บทที่ 714 : หลิงหยุนพบคนตระกูลหลิง!
เมื่อได้เห็นวิธีสู้กันแบบตัวต่อตัวในแบบฉบับของหลิงหยุนทั้งคนตระกูลหลิง และเหล่านักรบต่างก็ได้แต่หันมามองหน้ากันด้วยความงุนงง แต่ในใจกลับคิดว่าแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน
หลิงลี่เองก็ถึงกับตกตะลึงอยู่ครู่ใหญ่แต่เมื่อได้สติก็ได้แต่พึมพำออกมายิ้มๆ “เจ้าเด็กคนนี้.. ช่างไร้กรอบธรรมเนียมเหมือนที่เหล่ากุ่ยบอกไว้จริงๆ!”
แม้ว่าจะเพิ่งผ่านการต่อสู้ที่ดุเดือดจนตระกูลหลิงเกือบจะต้องพบกับโศกนาฏรรมมาแต่เมื่อหลิงซิ่ว หลิงเฟิง และหลิงเลี่วย ได้เห็นภาพของการสู้กันตัวต่อตัวในแบบของหลิงหยุนแล้ว ทั้งสามคนก็ถึงกับหัวเราะออกมา และได้แต่คิดในใจว่าหลิงหยุนมีความสามารถที่จะเอาชนะนินจาขั้นเซียงเทียน-7 ได้อย่างสบาย แต่กลับทำเรื่องไร้ยางอายเช่นนี้ด้วยหรือ!
เรื่องไร้ยางอายเช่นนั้นรึ!ไม่สิ.. จะใช้คำพูดเช่นนี้กับผู้มีพระคุณต่อตระกูลหลิงได้อย่างไรกัน ไม่สมควรอย่างยิ่ง!
ตระกูลหลิงยังไม่ถึงคราวล่มสลาย..หลิงเจิ้นวางร่างของหลิงหย่งไว้ข้างเหล่ากุ่ย และเรียกให้นักรบตระกูลหลิงมาคอยดูแลคนทั้งคู่ไว้ ส่วนตัวเขาเองก็วิ่งเข้าไปดูเหตุการณ์ที่สวนชั้นหก..
หลิงเจิ้นถึงกับตกใจจนแทบช็อค!จากข้อมูลที่เขาได้มาล่าสุดนั้น หลิงเจิ้นรู้ได้ทันทีว่าคนที่มาช่วยตระกูลหลิงนั้นคือหลิงหยุนอย่างแน่นอน เพราะกระบี่สีดำในมือนั้นคือสัญลักษณ์ประจำตัวของเขา!
หลิงเจิ้นนั้นทั้งตกใจและตื่นเต้นความรู้สึกบางอย่างที่ไม่อาจอธิบายได้เกิดขึ้นในใจของเขาอยู่เงียบๆ
หลิงเจิ้นเป็นผู้นำตระกูลหลิงคนปัจจุบันและด้วยสัญชาติญาณของการเป็นผู้นำตระกูล เขาจึงเข้าปกป้องตระกูลหลิง และผลประโยชน์ของตระกูลอย่างสุดชีวิต
และเป็นเพราะหลิงเจิ้นเป็นลูกชายคนโตของตระกูลไม่เช่นนั้นแล้วหลิงลี่คงจะไม่ยกตำแหน่งผู้นำตระกูลนี้ให้กับเขาอย่างแน่นอน
แต่ถึงกระนั้น..ในบรรดาลูกทั้งสามคนของหลิงลี่ หลิงเจิ้นยังเป็นคนที่มีปัญหามากที่สุด เพราะเขาเป็นคนที่ช่างอิจฉาริษยา!
หากเปรียบเทียบหลิงเสี่ยวกับตัวเองแล้วหลิงเจิ้นรู้ดีว่าหลิงเสี่ยวนั้นเหนือกว่าตนในหลายๆด้าน ในใจจึงนึกอิจฉาน้องชายของตนเอง และหวั่นเกรงอยู่ตลอดเวลาว่าหลิงเสี่ยวจะมาแย่งตำแหน่งผู้นำตระกูลจากตนเอง
แม้ว่าจะตระกูลหลิงจะอยู่ในช่วงเวลาแห่งความทุกข์ตรมแต่อย่างน้อยหลิงเจิ้นก็ได้เป็นผู้นำตระกูลหลิง และนอกเหนือจากพ่อของเขาแล้ว เขาก็คือผู้กุมอำนาจทั้งหมดในตระกูลหลิง
แต่เวลานี้..ต่อให้ลูกชายของเขาทั้งสองคนรวมกัน ก็ยังไม่สามารถเทียบหลิงหยุนซึ่งเป็นลูกชายของหลิงเสี่ยวได้เลยแม้แต่น้อย ทำให้ในใจของหลิงเจิ้นรู้สึกไม่พอใจ..
ความแข็งแกร่งของหลิงหยุนนั้นอย่าว่าแต่ลูกชายทั้งสองคนของเขารวมกันยังเทียบไม่ได้เลย และต่อให้คนตระกูลหลิงทั้งหมดรวมทั้งตัวเขาเอง – หลิงเจิ้น ก็ยังไม่อาจเทียบกับหลิงหยุนคนเดียวได้!
แต่ถึงกระนั้น..เวลานี้ก็ไม่ใช่เวลาที่ควรจะมานั่งคิดเรื่องพวกนี้ หลิงเจิ้นได้แต่เฝ้ามองหลิงหยุนที่ถือกระบี่ยืนตระหง่านอยู่บนฟากฟ้าด้วยความอัศจรรย์ใจอย่างที่สุด!
หลิงหยุนเดินพลังหยินที่เยือกเย็นไปที่คมกระบี่ในมือก่อนจะฟันลงที่ไหล่ข้างขวาของยามาดะ และแขนขวาของยามาดะก็ถูกตัดขาดทันที!
ขณะที่ยามาดะกรีดร้องและแขนร่วงหล่นลงไปนั้นแต่กลับไม่มีเลือดไหลออกมาแม้แต่หยดเดียว นั่นเพราะกระบี่ของหลิงหยุนมีพลังหยินบริสุทธิ์ห่อหุ้มอยู่ และความเย็นของพลังหยินก็ได้ทำให้เลือดในกายของยามาดะแข็งตัว และทำลายเส้นลมปราณหลายเส้นของมันในทันที!
จนถึงตอนนี้..ยามาดะจึงได้รู้ว่าเหตุใดลูกธนูเพียงแค่สองดอกของหลิงหยุน จึงสามารถตรึงร่างของมิตซุยไว้นิ่งกับพื้นได้เช่นนั้น
นั่นไม่ใช่การบาดเจ็บที่เกิดขึ้นจากลูกธนูแต่เป็นเพราะพลังหยินที่น่าหวาดกลัวของหลิงหยุนต่างหาก!
ในระดับสูงสุดขั้นปรับร่างกาย-9นั้น พลังหยินจะสามารถมีจุดเยือกแข็งถึงขั้นติดลบแปดสิบองศาเซลเซียสเลยทีเดียว ต่อให้เป็นยอดฝีมือขั้นเซียงเทียน-7 หากสูญเสียลมปราณในร่างกายไป ก็คงมีแต่พ่ายแพ้!
และหากหลิงหยุนใช้วิชาพลังเย็นแล้วล่ะก็เขามั่นใจว่าพลังหยินของเขานั้นจะเย็นถึงขั้นติดลบหนึ่งร้อยองศาเลยทีเดียว และหากยอดฝีมือขั้นเซียงเทียน-7 โดนเข้าไปแล้ว ก็นับว่าเป็นฝันร้ายของพวกเขาเลยทีเดียว!
แต่หากหลิงหยุนใช้พลังหยางบริสุทธิ์เพียงอย่างเดียวโดยไม่ได้ใช้วิชาหยางพิสุทธิ์ความร้อนของพลังหยางก็จะสูงถึงแปดร้อยองศาเซลเซียสเลยทีเดียว ซึ่งนับว่าเป็นอุณหภูมิที่สูงกว่าเปลวไฟธรรมดาอย่างมาก และสามารถทำให้หิมะหรือน้ำแข็งสลายได้ภาพในพริบตา!
วิชาพลังลับหยินหยางนั้นจึงนับว่าเป็นวิชาบ่มเพาะพลังที่ได้รับความนิยมอย่างมากในโลกบ่มเพาะที่ยิ่งใหญ่!
หากเข้าสู่ขั้นพลังชี่เมื่อใดวิชาพลังลับหยินหยางก็จะพัฒนาขึ้นเป็นวิชาพลังจักรวาลที่ไร้ขีดจำกัด และน่ามหัศจรรย์ยิ่งขึ้นกว่านี้!
“พวกเจ้าทั้งสี่ออกไปได้แล้ว!”
ทันทีที่หลิงหยุนกระโดดลงสู่พื้นดินก็ตรงเข้าหาร่างที่บาดเจ็บสาหัสของยามาดะพร้อมกระบี่โลหิตแดนใต้ในมือ
หลิงหยุนฟันขาของยามาดะขาดและจัดการใช้นิ้วจี้จุดของมันอย่างรวดเร็ว เพื่อไม่ให้มันสามารถตายได้!
จากนั้น..หลิงหยุนก็พุ่งตรงไปยังสวนชั้นที่ห้า และจัดการตัดขาทั้งสองข้างของมิตซุยและจี้จุดของมันไว้เช่นกัน จากนั้นจึงเตะร่างของมันลอยขึ้นไปบนฟ้า แล้วปล่อยให้ตกลงกระแทกพื้นอย่างแรง และค่อยๆกลิ้งไปอยู่ข้างยามาดะ
“ฮู่ว!”
หลิงหยุนพ่นลมออกจากปากหลังจากที่จัดการกับนินจาทั้งยี่สิบสองคนจนไปกองรวมกันอยู่ในสวนบ้านตระกูลหลิง
ทุกคนต่างก็จ้องมองความแข็งแกร่งและความสามารถที่น่าทึ่งของหลิงหยุนด้วยความตื่นเต้นแต่ละคนได้แต่กลืนน้ำลาย และเจสเตอร์เองก็ได้แต่คิดในใจว่าปีศาจอย่างมันนั้นหากเทียบกับเจ้านายแล้ว ตัวมันเองคงไม่ต่างจากฝุ่นผง..
“พวกเจ้าทั้งสี่จัดการโยนนินจาพิการทั้งยี่สิบสองคนไปไว้ที่มุมสวนข้าเห็นแล้วรกหูรกตา!” หลิงหยุนสั่งแวมไพร์ทั้งสี่ตน
หลังจากที่จัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้วหลิงหยุนก็กระโดดไปยืนตรงหน้าหลิงลี่ จากนั้นจึงเปิดผ้าคลุมหน้าสีดำออกเผยให้เห็นใบหน้าที่หล่อเหลาราวกับเทพบุตรของตนเอง แล้วจึงคุกเข่าสองข้างลงบนพื้นกระเบื้องสีฟ้าทำการคำนับหลิงลี่สามครั้ง!
“ท่านปู่..คืนนี้หลิงหยุนกลับมาเคารพบรรพบุรุษของตนเอง และตั้งใจมาคาราวะท่านปู่!”
หลิงลี่ถึงกับตกตะลึง!
หลิงเจิ้นเองก็อึ้งไปทันที!
หลิงเย่วก็นิ่งไปเช่นกัน!
หลิงซิ่วหลิงเฟิง และหลิงเลี่วยต่างก็ตกตะลึง ทั้งสามพี่น้องหันไปมองหน้ากันพร้อมกับชี้มือไปทางหลิงหยุน ปากของทั้งสามคนอ้ากว้าง สีหน้าและดวงตาล้วนเต็มไปด้วยความตกใจราวกับว่าได้ค้นพบโลกใหม่ สีหน้าของทุกคนต่างก็บ่งบอกว่าทั้งตกใจ ตื่นเต้น และแทบไม่อยากจะเชื่อ..
มันเป็นความรู้สึกหลายๆอย่างที่พรั่งพรูเข้ามาพร้อมๆกัน!
หลิงหยุนนั้นดูคล้ายกับหลิงเสี่ยวมากเขาถอดแบบมาจากหลิงเสี่ยวตอนหนุ่มๆไม่มีผิด ส่วนดวงตากับลักยิ้มนั้นก็ช่างมีเสน่ห์ดึงดูดมากเหลือเกิน!
นักรบตระกูลหลิงเองก็ถึงกับตกตะลึงกับภาพที่ได้เห็น!
อะไรกัน!ยอดฝีมือที่เก่งกาจไร้คู่ต่อสู้ผู้นี้ที่แท้ก็คือทายาทตระกูลหลิงงั้นหรือ?! เขาเป็นหลานชายของท่านผู้นำตระกูลจริงหรือนี่?! นี่.. นี่มันอะไรกัน?!
หลิงลี่คิดไม่ถึงว่าหลิงหยุนจะเป็นคนเปิดเผยตรงไปตรงมาเช่นนี้จู่ๆก็ตรงเข้ามาคำนับเขาพร้อมกับเรียกเขาว่าท่านปู่! เขาถึงกับตกใจจนลืมอาการบาดเจ็บภายในของตนเองไปทันที และได้แต่กระพริบตาด้วยความงุนงง!
“อ่อ..แค๊ก.. แค๊ก.. แค๊ก..”
เหล่ากุ่ยที่อยู่ในสวนชั้นที่เจ็ดก็เพิ่งได้สติและเมื่อได้ยินเสียงหลิงหยุนเอ่ยคาราวะหลิงลี่ เขาตื่นเต้นดีใจจนถึงกับต้องหลั่งน้ำตาออกมา!
ในที่สุด.นายน้อยก็กลับเข้าสู่อ้อมอกตระกูลหลิงเสียที!
มีเพียงเหล่ากุ่ยเท่านั้นที่รู้ว่ากว่าที่หลิงหยุนจะได้กลับคืนสู่ตระกูลหลิงเพื่อพบกับบรรพบุรุษของตนเองนั้น เขาต้องผ่านความเป็นความตายมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย!
หลิงลี่ตื่นขึ้นจากความรู้สึกเหมือนฝัน..ใบหน้าที่ซีดราวกับกระดาษนั้นมีน้ำตาไหลอาบแก้ม สีหน้าของเขาบ่งบอกอารมณ์มากมาย และรีบเอื้อมมือไปลูบศรีษะของหลิงหยุนที่กำลังคำนับอยู่พร้อมกับพูดขึ้นว่า
“หลิงหยุน..หลานชายของปู่ ในที่สุดเจ้าก็กลับบ้านแล้ว! ปู่.. ปู่มีความสุขที่สุด แค๊ก.. แค๊ก..”
หลิงลี่ยกมือข้างขวาขึ้นจับหลิงซิ่วที่กำลังยืนตกตะลึงเขาดิ้นรนขลุกขลักเพื่อลุกขึ้นยืน และเอื้อมมือที่สั่นเทาไปจับไหล่หลิงหยุนให้ลุกขึ้น
“หลานปู่..เจ้าทำดีมาก ลุกขึ้นเถิด! ลุกขึ้นมาให้ปู่มองหน้าเจ้าให้ชัดๆ”
หลิงลี่ตื่นเต้นมากและค่อยๆเอื้อมมือที่สั่นนั้นไปลูบไล้ใบหน้าของหลิงหยุน พร้อมกับพึมพำออกมาไม่เป็นภาษา ก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปบนฟ้าพร้อมกับร้องตะโกนออกมาอย่างเจ็บปวด!
“ลูกสาม!วันนี้หลิงหยุนลูกชายของเจ้าได้กลับเข้าตระกูลหลิงแล้ว!”
ในเวลานั้น..หลิงหยุนเองก็สามารถสัมผัสได้ถึงสายเลือดตระกูลหลิงที่พลุ่งพล่านอยู่ในร่างกาย ดวงตาของเขาแดงก่ำ น้ำตาเอ่อล้นเต็มสองตา และได้แต่จุกแน่นอยู่ในอกจนไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้!
เลือดย่อมข้นกว่าน้ำ!คำพูดนี้ช่างเป็นความจริง ไม่ว่าวันเวลาจะผ่านไปเนิ่นนานเพียงใด สายเลือดก็ยังคงผูกพันและยากที่จะตัดขาดได้!
ความจริงแล้ว..หลิงหยุนเคยคิดว่าตนเองเป็นคนที่สามารถยอมรับเรื่องราวทุกอย่างด้วยจิตใจที่สงบนิ่งได้ และหากได้พบกับพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดที่แท้จริงของหลิงหยุนซึ่งเป็นเจ้าของร่างนี้ เขาก็คงจะแสร้งโศกเศร้าเล็กน้อยพอเป็นพิธี แต่คิดไม่ถึงว่าตนเองจะรู้สึกตื่นเต้นและสะเทือนใจมากถึงเพียงนี้
แต่เรื่องราวของตระกูลหลิงเมื่อสิบแปดปีก่อนนั้นกลับทำให้หลิงหยุนรู้สึกโกรธแค้นอย่างมากเมื่อได้รับรู้และรู้สึกเสียใจราวกับเป็นญาติพี่น้องที่แท้จริง..
และยิ่งมาถึงเมืองหลวงแล้วได้รับรู้ว่าหลิงลี่ต้องการพบหน้าเขามากเพียงใดนั้นก็ยิ่งทำให้หลิงหยุนสัมผัสได้ถึงความผูกพันทางสายเลือดที่มีอยู่
ยิ่งในเวลาที่เขาบินอยู่เหนือพื้นดินหนึ่งกิโลเมตรแล้วพบว่าตระกูลหลิงกำลังตกอยู่ในอันตรายนั้นในใจของเขาก็นึกเป็นห่วงอย่างบอกไม่ถูก
เมื่อหลิงหยุนอยู่บินอยู่เหนือเมืองหลวงสูงขึ้นไปหนึ่งกิโลเมตรและพบว่าตระกูลหลิงกำลังตกอยู่ในอันตรายนั้น ในใจของเขาก็รู้สึกเป็นห่วงอย่างบอกไม่ถูก ในใจของเขาคิดเพียงว่าขอให้ตระกูลหลิงปลอดภัย!
และนั่นไม่ใช่เพียงแค่ความผูกพันทางสายเลือดแต่มันคือความผูกพันทางจิตวิญญาณเลยทีเดียว ความรู้สึกเช่นนี้ที่เกิดขึ้นกับตนเองนั้น ถึงกับทำให้หลิงหยุนรู้สึกตกใจอย่างมาก!
หลิงหยุนพุ่งลงมาจากท้องฟ้าด้วยความกระวนกระวายใจเขาเห็นคนตระกูลหลิงต่างก็ต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตายโดยไม่หวาดกลัวต่อความตาย และได้รับบาดเจ็บสาหัสล้มกลิ้งลงไปกับพื้นเช่นนั้น ไม่มีใครรู้หรอกว่าเขารู้สึกเช่นใดกับภาพที่ได้เห็น!
และหลังจากที่จัดการกับเหล่าศัตรูจนราบเป็นหน้ากองไปแล้วนาทีที่คุกเข่าลงคำนับหลิงลี่นั้น หลิงหยุนก็ยิ่งเกิดความรู้สึกที่ยากจะอธิบายได้!
นาทีที่หลิงหลี่ค่อยๆเอื้อมมือมาสัมผัสไหล่ของเขานั้นหลิงหยุนรู้สึกถึงความอบอุ่นที่ไม่อาจอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้..
เหตุใดเขาจึงรู้สึกเช่นนี้!
ในเมื่อดวงจิตที่มาจุติในร่างนี้ล้วนเป็นดวงจิตเดิมของเขาที่มาจากโลกบ่มเพาะที่ยิ่งใหญ่และเป็นดวงจิตที่ฝึกฝนถึงขึ้นอมตะแล้ว!
แล้วความรู้สึกเหล่านี้เกิดขึ้นได้อย่างไร!เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ไปได้?!
แต่ในสถานการณ์เช่นนี้หลิงหยุนไม่มีเวลาที่จะมาครุ่นคิดอะไรมาก เขายกมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่หางตาออก และยิ้มกว้างให้หลิงลี่ก่อนจะพูดขึ้นว่า
“ท่านปู่..หลานจะรักษาอาการบาดเจ็บให้ท่านปู่ก่อน!”