บทที่ 2 บทที่ 2 ตอนที่ 116

สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด

บทที่ 116 จุดประสงค์ร้าย โดย Ink Stone_Fantasy

 

หม่าโฮ่วเต๋ออ่านเนื้อหาในจดหมายนี้แวบหนึ่งอย่างรวดเร็ว มีสถานที่แบบนี้อยู่จริงๆ …แถมยังบอกเวลาไว้อีกด้วย

ลองคำนวณเวลาดูแล้ว สามวันหลังจากนี้พอดี

“นี่เป็นจดหมายที่ใครให้เหล่าเยี่ย เวลาคือสามวันหลังจากนี้ คงจะนัดกันเจอกันที่นี่ประมาณสามวันให้หลัง” หม่าโฮ่วเต๋อขมวดคิ้วพูดคาดเดา…แต่เขาก็ยังสงสัย “แต่ที่ไหนไม่เลือก ทำไมต้องเป็นที่นี่ด้วย?”

“นี่เป็นจุดที่ฉันแปลกใจ…หม่าโฮ่วเต๋อบอกฉันมาตามตรง นายรู้อะไรบางอย่างมาหรือเปล่า?”

ถึงแม้รู้บางอย่างมา แต่จะพูดออกไปได้เหรอ? ยังไงก็พูดเรื่องความโชคร้ายของเยี่ยเหยียนให้จบในรวดเดียวไม่ได้หรอก เพราะเบื้องหลังดันเกี่ยวโยงกับสมาคมไมเคิลที่ทรงอิทธิพลยิ่งใหญ่นั่นด้วยน่ะสิ

เขาก็เพิ่งเคยได้ยินครั้งแรกเท่านั้น

ที่รู้อยู่เดิมทีก็ไม่มาก วันนั้นหลังถูกเยี่ยเหยียนตีสลบที่โรงฝึกเสี่ยวชุน สักพักก็ฟื้นขึ้นมา หม่าโฮ่วเต๋อเหมือนจะโกรธแทบระเบิด แต่เขาจะพูดอะไรได้? นิสัยของเยี่ยเหยียนเขารู้ดีนะ

เซอร์หม่าแอบถอนหายใจเพียงลำพัง แกล้งทำเป็นพูดอย่างใจเย็น “พี่สะใภ้ ถ้าผมรู้ผมคงไม่ตกใจตอนเห็นจดหมายนี่หรอก อีกอย่างคุณได้จดหมายนี่มาจากไหน? หรือว่าคุณหาเยี่ยเหยียนเจอแล้ว?”

เริ่นจื่อหลิงเล่าเรื่องโรงแรมผิงอันให้ฟังเล็กน้อย “ฉันบอกให้เหลาสู่เฉียงรออยู่ที่นั่น ตอนนี้ยังไม่มีข่าว คิดว่าคงยังไม่กลับมา”

“เอาแบบนี้แล้วกัน คุณบอกที่อยู่ผมมา คืนนี้ผมจะไปรอ ส่วนจดหมายฉบับนี้ผมขอไปก่อน” หม่าโฮ่วเต๋อบีบบ่าของเริ่นจื่อหลิงเบาๆ “ตอนนี้คุณกลับไปก่อน ถ้าได้ข่าวอะไรผมจะบอกคุณทันที คุณก็รู้ดีว่าตัวเองปากพล่อย แล้วยังลูกรักพูดน้อยแต่ฉลาดเป็นกรดของคุณอีก ถ้าเรื่องนี้มีพิรุธแล้ว ก็รังแต่จะให้คนมาเป็นห่วงเพิ่มเปล่าๆ เข้าใจนะ?”

“งั้นก็เอาเถอะ” เริ่นจื่อหลิงพยักหน้า “แต่ถ้ายังไม่ได้ข่าวอะไร ไม่ว่านายจะพูดยังไง สามวันต่อจากนี้ฉันก็จะไปสุสานด้วยตัวเอง”

เซอร์หม่าพยักหน้า “ถ้ารอไม่ได้ หลังจากนั้นสามวันผมจะไปเป็นเพื่อนคุณ!”

ฝังไว้ตรงนี้แหละ

สุสานตอนกลางคืนไร้แสงไฟ รอบด้านเงียบสงัด ได้ยินแต่เสียงของแมลง…ไม่ได้มาที่นี่นานแค่ไหนแล้วนะ?

จำได้ว่า ครั้งล่าสุดคงจะเป็นตอนที่ไปกวาดสุสานปีที่แล้ว

ลั่วชิวยืนอยู่ตรงหน้าป้ายสุสาน

เขาก้มหน้า แล้วหลับตาลง หลังจากผ่านไปสักพักหนึ่ง เขาถึงยื่นมือออกไปปัดฝุ่นผงบนป้ายหลุมศพ อาหม่ากับเริ่นจื่อหลิงกำลังรอให้ถึงเวลานัดถึงจะมาที่นี่ ด้วยกลัวว่าจะแหวกหญ้าให้งูตื่น ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ว่าใครนัดเยี่ยเหยียนมาที่นี่กันแน่ก็ตาม

แต่ลั่วชิวไม่ได้กังวลถึงขั้นนี้

“ผมสบายดี ไม่ต้องเป็นห่วง” ลั่วชิวพิงตัวลงหน้าป้ายหลุมศพ พูดขึ้นมาเบาๆ ประโยคหนึ่ง

ปีนั้นหลังจากที่พ่อของเขาพลีชีพในหน้าที่ก็ได้ฝังศพไว้ที่นี่ เริ่นจื่อหลิงก็เคยพูดมาพอสมควรแล้ว ‘ฉันจะดูแลลูกชายของคุณเอง ไม่ต้องเป็นห่วง’

เกรงว่าในตอนนั้นไม่ว่าจะเป็นเริ่นจื่อหลิงหรือตัวลั่วชิวเองก็คงไม่เคยคิดว่า หลายปีต่อมาชะตาชีวิตของลั่วชิวจะเปลี่ยนแปลงไปแบบพลิกฝ่ามือ

“นายท่าน?”

ทันใดนั้นเองด้านหน้าสุสานที่เงียบสงัดก็มีเสียงของโยวเย่ดังขึ้น เธอเหมือนจะตกใจที่ได้พบกับลั่วชิวในที่แบบนี้ดึกๆ ดื่นๆ ด้วยเธอสามารถมาถึงข้างกายเจ้านายได้ตลอดเวลา ดังนั้นสาวใช้จึงไม่เคยรู้ว่าเจ้านายอยู่ที่ไหนก่อนเธอจะโผล่มา

สาวใช้มองดูป้ายหลุมศพอย่างรวดเร็วแวบหนึ่ง แล้วก็ไม่ได้พูดอะไร ก่อนยืนตัวตรงอยู่หน้าป้ายหลุมศพ แล้วโค้งคำนับอย่างสุดตัวหนึ่งครั้ง

“ฉันไม่ได้มาตั้งนาน” ลั่วชิวเงยหน้ามองท้องฟ้า ดวงดาวที่บางตาจนมองแทบไม่เห็นพวกนั้น เหมือนจะผลุบๆ โผล่ๆ อย่างไรอย่างนั้น

โยวเย่ตั้งใจฟังอยู่เงียบๆ คุณสาวใช้รู้ว่าตอนนี้เจ้านายของตัวเองกำลังจมดิ่งอยู่ในความทรงจำ

ทันใดนั้นลั่วชิวก็ยื่นมือออกมาพร้อมพูดว่า “นั่นคือดาวเหนือ ตอนที่ตามพ่อมาออกค่ายสมัยเด็กๆ เขาก็สอนฉันว่าจะมองตำแหน่งดวงดาวผ่านท้องฟ้าออกได้ยังไง เขาบอกว่าหากวันหนึ่งฉันต้องระเหเร่ร่อนไปตามป่าที่เปล่าเปลี่ยว แล้วไม่ได้พกเข็มทิศติดตัว อย่างน้อยก็ไม่หลงทิศทางจากการหาดาวเหนือ”

ลั่วชิวก้มหน้าลงยิ้มๆ “แต่น่าเสียดายที่เมื่อก่อนฉันไม่มีโอกาสได้ใช้ความรู้นี้…เกรงว่าต่อจากนี้ก็จะไม่มีโอกาสให้ใช้แล้วเหมือนกัน”

ลั่วชิวส่ายหน้า “ดาวดวงนี้มืดลงแล้ว ไม่ได้สว่างเหมือนเมื่อก่อนอีก”

เขาเอามือไขว้ไปที่ข้างหลัง หลังจากนั้นอีกนานถึงได้ถอนหายใจ มองโยวเย่พร้อมพูดด้วยเสียงเบาๆ ว่า “ใช่แล้ว เธอมาหาฉันมีเรื่องอะไร? ทางเยี่ยเหยียนเกิดปัญหาอะไรขึ้นหรือเปล่า?”

โยวเย่พยักหน้า “เกิดเรื่องขึ้นค่ะ แต่ว่าคุณเยี่ยไม่เป็นไร เขาถูกคนช่วยออกมาได้แล้ว”

ลั่วชิวอึ้งพร้อมกับถามว่า “ใคร?”

โยวเย่ส่ายหน้า “ตอนนี้ยังไม่ทราบค่ะ คนนั้นคลุมหน้าเอาไว้…คาดว่าคงเป็นผู้ชาย คนลึกลับคนนั้นทำให้สัญญาณเตือนไฟไหม้ใต้ตึกดังขึ้น หลังจากแยกคิงคองออกมาแล้ว ก็พาคุณเยี่ยไปทันที ฉันตามไปตลอดทาง แต่ที่แปลกก็คือ หลังจากคนนั้นช่วยยคุณเยี่ยออกมาแล้ว ก็ตีเขาให้สลบแล้ววางเขาไว้กลางป่าในสวน ส่วนตัวเองก็จากไป”

“หืม…ชายชุดดำงั้นเหรอ?”

“ฉันได้พิกัดซ่อนตัวชั่วคราวของเขาแล้ว ถ้าอยากไปหาก็หาพบได้ทันทีค่ะ” โยวเย่พูด “คุณเยี่ยฟื้นขึ้นมาไวมาก ตอนนี้ปลอดภัยดีแล้ว ดังนั้นฉันเลยกลับมารายงานเรื่องนี้ให้นายท่านทราบทันที”

ลั่วชิวพยักหน้า เขาครุ่นคิดว่าคนที่ช่วยเยี่ยเหยียนออกมาคนนี้เป็นใคร นอกจากเขาแล้ว ไม่น่ามีใครรูู้ว่าเยี่ยเหยียนถูกพาไปอยู่ที่ไหนถึงจะถูก

ตอนที่กำลังคิดอยู่นั้น ลั่วชิวก็มองไปเรื่อยเปื่อย แล้วตอนนี้จึงมองเห็นที่ด้านหลังป้ายหลุมฝังศพพ่อ

ลั่วชิวขมวดคิ้ว เขาเดินไปข้างหลังป้ายหลุมฝังศพ ตรงสนามหญ้าที่อยู่ข้างล่างหลังป้ายหลุมศพ มีร่องรอยการพลิกที่เห็นได้ค่อนข้างชัดเจน เพียงแค่ตั้งใจสังเกต ก็หาเจอได้ไม่ยาก

ลั่วชิวหรี่ตาลง ย่อตัวลงมา ลูบพื้นหญ้าที่เคยถูกพลิกนี้ด้วยมือตัวเอง เขาแหวกเปิดผืนหญ้าแผ่นหนึ่งออกมาอย่างง่ายดาย

ในวินาทีที่แหวกออกมานั่นเอง ลั่วชิวก็แข็งทื่อไปทั้งตัว ไม่มีทีท่าจะขยับเลยแม้แต่น้อย แม้กระทั่งสายตาก็จ้องเขม็ง

โยวเย่เดินไปข้างหน้า ดูข้างในหลุมเลนที่ถูกเปิดออกมานั้นอย่างตั้งใจ

หนังสัตว์ที่มีขนติดอยู่ หนูที่ตายแล้ว กระดูกที่แตกหัก…ล้วนแต่เป็นของสกปรกทั้งนั้น ในตอนนี้ก็มีกลิ่นเหม็นเน่าส่งออกมาเป็นระยะๆ!

“นี่…นี่คงจะเป็นของที่พึ่งเอามาจัดวางไว้ได้ไม่นาน? เป็นใครกันแน่…”

ลั่วชิวสูดหายใจเข้าไปลึกๆ หนึ่งเฮือก ก่อนค่อยๆ ลุกยืนขึ้นมา

เขามองโยวเย่อย่างไร้อารมณ์ความรู้สึก แล้วยื่นมือออกไปลูบคลำหัวใจของตัวเอง เสียงพูดนั้นเบามากๆ “ในตอนแรก สมาคมกักขังวิญญาณของฉัน ในช่วงนี้ความรู้สึกบางอย่างของฉันเริ่มแปรเปลี่ยนไปมากจนจืดจางอย่างช้าๆ แต่ตอนนี้ จู่ๆ ก็กลายเป็นเดือดพล่านขึ้นมาแล้ว เธอรู้ไหมว่าเป็นเพราะอะไร?”

“นายท่าน…”

“มีคนใช้ของสกปรกพวกนี้ที่นี่ รบกวนความสงบของพ่อฉัน…”

ดวงตาทั้งสองของเขาพลันเปลี่ยนเป็นสีเงินสวยงามแปลกประหลาด ข้างหลังของเขาเหมือนจะบิดเบี้ยวไป แล้วประตูใหญ่ยักษ์บานหนึ่งที่เหมือนไม่มีอยู่จริง ซึ่งฝังวิญญาณชั่วร้ายอาฆาตพยาบาทเอาไว้มากมายก็ปรากฏขึ้นมากลางอากาศ

มันกำลังแง้มเปิดออกช้าๆ …

ณ ที่ห่างไกลออกไป ไท่อินจื่อกุมหัวเอาไว้ในทันทีทันใด ก่อนฟุบลงกับพื้นอย่างเจ็บปวดสุดๆ ราวกับมีอะไรทำให้เขาหวาดกลัว และสัมผัสได้ถึงความผิดหวัง

คฤหาสน์ตระกูลจาง ภูตดำหมายเลขเก้ากำลังซ่อนตัวอยู่ในที่ที่มิดชิดกว่าปกติมาก แล้วยังใช้มือกุมหัวเอาไว้ คุกเข่าข้างเดียวอยู่บนพื้น ใบหน้าพลันบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด

ภูตดำหมายเลขสิบแปดทรุดลงไปที่พื้นอย่างกะทันหัน มองไปยังทิศทางหนึ่งด้วยความเคารพยำเกรงอย่างสุดซึ้ง

ในบริเวณมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในรัสเซีย ชายวัยรุ่นที่มีรอยสักเต็มร่างคนหนึ่ง จู่ๆ ก็ตื่นขึ้นมาจากฝันด้วยเหงื่อท่วมตัว…

ประเทศอังกฤษ

หญิงสาวก็ตื่นขึ้นจากฝันเช่นกัน หัวใจเต้นรัว มองออกไปทางทิศตะวันออกอย่างเผลอไผล เธอเหมือนจะได้ยินเสียงร้องเรียกอะไรบางอย่าง…

ศูนย์สัตว์เลี้ยง

หลงซีรั่วขมวดคิ้ว จ้องมองท้องฟ้า ก่อนพูดพึมพำกับตัวเอง “นี่คือจิตพยาบาท…ของใครกันแน่นะ?”

เธอในฐานะที่เป็นมังกรสายเลือดแท้ตัวสุดท้ายของดินแดนศักดิ์สิทธิ์กลับจิตใจฟุ้งซ่าน ไม่มีวิธีสงบใจลงได้เลย

บรรดาปีศาจทั่วทั้งเมือง ต่างก็อกสั่นขวัญแขวนไปพร้อมๆ กัน