บทที่ 1784+1785

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 1784 เจ้าเข้าใจข้าผิดแล้ว!

กู้ซีจิ่วนึกไม่ถึงว่าตนพูดมาถึงขนาดนี้แล้ว เขายังทำเป็นไม่สะทกสะท้านได้อีก ในใจผิดหวังและน้อยใจเป็นที่สุด!

เมื่อสักครู่ที่เธอฟุบอยู่บนร่างเขา เห็นได้ชัดว่าเขาก็สนใจเธอ เธอสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงบนร่างกายเขา…

ความสามารถควบคุมตัวเองของคนผู้นี้แข็งแกร่งเหนือธรรมดา!

ดูท่าแล้วเขาแน่วแน่กับความคิดที่จะทิ้งร่างบริสุทธิ์ไว้ให้เธอ ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงได้ เธอคงทำได้เพียงเศร้าเสียใจ…

เธอเดินไปสองก้าวแล้วหยุดชะงัก ไม่หันหน้ากลับมาทว่าเอ่ยเสียงแผ่ว “ท่านไม่จำเป็นต้องพยายามหลบหน้าข้าอีก ทำเช่นนี้ท่านจะเหนื่อยมาก ข้าเองก็เหนื่อยเช่นกัน ในเมื่อข้าพูดแล้วว่าจะไม่บังคับท่าน ข้าก็จะไม่บังคับท่าน…”

พูดถึงตรงนี้เสียงของเธอพลันสะดุด ไม่ต้องการพูดสิ่งใดอีก ฝีเท้าชะงักงันแทบอยากจะเคลื่อนย้ายในพริบตาไปเสียเลย

จู่ๆ ข้อมือของเธอก็ถูกฝ่ามืออุ่นร้อนกุมไว้ ไม่รอให้เธอมีปฏิกิริยาตอบสนอง แรงทรงพลังดึงรั้งเธอเข้าสู่อ้อมกอดอีกครั้ง!

หัวใจเธอเต้นระรัว ยามเงยหน้าขึ้น ริมฝีปากของเธอเฉียดสัมผัสคางของเขาพอดี

ริมฝีปากนางนวลนุ่มหอมกรุ่น คางของเขาอ่อนนุ่มทว่าแฝงความแข็งแรงไว้ ลมหายใจที่คุ้นเคยคลุกเคล้าคลอเคลีย

แขนข้างหนึ่งของตี้ฝูอีโอบรัดเอวของนางไว้แน่น หลุบตามองนาง ก่อนทอดถอนใจอย่างแผ่วเบา “ซีจิ่ว เจ้าเข้าใจข้าผิดแล้ว!”

กู้ซีจิ่วเลิกคิ้วมองเขา “เข้าใจผิด?”

เขาดึงนางนั่งลงบนตั่งนุ่ม “ข้าถามเจ้า ช่วงนี้เจ้ามักจะฝันร้ายติดต่อกันใช่หรือไม่ อีกทั้งอารมณ์แปรปรวน บางคราวแม้แต่แขนขาก็หนาวสั่น…” เขาพูดถึงอาการบางอย่าง

กู้ซีจิ่วนิ่งอึ้ง สิ่งที่เขาพูดล้วนถูกต้อง! เหล่านี้ล้วนเป็นอาการของเธอในช่วงนี้จริง

เพียงแต่เรื่องนี้ต้องมีสาเหตุสิ? อย่างไรเสีย เธอเพิ่งจะก่อร่างเซียนได้สำเร็จ อีกทั้งยังมารู้ความจริงอีก ในใจย่อมวิตกกังวลกับผลได้ผลเสียของตนเองแน่แท้…

ตี้ฝูอีแบมือ ขวดยาสีฟ้าครามพลันปรากฎขึ้นกลางฝ่ามือ ด้านในขวดยามีของเหลวประกายใสแกว่งไปมา “ซีจิ่ว นี่ไม่ใช่อาการป่วยธรรมดา เป็นเพราะเจ้าใจร้อนอยากทำสำเร็จมากเกินไป แม้ว่าจะก่อร่างเซียนได้สำเร็จก่อนกำหนด แต่ภายในร่างกายของเจ้ามีพิษชนิดหนึ่ง หากไม่กำจัดพิษชนิดนี้ไปให้ได้ทันกาล อาการของเจ้าจะค่อยๆ รุนแรงขึ้น ฝันร้ายจะหลอกหลอนเจ้าไปตลอดเวลา อารมณ์ของเจ้านับวันจะยิ่งฉุนเฉียว สุดท้ายสภาพจิตใจจะขาดสมดุล ยามฝึกฝนจะถูกธาตุไฟเข้าแทรกได้ง่าย…วันก่อนตอนข้าอุ้มเจ้าได้จับชีพจรให้ จึงทราบอาการนี้ของเจ้า และข้าไม่ได้หลบหน้าเจ้า…ที่ข้าหายไปสองวันก็เพื่อไปเก็บสมุนไพรมาหลอมโอสถให้เจ้า…สมุนไพรนี้เติบโตในสถานที่ที่ค่อนข้างพิเศษ จำเป็นต้องใช้ของเหลวพิเศษมาหลอมโอสถ ไม่อาจชักช้าได้เลย การเดินทางไปมาเช่นนี้อย่างน้อยต้องใช้เวลาถึงสองวัน ส่วนเจ้าก็อ่อนเพลียเกินไป จากชีพจรของเจ้า ครั้งนี้เจ้าจะนอนหลับอย่างน้อยที่สุดสองวันสองคืน…ข้าคิดว่าจะเร่งเดินทางกลับมาให้ทันก่อนเจ้าฟื้น นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะตื่นมาเร็วหนึ่งวัน อีกทั้งยังเข้าใจผิดคิดว่าข้าหลบหน้าเจ้า…”

เขาพูดจาฉะฉานมีหลักการข้างหู อธิบายสาเหตุความเป็นมา กู้ซีจิ่วถึงได้เข้าใจ หัวใจพลันสั่นไหวเล็กน้อย “ท่านไปเก็บสมุนไพรเหตุใดจึงไม่บอกสี่ทูต? พวกเขาบอกเพียงว่าท่านมีเรื่องด่วน…” ทำเอาเธอเข้าใจว่าเขาหลบหน้าเธออีกแล้ว!

ตี้ฝูอียิ้มเจื่อน แน่นอนว่าเขาไม่บอกไม่ได้ สมุนไพรชนิดนี้เติบโตในสถานที่ที่อันตรายมาก สี่ทูตรู้เรื่องที่เขากำลังจะดับขันธ์แล้ว หากพวกนั้นรู้ว่าเขาจะไปเก็บสมุนไพรที่นั่นต้องขัดขวางสุดชีวิตเป็นแน่…

เนื่องจากต้องสั่งงานบางอย่างกับสี่ทูตก่อนการดับขันธ์ เขาจึงจำต้องบอกเรื่องดับขันธ์ให้พวกเขารู้

ดังนั้นช่วงเวลาสี่เดือนก่อนการดับขันธ์ ตี้ฝูอีจึงบอกความจริงกับสี่ทูต…

เมื่อทราบความจริง สี่ทูตรู้สึกเหมือนโดนฟ้าผ่าเปรี้ยง!

และสิ่งที่ทำให้ตี้ฝูอียิ่งหมดคำพูดก็คือ หลังจากสี่ทูตรู้ความจริง…

——————————————————————–

บทที่ 1785 คล้ายกับระดูจะมา!

และสิ่งที่ทำให้ตี้ฝูอียิ่งหมดคำพูดก็คือ หลังจากสี่ทูตรู้ความจริง…ทั้งสี่คนต่างวิตก ต้องการคุ้มกันอยู่ข้างกายเขาตลอดเวลา เข้มงวดยิ่งกว่าปกป้องดวงใจของตัวเองเสียอีก แต่ละวันพวกเขาทั้งสี่ตื่นตกตระหนกปานศัตรูเข้าประชิด เบ้าตาแดงก่ำอยู่ตลอด ชายชาตรีทั้งสี่ไม่รู้ไปร้องไห้ลับหลังเขามาแล้วกี่รอบ…

เขาเคยพบเห็นบ้างครั้งสองครั้ง อบรมพวกเขาไปก็หลายครา เมื่ออยู่ต่อหน้ามีบางครั้งที่พวกเขาจะพูดคุยยิ้มแย้ม ทว่าแค่มองแวบเดียวก็รู้ว่าเป็นการฝืนยิ้ม ทั้งยังแอบไปร้องไห้จนตาบวมแดงอยู่บ่อยครั้ง ตี้ฝูอีเพียงแสร้งทำเป็นมองข้ามสิ่งเหล่านี้ไป…

เนื่องจากไม่อยากให้พวกเขาเป็นกังวลอีก ตอนที่ต้องออกไปทำเรื่องเสี่ยงอันตราย ตี้ฝูอีจึงไม่ได้บอกพวกเขา เลี่ยงไม่ให้พวกเขากระวนกระวายใจไม่มีจบสิ้น

เขาอธิบายเหตุผลเล็กน้อย กู้ซีจิ่วรู้สึกอึดอัดในใจ ไม่พูดไม่จาอันใดอีก

เธอย่อมเข้าใจความรู้สึกของสี่ทูตที่มีต่อตี้ฝูอีดี เกรงว่าจะไม่น้อยไปกว่าความรู้สึกของเธอเป็นแน่!

เพียงแต่ระหว่างเธอกับเขาเป็นความรักชายหญิง ทว่าระหว่างสี่ทูตกับเขาคือความรักแบบพี่น้อง เป็นความรักที่เกิดและตายแทนกันได้ พวกเขาได้รู้ความจริงย่อมรู้สึกเหมือนผืนฟ้าพังครืนลงมา!

เธอก็เคยเห็นมู่เฟิงร้องไห้อย่างเงียบๆ หยาดน้ำตาของชายชาตรีคนหนึ่งไหลรินเป็นสายธาร…

อันที่จริง ตอนที่เธอได้รู้ความจริงก็รู้สึกเหมือนฟ้าถล่มดินทลายเช่นกัน จนถึงตอนนี้เธอยังไม่กล้าคิดว่าตัวเองจะทำเช่นไรหากวันนั้นมาถึง…

เธอก้มหน้านั่งอยู่ตรงนั้น ตี้ฝูอียัดขวดโอสถใส่มือเธอ “ดื่มมันเสีย อย่าให้เสียน้ำใจข้า”

เวลานี้กู้ซีจิ่วย่อมไม่เกรงอกเกรงใจเขาแล้ว รับขวดโอสถมา เปิดฝาออกแล้วดื่มลงไป โอสถนั้นรสชาติขมเอาเรื่อง แต่เมื่อไหลลื่นลงคอแล้วได้กลิ่นหอมแปลกๆ

เธอไม่ได้มุ่นคิ้ว ดื่มไปสองสามอึก

ตี้ฝูอีพรูลมหายใจโล่งอก ลูกกวาดเม็ดหนึ่งพลันปรากฏขึ้นบนฝ่ามือ “ใช้มันกลบความฝาดขมเอาไว้สิ”

เขายังคงใส่ใจเหมือนที่ผ่านมา

ก่อนหน้านี้ที่เธอเจ็บป่วยหรือบาดเจ็บ เมื่อเขาให้เธอกินโอสถรสขมก็มักจะให้กินลูกกวาดอยู่เสมอ เขายังมีความเคยชินเช่นนี้เหมือนเดิม

กู้ซีจิ่วอิงแอบแนบแผ่นอกเขา ความรู้สึกในใจทั้งหวานทั้งขม เธอหยิบลูกกวาดไปกิน ลูกกวาดนั้นคือน้ำตาลเมเปิ้ล เป็นรสชาติที่เธอชื่นชอบที่สุด ความหวานและความหอมทำให้หัวใจของเธอพองโตขึ้นมา

ทำอย่างไรดี เธอจะร้องไห้อีกแล้ว?

ตอนนี้คล้ายกับอารมรณ์ของเธออ่อนไหวง่ายดายเหลือเกิน

ราวกับระดูกำลังจะมา!

เพื่อปกปิดอารมณ์ของตัวเอง เธอจึงลุกขึ้นยืนมองเขา “กินยาแล้วต้องนั่งสมาธิโคจรลมปราณสักหน่อยหรือไม่?” เธอไม่อยากให้โอสถของเขาเสียเปล่า!

ตี้ฝูอีแย้มยิ้ม จับแขนขาจัดวางท่านั่งสมาธิแบบพิเศษให้เธอ “เจ้านั่งสมาธิเพียงครึ่งชั่วยามก็พอแล้ว ข้าจะสอนวิธีการนั่งสมาธิแบบนี้ให้เจ้าก่อน…”

เขายกไม้ยกมืออธิบายวิธีการและข้อห้าม กู้ซีจิ่วจดจำอย่างแม่นยำแล้วทำตามที่เขาพูดทั้งหมด

อาจเพราะรู้ว่าเขาอยู่ข้างกาย เธอจึงสงบจิตเข้าสู่สภาวะสงบนิ่งได้อย่างรวดเร็ว

ผ่านไปครึ่งชั่วยาม เธอออกจากท่าลืมตาขึ้น รับรู้ร่างกายตัวเองเล็กน้อย รู้สึกว่าเลือดลมไหลเวียนดี กระดูกทั้งตัวคล้ายจะเบาลงไปหลายจิน ความกระวนกระวายที่มีมาตลอดหลายวันนี้ก็หายเป็นปลิดทิ้ง…

โอสถของเขานี่วิเศษจริงๆ!

เธอพรูลมหายใจ จู่ๆ ก็รับรู้ถึงบางสิ่งบางอย่าง เมื่อเอียงหน้าไปมองก็เห็นเพียงตี้ฝูกำลังนอนหลับตาอยู่ข้างกาย ลมหายใจสม่ำเสมอ ที่แท้ก็หลับไปเสียแล้ว

หัวใจเธอพลันสั่นไหว!

นึกขึ้นได้ว่าเขาที่เธอมองเห็นตอนอยู่ในสภาพวิญญาณแทบไม่ได้พักผ่อนเลย มัวแต่วิ่งวุ่นเพื่อฟื้นคืนชีพเธอตลอดเวลา…

สองวันนี้ที่เขาไปเก็บสมุนไพรให้เธอต้องไม่ได้นอนหลับพักผ่อนเป็นแน่?

เขาต้องเหนื่อยมากแน่นอน! เพียงแต่เขาไม่เคยพูดมันออกมาก็เท่านั้น

ในใจเธอขื่นขมฝาดเฝื่อน ทว่าอบอุ่น

——————————————————