บทที่ 713 : ดวลกันตัวต่อตัว!
จากเพชรฆาตที่ใช้ดาบสังหารผู้คนราวกับผักปลาเวลานี้กลับไม่ต่างจากลูกแกะที่รอการถูกเชือด!
เวลานี้หลังจากที่แวมไพร์ทั้งสี่ตนได้จัดการหักขาเหล่านินจาทั้งยี่สิบคนอย่างน่าสยดสยองแล้วสภาพภายในบ้านตระกูลหลิงจึงไม่ต่างจากนรกขุมที่สิบแปด!
ในฐานะที่เป็นหัวหน้าของเหล่านินจาและเป็นถึงนินจาอาวุโสระดับเริ่มต้นขั้นเซียงเทียน-7 ใช่ว่ายามาดะไม่ต้องการที่จะเข้าไปช่วยคนของตัวเอง แต่เป็นเพราะการต่อสู้ที่ดุดันโหดเหี้ยมของหลิงหยุนเมื่อครู่ และด้วยสัญชาติญาณทำให้ยามาดะรู้ว่าทันทีที่เขาเคลื่อนไหว หลิงหยุนจะต้องจัดการกับเขาทันที!
ดังนั้น..ยามาดะจึงทำได้เพียงแค่จ้องมองเหล่านินจาถูกหักขาทีละคนๆ!
ยามาดะคิดไม่ถึงว่าไม่เพียงแค่หลิงหยุนโผล่ขึ้นมาสถานการณ์จะกลับพลิกผลันจากหน้ามือเป็นหลังมือเช่นนี้ อีกทั้งเขายังจัดการจี้จุดเหล่านินจาให้เกิดความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสชนิดที่แม้อยากจะตายก็ยากที่จะทำได้!
หลังจากที่จัดการหักขานินจาทั้งยี่สิบคนของเขาจนกลายเป็นขยะกองรวมกันแล้วจู่ๆหลิงหยุนก็กระโดดขึ้นไปบนท้องฟ้า พร้อมกับหันคันธนูและลูกธนูทั้งสองดอกเล็งเข้าไปยังสวนชั้นที่ห้าซึ่งมิตซุยพลางร่างซ่อนอยู่ และยิงลูกธนูทั้งสองดอกเข้าใส่เขาทันที!
ทุกอย่างพลิกผลันอย่างรวดเร็ว..
หลิงหยุนนั้นเคลื่อนไหวได้รวดเร็วอย่างน่าอัศจรรย์อย่างมากและยามาดะเองก็คิดไม่ถึงว่ามิตซุยจะได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงเพียงนั้น มันยกดาบในมือขึ้นหมายเข้าทำร้ายหลิงหยุนที่กำลังหันหลังอยู่ แต่กลับคิดไม่ถึงว่าหลิงหยุนจะส่งหมัดเต็มกำลัง และนั่นทำให้ยามาดะถึงกับกระอักเลือดในทันที!
หลิงซิ่วหลิงเฟิง หลิงเลี่วย และคนอื่นๆ ที่ได้เห็นหลิงหยุนต่อสู้กับเหล่านินจาทั้งหมดมาตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงตอนนี้ ต่างก็แทบลืมหายใจ..
อีกทั้งพวกเขายังได้พบเจอกับแวมไพร์ที่เคยได้ยินได้ฟังมาและคิดว่ามันเป็นเพียงตำนานเรื่องเล่าเท่านั้น ไม่เพียงแค่นั้นพวกเขายังได้เห็นเหล่าแวมไพร์จับคนหักขาอย่างโหดเหี้ยมป่าเถื่อน แต่ก็นับว่าเป็นการต่อสู้ที่ตื่นเต้นอย่างมาก!
ลูกธนูทั้งสองดอกของหลิงหยุนนั้นไม่เพียงแค่ยิงโดนหัวเข่าทั้งสองข้างของมิตซุยแต่ยังตรึงร่างของมันไว้ที่พื้นกระเบื้องสีฟ้าแน่น พลังหยินที่น่าสยดสยองก็ทำให้มิตซุยได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างมาก และเวลานี้เลือดที่ขาของมันก็แข็งไปหมด และไม่สามารถขยับเขยื้อนได้!
ก่อนหน้านี้ยามาดะได้ส่งกระแสจิตปรึกษากับมิตซุยว่าจะหนีออกไปจากที่นี่ได้อย่างไรแต่กลับคิดไม่ถึงว่าเวลานี้จะเหลือเขาอยู่เพียงคนเดียวเท่านั้น!
คนในตระกูลหลิงทั้งหมดได้แต่ตกใจแล้วก็ตกตะลึง! พวกเขาต่างก็ไม่คิดไม่ฝันว่าเหตุการณ์จะกลับพลิกผลันเช่นนี้ พวกเขาทุกคนต่างก็กำลังเผชิญหน้าอยู่กับการล่มสลายของตระกูลหลิง แต่จู่ๆก็มีจอมยุทธปรากฏตัวขึ้นมากลางเวหา และลงมาช่วยพลิกสถานการณ์ให้!
แต่พวกเขาก็อดสงสัยไม่ไดว่า..หากผู้ที่มาช่วยเป็นจอมยุทธชาวจีนจริงๆ เหตุใดเหล่าแวมไพร์ทั้งสี่ตนนี้จึงได้เรียกเขาว่าเจ้านายเล่า
คนผู้นี้สีมีผมและดวงตาสีดำขลับซึ่งบ่งบอกว่าต้องเป็นชาวจีนอย่างแน่นอน!
แล้วเพราะเหตุใดจู่ๆจึงได้มีคันธนูทองกับลูกธนูคมกริบโผล่ขึ้นมากลางอากาศได้! แล้วกระบี่สีดำเล่มยาวนั่นเล่า โผล่ขึ้นมากลางอากาศได้อย่างไรกัน?!
จอมยุทธผู้นี้เป็นเจ้านายของเหล่าแวมไพร์ชาวตะวันตกทั้งสี่คนอย่างนั้นหรือ!แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นล้วนเป็นมายากลหรืออย่างไร?!
“โอ้โห!จอมยุทธท่านนี้ช่างเก่งกาจมากจริงๆ!” หลิงเฟิงวิ่งเข้ามายืนข้างหลิเย่วพร้อมกับพึมพำออกมาด้วยความตกตะลึง
“ข้าอยากคำนับคนผู้นี้เป็นอาจารย์!”หลิงเลี่วยจ้องมองพร้อมกับร้องออกมาอย่างตื่นเต้นเช่นกัน
หลิงซิ่วที่ยืนอารักขาหลิงลี่อยู่นั้นสายตาของนางจับจ้องอยู่ที่ดวงตาคู่งามของหลิงหยุนแน่นิ่ง..
เมื่อสิบแปดปีก่อนที่เกิดโศกนาฏกรรมขึ้นกับตระกูลหลิงนั้นหลิงซิ่วเพิ่งจะอายุห้าขวบ และความทรงจำในวัยเด็กของนางนั้นก็ช่างน่าอัศจรรย์ไม่น้อย นางยังจดจำดวงตาคู่นั้นได้ไม่ลืมเลือน..
มันคือดวงตาของท่านป้าสามซึ่งเป็นธิดาพรรคมารนางยังจำดวงตาคู่งามและหยิ่งผยองนั้นได้ตราตรึง!
และดวงตาของจอมยุทธผู้นี้ก็ช่างเหมือนกับดวงตาของนางไม่มีผิด!
หรือท่านป้าสามจะกลับชาติมาเกิดเป็นผู้ชายอย่างนั้นหรือ!
หลิงซิ่วได้แต่ตกตะลึงและสับสนแต่ด้วยความเป็นคนเฉลียวฉลาด นางจึงนึกถึงลุงสาม และลูกชายแท้ๆของเขาขึ้นมาได้!
“ท่านพ่อ..อาวุโสท่านนี้ก็คือผู้มีพระคุณที่บุกไปช่วยข้าออกมาจากบ้านตระกูลเฉิน..”
หลิงเย่วเห็นหลิงหยุนก็นึกถึงเหตุการณ์ที่คฤหาสน์ชานเมืองด้านใต้ของตระกูลเฉินพร้อมกับร้องบอกหลิงลี่ด้วยความตื่นเต้น!
หลิงเย่วนั้นรู้ดีว่าหากหลิงหยุนปรากฏตัวเช่นนี้ตระกูลหลิงจะต้องรอดพ้นจากหายนะอย่างแน่นอน และต่อให้ตระกูลเฉินส่งคนมาเป็นกองทัพ ตระกูลหลิงก็ไม่ต้องหวาดกลัวอะไรอีกต่อไปแล้ว!
เวลานี้..ในสายตาของหลิงเย่วนั้น มีเพียงสี่ห้าคำที่จะมอบให้หลิงหยุน นั่นก็คือ.. เทพเจ้าแห่งสงคราม!
จากรูปลักษณ์ของหลิงหยุนนั้น..หลิงลี่เพียงแค่เห็นก็รู้ได้ว่าผู้ที่มานั้นคือใคร หลิงลี่ที่ได้รับบาดเจ็บเฝ้ามองหลานชายของตนเองสังหารศัตรู และจัดการถล่มพวกมันจนราบคาบไปเช่นนี้ น้ำตาใสๆก็เอ่อล้นดวงตาขึ้นมาทันที และได้แต่เรียกหลิงหยุนว่า ‘หลานรัก’ อยู่ภายในใจ!
แต่ในเวลาที่โกลาหลวุ่นวายเช่นนี้หลิงลี่รู้ว่าไม่ควรเปิดเผยฐานะของหลิงหยุน และเขาเองก็ได้ตัดสินใจว่าฐานะของหลิงหยุนจะเปิดเผยเมื่อใดนั้น ก็ควรให้หลิงหยุนเป็นผู้ตัดสินใจด้วยตัวเอง!
เมื่อไหร่ที่หลิงหยุนเห็นว่าเหมาะสมเขาก็จะเป็นผู้ประกาศออกมาเอง หลิงลี่ไม่สนใจอะไรอีก แค่ได้เห็นหลานชายของตนเองมีฝีมือเก่งกาจเช่นนี้ เพียงแค่นี้เขาก็นอนตายตาหลับแล้ว!
หลิงลี่มองหลิงหยุนด้วยความชื่นชม!
“ลูกสอง..เจ้าอย่าได้เรียกเขาว่าอาวุโสอีก! วันข้างหน้าเขาจะรับไม่ไหว..” หลิงลี่อดกลั้นต่อความเจ็บปวดที่เกิดจากอาการบาดเจ็บภายใน และรีบร้องบอกหลิงเย่ว
หลิงเย่วนั้นเป็นคนฉลาด..เขานิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะร้องออกมาอย่างตื่นเต้น “ท่านพ่อ.. หรือว่า..!”
หลิงลี่อยากจะเงยหน้าขึ้นและหัวเราะให้ก้องฟ้าแต่อาการบาดเจ็บภายในของเขานั้นค่อนข้างหนัก จึงได้แต่ไออกมาอย่างหนัก และพยักหน้าหงึกๆให้กับหลิงเย่ว
“นี่..”
หลิงเย่วตื่นเต้นจนเลือดในกายสูบฉีดไปทั่วทั้งร่างร่างกายของเขาสั่นเทิ้มไปหมด ในที่สุดหลิงหยุนซึ่งเขาและน้องสามตามหาแทบพลิกแผ่นดิน ก็ได้กลับสู่อ้อมอกตระกูลหลิงเสียที!
“สวรรค์มีตา!”หลิงเย่วเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าพึมพำเบาๆ พร้อมกับน้ำใสๆก็เริ่มหลั่งรินออกจากดวงตา
หลังจากสิ้นสุดการรบ..ตระกูลหลิงก็เหลือนักรบเดนตายอยู่เพียงแค่สามสิบหกคน ทั้งหมดแยกออกเป็นสองกลุ่มไปประกบอยู่ด้านซ้ายและด้านขวาของหลิงลี่กับหลิงเย่ว แต่ละคนล้วนได้รับบาดเจ็บสาหัส และมีเลือดไหลไม่หยุด เวลานี้เลือดสีแดงไหลจากร่างกายของพวกเขาลงสู่พื้นราวกับสายน้ำ แต่ก็ไม่มีใครร้องคร่ำครวญแม้แต่คนเดียว!
เวลานี้นักรบเดนตายทุกคนต่างก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้นอย่างมากและแทบอยากจะพุ่งเข้าไปสังหารนินจาทั้งยี่สิบคนให้ตายไปต่อหน้า เพื่อเป็นการแก้แค้นให้กับพี่น้องของเขาที่ถูกพวกมันสังหาร!
เจสเตอร์พอล จอยซ์ และเพียร์ซ แวมไพร์กลายร่างทั้งสี่ตนนั้น ต่างก็แยกย้ายออกไปสี่ทิศทางพร้อมกับกางปีกสีดำใหญ่ยักษ์ปิดเส้นทางหนีของยามาดะไว้ สายตาของพวกมันจับจ้องไปทางยามาดะเพียงคนเดียว ทำให้ยามาดะถึงกับเย็นยะเยือกเข้าไปถึงกระดูก!
ยามาดะรู้ตัวดีว่าไม่สามารถหนีรอดออกไปได้อย่างแน่นอนมันทำได้เพียงแค่ดึงเวลา และรอคอยให้ตระกูลเฉินส่งกองทัพชุดใหม่เข้ามาช่วยเหลือเท่านั้น!
ตอนนี้ยามาดะได้แต่นึกเสียใจที่ประมาทจนเกินไปหากเขาและมิตซุยจัดการทุกอย่างให้เสร็จสิ้นเร็วกว่านี้เพียงหนึ่งนาที ป่านนี้ตระกูลหลิงก็คงต้องสิ้นสลายไปเรียบร้อยแล้ว แต่น่าเสียดาย.. ที่พวกเขาทั้งคู่หยิ่งผยองมากเกินไป!
หลิงหยุนยิ้มเยาะพร้อมกับเดินตรงไปข้างหน้าและไปหยุดอยู่หน้ายามาดะห่างไปราวห้าเมตรพร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือก
“นินจา..เจ้าคงยังไม่อยากตายสินะ! ถ้าเช่นนั้นข้าจะให้โอกาสเจ้า บอกมาว่าเจ้าต้องการสู้แบบใหน?!”
ยามมาดะกลืนน้ำลายด้วยความโล่งอกพร้อมกับจ้องมองแวมไพร์ทั้งสี่ตนที่ล้อมร่างของตนเองไว้พวกมันกำลังขยับปีกพร้อมกับแลบลิ้นเลียริมฝีปากไปมา และแยกเขี้ยวยาวใส่เขา ยามาดะสงบจิตใจครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้นว่า
“จอมยุทธท่านนี้..ด้วยจิตวิญญาณนักรบ ข้าต้องการดวลกับท่านตัวต่อตัว!”
หลิงหยุนได้แต่ยิ้มพร้อมกับตอบไปว่า“ดวลกันตัวต่อตัวงั้นรึ ได้สิ!”
พูดจบ..หลิงหยุนก็หันไปสั่งแวมไพร์ทั้งสี่ตนว่า “พวกเจ้าทั้งสี่.. ดวลกับมันหนึ่งคน!”
“โอ้เจ้านาย!ท่านสมเป็นชายชาตรี.. สี่ต่อหนึ่ง! มันต้องอย่างนี้สิ!” เจสเตอร์เอ่ยชมหลิงหยุนพร้อมกับบินเข้าใส่ยามาดะทันที
เจสเตอร์นั้นถึงแม้ว่าจะเป็นแวมไพร์แต่ก็ชื่นชอบการต่อสู้เป็นชีวิตจิตใจ และนอกเหนือจากการพ่ายแพ้อย่างย่อยยับให้กับหลิงหยุนมาแล้ว ก็มีเพียงครั้งนี้ที่มันได้พ่ายแพ้อย่างย่อยยับอีกครั้ง!
มันถูกดาบของยามาดะฟันเข้าจนเกือบตายและเมื่อมีโอกาสอีกครั้ง มันจึงตั้งใจที่จะสู้อย่างกล้าหาญ!
จอยซ์กับเพียร์ซเห็นว่าโอกาสที่จะแสดงความสามารถต่อหน้าหลิงหยุนของตนเองมาถึงแล้วจึงไม่รอช้าและรีบพุ่งเล็บแหลมคมของตนเองเข้าใส่ดาบในมือของยามาดะทันที!
“เจ้าคนชั่วช้า!”
ยามาดะส่งเสียงคำรามอย่างโกรธเคืองเพียงแค่เจสเตอร์ก็เอาชนะได้ยากลำบากแล้ว จึงไม่ต้องพูดถึงเคานต์อย่างจอยซ์กับเพียร์ซ
ดาบเล่มยาวในมือของยามาดาถูกเพียร์ซหักในทันทีและตามมาด้วยเสียงถูกทุบ!
ปีกขนาดใหญ่ทั้งหกของแวมไพร์สามตนกางออกกางกั้นร่างของยามาดะไว้ราวกับกำแพงสีดำอย่าว่าแต่ยามาดะจะหนีออกมาไม่ได้เลย แม้แต่หลิงหยุนกับพอลก็ยังไม่สามารถเข้าไปได้ หลิงหยุนได้แต่ยิ้มอย่างพอใจ
หลังจากนั้น..นินจาขั้นเซียงเทียน-7 อย่างยามาดะก็ถึงกับใบหน้าบวม จมูกและแขนหัก และได้แต่วิ่งวนไปมาเป็นวงกลมอยู่ด้านใน!
หลิงหยุนแสยะยิ้มอย่างเหยียดหยันและเวลาที่เขารอคอยก็มาถึง!
หลิงหยุนกระโดดขึ้นไปบนท้องฟ้าเหนือร่างของยามาดะพร้อมกับกระบี่โลหิตแดนใต้ในมือแล้วร้องตะโกนว่า
“ลิ้มรสกระบี่ของข้าดูบ้าง!”