บทที่ 180 เสียสละ

ระบบเติมเงินข้ามภพ

บทที่ 180

เสียสละ

ชาวเมืองหลิงเฉิงที่อยู่ในละแวกนั้นก็พากันตื่นตระหนกกับความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในหอการค้า

หยูเย่

กงเจิ้นที่ไม่เคยเห็นใครอยู่ในสายตามาก่อน ก็ต้องยอมรับในการพัฒนาที่ก้าวกระโดดของเย่เย่ แต่พลังของเย่เย่นั้นก็ไม่ได้ทำให้เขาหวั่นเกรงแต่อย่างใด

ในฐานะหนึ่งในปรมาจารย์แห่งทัณฑ์สวรรค์ที่ทำหน้าที่ปราบเหล่าวิญญาณกลับชาติมาเกิดมานักต่อนัก พลังที่แท้จริงของกงเจิ้นนั้นยังคงห่างชั้นกับเย่เย่อยู่หลายเท่าตัว

เมื่อกำปั้นของเย่เย่ถึงตัวเขา เขาก็สวนมันกลับไปอย่างรวดเร็ว สองหมัดประสานกันอย่างรุนแรงจนทำให้มวลอากาศโดยรอบระเบิดออก

ตู้มมมมมมมมมมม!

เย่เย่ถูกซัดกระเด็นออกมาอีกครั้ง ดูเหมือนว่าพลังป้องกันของจิตวิญญาณมังกรอสรพิษของเขาจะกลายเป็นของไร้ค่าเมื่ออยู่ต่อหน้าชายในชุดคลุมสีขาว แต่กระนั้นเย่เย่ก็ไม่ลดละความพยายาม เขารวมศูนย์ลมปราณและกระตุ้นจิตวิญญาณออกมาอีกครั้ง พร้อมกับดึงพลังของอาภรณ์วิหคเหินฟ้าเพื่อเร่งความเร็วขึ้นอีกระดับ

การหมกตัวฝึกวิชาอยู่ในห้องของเย่เย่ในระหว่างงานประมูลนั้นไม่ได้สูญเปล่า นอกจากที่จะขัดเกลาพลังขั้นจิตพิสุทธิ์แล้ว เขายังฝึกฝนการใช้อาภรณ์วิหคเหินฟ้าจนช่ำชองอีกด้วย

ซู่มมมมมมมม!

เย่เย่พุ่งเข้าโจมตีกงเจิ้นด้วยความเร็วปานสายฟ้าอย่างไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหมณ์ กงเจิ้นผงะเล็กน้อยเมื่อเห็นความเร็วที่เพิ่มขึ้นอย่างกะทันหัน

“ไอ้บ้านี่!” เขาเตะเย่เย่จนกระเด็นกระแทกกับกำแพงจนเกิดรอยร้าวขนาดใหญ่ แต่เย่เย่ก็ใช้ขาทั้งสองยันกำแพงและดีดตัวพุ่งเข้าใส่กงเจิ้นอีกครั้งอย่างต่อเนื่อง เขาพยายามถ่วงเวลาให้ซูฉีเจี่ย อพยพผู้คนออกจากหอการค้าอย่างสุดความสามารถ

ในหัวของเย่เย่เขาเอาแต่ประณามตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า หากเขาใช้ชีวิตอย่างปุถุชนคนธรรมดาตั้งแต่ทีแรก ผู้คนมากมายก็คงไม่ต้องมาติดร่างแหนี้ไปด้วย ดังนั้นเขาจึงยืนหยัดที่จะสู้ต่อ สู้เพื่อชดใช้บาปและความทะเยอทะยานอย่างไม่ลืมหูลืมตาที่เขาก่อเอาไว้

การโจมตีอย่างหนักหน่วงของเย่เย่รั้งกงเจิ้นเอาไว้ได้นานพอ จนทำให้ผู้คนอพยพออกไปจนหมด

“ฮึ่ม! อย่าคิดนะว่าจะหนีข้าพ้น” ทันทีที่รู้ว่าถูกเย่เย่ถ่วงเวลาเอาไว้ กงเจิ้นก็รีบบึ่งไปทางผู้หลบหนี แต่ทว่าเย่เย่ที่สภาพสะบักสะบอมก็คว้าขาของเขาเอาไว้ได้ทัน

“ยะ..อย่าได้หวัง จะแตะต้องเจ้าพวกนั้น!”

“โฮ่? นี่เจ้ายังมีสติอยู่อีกหรือนี่? ข้าล่ะนับถือใจเจ้าจริงๆ!”

เปรี้ยงงงงงงงงง

“อุ่กกกกกกก!” แม้ว่าเกล็ดมังกรจะช่วยรับแรงกระแทกไว้ได้ระดับหนึ่ง แต่เย่เย่ก็รู้สึกได้ว่าอวัยวะภายในบางส่วนฉีกขาดจากการโจมตีเพียงครั้งเดียว เขาคุกเข่าล้มลง ใบหน้าของเขาค่อยๆถอดสีจนซีดเผือด ลมหายใจก็ปั่นป่วนราวกับกำลังเผชิญหน้ากับความตาย

กงเจิ้นชักสีหน้าอย่างประหลาดใจ เขาไม่เคยคาดคิดว่าจะมีใครต่อสู้กับเขาได้นานถึงขนาดนี้ แต่เขาก็ไม่รอช้าสาวเท้าเข้าหาเย่เย่ที่หมดสติหมายจะปลิดชีพเขาในทันที

ฟิ้วววววววววว!

ทันใดนั้นเอง แสงสีฟ้าที่มาพร้อมกับไอเย็นก็พุ่งมาจากด้านหลังกงเจิ้น มันแช่แข็งทุกสรรพสิ่งที่มันวิ่งผ่าน กงเจิ้นที่สัมผัสได้ถึงภัยที่คุกคามเข้ามาจากมุมอับสายตา ก็งัดวิชายุทธ์เพลิงบรรลัยกัลป์ออกมาตอบโต้ได้อย่างทันท่วงที

ตู้มมมมมมมมมมมมมมมมมมมม!

ความร้อนและความเย็นเข้าห้ำหั่นกัน เกิดแรงระเบิดที่สั่นสะท้านไปทั่วหลิงเฉิง

เมื่อฝุ่นตลบจางลง เบื้องหน้าของกงเจิ้นก็ปรากฏให้เห็นชายวัยกลางคนที่มาพร้อมกับรอยยิ้มขี้เล่น

“ข้านึกอยู่แล้วว่าต้องเป็นเจ้า เหยียนลี่หยาง!” กงเจิ้นเงยหน้ามองชายผู้นั้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่การปรากฏตัวขึ้นของ เหยียนลี่หยางนั้นทำให้เขายิ่งมั่นใจว่าเย่เย่นั้นคือวิญญาณกลับชาติมาเกิด และประมุขของอารามวิถีสวรรค์ที่เป็นหอกข้างแคร่ของทัณฑ์สวรรค์มาอย่างยาวนาน

“อย่าเอาแต่รังแกเด็กสิ กงเจิ้น” เหยียนลี่หยางพูดด้วยน้ำเสียงติดตลก แต่ในใจของเขานั้นรู้ดีว่ากำลังเผชิญหน้าอยู่กับอะไร

แม้ว่าวรยุทธ์ขั้นจิตพิสุทธิ์ชั้นสูงของเหยียนลี่หยาง จะเทียบไม่ได้กับจักรพรรดิลมปราณอย่างกงเจิ้นทำให้เขาต้องหนีหัวซุกหัวซุนครั้งแล้วครั้งเล่า แต่การปกป้องวิญญาณกลับชาติมาเกิดและประมุขของอารามวิถีสวรรค์อย่างเย่เย่ก็เป็นหน้าที่ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เช่นเดียวกัน

ทั้งสองยืนประจันหน้ากันอย่างเงียบๆ ก่อนที่การต่อสู้จะปะทุขึ้นในวินาทีต่อมา

“คุกน้ำแข็งพันปี!”

“ฝันไปเถอะ! เพลิงบรรลัยกัลป์ กระบวนท่าที่ 1 เงาเพลิงชำระแค้น!”

ในระหว่างที่การต่อสู้อันดุเดือดยังคงดำเนินต่อไปอย่างไม่มีทีท่าว่าจะสิ้นสุด ซูฉีเจี่ย เสวี่ยหยูและคนอื่นๆที่อพยพออกมา ต่างหันกลับไปยังทิศของหอการค้าอย่างใจจดใจจ่อ แม้ว่าพวกเขาจะอยากกลับไปช่วยเย่เย่แต่เมื่อนึกถึงคำสั่งของผู้เป็นประธานขาก็หยุดชะงักลง พวกเขาจึงทำได้เพียงรอคอยผลลัพธ์ของการต่อสู้โดยที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย

เจิ้งซูก้มหน้ามองสองมือของตัวเองที่สั่นเทาด้วยความหวาดกลัว ก่อนจะกำมันแน่นและเอาแต่โทษความอ่อนแอของตน

ตัดกลับมาที่หอการค้าหยูเย่ที่ในขณะนี้ไม่ต่างอะไรจากซากปรักหักพัง อาคารทรุดตัวลงมา พร้อมกับเกิดการระเบิดอย่างรุนแรงขึ้นหลายครั้งจากแรงปะทะ

แม้ว่าเหยียนลี่หยางจะเป็นอัจฉริยะที่ต้านทานพลังของผู้ที่มีวรยุทธ์สูงกว่ามาได้นักต่อนัก แต่เมื่อการต่อสู้เริ่มยืดเยื้อเขาก็มักจะตกเป็นรองเสมอ ครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน เมื่อกงเจิ้นสลัดโซ่ตรวนน้ำแข็งที่รั้งขาเขาเอาไว้ได้ ก็สบโอกาสใช้หมัดประกายเพลิงสวนเข้าที่กลางอกของเหยียนลี่หยาง

เปรี้ยงงงงงงง!

“อ่ออออกกกกกก” ร่างของเหยียนลี่หยางลอบไปกระแทกกับเพดานด้านบน ก่อนจะร่วงลงมากระแทกกับพื้น

“อั่ก..ทะ ท่านเหยียน ข้าไม่อยากติดหนี้บุญคุณท่านหรอกนะ รีบหนีไป!” เย่เย่ที่เพิ่งได้สติกลับมา เมื่อเห็น เหยียนลี่หยางกำลังต่อสู้เพื่อปกป้องเขาก็รีบตะโกนบอกให้เขากลับไป

“แหม่ เจ้านี่ไม่มีมารยาทเหมือนเคยเลยนะ คนเขาอุตส่าห์มาช่วยยังจะไล่กลับไปอีก เห็นแบบนี้ข้าก็น้อยใจเป็นนา…” แม้จะตกในที่นั่งลำบาก แต่เหยียนลี่หยางก็ยังคงตอบกลับ เย่เย่ด้วยรอยยิ้มระรื่นราวกับต้องการบอกกับเย่เย่ว่า ‘เอาเวลาไปห่วงตัวเองเถอะ!’

“ยิ้มระรื่นกันอยู่ได้” กงเจิ้นคุมลมปราณและปลดปล่อยท่าไม้ตายของเขาออกมา เงาของหงส์แดงสัตว์เทพในตำนานที่ท่วมไปด้วยเปลวเพลิงพุ่งออกมาจากแผ่นหลังของเขา ก่อนที่ กงเจิ้นจะวาดหมัดไปด้านหน้าทำให้มันพุ่งทะยานไปหา เหยียนลี่หยาง

“ท่านเหยียน ระวัง!” ดวงตาเย่เย่เบิกโพลงด้วยความตื่นกลัว เขาแผดเสียงออกมาอย่างสุดกำลัง แต่มันก็สายเกินไป

ร่างของเหยียนลี่หยางถูกโอบกอดด้วยเปลวเพลิง เขาร้องออกมาอย่างทุรนทุรายราวกับมันแผดเผาไปยันขั้ววิญญาณ แต่เขาก็ไม่ละทิ้งหน้าที่ของตนแม้ในวินาทีสุดท้ายของชีวิต

“เย่เย่ เจ้าคือผู้ที่ถูกเลือก! อย่าลืมซะล่ะ” เขาหันหน้าหาเย่เย่เพียงเล็กน้อย พร้อมโคจรลมปราณไปทั่วร่างและกระโจน ล็อกตัวกงเจิ้นเอาไว้

“ไม่นะ แก!” กงเจิ้นพยายามสลัดเท่าไหร่ก็สลัดไม่หลุด ไม่นานนักร่างของเหยียนลี่หยางก็ระเบิดออกพร้อมกับแสงสีฟ้าจำนวนมากที่โพยพุ่งออกมาจากร่าง

ตู้มมมมมมมมมมมมมมมม!

แสงสีฟ้าพุ่งทะลวงขึ้นไปถึงชั้นบรรยากาศ แผ่นฟ้าแยกออกเป็นสองฟาก ทุกสรรพสิ่งโดยรอบหอการค้าถูกแช่แข็งในชั่วพริบตา

“ท่านเย่!?”

“ท่านประธาน”

เสวี่ยหยูและสมาชิกหอการค้าที่อพยพออกมา เมื่อเห็นแสงสีฟ้าพุ่งออกมาจากหอการค้า ล้วนกุมมือขึ้นภาวนาให้ประธานของพวกเขาปลอดภัย…