 

ผู้คนที่รู้จักนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยไม่ยอมเสียเวลาแม้แต่น้อยทำการเปิดโปงความจริงธรรมชาติของพวกเขา จนเป็นเหตุให้คนหลายคนรู้สึกไม่พอใจหรือเสียใจไปตามกัน

 

“เชี่ย พวกเธอล้วนดอกทองเรอะ ช่างน่าสมเพช ช่างเป็นความสวยที่เสียเปล่า”

 

“พวกหมูสกปรกที่ไหนพูดอย่างนั้นวะ ความแตกต่างระหว่างดอกทองกับผู้ฝึกวิชาคู่นั้นต่างกันอย่างมหาศาลนะ”

 

ขณะที่ผู้ชมเริ่มส่งเสียงเอะอะวุ่นวายในหมู่พวกเขา ศิษย์จากนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยต่างก็พากันมองไปยังศิษย์จากสมาพันธ์แม่น้ำเหลือง หรือกล่าวให้ถูกต้องก็คือ คนบางคนจากสมาพันธ์แม่น้ำเหลือง

 

@อ่านตอนล่าสุดที่ my-novel.co หรือ www.thai-novel.com

 

“ข้าผิดหวังในตัวเจ้า หลี่เซียวโม่” ซุนจิงจิงตะโกนขณะที่ชี้มือไปที่อีกฝ่าย

 

ใช่แล้วคนที่พวกเธอต่างพากันจ้องมองไปก็คือ หลี่เซียวโม่ ผู้ที่เคยเป็นศิษย์ในของนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย อย่างไรก็ตามเธอเป็นหนึ่งในผู้ที่ทิ้งสำนักไประหว่างที่มีเรื่องกับนิกายล้านอสรพิษ และเธอก็เข้าร่วมกันสมาพันธ์แม่น้ำเหลืองหลังจากนั้น

 

“ซูหยาง…” มีสีหน้าซับซ้อนบนใบหน้าของหลี่เซียวโมที่ไม่รู้ว่าควรจะยินดีหรือเสียใจดีที่ได้เห็นเขา

 

“ท่านเป็นไรไหม ศิษย์พี่หญิงหลี่ ต้องการนั่งพักตรงนี้ก่อนไหม” บรรดาศิษย์ถามเธอหลังจากที่เห็นสภาพของเธอ

 

“ไม่ ข้ามิเป็นไร” เธอส่ายหน้า

 

“ท่านเจ้าสมาพันธ์ ข้าเป็นคนแรกได้ไหม” เธอพลันถามเจ้าสำนัก

 

เจ้าสมาพันธ์แม่น้ำเหลืองมองดูเธอด้วยสีหน้าครุ่นคิดชั่วขณะก่อนที่จะพยักหน้า

 

“แม้ว่าข้ามิควรที่จะพูดเช่นนี้ ต่อให้พวกเธอจะเคยเป็นศิษย์ร่วมสำนักกับเจ้า ข้าก็ต้องการให้เจ้าสู้กับพวกเธอด้วยทุกสิ่งที่เจ้ามี”

 

“เจ้าค่ะ ท่านเจ้าสมาพันธ์”

 

หลี่เซียวโม่พยักหน้าก่อนที่จะเข้าสู้พื้นที่ต่อสู้

 

“ใครต้องการไปเป็นคนแรก” โหลวหลานจีถามพวกเธอ

 

“ข้าจักไป”

 

ซูหยางพลันก้าวออกไป สร้างความงุนงงให้กับพวกเธอ

 

“ข้าคิดว่าเจ้ามิเข้าร่วมในการต่อสู้ครั้งนี้” โหลวหลานจีและศิษย์คนอื่นมองดูเขาด้วยดวงตาเบิกกว้าง

 

“เพียงแค่ครั้งนี้” เขากล่าวก่อนที่จะเข้าไปหาหลี่เซียวโม่ซึ่งหัวใจเต้นระรัวราวกับกลองศึกในตอนนั้น

 

“เริ่มได้” ซื่อตงประกาศหลังจากที่พวกเขาทั้งคู่อยู่บนพื้นที่ต่อสู้

 

อย่างไรก็ตามไม่มีใครสักคนในหมู่พวกเขาขยับแม้ว่าจะผ่านไปหลายชั่วขณะหลังจากนั้น

 

“นานพอสมควรแล้วนะหลี่เซียวโม่” ซูหยางกล่าวกับเธอด้วยสีหน้าเรียบเฉย

 

“ชีวิตในฐานะศิษย์ที่นั่นเป็นอย่างไร พวกเขาดูแลเจ้าดีไหม” เขาพลันถามเธอ

 

หลังจากที่เงียบไปชั่วขณะเนื่องมาจากความประหลาดใจ หลี่เซียวโม่พยักหน้า “ครึ่งปีแล้ว ซูหยาง ข้ามีความสุขในฐานะศิษย์ของสมาพันธ์แม่น้ำเหลือง พวกเขาดูแลข้าเป็นอย่างดีแม้ว่าจะเป็นคนทรยศ”

 

ซูหยางแสดงรอยยิ้มอ่อนโยนและกล่าวว่า “อย่าโทษตัวเองที่ตัดสินใจจากในวันนั้น นั่นมิได้ผิดอะไร มิว่าใครจะคิดอะไร ข้ามิโทษเจ้าหรือใครก็ตามที่จากไปในวันนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์เช่นนั้น”

 

“…”

 

หลี่เซียวโม่ร่างสั่นสะท้านหลังจากที่ได้ยินคำพูดของเขา และน้ำตาก็เริ่มไหลลงมาจากใบหน้า รู้สึกโล่งใจที่รู้ว่าชายที่เธอรักไม่ได้เกลียดเธอที่ทอดทิ้งนิกาย สิ่งที่เธอรู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่งที่จากมาหลังจากนั้นไม่กี่วัน

 

“เกิดบ้าอะไรขึ้นบนนั้นวะ ทำไมพวกนั้นจึงยังมิสู้กันอีก”

 

“หญิงสาวคนนั้น… ดูเหมือนว่าเธอกำลังร้องไห้…”

 

ผู้ชมต่างพากันงุนงงกับสถานการณ์

 

“หญิงสาวคนนั้นมีความสัมพันธ์อะไรกับซูหยางรึ พวกเขาดูเหมือนว่าค่อนข้างจะสนิทสนมกัน…” กระทั่งซีซิงฟางก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว

 

“ข้าขอโทษที่ขัดจังหวะการได้พบหน้าของพวกเจ้าแต่พวกเราตอนนี้อยู่ในระหว่างการแข่งขัน พวกเจ้าควรจะเก็บอะไรก็ตามที่พวกเจ้าต้องการจะพูดไว้ภายหลัง” ซื่อตงกล่าวกับพวกเขาหลังจากที่ผู้ชมเริ่มส่งเสียงดังขึ้น

 

ซูหยางพยักหน้าและกล่าวว่า “มาสิ หลี่เซียวโม่ แสดงให้ข้าเห็นว่าเจ้าได้เรียนอะไรไปบ้างจากบ้านใหม่ของเจ้า”

 

หลี่เซียวโม่พยักหน้าขณะที่เธอปาดน้ำตาออกไปจากใบหน้า แสดงให้เขาเห็นถึงความแน่วแน่

 

“เช่นนั้นข้าจักแสดงให้ท่านเห็นว่าข้าพัฒนาไปมากน้อยเพียงใด ข้าเข้าไปละนะ ซูหยาง”