บทที่ 712 : เตะผ่าหมาก!

 

บนท้องฟ้าเหนือพื้นดินในสวนชั้นที่หกของบ้านบรรพบุรุษตระกูลหลิงขึ้นไปสี่สิบเมตร..

  

หลิงหยุนสวมชุดดำยืนตระหง่านอยู่บนหลังแวมไพร์ยักษ์มีปีกและกำลังบินอยู่ผ้าคลุมหน้าสีดำเผยให้เห็นเพียงแค่ดวงตาคู่งามทั้งสองข้างเท่านั้น สายตาที่จ้องมองนินจาทั้งยี่สิบสองคนนั้นเต็มไปด้วยความเย็นชา และมีรังสีอำมหิตแผ่ซ่านออกมา!

  

ท่ายืนถือคันธนูสีทองของหลิงหยุนนั้นทำให้เขาดูประหนึ่งดังเทพแห่งการสังหารอย่างแท้จริง!

  

ด้วยระยะทางที่ไกลถึงสี่สิบเมตรและลูกธนูเพียงแค่ดอกเดียว แต่หลิงหยุนกลับสามารถยิงโดนร่างของนินจาขั้นเซียงเทียนได้อย่างแม่นยำ และเวลานี้ร่างของนินจาก็ถูกตรึงอยู่กับพื้นด้วยลูกธนูดอกนั้น ภาพที่เห็นในเวลานี้ทำให้ทั้งสองฝ่ายถึงกับตกใจจนต้องหยุดเข่นฆ่ากันชั่วขณะ!

  

ลูกธนูเพียงแค่ดอกเดียวแต่มีพลังสะกดนินจาทุกคน แม้กระทั่งยามาดะและมิตซุยเองก็ถึงกับหยุดชะงักเช่นกัน ทั้งคู่กระโดดออกมาจากสนามต่อสู้ และเงยขึ้นมองไปบนท้องฟ้า สีหน้าของทั้งคู่บ่งบอกว่าตกใจอย่างมาก!

  

แต่เนื่องจากหลิงหยุนอยู่สูงถึงสี่สิบเมตร..ทั้งสองคนจึงไม่สามารถมองเห็นขั้นกำลังภายในของหลิงหยุนที่ยืนอยู่บนหลังของแวมไพร์อย่างไม่หวาดกลัวได้

  

หลิงหยุนร้องตะโกนบอกหัวหน้านินจาทั้งสองคนด้วยเสียงดังกังวาน“รู้ไว้ซะ! นินจาอาวุโสของพวกเจ้าทั้งคู่ – อากามัทสุ ไคสุเกะ ได้ถูกข้าสังหารไปแล้ว!”

  

สิ้นคำพูดของหลิงหยุนเสียงร้องและเสียงพูดจากทั้งสองฝ่ายก็ดังอื้ออึงไปทั่วทั้งบริเวณ และเมื่อได้ยินว่าผู้ที่มาใหม่นั้นได้สังหารอากามัทสุ ไคสุเกะไปแล้ว เหล่านินจาต่างก็พากันจ้องมองหลิงหยุนด้วยสีหน้าและแววตาเคียดแค้น!

  

“อ่อ..ข้าลืมบอกไปว่าเจ้าสุนัขนินจาทั้งหกคนที่ส่งไปช่วยอากามัทสุ ก็ถูกข้าส่งไปลงนรกแล้วเช่นเดียวกัน! ตอนนี้พวกมันคงไปสังสรรค์กันอยู่ในนรกเรียบร้อยแล้วล่ะ..”

  

แววตาของหลิงหยุนที่จ้องมองเหล่านินจานั้นทั้งเย้ยหยัน เสียดสี เฉยชา แล้วก็ไร้ซึ่งความเมตตาปราณี

  

จิตหยั่งรู้ของหลิงหยุนนั้นปกคลุมรัศมีแปดสิบเมตรโดยรอบดังนั้นในระยะความสูงที่สี่สิบเมตรนี้ เขาจึงสามารถมองเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในสวนชั้นที่หกและเจ็ดในบ้านตระกูลหลิงได้อย่างชัดเจน หลิงหยุนจึงเห็นว่าเหล่ากุ่ยนั้นได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ก็เป็นเพียงการบาดเจ็บที่รักษาได้ไม่ยาก และไม่เป็นอันตรายถึงชีวิตหากมีเขาอยู่

  

ส่วนหลิงลี่หลิงเจิ้น หลิงเย่ว และหลิงหย่งนั้น อาการบาดเจ็บไม่สาหัสเท่ากับเหล่ากุ่ย หลิงหยุนจึงรู้สึกโล่งใจ

  

“ชั่วช้า!”

  

มิตซุยโกรธจนถึงกับชกอกตัวเองและคว้าดาบยาวจากมือของนินจาขั้นเซียงเทียนที่ยืนอยู่ข้างๆ เขากระแทกเท้าลงกับพื้นพร้อมกับยกดาบในมือชี้ไปทางหลิงหยุน และร้องตะโกนออกไปด้วยความเคียดแค้น

  

“วันนี้เจ้าอย่าหวังว่าจะรอดชีวิตไปได้เลย..”

  

หลิงหยุนทำเสียงขึ้นจมูกอย่างไม่ใส่ใจกับคำพูดของมิตซุยจากนั้นกระบี่โลหิตแดนใต้ก็ปรากฏขึ้นในมือข้างซ้ายของเขา หลิงหยุนถือกระบี่กระโดดลงมาจากหลังของเพียร์ซ และพุ่งเข้าใส่มิตซุยที่กำลังพุ่งขึ้นมาเช่นกัน

  

ทั้งคู่ปะทะกันอยู่กลางอากาศ!

  

หลิงหยุนกวัดแกว่งกระบี่โลหิตแดนใต้ด้ามยาวในมือจนเกิดเป็นภาพซ้อนคล้ายม่านสีดำเข้าจู่โจมมิตซุย!

  

กระบี่และดาบปะทะกลางอากาศพลังปราณที่พุ่งออกจากอาวุธทั้งสองชนิดปะทะกันอย่างรุนแรงจนเกิดเสียงดังคล้ายระเบิด!

  

ดาบยาวสีเงินในมือของมิตซุยกับกระบี่โลหิตแดนใต้ของหลิงหยุนนั้นแม้จะปะทะกันอย่างรุนแรง แต่ก็ยังมีช่องว่างอยู่ราวสองเซนติเมตร นั่นเพราะมิตซุยได้ถ่ายเทพลังปราณไว้ที่ดาบของตนเอง

  

ระหว่างทางที่มุ่งหน้ามาบ้านบรรพบุรุษตระกูลหลิงนั้นหลิงหยุนได้ดื่มน้ำลายมังกรเข้าไปตลอดทาง ทำให้พลังชีวิตในร่างกายของเขาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และเมื่อได้พลังชีวิตจากน้ำลายมังกรเข้าไปแล้ว หลิงหยุนก็เดินพลังลับหยินยาง และเริ่มเข้าสู่สภาพสมูบูรณ์สูงสุด!

  

แม้ว่ามิตซุยจะโกรธแค้นอย่างมากและได้ใช้วิชานินจาขั้นสูงสุดจู่โจมใส่หลิงหยุน แต่ก่อนหน้านี้เขาเองก็ได้สู้กับคนตระกูลหลิง และพอลมาเป็นเวลาครู่ใหญ่ พละกำลังจึงไม่ได้เต็มร้อยอย่างเช่นหลิงหยุนเวลานี้

  

ส่วนหลิงหยุนที่เวลานี้ไม่เพียงพละกำลังอยู่ในระดับที่สมบูรณ์สูงสุดแต่ยังภายในจิตใจยังปกคลุมด้วยรังสีสังหาร หากไม่จัดการกับฝ่ายตรงข้ามก็คงเป็นเรื่องแปลก!

  

กระบี่และดาบที่ปะทะกันเป็นรูปไม้กางเขนอยู่นั้นกระบี่โลหิตแดนใต้ในมือของหลิงหยุนค่อยๆกดร่างของมิตซุยลงจนกระทั่งทรุดและคุกเข่าลงกับพื้น!

  

ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างก็ได้เห็นภาพที่แผ่นหลังของมิตซุยค่อยๆถูกหลิงหยุนกดแนบลงกับพื้นกระเบื้องสีฟ้า และแทบไม่น่าเชื่อว่าเวลานี้ที่พื้นกระเบื้องมีรอยแยกกว้างราวสองนิ้ว และลึกครึ่งฟุต ซึ่งเกิดจากกระแสลมปราณที่ถ่ายเทออกมาจากกระบี่โลหิตแดนใต้ของหลิงหยุน

  

“เจ้าบ้ากามมากงั้นรึ!”

  

กระบี่โลหิตแดนใต้ในมือซ้ายของหลิงหยุนกดร่างของมิตซุยลงจนไม่สามารถขยับเขยื้อนได้และหลังจากที่มันกำลังดิ้นขลุกขลักอยู่ครู่หนึ่ง หลิงหยุนก็ยกเท้าของเขาถีบเข้าไปที่เป้ากางเกงของมิตซุยอย่างแรง!

  

เสียงร้องโหยหวนของมิตซุยดังออกมาพร้อมกับปล่อยดาบในมือลงและรีบใช้สองมือกุมสิ่งที่เปรียบเสมือนชีวิตของตนเองไว้ทันที แรงถีบของหลิงหยุนส่งร่างมิตซุยให้ค่อยๆลอยละลิ่วถอยหลังไปกระแทกกับกำแพงจนเป็นรูขนาดใหญ่ แต่ร่างของมิตซุยกลับไม่หยุดอยู่แค่นั้น ยังคงลอยทะลุกำแพงออกไปอีกไกลจนกระทั่งไปตกอยู่ตรงกลางสวนชั้นที่ห้าของบ้านตระกูลหลิง สีหน้าของมันบ่งบอกว่ากำลังเจ็บปวดอย่างที่สุด!

  

ไม่ว่าจะเป็นยอดฝีมือที่เก่งกาจเพียงใดก็ตามจุดสงวนซึ่งเปรียบเหมือนรากฐานชีวิตแห่งชายชาตรี ก็ยังคงเป็นจุดอ่อนที่สุดของร่างกายอยู่ดี! เมื่อถูกหลิงหยุนเตะเข้าไปจนสุดกำลังเช่นนั้น มีหรือที่มิตซุยจะทานทนต่อไปได้!

  

การที่มิตซุยปะทะกับหลิงหยุนแบบตัวต่อตัวเช่นนั้นต้องบอกว่าความประมาทของมิตซุยเอง เขาประมาทคู่ต่อสู้มากจนเกินไป ทั้งที่เวลานั้นตนเองก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่าหลิงหยุนจะมีพละกำลังมหาศาลเช่นนี้ จึงต้องพ่ายแพ้อย่างยับเยิน!

  

หลังจากที่ร่างของมิตซุยตกลงสู่พื้นมันก็รีบม้วนตัวทั้งที่มือยังกุมเป้าอยู่ไปตามสนามพร้อมกับใช้วิชานินจิทสุพลางตัวในทันที

  

หลิงหยุนใช้จิตหยั่งรู้สำรวจดูก็เห็นว่าร่างของมิตซุยที่กำลังพลางตัวอยู่นั้น สีหน้าของมันเต็มไปด้วยความเจ็บปวด มือสองข้างยังคงกุมเป้ากางเกงแน่น และทำตัวงอคล้ายกับกุ้งค่อยๆวิ่งหลบไปซ่อนอยู่ที่มุมอีกด้านหนึ่งของสวน หลิงหยุนเห็นแล้วได้แต่นึกเย้ยหยันอยู่ในใจ..

  

หลังจากที่หลิงหยุนจัดการเตะเข้าจุดยุทธศาสตร์ของมิตซุยแล้วร่างของเขายังคงยืนนิ่งไม่เคลื่อนไหว ตราบใดที่มิตซุยยังไม่หลบหนีไปใหน เขาก็ยังไม่จำเป็นต้องรีบร้อนนัก เพราะคนอย่างมิตซุยยังต้องตายอย่างทรมานช้าๆ จึงจะสาสม!

  

การที่หลิงหยุนจัดการยิงนินจาขั้นเซียงเทียนด้วยธนูและถีบมิตซุยจนกระเด็นออกไปไกลนั้น ได้พลิกสถานการณ์ของตระกูลหลิงขึ้นมาเป็นตรงกันข้ามกับก่อนหน้านี้ในทันที คนตระกูลหลิงต่างก็ร้องออกมาด้วยความตกใจ แต่ดวงตาของพวกเขากลับเป็นประกายด้วยความตื่นเต้น!

  

แต่แล้วจู่ๆเจสเตอร์รีบวิ่งเข้าไปสารภาพกับหลิงหยุนด้วยความหวาดกลัว..

  

“เจ้านายที่เคารพ!เจสเตอร์ผิดไปแล้วที่ไม่เชื่อฟังคำสั่งของท่าน เจสเตอร์กลายร่าง เจ้านายได้โปรดลงโทษเจสเตอร์ด้วย..”

  

“เจ้าไม่ต้องรีบร้อนนัก..ข้าต้องลงโทษเจ้าอยู่แล้ว! แต่ไม่ใช่เพราะเจ้ากลายร่าง แต่ข้าจะลงโทษเพราะเจ้ากลายร่างช้าเกินไปต่างหาก! เจ้ารู้จักแต่เชื่อฟังคำสั่ง แต่ไม่รู้จักประเมินสถานการณ์ให้ดี!” หลิงหยุนขมวดคิ้วขณะที่ดุเจสเตอร์..

  

พร้อมกันนั้นหลิงหยุนก็อดคิดไม่ได้ว่าการถ่ายเลือดช่างมีอานุภาพมากจริงๆ!

  

เมื่อเจสเตอร์ได้ยินว่าหลิงหยุนจะลงโทษจริงๆก็ถึงกับหวาดกลัวจนหน้าซีด แล้วรีบหันไปมองหน้าพอลพร้อมกับส่งสายตาขอความช่วยเหลือ แต่พอลกลับยักไหล่ยิ้มๆและไม่พูดอะไร

  

“เจสเตอร์พอล จอยซ์ เพียร์ซ.. พวกเจ้าทั้งสี่ฟังคำสั่งของข้าให้ดี! นินจาทั้งยี่สิบสองคนที่อยู่ในบ้านหลังนี้ พวกเจ้าเฝ้าไว้ให้ดี และอย่าให้พวกมันหนีออกไปจากที่นี่ได้แม้แต่คนเดียว แต่ถ้าพวกเจ้าขี้เกียจเฝ้า จะจับพวกมันหักขาทิ้งทั้งสองข้างเลยก็ได้ ข้าไม่ว่า!”

  

“แต่จำไว้ว่าแค่หักขาสองข้างเท่านั้น!”

  

“ครับเจ้านาย!”

  

แวมไพร์ทั้งสี่ตนรับคำสั่งของหลิงหยุนด้วยความเคารพส่วนจอยซ์ก็วางร่างครึ่งเป็นครึ่งตายของเฉินไห่คุนลงที่พื้น แล้วสยายปีกตามเพียร์ซบินไล่ล่านินจาทั้งยี่สิบกว่าคนไปทันที

  

ทั้งคู่เป็นแวมไพร์ขั้นเคานต์ที่กลายร่างแล้วมีหรือที่นินจากเหล่านั้นจะสามารถลวงตาและหลบหนีไปได้!

  

และแน่นอนว่าหากนินจาคนใหนคิดจะใช้วิชานินจิทสุหายตัวหลบหนีไปแล้วล่ะก็หลิงหยุนก็คงไม่ยอมปล่อยให้พวกมันหนีไปได้ง่ายๆเช่นกัน!

  

ส่วนพอลกับเจสเตอร์ที่เพิ่งได้รับบาดเจ็บด้วยฝีมือของมิตซุยและยามาดะทั้งคู่จึงรู้สึกเกลียดชังเหล่านินจาอย่างมาก ทันทีที่ได้รับคำสั่งจากหลิงหยุน ทั้งคู่ก็พุ่งเข้าใส่กลุ่มนินจากทันที!

  

นอกเหนือจากยามาดะกับมิตซุยแล้วไม่มีนินจาคนใหนหนีการไล่ล่าของพอลกับเจสเตอร์ได้เลย และในเวลานั้นเสียงกระดูกหัก และเสียงร้องตะโกนของเหล่านินจาก็ดังไประงมทั่วทั้งบริเวณ!

  

เจสเตอร์ดูเหมือนจะโหดที่สุดมันตรงเข้าคว้าขาของเหล่านินจา และเมื่อจับได้ก็จัดการหักขาทั้งสองข้างพร้อมกันทันที มันไล่หักขาของเหล่านินจาอย่างไม่คิดที่จะปราณีเลยสักนิด

  

เมื่อเหล่านินจาถูกจับหักขาจนหมดแล้วหลิงหยุนจึงพุ่งเข้าไปใช้นิ้วจี้จุดของนินจาแต่ละคนทันที เพื่อไม่ให้พวกมันสามารถเคลื่อนไหวได้ และให้พวกมันต้องรู้สึกเจ็บปวดทรมานอย่างแสนสาหัสชนิดที่อยากจะกัดลิ้นตายก็ยังทำไม่ได้!

  

และนี่คือบทลงโทษสำหรับเหล่านินจาและเป็นการแค้แค้นให้กับคนตระกูลหลิงอีกด้วย คนตระกูลหลิงที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างก็จ้องมองด้วยความตื่นเต้นจนแทบลืมหายใจ!

  

แม้แต่หลิงซิ่วหลิงเฟิง และหลิงเลี่วย หนุ่มสาวทั้งสามคนต่างก็จ้องมองใบหน้าที่เผยให้เห็นเพียงดวงตาของหลิงหยุนด้วยความตื่นเต้นและศรัทธา แววตาของทุกคนเต็มไปด้วยความประหลาดใจ และได้แต่คิดในใจว่าตระกูลหลิงไม่ต้องถึงคราวจบสิ้นแล้ว! และใครกันนะที่ตั้งใจมาช่วยเหลือตระกูลหลิงในครั้งนี้!

  

นี่เขาไม่หวาดกลัวที่จะต้องเผชิญกับการแก้แค้นจากเหล่ายอดฝีมือทั่วโลกงั้นหรือ

  

นอกเหนือจากยามาดะและมิตซุยทางฝั่งของเหล่านินจาก็เหลือเพียงแค่นินจายี่สิบคนนี้ แวมไพร์ทั้งสี่จึงสามารถทำภารกิจที่หลิงหยุนสั่งได้เสร็จสิ้นอย่างรวดเร็ว เหล่านินจาที่ถูกหักขาและจี้จุดนั้น ต่างก็ต้องนอนเจ็บปวดทุรนทุรายอยู่ที่พื้น และไม่สามารถขยับเขยื้อนได้

  

หลังจากที่จัดการกับเหล่านินจาทั้งยี่สิบคนแล้วหลิงหยุนก็เรียกคันธนูทองคำออกมาอีกครั้ง..

  

เวลานี้คันธนูและลูกธนูพร้อม..หลิงหยุนเล็งลูกธนูไปทางมิตซุยที่พลางตัวซ่อนอยู่ จากนั้นจึงน้าวสายธนู และปล่อยลูกธนูออกไปทันที!

  

ระยะห่างระหว่างหลิงหยุนกับมิตซุยนั้นไม่ไกลกันมากลูกธนูทั้งสองดอกจึงพุ่งเข้าใส่ที่เข่าทั้งสองข้างของมันทันที และตรึงร่างของมิตซุยไว้กับพื้น!

  

ลูกธนูทั้งสองดอกที่ยิงใส่หัวเข่าทั้งสองข้างของมิตซุยนั้นมีพลังหยินบริสุทธิ์ห่อหุ้มอยู่ด้วย ทันทีที่ลูกธนูพุ่งเข้าใส่หัวเข่าของมิตซุย อุณหภูมิในร่างกายของมันก็ลดลงถึงลบเจ็ดสิบหรือแปดสิบองศาเซลเซียสทันที และทำให้เลือดที่ขาทั้งสองข้างของมิตซุยถึงกับแข็งไป!

  

หลิงหยุนยิ้มเย็นยะเยือกแล้วจึวหันไปทางยามาดะพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา

  

“ถึงคราวของเจ้าแล้ว..”