“…อะไรกันเนี่ย”
เจ้าของบูทีคที่นั่งอยู่บนโซฟาราคาถูกลุกขึ้นมาดูเด็กสองคนที่เข้าร้านมาพร้อมกับขมวดคิ้ว
เพราะจะมองอย่างไรก็ดูไม่เหมือนแขกเลยสักนิด มีแค่เด็กที่มอมแมมคนหนึ่งกับเด็กตัวเล็กอีกคน และเสื้อผ้านั้นก็เลอะเปรอะทั้งดินและฝุ่นเต็มไปหมด
เมื่อเห็นท่าทางที่สงสัยจากเจ้าของร้านอาซจึงยื่นเหรียญทองจากกระเป๋าด้านในเสื้อของเขาใส่มือเจ้าของร้าน
“ตั้งใจจะมาซื้อเสื้อผ้าน่ะครับ”
เจ้าของร้านบูทีคเบิกตาโตพร้อมกับถาม
“…เอาเงินมาจากไหนน่ะ”
“จำเป็นต้องทราบด้วยเหรอครับ ถ้าไม่อยากขายก็คงต้องไปร้านอื่นแล้วล่ะ”
แต่จะว่าไป ไม่ว่าเงินของลูกค้าจะมาจากไหนก็ตามนั่นไม่ใช่สิ่งที่จะต้องรู้ด้วยซ้ำ
ทันทีที่อาซจะออกจากร้านไป เจ้าของร้านก็ลุกขึ้นพลางตะโกนออกมาเสียงดัง
“ดะ เดี๋ยวก่อน!”
เมื่ออาซหันหลังกลับไปมองก็เห็นว่าสีหน้าเจ้าของร้านนั้นเปลี่ยนไปนอบน้อมมากขึ้น
“ต้องการเสื้อแบบไหนเหรอครับ คุณลูกค้า”
ช่างเป็นลักษณะของระบบทุนนิยมเสียจริง เปลี่ยนจากวางคำพูดกลายเป็นพูดสุภาพ และยังเพิ่มเสียงอีกขึ้นด้วย
พูดไม่ออกกับท่าทา’ที่เปลี่ยนไปของเจ้าของร้านอาซจึงอดหัวเราะไม่ได้พลางตอบ
“เสื้อผ้าที่ฉันพอจะใส่ได้แล้วก็… เสื้อผ้าของเด็กคนนี้ ของฉันขอเป็นสีเข้ม ส่วนเด็กคนนี้สีอ่อน”
“ครับ! เข้าใจแล้วครับ”
ทันทีที่อาซพูดจบเจ้าของร้านก็เริ่มไปหาชุดอย่างทุลักทุเล
ถึงจะไม่รู้ที่มาก็ตามแต่ในเมื่อเห็นเหรียญทองนั่นแล้ว จึงเลือกแค่ชุดที่แพงออกมา และระหว่างนั้นอาเรียก็ดึงมืออาซไปพลางถามว่าพูดเรื่องอะไร
“ทำไมซื้อชุดให้ฉันล่ะ”
“ก็แค่”
“ก็แค่?”
“แค่สงสัยว่าถ้าซื้อชุดให้เธอด้วยจะเป็นอย่างไรน่ะ”
“ฉันไม่มีเงินนะ ไม่ใช่คนรวยด้วย”
อาเรียพูดพลางเอียงคอไปมา ดูเหมือนอาเรียจะไม่คิดว่าอาซจะให้ชุดเธอเป็นของขวัญ
เพราะเด็กๆ ในละแวกที่เธออยู่แทบจะไม่มีใครให้ของขวัญกันด้วย แม้กระทั่งอาเรียลูกสาวของโสเภณีที่ไม่มีชื่อเสียงเท่าไหร่นัก จึงแทบจะไม่เคยมีประสบการณ์แบบนั้นเลย
ยิ่งไปกว่านั้นระหว่างอาซและอาเรียก็เพิ่งได้เจอกันเพียงวันเดียวเท่านั้น เป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้ว
“ฉันมีเงินเยอะน่ะ ฉะนั้นฉันจะให้ของขวัญเธอเอง เป็นการตอบแทนที่เธอช่วยฉันไว้”
อาซที่เริ่มจะคุ้นชินกับการพูดคุยกับอาเรียในระดับหนึ่งจึงเริ่มตอบเฉพาะคำตอบที่เธอพอจะเห็นด้วย
“…จริงเหรอ!”
ดวงตาของอาเรียเบิกขึ้นกลมโต
เป็นขนาดที่ใหญ่จนน่าตกใจ พลอยที่เปล่งประกายสีเขียวหันไปมองนัยน์ตาสีฟ้าของอาซ แม้จะคิดทุกครั้งที่ได้สบตากันก็ตาม ช่างเป็นดวงตาที่งดงามมากจริงๆ
“จริงเหรอ!”
“ใช่ เพราะฉะนั้น เลือกตามที่เธอชอบได้เลย”
อ๊ากกก! เสียงของอาเรียดังสะเทือนทั่วบูทีคประจวบเหมาะพอดีกับตอนที่เจ้าของเอาชุดที่คัดมาด้วยพอดี
“เลือกตามที่ชอบ…”
เจ้าของร้านที่กำลังจะพูดนั้นปราดตามองเสื้อผ้าเปรอะเปื้อนของอาเรียและอาซจากนั้นจึงกระแอมออกมา ราวกับเพิ่งหลุดออกมาจากถังโคลนช่างไม่น่าดูเอาเสียเลย
“…เอ่อ ยังไม่ทันได้ดูเลย ส่วนไซซ์ก็น่าจะพอใส่ได้นะคะ ลองเลือกดูได้เลยค่ะ”
สายตาของเจ้าของร้านหยุดอยู่ตรงกลางหน้าผากอาซอยู่พักใหญ่
อาซจึงรู้ตัวว่ามีโคลนติดอยู่ตรงกลางหน้าผากตัวเองมาจนถึงเช้า เป็นฝีมือของอาเรีย ไปที่สกปรกเปรอะเปื้อนแบบนั้นมาสินะ ปวดหัวจริงเลย
“…คือว่าพอจะมีที่ที่ให้ล้างตัวบ้างไหม”
อาซที่ใบหน้าขึ้นสีเล็กน้อย เอามือปิดปากตัวเองพลางถาม
ด้วยสีหน้าที่เขินอายมาก บูทีคชั้นสูงก็อาจจะมี แต่บูทีคถูกๆ แบบนี้คงไม่น่าจะมีแน่นอน
“ปกติไม่มีนะคะ แต่ครั้งนี้มีให้พิเศษ…”
แน่นอนว่าไม่มีอยู่แล้ว แต่โชคดีที่เจ้าของบูทีคเห็นสภาพอาซและอาเรียไม่ดีเท่าไหร่นักจึงให้ยืมอ่างอาบน้ำ
ไม่ใช่อ่างสำหรับแขก แต่เป็นอ่างส่วนตัวของเจ้าของบูทีค และเจ้าของบูทีคก็ได้แต่หวังว่าเธอจะไม่ทำชุดใหม่ต้องเปื้อนเหมือนเคย
“รู้วิธีอาบน้ำเหรอ”
“อื้ม! แม่ฉันสอนมาน่ะ”
“ดีเลย งั้นไปล้างตัวมาก่อน อาบน้ำเสร็จแล้ว… ใส่ชุดนี้”
อาซส่งชุดที่อยู่ด้านหน้าให้อาเรีย
หลังจากที่อาเรียรับชุดก็หายเข้าไปในห้องอาบน้ำ ในระหว่างที่อาเรียกำลังอาบน้ำ อาซก็ตรวจดูชุดที่เจ้าของร้านนำมาให้และเลือกชุดที่พอจะดูดี เรียบร้อยและมีคุณภาพ
ในระหว่างที่เจ้าของร้านกำลังกังวลสายตาของอาซที่ตาถึงยิ่งกว่าที่คิดจึงคัดชุดที่คุณภาพแย่เมื่อเทียบกับราคาออกสามสี่ชุด และเหลือแค่ชุดที่คุณภาพดีไม่ว่าจะเลือกชุดไหนก็น่าอิจฉาเหมือนกัน ทันใดนั้นอาเรียก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับสภาพผมเปียกจนน้ำไหลออกมาทีละหยดๆ
“อาบเสร็จแล้ว”
“……!”
อาซหลงลืมคำพูดตัวเองไปในทันที
และเจ้าของร้านบูทีคก็เช่นกัน และแล้วหยดน้ำจากผมของอาเรียก็ทำให้พื้นร้านบูทีคที่ทำความสะอาดไว้แล้วต้องเปื้อน
“ฮืม… พออาบน้ำล้างตัวแล้วก็… จะว่าเป็นเด็กแถวนี้ที่ดูสวยมากเลยนะ”
เจ้าของบูทีคปราดสายตามองอาเรียหัวจรดเท้า
แม้เป็นเพียงสายตาที่ตกตะลึงเท่านั้น แต่จากที่อาซรู้สึกนั้นกลับเป็นสายตาที่ทำให้รู้สึกไม่ดีนัก เนื่องจากอาซเข้าใจผิด คิดว่าถึงจะตกใจกับภาพลักษณ์ที่เปลี่ยนไปก็ตามแต่ทำไมถึงได้ส่งสายตาล่วงเกินกับเด็กอายุน้อยแบบนั้นได้นะ
อาซจึงรีบเข้าไปใกล้อาเรียและชิงผ้าขนหนูที่เธอถืออยู่มาคลุมผมที่มีน้ำหยด
“ไดร์ผมให้แห้งค่อยมาสิ”
“เวลาผ่านไปก็แห้งเองแหละน่า”
“จะเป็นหวัดเอาล่ะสิ”
“ฉันแข็งแรงไม่เป็นหวัดหรอก”
แหงล่ะสิ
อาซเผลอขยี้ผมอาเรียอย่างแรง
“เจ็บ!”
“…โทษที”
หลังจากเช็ดผมให้อยู่พักใหญ่ทำให้ความชื้นผมเริ่มเหือดหาย ก็เผยให้เห็นผมบลอนด์สีทองงดงามที่หาได้ยากในคนทั่วไป
เมื่อเทียบกับที่ไม่ได้รับการดูแลแล้ว เธอมีผมที่นุ่มและยืดหยุ่นมาก เพียงแค่หวีด้วยมือไม่กี่ครั้งก็สามารถจัดทรงได้แล้ว
“…….”
เช็ดผมให้เปล่าประโยชน์ไหมนะ
เพราะสายตาของเจ้าของร้านทำให้เขารู้สึกไม่ดีจึงรีบเช็ดผมเธอให้แห้ง แต่เมื่อเช็ดให้แห้งแล้วกลับดูดีขึ้นกว่าเดิมเสียอีก
แม้จะยังเป็นเด็กแต่ถือว่ามีรูปลักษณ์ที่น่าดึงดูดสายตามาก จนถึงขั้นที่คิดว่าแม่อาจจะตั้งใจไม่ดูแลปล่อยให้สกปรกอยู่อย่างนั้น
นึกว่ามีแค่ดวงตาที่สวยเท่านั้น แต่ทั้งจมูกปากก็ดูสวยไปหมด รวมไปถึงผมบลอนด์สีทองที่ต่างจากเขานั่นอีก
ดูสวยหมดเลย
ไม่เคยเจอคุณหนูตระกูลชนชั้นสูงคนไหนงดงามเช่นนี้มาก่อน อาซกลืนน้ำลายอย่างไม่รู้ตัว
“อาซไม่ล้างตัวเหรอ”
“…ต้องล้างสิ”
ต้องล้างตัวสิ เพราะรู้สึกไม่สบายตัว แน่นอนว่าหากมีโคลนติดหน้าผากตัวเองแบบนี้จะต้องดูน่าตลกแน่
แต่จู่ๆ กลับทำแบบนั้นไม่ได้ จะทิ้งอาเรียไว้คนเดียวไม่ได้ เป็นห่วงกลัวว่าปล่อยเด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารักแบบนี้ไว้จะเกิดเรื่องอะไรขึ้น
แต่จะให้เข้าไปให้ห้องอาบน้ำด้วยกันก็ไม่ได้ จะไม่อาบน้ำก็ไม่ได้อีก สับสนเสียจริง
“ถ้าอย่างนั้นก็รีบอาบน้ำแต่งตัวออกมานะ”
“ฮืม…”
อาซลังเล
เจ้าของบูทีคก็รู้สึกไม่สบายใจตามเขาไปด้วย เพราะรู้สึกได้ว่าอาซไม่สะดวกใจและยังเคลือบแคลงใจในตัวเขา หากไม่ใช่คนโง่ ท่าทางการตีตัวแบบนั้นก็คงไม่มีใครไม่รู้แน่
“…หากขี้เกียจก็เช็ดตัวด้วยผ้าชุบน้ำก็ได้นะครับ”
เพราะอย่างนั้น เจ้าของร้านเลยเสนอวิธีแก้ปัญหาให้อาซ เพราะมีผ้าขนหนูเปียกจากที่เช็ดผมให้อาเรียพอดีจึงเป็นวิธีแก้ที่พอฟังขึ้นหน่อย
อาซจึงรับคำเสนอแนะของเจ้าของร้าน
“ทำแบบนั้นก็ดีเหมือนกัน อาเรีย เธอเลือกชุดที่ชอบได้เลยนะ”
“อื้อ อื้ม! ชุดที่ใส่อยู่ตอนนี้ล่ะ ให้คืนไหม”
“ไม่ต้องหรอก นั่นก็ชุดเธอด้วยเหมือนกัน”
ทันทีที่อาซพูดจบอาเรียก็เริ่มไปเลือกชุดด้วยความตื่นเต้น
พลางฮัมเพลงแปลกๆ ไปด้วย อาซมองอาเรียจากที่ไกลออกมา พลางเช็ดส่วนที่เปื้อนตามตัวออก ส่วนที่เลอะเสื้อจนเช็ดไม่ออกนั้น แค่เปลี่ยนชุดเอาก็ได้
“ฉันอยากได้นี่!”
อาเรียชี้ไปที่ชุดเดรสสีชมพูเข้ม
เป็นสีชมพูเข้มที่แปร๋นจนแสบตา ยิ่งไปกว่านั้นตั้งแต่ส่วนหน้าอกจนถึงสะโพกก็เต็มไปด้วยลวดลายแปลกๆ ที่ถูกปักไว้ เป็นชุดที่ดูเยอะแยะไปหมดจนไม่รู้จะมองส่วนไหน
“…เอาจริงเหรอ”
“อื้ม!
“…….”
สายตาของอาเรียเต็มไปด้วยความจริงใจ อยากจะซื้อชุดเดรสแปลกๆ นี่จริงๆ
อาซที่ตะลึงได้แต่ปิดปากแน่น เขาดุด่าตัวเองตอนนั้นว่าทำไมไม่หยิบชุดเดรสแปลกๆ แบบนั้นออก
“ทำไมล่ะ”
ทำไมกันนะ ทำไม สวยตรงไหนกันถึงจะซื้อชุดนั้น อาซถามด้วยสีหน้าจริงจังมาก
“สีมันสดใสแล้วก็เยอะด้วย เลยดูสวยน่ะ! ฉันชอบที่มันมีสีหลายสี”
“เฮ้อ…”
แต่นั่นก็ดูจะเกินไปหน่อย เนื่องจากดูท่าว่าอาเรียใส่ชุดนั้นจริงๆ อาซจึงรีบกลอกตา
แม้จะมองได้ไม่ชัดเท่าไหร่นักแต่ก็รีบมองชุดเดรสที่เหลืออยู่อย่างรวดเร็ว โล่งอกที่ชุดเดรสที่อาเรียเลือกดูไม่แย่เท่าไหร่
“เดี๋ยวนะ สีนั้นล่ะเป็นไง”
“หืม นี่เหรอ”
“ใช่ นั่นล่ะ”
“อะอืม…”
ไม่เห็นสวยเลย แม้จะไม่พูดอะไรแต่ก็สามารถรู้ความคิดของอาเรียได้
เพราะเป็นเพียงชุดเดรสสีชมพูอ่อนราวกับกลีบดอกไม้ที่เพิ่งแย้มบาน เป็นสีอ่อนที่ไม่ค่อยถูกใจอาเรียนัก
“ไม่มีลายด้วย… ดูเรียบง่ายมาก”
เมื่อเทียบกับชุดที่อาเรียเลือกแล้วดูเรียบง่ายกว่ามาก เพียงแค่คุณภาพดีกว่าและดูดีมากกว่าก็เท่านั้น เป็นส่วนที่อาเรียไม่ได้สนใจนัก
“ถ้าอย่างนั้นก็ใส่เครื่องประดับเอาก็ได้นี่นา ริบบิ้นสีแดงก็น่าจะเข้ากัน”
“…เครื่องประดับ ริบบิ้นสีแดง”
อาเรียกะพริบตาถี่
ที่นี่ไม่มีใครสวมใส่เครื่องประดับสวยๆ กับชุดเลย เพราะไม่มีเงินมากพอจะซื้อของพวกนั้น เนื่องจากมีเงินพอดีสำหรับอาหารมื้อหนึ่งเท่านั้น
“จะให้เตรียมเครื่องประดับที่เข้ากันไหมคะ”
เจ้าของร้านถามอาซที่ส่งสัญญาณราวกับจะซื้ออะไรเพิ่มด้วยสีหน้ายินดี อาซจึงพยักหน้าตอบ และผ่านไปไม่นานริบบิ้นสีแดงที่เหมาะกับชุดเดรสชมพูอ่อนก็ถูกเตรียมไว้อย่างเรียบร้อย
“ว้าว…สวยจัง”
และนั่นก็เป็นเครื่องประดับตรงใจอาเรียที่ชื่นชอบแต่ของที่ดูหรูหราและมีสีสันสดใส
“ฉัน… ฉันเอาชิ้นนี้จริงๆ ได้ไหม จะซื้อให้จริงๆ อย่างนั้นเหรอ”
อาเรียที่ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยได้รับสิ่งที่เรียกว่าของขวัญถามอาซเพื่อความแน่ใจ ด้วยใบหน้าราวกับถามว่านี่เป็นความจริงไม่ใช่ฝันใช่ไหม
ของแค่นั้นเอง
หากต้องการอาซก็สามารถซื้อให้ได้เท่าที่ต้องการ เพราะมีพลอยอยู่ในกระเป๋าอาซอยู่
“ทำไมล่ะ ไม่ชอบเหรอ”
เพราะฉะนั้นหากตอบว่า ‘ใช่’ เรื่องก็จบลงไปแล้ว แต่เห็นภาพอาเรียที่กระโดดชอบใจดูน่ารักเช่นนั้น จึงถามต่อว่า ‘ไม่ชอบเหรอ’
ทันใดนั้นอาเรียก็ส่ายหน้าราวกับจะบอกว่าใช่ที่ไหนกัน
“ไม่นะ!”
“งั้นก็เอาไปได้เลย”
ทันทีที่คุยกันเสร็จอาเรียก็ได้ชุดใหม่มาไว้ในอ้อมอกตัวเอง
“เปลี่ยนชุดได้ทางนั้นเลยครับ”
เนื่องจากเธอเผยสีหน้าราวกับอยากจะสวมชุดเสียตอนนั้น เจ้าของร้านจึงชี้ทางไปยังห้องเปลี่ยนชุดให้อาเรีย และแล้วเธอก็หายตัวเข้าไป ในระหว่างนั้นเจ้าของร้านก็แนะนำชุดที่อาซพอจะใส่ได้ เขาเลือดชุดที่สีมืดที่สุด
เนื่องจากกำลังอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องหลบหนีคนตามล่า จึงต้องสวมชุดให้ไม่เป็นจุดสังเกตมากที่สุด ในระหว่างที่กังวลว่าจะสวมหมวกด้วยดีไหม แต่ดูเหมือนว่าแค่ตั้งปกคอเสื้อก็สามารถอำพรางใบหน้าได้แล้วจึงตัดสินใจซื้อมัน
…………………..