ตอนที่ 323 ไม่กล้า / ตอนที่ 324 เปลี่ยนใจกลางคัน

เช่าท่านประธานมาปิ๊งรัก

ตอนที่ 323 ไม่กล้า 

 

 

คำพูดเมื่อกี้ของซย่าเสี่ยวมั่วพูดราวกับว่าเหยียนเค่อจงใจทำร้ายเธออย่างไรอย่างนั้น สวีรั่วชียังดูออกว่าเหยียนเค่อไม่ได้ตั้งใจจริงๆ แถมเมื่อครู่ยังกังวลในอาการของซย่าเสี่ยวมั่วอีกต่างหาก ซย่าเสี่ยวมั่วพูดแบบนี้มันเกินไปหน่อย 

 

 

เหยียนเค่อถูกปัดมือออกก็ไม่อธิบายอะไร ไม่แสดงความเห็นเกี่ยวกับเนื้อหาที่พวกเขาพูดคุยกัน 

 

 

“ไปกัน” 

 

 

เมื่อทั้งสี่เดินมาถึงหน้าประตูร้าน ก็แยกกันไปสองทาง 

 

 

“ฉันมีของจะให้นาย” จู่ๆ เหยียนเค่อที่เดินตามอยู่ข้างหลังก็เอ่ยปาก 

 

 

สวีอันหรานมองเขาอย่างงุนงง “ให้ฉัน?” 

 

 

“อืม” 

 

 

ขณะที่สวีอันหรานกำลังจะพูดว่า ‘นายค่อยให้ฉันตอนกินข้าวแล้วกัน’ เหยียนเค่อก็ก้าวเดินนำหน้าเขาไปเสียแล้ว 

 

 

พวกเขาเพิ่งเดินมาถึงหน้าประตู เหยียนเค่อก็ขับรถมาจอดข้างหน้าร้านแล้ว เปิดกระจกรถแล้วยื่นของให้สวีอันหราน 

 

 

“นายพาซย่าเสี่ยวมั่วไปละกัน ฉันจะไปกับสวีรั่วชี” สวีอันหรานรับมาแล้วพลิกเปิดดูของสิ่งนั้นคร่าวๆ “ฉลองความสำเร็จให้นายไง” 

 

 

“ไม่ล่ะ ฉันไม่ไป กลับก่อนล่ะ” กระจกรถค่อยๆ เลื่อนขึ้นปิด ใบหน้าขาวงดงามประดุจหยกค่อยๆ ถูกปิดกั้นด้วยกระจกสีดำ 

 

 

สวีอันหรานขยับไปข้างๆ เรื่องที่เหยียนเค่อไม่อยากทำ ใครก็ไปบีบบังคับเขาไม่ได้ ทำได้เพียงปล่อยให้เขาจากไป 

 

 

รถ Aston Martin one 77 รูปทรงปราดเปรียวดุจลูกศรอันว่องไวขับลับเข้าไปในฝูงรถที่วิ่งแล่นไปมา 

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วเห็นเขากลับไปแล้วก็รู้สึกโล่งอก แต่ขณะเดียวกันก็รู้สึกเหมือนอะไรบางอย่างขาดหายไป 

 

 

สวีรั่วชีรั้งเธอไว้ “เมื่อกี้เธอพูดเกินไปหน่อยนะ” 

 

 

“เมื่อกี้ฉันพูดอะไรเหรอ” ซย่าเสี่ยวมั่วมองเธออย่างงุนงง “ที่ฉันด่าเธอน่ะนะ?” 

 

 

สวีรั่วชีหยิกเข้าที่เนื้อหลังมือของเธอ “เมื่อกี้ที่เธอว่าเหยียนเค่อไง” 

 

 

“ฉันไม่ได้ว่าเหยียนเค่อสักหน่อย ฉันจะไปกล้าว่าเขาได้ไง” ซย่าเสี่ยวมั่วไม่อยากจะเชื่อ 

 

 

ถึงเธอจะกล้าแค่ไหน แต่ก็ไม่กล้าด่าเหยียนเค่อหรอก 

 

 

“เมื่อกี้เธอบอกว่ามีแต่คนชั่วจะทำร้ายเธอ ก็ว่ากระทบเหยียนเค่อไม่ใช่หรือไง” 

 

 

“ใครว่ากระทบเขาเหรอ” ซย่าเสี่ยวมั่วก็แค่หลุดปากเผลอพูดออกมาเท่านั้น ไม่ได้พุ่งเป้าไปที่ใครเลย 

 

 

“เธอไม่ได้หมายถึงเขาเหรอ” 

 

 

“ฉันด่าเธอ ไม่ได้ด่าเขาสักหน่อย” ซย่าเสี่ยวมั่วยืนยัน เธอรู้ว่าเหยียนเค่อไม่ได้ตั้งใจ จะไปว่าเขาได้อย่างไรเล่า 

 

 

สวีอันหรานได้ฟังคำอธิบายของซย่าเสี่ยวมั่วแล้วก็รู้สึกงงเป็นอย่างมาก “เมื่อกี้เธอดันเขาออก แถมยังพูดแบบนั้นอีก ไม่ให้คนคิดมากก็คงยาก” 

 

 

คนใจใหญ่อย่างซย่าเสี่ยวมั่วปกติจะไม่เก็บคำพูดของคนอื่นมาคิดมากอยู่แล้ว 

 

 

สวีอันหรานยิ้มอ่อน “เขากลับไปแล้ว จะพูดอีกก็ไม่มีประโยชน์ หลายวันก่อนเขาเป็นไข้ แถมยังต้องไปคุยเรื่องสัญญาอีก วันนี้เช้าเพิ่งจะกลับมา ให้เขากลับไปพักผ่อนก็ดี” 

 

 

คำพูดของสวีอันหรานฟังแล้วเหมือนเป็นการปลอบโยนซย่าเสี่ยวมั่ว แต่ความจริงนั้นทำให้ซย่าเสี่ยวมั่วรู้สึกละอายใจมากขึ้นกว่าเดิมเสียอีก 

 

 

ป่วยแล้วต้องไปทำงาน แถมยังมาโดนเขาทำร้ายจิตใจอีก…น่าสงสารขนาดไหนกันนะ ซย่าเสี่ยวมั่วรู้สึกผิดบาปในใจ 

 

 

“ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ นะ” 

 

 

“เมื่อกี้เหยียนเค่อก็ไม่ได้ตั้งใจเหมือนกัน” สวีรั่วชีสะบัดผมของตน 

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วพยักหน้า “ฉันรู้ว่าเขาไม่ได้ตั้งใจ ดังนั้นคำที่ฉันพูดไปไม่ได้พุ่งเป้าไปที่เขา” เธอดึงแขนเสื้อของตัวเอง “ถ้าเขาจงใจ ฉันจะมีชีวิตอยู่มาจนถึงตอนนี้เหรอ” 

 

 

“ก็จริง โง่ๆ อย่างเธอน่ะ” สวีรั่วชีคล้องแขนเธอให้เดินออกไปด้านนอก 

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วพึมพำ “เมื่อก่อนเขาก็ไม่ได้ใจน้อยขนาดนี้นี่นา…” 

 

 

เหยียนเค่อรู้สึกแย่เพราะคำพูดนั้นของซย่าเสี่ยวมั่วจริงๆ ไม่ว่าซย่าเสี่ยวมั่วจะพูดไปด้วยความตั้งใจหรือไม่ก็ตาม แต่คำพูดนั้นทำให้เขามีความรู้สึกตำหนิตัวเองไม่มากก็น้อย 

 

 

ดังนั้นไม่ต้องเห็นหน้าดีกว่าจะได้ก็ไม่รำคาญใจ คนใจร้ายบางคนจะได้ไม่เห็นเขาเหมือนเห็นศัตรู 

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 324 เปลี่ยนใจกลางคัน 

 

 

สวีอันหรานกับสวีรั่วชีมาเป็นคู่ ส่วนเธอก็มาเป็นก.ข.ค.อย่างเห็นได้ชัด ซย่าเสี่ยวมั่วรู้สึกไม่เป็นตัวเอง จึงว่าจะขอตัวกลับก่อน 

 

 

“เมื่อกี้เธอไม่กลับกับเหยียนเค่อ ตอนนี้เธอจะใช้ทักษะการขับรถที่ห่วยกว่าคนธรรมดานี้ขับกลับบ้านเหรอ” 

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วมองถนนที่มีรถแล่นขวักไขว่ เธอไม่กล้าขับรถขึ้นถนนหรอก และก็ไม่ได้คาดหวังกับคนคู่นี้ด้วย “ฉันนั่งรถเมล์กลับแล้วกัน” 

 

 

“ไม่ต้องเลย จะอายอะไรกัน” สวีรั่วชีเชยคางเธอด้วยสีหน้าท่าทางเหมือนพวกนักเลง 

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วเลิกคิ้ว “นี่เป็นคำพูดที่ฉันพูดกับเธอเมื่อกี้ไม่ใช่หรือไง” 

 

 

“ไสหัวไปเลย” สวีรั่วชีนึกถึงเรื่องเมื่อครู่ก็รู้สึกอายขึ้นมาอีกครั้ง 

 

 

เหยียนเค่อรถติดอยู่กลางทางก็ได้รับโทรศัพท์จากสวีอันหรานให้เขากลับมารับซย่าเสี่ยวมั่ว 

 

 

“นายบ้าหรือเปล่า” เหยียนเค่อขมวดคิ้วด้วยใบหน้าเย็นชา 

 

 

สวีอันหรานสาปแช่งในใจ “นายคงไม่ได้ถึงบ้านแล้วหรอกนะ” 

 

 

“ฉันเพิ่งขับไปได้สองแยก รถติดอยู่ ให้เขาเดินมา” เหยียนเค่อพูดจบก็จะตัดสาย แต่ก่อนจะตัดสายก็เปลี่ยนใจกะทันหัน “ช่างเถอะ เดี๋ยวฉันวนรถกลับไปรับ” 

 

 

สวีอันหรานรู้แต่แรกแล้วว่าเขาต้องเปลี่ยนใจ ก็ไม่กล้าหยอกล้อเขาในตอนนี้ “ได้ รออยู่หน้าประตูนะ” 

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วอยากพูดอะไรสักอย่างกับสวีรั่วชี แต่ก็ไม่ได้พูดออกมา สุดท้ายก็ยอมรับแต่โดยดี ทว่าเธอไม่คิดว่าสวีรั่วชีจะไม่เสียเวลามาอยู่รอเหยียนเค่อเป็นเพื่อนเธอเลย 

 

 

ตอนเหยียนเค่อกลับมาก็เห็นซย่าเสี่ยวมั่วยืนเหม่ออยู่คนเดียว ถ้ามีภาพประกอบล่ะก็ คงจะมีใบไม้ใบหนึ่งพัดปลิวอยู่ตรงหน้าของซย่าเสี่ยวมั่วแน่นอน 

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วออกจากภวังค์เพราะเสียงแตรของรถยนต์ เงยหน้าขึ้นมองปราดหนึ่ง ก่อนจะก้มหน้าลงตามเดิม จึงจะนึกขึ้นได้ว่านี่เป็นรถของเหยียนเค่อ ทันใดนั้นวิธีการที่จะใช้รับมือกับเขาในสมองก็แหลกสลายกลายเป็นจุณ 

 

 

“ขึ้นรถ” กระจกรถลดลงมานิดหนึ่ง ซย่าเสี่ยวมั่วเห็นเพียงดวงตาของเหยียนเค่อเท่านั้น 

 

 

เหยียนเค่อมองเธอเดินอ้อมมาขึ้นรถ 

 

 

“เธอจะไปไหน” 

 

 

“กลับบ้าน” 

 

 

“บ้านไหน” 

 

 

“บ้านฉัน” ซย่าเสี่ยวมั่วจ้องมองเครื่องประดับที่แขวนไว้ตรงกระจกมองหลัง มือเกาแกะสายกระเป๋าถืออย่างประหม่า 

 

 

เหยียนเค่อเห็นเธอไม่กล้าขยับเขยื้อนก็เริ่มหงุดหงิด “ทำไม กลัวฉันเหรอ” 

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วยังไม่กดคางลง เหยียนเค่อก็พูดขู่ขึ้นก่อน “ถ้าเธอกล้าพยักหน้าเธอตายแน่” 

 

 

ศีรษะของซย่าเสี่ยวมั่วค้างเติ่งอยู่ที่เดิมไม่กล้าขยับเขยื้อน ทำเพียงครางอืมตอบกลับอย่างน่าสงสาร 

 

 

“เธอยังกล้า ‘อืม’ อีกเหรอ” เหยียนเค่อเหลือบหันมามองเธอปราดหนึ่ง จึงขับเลยไฟแดงมา 

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วจับเข็มขัดนิรภัยไว้แน่น “นายขับรถดีๆ ได้ไหม อย่ามาคุยกับฉัน!” 

 

 

เหยียนเค่อเหยียบคันเร่งจนมิด เพิ่มความเร็วขึ้นเรื่อยๆ ทำเอาซย่าเสี่ยวมั่วหวาดผวาจนหลังแนบกับพนักเก้าอี้ มือหนึ่งกำเข็มขัดนิรภัยไว้แน่น ส่วนอีกมือก็ดึงแขนของเหยียนเค่อไว้ไม่ปล่อย 

 

 

“นายช้าหน่อย! ฉันผิดไปแล้ว!” เสียงของซย่าเสี่ยวมั่วสั่นระริก 

 

 

เหยียนเค่อรับประกันความปลอดภัยในชีวิตของซย่าเสี่ยวมั่วได้แน่นอนอยู่แล้ว เห็นท่าทางของซย่าเสี่ยวมั่วที่ไม่ไว้วางใจในตัวเองก็รู้สึกไม่สบายใจ จึงค่อยๆ ลดความเร็วรถลง 

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วมองทิวทัศน์นอกหน้าต่างที่ค่อยๆ มองเห็นได้ชัดขึ้น มือที่ดึงแขนเสื้อของเหยียนเค่อไว้ก็คลายลง 

 

 

เมื่อความร้อนที่แขนเสื้อมลายไปก็รู้สึกถึงความเย็นชื้นเหงื่อ 

 

 

“ยังกลัวอยู่ไหม” 

 

 

ถามบ้าๆ ซย่าเสี่ยวมั่วเหงื่อแตกซ่กแล้ว แต่พวงมาลัยยังอยู่ในมือเขาอยู่จึงทำได้เพียงส่ายหัว “ไม่” 

 

 

เหยียนเค่อเอ่ยหยอก “งั้นฉันขับเร็วขึ้นหน่อยนะ?” 

 

 

“ไสหัวไปเลย!” ซย่าเสี่ยวมั่วชกเข้าที่ต้นแขนของเขา “ฉันจะลงรถ!” เธอโมโหแล้วจริงๆ ที่เขากล้าเอาชีวิตมาล้อเล่นแบบนี้ 

 

 

เหยียนเค่อเห็นว่าด้านหลังไม่มีรถ จึงแฉลบออกไปจอดลงข้างถนน