บทที่ 1782+1783

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 1782 ท่านตอบสิว่าข้าพูดถูกไหม?!

กล่าวไปพลาง ใช้อาคมทำความสะอาดร่างเธอไปพลาง ทำให้ร่างเธอสะอาดเอี่ยมอีกครั้ง

เขายังอยู่! เขากลับมาแล้ว!

หัวใจที่ห่วงพะวงมาเนิ่นนานของกู้ซีจิ่ว หดกลับเข้าไปในทรวงเสียงดังตุบ จากนั้นเบ้าตาก็แดงก่ำ จ้องเขาเขม็ง เม้มริมฝีปากบางๆ ไว้แน่น ไม่เปล่งเสียงสักแอะ

ตี้ฝูอีกลับประหลาดใจอยู่บ้าง “ทำไมจะร้องไห้เสียแล้วล่ะ?”

เขากวาดสายตาไปรอบๆ แวบหนึ่ง ร่อนลงบนสุสานของหรงเจียหลัว คล้ายจะเข้าใจอะไรแล้ว เอ่ยเสียงเบา “ซีจิ่ว เจ้าเสียใจกับหรงเจียหลัวหรือ? อันที่จริงเขา…”

เขากล่าววาจายังไม่จบก็ถูกกู้ซีจิ่วดึงแขนเสื้อไว้แล้ว ลากให้เขาออกเดิน “ท่านตามข้ามา!”

ตี้ฝูอีย่อมเดินตามเธอไป

….

ทั้งสองเดินมาถึงศาลาหลังหนึ่ง ศาลาหลังนี้สร้างขึ้นกลางหุบเขา รายล้อมด้วยดงดอกท้อผืนหนึ่ง ยามนี้ดอกท้อเพิ่งผลิบาน ร่วงโรยเกลื่อนกลาด แดงชาดไปทั่ว เสมือนภาพลวงตา และงดงามตราตรึง

เนื่องจากมีฝนตกเล็กน้อย อีกทั้งที่นี่ก็เป็นท่ามกลางหุบเขาลึก ผู้คนมาเยือนน้อยยิ่ง เป็นสถานที่นัดพบที่ดีแห่งหนึ่ง

ละอองฝนด้านนอกดุจเส้นไหม หล่นต้องพื้นที่เต็มไปด้วยสีแดง มีกลีบดอกท้อปลิดปลิวล่องลอยเข้ามาในศาลา ตกต้องอาภรณ์

เดิมทีภายในศาลามีโต๊ะศิลาเขียวกับม้านั่งศิลาเขียวอยู่ ตี้ฝูอีรังเกียจว่าหยาบกระด้างเกินไป จึงโยนพวกมันออกไปไว้ด้านนอกจนหมด

หยิบตั่งนุ่มตัวหนึ่งออกมาจากมิติเก็บของ ให้กู้ซีจิ่วนั่งลงไป

กู้ซีจิ่วไม่พูดอะไรออกมาเลย ยามนี้สายตามองเหม่อออกไปที่ดงท้อด้านนอก ไม่ทราบเช่นกันว่าคิดอะไรอยู่

ตี้ฝูอีมองสีหน้าของนาง เนื่องจากได้หลับพักผ่อนแล้ว สีหน้าของเธอจึงดีกว่าวันก่อนมากนักเพียงแต่ลูกตายังมีเส้นเลือดฝอยอยู่ ชัดเจนยิ่งนักว่าสองวันมานี้ความจริงแล้วนางไม่ได้พักผ่อนให้ดีเลย

เขายื่นมือไปจับชีพจรของนาง คิดจะตรวจชีพจรให้นางอีกครั้ง จู่ๆ กู้ซีจิ่วกลับพลิกมือมาจับเขาไว้ ตี้ฝูอีเงยหน้าขึ้น มองเห็นดวงตาคู่โตของนางมองเขาอยู่ เอ่ยถามออกมาประโยคหนึ่ง “ตี้ฝูอี ท่านจะมาสู่ขอข้าเมื่อไหร่?”

ตี้ฝูอีตะลึงงัน ละล้าละลังไปชั่วขณะ กู้ซีจิ่วเอ่ยขึ้นอีกว่า “ท่านยังไม่คิดจะมาสู่ขอข้าอีกหรือ?!”

ตี้ฝูอีขมวดคิ้วนิดๆ “ซีจิ่ว ข้า…”

“ข้ารู้ว่าท่านคิดจะพูดอะไร” กู้ซีจิ่วเอ่ยขัดเขา “ท่านคิดจะบอกว่าท่านเหลืออายุขัยอยู่สามเดือน ดังนั้นจึงไม่คิดจะเป็นตัวถ่วงข้า ไม่อยากให้อีกสามเดือนให้หลังข้าต้องกลายเป็นม่ายสาวตัวน้อย ไม่ต้องการทำลายชีวิตอันยืนยาวของข้า…ใช่ไหม?! นี่คือสิ่งที่ท่านคิดจะพูดใช่ไหม?! ดังนั้นถึงท่านรู้อยู่เต็มอกแล้วว่าข้าทราบความจริงทุกอย่างแล้ว ก็ยังคิดจะหลบเลี่ยงอยู่ดี…พูดจาสวยหรูว่าหวังดีต่อข้าสินะ!”

ตี้ฝูอีเงียบงัน

เดิมทีคนทั้งสองคนหนึ่งนั่งอยู่บนตั่งคนหนึ่งนั่งอยู่บนม้านั่ง กู้ซีจิ่วยิ่งพูดก็ยิ่งโมโห ออกแรงดึงในทันใด ลากตี้ฝูอีให้มานั่งบนตั่งด้วย เธอเขยิบตัวเข้าไปใกล้ๆ นัยน์ตาจับจ้องดวงตาของตี้ฝูอี “ท่านตอบสิว่าข้าพูดถูกไหม?!”

ยามนี้ทั้งสองคนอยู่ใกล้กันยิ่งนัก ร่างกายอ่อนนุ่มของเธอแทบจะซุกเข้าไปในอ้อมอกของเขาแล้ว ใกล้จนได้ยินเสียงลมหายใจของกันและกัน

อารมณ์ของตี้ฝูอีสั่นไหวทันที! ข่มความปรารถนาต้องโถมตัวเข้าใส่นางเอาไว้

เขาถอนหายใจ “ซีจิ่ว…”

ขณะที่เขากำลังจะอธิบาย จู่ๆ ก็ถูกกู้ซีจิ่วผลักร่างออกอย่ากะทันหัน เขาไม่ทันระวัง จึงล้มหงายลงบนตั่งนุ่ม ส่วนนางก็คร่อมอยู่บนร่างเขา!

ตี้ฝูอีสะดุ้งโหยง ถึงแม้การตระกองกอดร่างอรชรหอมกรุ่นไว้เต็มอ้อมแขนจะเป็นสิ่งที่เขาโหยมาโดยตลอด แต่นางดูคล้ายจะไม่ปกติสักเท่าไหร่…

นางทับเขาไว้กึ่งหนึ่ง ใบหน้าเฉิดฉันแดงก่ำ นัยน์ตาใสแวววาวสะท้อนภาพดอกท้อด้านนอก ราวกับเปลวเพลิงที่คุโชน

ตี้ฝูอีก็ไม่คิดอะไรมาก ยื่นมือไปจับแขนข้างหนึ่งของนางไว้ จับชีพจรให้นาง “ซีจิ่ว พักนี้เจ้าใจร้อนเกินไป นี่เป็นผลกระทบจากการฝืนก่อร่างเซียนขึ้น ข้า…”

เขาเอ่ยวาจายังไม่จบก็ได้ยินเสียงดังแคว่ก สาบเสื้อของเขาถูกนางกระชากออก!

———————————————————————-

บทที่ 1783 ไยจะไม่หึงหวง?

ตี้ฝูอีชะงักงัน จับข้อมือนาง ”ซีจิ่ว!”

ยามปกตินางออกจะห้าวหาญ แต่กับเรื่องนี้ค่อนข้างเขินอาย แต่งงานแปดปีมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกันไปไม่รู้ตั้งเท่าใด ที่ผ่านมาเขาเป็นฝ่ายคุมเกม บางครั้งปรารถนาร่วมรักแกล้งให้นางเป็นฝ่ายรุกบ้าง นางจะตะกุกตะกักไม่ค่อยชำนาญและไม่ปล่อยใจ ทำไปได้เพียงครึ่งทางหน้าก็แดงก่ำเป็นผลตำลึง…

เป็นครั้งแรกที่ตี้ฝูอีถูกนางผลักล้มนอนลงไปเช่นนี้ เสื้อคลุมตัวในถูกนางกระชากออก เผยให้เห็นกล้ามเนื้อแข็งแรงทรงพลังดั่งเครื่องเคลือบหยก สาบเสื้อหลุดออกเผยความขาวกระจ่างราวดวงจันทร์ผุดขึ้นกลางก้อนเมฆ…

ลักษณะวับๆ แวมๆ เช่นนี้สุดที่จะหักห้ามใจ!

กู้ซีจิ่วหลุบตามองเขา ฝ่ามือของเขาที่กุมข้อมือเธอร้อนดังไฟแผดเผา เขานอนหงายมองเธออยู่ตรงนั้น ดวงตาคู่นั้นลึกล้ำปานมหาสมุทร แสงสะท้อนนัยน์ตาเขาดุจแสงอาทิตย์กระทบผิวน้ำประกายแสงทองระยิบระยับ…ช่างงดงามตราตรึงยิ่ง!

ความงดงามของชายผู้นี้หาที่เปรียบไม่ได้ อีกทั้งยังทรงพลังถึงที่สุด เธอรักเขายิ่งชีพ ทว่าเขากำลังจะตาย…

เสี้ยวนาทีนั้น หัวใจเจ็บปวดจนไม่อาจหายใจได้

ขอบตาเธอแดงก่ำ เหยียดริมฝีปากยิ้ม นิ้วมือลูบไล้เล่นบนทรวงอกของเขา “ตี้ฝูอี ตอนแรกที่ท่านไม่ยอมสลับร่างให้ข้า เพราะคิดว่าหลังจากท่านดับขันธ์ไปแล้วจะทิ้งร่างบริสุทธิ์ไว้ให้ข้าใช่ไหม ให้ต่อไปข้าได้พบรักกับผู้อื่น ครองคู่กับผู้อื่น?”

ตี้ฝูอีนิ่งอึ้ง นี่เป็นจุดประสงค์แรกเริ่มของเขาจริงๆ

กู้ซีจิ่วจดจ้องสายตาของเขา มุมปากผุดรอยยิ้มบางๆ “ข้าเดาถูกใช่ไหมล่ะ?! แต่เมื่อท่านคิดว่าต่อไปข้าต้องครองรักอยู่กินกับคนอื่น ท่านไม่เจ็บปวดหัวใจบ้างหรือ ท่านไม่นึกหึงหวงเลยหรือ?”

หัวใจตี้ฝูอีสั่นสะท้าน ไยจะไม่เจ็บปวด!? ไยจะไม่หึงหวง?

แม้เขาจะวางแผนไว้เช่นนี้ในตอนแรก ทว่าไม่เคยกล้าคิดเลยว่าหากนางต้องไปรักกับคนอื่น…เพียงเผลอคิดใจดวงนี้ก็หดหู่เป็นอย่างมาก!

นางเป็นของเขา!

แต่เขาก็ไม่อาจทำใจได้ที่ตัวเองเป็นต้นเหตุทำให้นางต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว อ้างว้างไปชั่วชีวิต

ดังนั้นเขาจึงลบเรื่องราวเกี่ยวกับตัวเองออกจากความทรงจำของนางก่อนที่ตัวเองจะดับขันธ์ ให้นางมีร่างบริสุทธิ์อีกครั้ง เช่นนี้หลังจากเขาตาย หากนางได้พบกับคนที่ถูกใจอีกครั้ง ก็จะได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างไร้อุปสรรค

“ซีจิ่ว…” เขากุมมือนุ่มนิ่มและอ่อนโยนของนางไว้ ทว่าเขายังจะกุมจับมือคู่นี้ไปได้อีกนานแค่ไหน?! เขายังจะสวมกอดร่างกายนี้ไปได้อีกนานเท่าไหร่?!

ความเจ็บปวดทะลักล้นเข้ามาในใจดั่งเกลียวคลื่น แววตาของเขาวาบไหวด้วยความเจ็บปวด ยกแขนขึ้นมาโอบกอดเอวของนางอย่างอดไม่ได้ วงแขนกระชับแน่น เรือนร่างคนทั้งสองแนบชิดสนิท ประหนึ่งมัจฉาอิงไออุ่นซึ่งกันและกัน…

เบ้าตากู้ซีจิ่วยิ่งแดงก่ำ รอยยิ้มมุมปากกดลึก “แต่ว่า…ท่านเคยได้ยินคำพูดประโยคนี้หรือไม่ เมื่อพานพบคาบสมุทรชางไห่ คงคาใดก็ไม่อาจทัดเทียม หากมิใช่ยอดเมฆาเหนือภูเขา อูซานก็ไม่อาจนับได้ว่าเป็นยอดเมฆา ข้ารักท่านไปแล้ว บนโลกนี้ยังจะมีชายใดที่ข้าจะเก็บมาใส่ใจได้อีก?!”

ปลายนิ้วของเธอวาดเป็นวงกลมตรงหน้าอกเขา น้ำเสียงแหบพร่าอยู่บ้าง “ตี้ฝูอี ข้าไม่ได้รักใครง่ายๆ การแต่งงานก็ไม่ใช่แค่ถูไถ ดังนั้นต่อให้ท่านดับขันธ์ไปแล้ว ข้าก็จะไม่รักใครอื่นอีก! ตอนนี้ท่านไม่ต้องการข้า ไม่แต่งงานกับข้าย่อมได้ หรือแม้กระทั่งไม่สนใจข้า จะเย็นชาใส่ข้าต่อไปหรือจากข้าไป! ปล่อยให้ช่วงเวลาสามเดือนนี้ผ่านไปโดยเสียเปล่า ให้คิดเสียว่าที่ข้าพยายามอย่างสุดชีวิตในการฝึกฝนก่อร่างเซียนกลับมาใหม่ เป็นข้าที่คิดเข้าข้างตัวเองฝ่ายเดียว! ให้ข้าใช้ชีวิตอันยาวนานไปกับความเสียใจก็พอ ข้าจะไม่บังคับท่านอีก…”

เธอกล่าวจบพลันลุกขึ้นปล่อยเขาอย่างไม่ลังเลใจ

ทันทีที่ลุกขึ้นยังช่วยจัดอาภรณ์ของเขาเข้าที่ให้เรียบร้อย ปกปิดทิวทัศน์งดงามบนเรือนร่างที่วับแวมลงอีกครั้ง

ตี้ฝูอีนอนหรี่ตามองดูนางอยู่ตรงนั้น ไม่พูดจาอันใด

————————————————————————