ตอนที่ 325 ประกาศข่าว / ตอนที่ 326 เนรคุณ

เช่าท่านประธานมาปิ๊งรัก

ตอนที่ 325 ประกาศข่าว 

 

 

คนที่จะลงจากรถอยากจะกัดลิ้นตัวเองนัก 

 

 

นี่มันที่ไหนเธอยังไม่รู้เลย ถ้าเขาปล่อยเธอทิ้งจริงๆ เธอคงเดินกลับบ้านไม่ถูกแน่นอน… 

 

 

เหยียนเค่อหยิบโทรศัพท์ที่กำลังสั่นมาจากคอนโซลหน้ารถ 

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วกระหยิ่มยิ้มย่องในใจ ที่แท้แค่จะรับโทรศัพท์นี่เอง 

 

 

น้ำเสียงเยียบเย็นของเหยียนเค่อเหมือนกับน้ำแข็งกะละมังใหญ่ที่เทราดลงบนศีรษะของเธอ “ลงรถ” 

 

 

ณ วินาทีนี้ซย่าเสี่ยวมั่วอยากจะทุบเขาแล้วบอกว่า ‘นายมันใจร้าย ไร้สาระ ไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย’ แต่เธอไม่กล้า ทำได้เพียงเปิดประตูอย่างหวาดกลัว เมื่อเห็นว่าประตูไม่ได้ปลดล็อกก็หันไปเตือน 

 

 

เหยียนเค่ออย่างหดหู่ “นายยังไม่เปิดประตู” 

 

 

ไม่รู้ว่าเหยียนเค่อรับโทรศัพท์จากใคร ตลอดสายนั้นไม่ได้ปริปากพูดเลยสักคำ มีเพียงคำว่า ‘อืม’ ในตอนท้ายก่อนจะกดตัดสายเท่านั้น 

 

 

“นายนี่ไม่มีมารยาทเอาเสียเลย” อย่างไรเสียเธอก็ต้องเดินกลับบ้านอยู่แล้ว ทำให้เขาโมโหหน่อยก็คงไม่เป็นไรหรอก 

 

 

“เธอยังกล้าพูดอีกเหรอ” เมื่อพูดถึงเรื่องนี้แล้ว เหยียนเค่อก็โมโหขึ้นมา “หลายวันก่อนเธอก็วางหูใส่ฉันไม่ใช่หรือไง! แล้วตอนส่งข้อความมา คำสุดท้ายเธอพูดกับฉันว่ายังไงนะ?” 

 

 

“เอ่อ…” ไม่รู้ว่าความรู้สึกใจฝ่อนี้ผุดขึ้นมาจากไหน 

 

 

เหยียนเค่อโยนโทรศัพท์ลงบนหน้าท้องของเธอ “ลองคิดดูดีๆ แล้วกัน” 

 

 

ฉันต้องเป็นคนสั่งสอนเขาไม่ใช่หรือไง ทำไมถึงเป็นฝ่ายโดนสั่งสอนเขาแทนล่ะ ซย่าเสี่ยวมั่วหยิบโทรศัพท์บนตัวกลับไปวางให้เขาที่เดิม “นายไม่ได้เปิดประตู” 

 

 

“สวีอันหรานให้เรากลับไป” 

 

 

“ทำไม” 

 

 

เหยียนเค่อไม่ต้องเดาก็ยังรู้ความประสงค์ของสวีอันหรานเลย แต่ยายโง่นี่กลับถามด้วยหน้าตาจริงจังว่า ‘ทำไม’ เสียอย่างนั้น 

 

 

หรือจะให้เขาบอกว่า ‘ก็สวีอันหรานให้เธอมาง้อฉันเสร็จแล้วก็จะให้ฉันกลับไปงั้นเหรอ’ 

 

 

“เธอโง่หรือเปล่าเนี่ย” 

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วไม่อยากรู้คำตอบแล้ว “ฉันจะลงรถ” 

 

 

เหยียนเค่อโยนโทรศัพท์ให้เธอ “เชื่อมบลูทูธ ฉันขอพักสักหน่อย” 

 

 

การต่อต้านของเธอไม่เป็นผล จำต้องเปิดโทรศัพท์เพื่อเชื่อมต่อบลูทูธ 

 

 

เหยียนเค่อกลับไปทางเดิม ซย่าเสี่ยวมั่วหัวใจสั่นระรัวกลัวว่าเขาจะขับรถเร็วอีก ถือโทรศัพท์ไว้ในมือแล้วถามเขา “นายอยากฟังอะไรเหรอ” 

 

 

“มีประกาศข่าวอยู่” 

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วกดเล่นประกาศข่าวของเมือง N เมื่อหลายวันก่อนอย่างอิดออด 

 

 

ลำโพงรถส่งเสียงไพเราะของผู้ประกาศออกมา ซย่าเสี่ยวมั่วคาดไม่ถึง เหยียนเค่อเองก็ยิ่งคาดไม่ถึงกับเนื้อหาข่าวในครั้งนี้ 

 

 

[โครงการเปิดภูเขาหนานซานได้ดำเนินการขึ้นอีกขั้น บริษัท YAN บริษัทบันเทิงชื่อดังของเมือง N ได้ร่วมมือกันอย่างเป็นทางการกับทางสนามบินหนานซานในช่วงเช้าของวันนี้ โดยการเซ็นสัญญาการเช่าเก้าสิบปี นี่…] 

 

 

“เปลี่ยนซิ” ไม่ใช่ครั้งแรกที่เหยียนเค่อได้ยินข่าวที่เกี่ยวกับบริษัทของตน หรือข่าวที่เกี่ยวกับตนโดยตรง แต่ให้ซย่าเสี่ยวมั่วมารู้เรื่องพวกนี้ด้วยแล้วก็รู้สึกแตกต่างออกไป 

 

 

“วันนั้นฉันดูรายการข่าวสดแล้ว” ซย่าเสี่ยวมั่วบอกเขาอย่างไม่ยี่หระ 

 

 

เขายังนึกว่าซย่าเสี่ยวมั่วฟังแล้วจะหัวเราะ ‘เหอะๆ’ ออกมาเสียอีก นึกไม่ถึงว่าจะเคยได้ยินมาแล้ว 

 

 

“โดนบังคับน่ะ” ตอนที่ซย่าเสี่ยวมั่วเห็นข่าวก็หัวเราะ ‘เหอะๆ’ ออกมาเหมือนกัน “บริษัทเราเปิดคลิปข่าววนไปวนมาตั้งสองวัน” 

 

 

ตอนนั้นซย่าเสี่ยวมั่วถามอันหร่านว่าทำไมบริษัทถึงเป็นบ้าแบบนี้ แต่อันหร่านก็ไม่รู้เช่นกัน 

 

 

เหยียนเค่อคิดว่าเขาเงียบปากไว้เป็นดีที่สุด 

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วเปลี่ยนเป็นประกาศข่าวบันเทิงที่ตนชอบ “งั้นเราฟังอันนี้ก็แล้วกัน เรื่องราวหลังจากที่ดาราชายที่กำลังโด่งดังคบกับดาราเด็กที่เด็กกว่าเขาหลายปี” 

 

 

“มีแฟนก่อนวัยอันควรเหรอ” 

 

 

“ฮะ? โตเป็นผู้ใหญ่กันหมดแล้วนะ” 

 

 

“เธอบอกว่าเป็นดาราเด็กไม่ใช่เหรอ” 

 

 

“ก็ใช่ไง เมื่อก่อนเขาเป็นดาราเด็ก แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่โตเสียหน่อย” ซย่าเสี่ยวมั่วไม่ยอมรับว่าที่ตนพูดก็มีส่วนผิด ฟังนักข่าวก็อซซิปตามไปรายงานสถานการณ์อย่างกระชั้นชิดด้วยความสนอกสนใจ 

 

 

“เธอสนใจดาราชายคนนั้นเหรอ” 

 

 

“ไม่หรอก” ซย่าเสี่ยวมั่วส่ายหัวทันที ออร่าหน้าตายังดีไม่เท่าเหยียนเค่อเลย 

 

 

“งั้นเธอก็สนใจผู้หญิงน่ะสิ?” 

 

 

“ก็ไม่ใช่หรอก” หน้าตาก็ไม่ได้สวยเท่าสวีรั่วชีเลย ซย่าเสี่ยวมั่วลูบคาง แล้วคิดวิเคราะห์ “ฉันก็แค่สนใจเรื่องพวกเขาสองคนเท่านั้นแหละ” 

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 326 เนรคุณ 

 

 

เหยียนเค่อฟังข่าวก็อซซิปตลอดทาง ตอนลงรถก็ยังมึนๆ นิดหน่อย 

 

 

“ที่นี่ที่ไหนเนี่ย จะไปหาสวีอันหรานไม่ไม่ใช่เหรอ” ซย่าเสี่ยวมั่วดึงแขนเสื้อเขา รู้สึกว่าเขามาผิดทาง 

 

 

“สวีอันหรานจะมาเลี้ยงข้าวที่นี่” เหยียนเค่อปล่อยให้เธอดึง ก่อนจะเดินเลี้ยวเข้าไปด้านใน 

 

 

ในตรอกซอยอันเงียบงัน กำแพงสีขาวหลังคากระเบื้องสีดำที่เรียงรายกันอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ถ้าซย่าเสี่ยวมั่วไม่ดึงแขนเหยียนเค่อไว้คงจะเดินหลงทางจริงๆ 

 

 

เหยียนเค่อง่วงมาก ยกมือขึ้นนวดขมับตัวเอง “กินข้าวเสร็จแล้วฉันจะไปส่งเธอกลับ” 

 

 

“สวีรั่วชีไม่ปล่อยฉันไว้อย่างนั้นหรอก” ซย่าเสี่ยวมั่วมองทะลุปรุโปร่งถึงนิสัยที่ฝังลึกอยู่ในใจของ 

 

 

สวีรั่วชี แต่ความรู้สึกตระการตาในสิ่งก่อสร้างเหล่านี้นั้นมีมากกว่าความกลัวที่มีต่อสวีรั่วชีแล้ว 

 

 

“นี่เป็นกลุ่มสิ่งก่อสร้างเก่าที่ยังเหลืออยู่ที่ตอนเหนือของเมือง เมื่อก่อนตอนปรับปรุงสิ่งปลูกสร้างใหม่ก็ถูกเก็บรักษาไว้แล้ว” เหยียนเค่อคุ้นเคยกับพื้นที่นี้ดี “บ้านของเสิ่นจิ้งเฉินอยู่ที่ตอนเหนือของเมือง ดังนั้นที่นี่ก็มีถิ่นของเขาอยู่ด้วย” 

 

 

นอกจากรู้ว่าเสิ่นจิ้งเฉินบ้านอยู่ตอนเหนือของเมืองแล้ว ซย่าเสี่ยวมั่วก็ไม่รู้อะไรเลย ทำได้เพียงยืนพยักหน้าอยู่ข้างๆ 

 

 

การหลอกถามของเหยียนเค่อไม่สำเร็จ เริ่มสงสัยในสติปัญญาของตนเสียแล้ว คนโง่อย่างซย่าเสี่ยวมั่ว ไม่ว่าจะพูดอะไรก็มีท่าทีแบบนี้หมด การหลอกถามอ้อมๆ นั้นไม่มีประโยชน์เลย 

 

 

เหยียนเค่อพาซย่าเสี่ยวมั่วเดินเข้าไปในตัวบ้านที่มีกลิ่นอายของความโบราณ ในเรือนที่ไม่ใหญ่นักวางล้อมไปด้วยกระถางต้นไม้ ในเรือนหลักที่ตั้งอยู่ตรงข้ามหน้าประตูใหญ่มีโต๊ะเก้าอี้ไม้เก่าแก่ตั้งอยู่ หน้าเรือนมีซุ้มเถาองุ่นตั้งไว้ บริเวณชายคาแขวนกระดิ่งทองแดงและกระเบื้องสีดำที่มีตะไคร่ขึ้น 

 

 

“ว้าว” 

 

 

“สวยเหรอ” เหยียนเค่อถามขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าประหลาดใจของเธอ 

 

 

“เก่าจังอะ” ซย่าเสี่ยวมั่วไม่อยากตอบให้ตรงกับความต้องการของเขา ถึงปากจะบอกว่าเก่าแต่สีหน้ากลับเปี่ยมไปด้วยความพึงพอใจ 

 

 

เหยียนเค่อพาเธอเดินอ้อมไปทางซุ้มดอกไม้ที่อยู่ด้านหลัง มองผ่านดอกไม้ต้นไม้ที่ร่วงโรยก็เห็น 

 

 

สวีอันหรานกับสวีรั่วชีกำลังนั่งดื่มชาอยู่ด้านใน 

 

 

“ตรงนี้เพิ่งสร้างทีหลังใช่ไหม” ข้างหน้ากับข้างหลังไม่ได้ไปทิศทางเดียวกันเลย 

 

 

“อืม” เหยียนเค่อ “ประวัติของเรือนนี้จะยาวนานกว่า ส่วนซุ้มศาลานี้จะสร้างขึ้นหลังๆ หน่อย” 

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วพึมพำ “แต่ก็ดูยาวนานทั้งคู่” 

 

 

เหยียนเค่อคอยระวังให้เธอเดินก้าวข้ามขั้นบันไดหินที่สูงเกือบเมตร แต่ซย่าเสี่ยวมั่วก็ขาสั้นเกินไป แถมชายกระโปรงยังค่อนข้างรัดรูป ทำให้ก้าวข้ามไปไม่ได้ 

 

 

“ทำไมสูงจังอะ!” เธอต้องใช้มือกับเท้าคลานจึงจะคลานขึ้นไปได้ 

 

 

เหยียนเค่อยกขาก้าวข้ามไปอย่างสบายๆ มองซย่าเสี่ยวมั่วที่ศีรษะอยู่เท่าเข่าตัวเองแล้วรู้สึกประสบความสำเร็จ “ขอร้องฉันสิ ฉันจะพาเธอเดินขึ้นไป” 

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วยอมใช้มือและเท้าคลานขึ้นไปดีกว่ายอมขอร้องเขา “ฝันไปเถอะ” 

 

 

“เฮ้อ” เหยียนเค่อมองท่าทางตะเกียกตะกายของเธอแล้วก็ถอนหายใจ ขยับไปด้านหลังแล้วค่อยๆ ย่อตัวลงแล้วยื่นมือไปทางเธอ 

 

 

“ทำอะไร” 

 

 

“เอามือคล้องคอฉัน เดี๋ยวฉันจะอุ้มเธอขึ้นไป” สายตาของเหยียนเค่อเหมือนคนมองคนเอ๋ออย่างไรอย่างนั้น 

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วปัดเศษหินที่ติดอยู่บนฝ่ามือ เตรียมตัวจะพาดมือลงบนร่างของเขา 

 

 

“เธอจับข้อมือของตัวเองไป ห้ามมาจับตัวฉัน!” 

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วขบฟัน สังขารไม่เอื้อแล้วยังมาโดนเขาด่าอีก อยากจะกดหน้าเหยียนเค่อลงกับพื้นดินจริงๆ 

 

 

เธอยังคิดจินตนาการในใจอยู่ แขนทรงพลังสอดเข้าไปใต้รักแร้ของเธอ ก่อนจะยกขึ้นอุ้มเธอเอาไว้ 

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วรู้สึกได้ถึงความอุ่นของฝ่ามือตรงแผ่นหลังกับบริเวณเอวก็ชะงักไป เมื่อทั้งสองคนสบตากันก็ค่อยๆ ยกมือขึ้นสัมผัสหน้าของเขา… 

 

 

“ซย่าเสี่ยวมั่ว!” เหยียนเค่ออยากจะโยนเธอลงไปด้วยความโมโห 

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วขยิบตาอย่างซุกซน “รู้สึกถึงกลิ่นหอมของดินโคลนใช่ไหมล่า” 

 

 

“ฟู่ว” เหยียนเค่อพ่นลมหายใจออกมายืดยาว ห้ามความคิดที่อยากจะบีบคอเธอไว้แล้ววางเธอลง ก่อนจะเดินเข้าไปหาน้ำด้านใน