ตอนที่ 10-2 ซื่อจื่อ โปรดให้ความเป็นธรรมผู้น้อยด้วย

ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน]

คนเฝ้าประตูวิ่งไปร้องตะโกนไป กระทั่งมาถึงหน้าเรือนหวงฝู่อี้เซวียน หายใจหืดหอบพูดกับคนเฝ้าเรือน “เร็ว รีบไปรายงานซื่อจื่อ เมิ่งเชี่ยนโยวจากตำบลชิงซีจับกุมคุณชายรองไว้ บอกว่าจะมาขอความเป็นธรรมจากซื่อจื่อ”

 

 

หวงฝู่อี้คนสนิทข้างกายหวงฝู่อี้เซวียน หรือก็คือหนิวตั้น ออกมาเทน้ำล้างหน้าพอดี ได้ยินคำพูดของคนเฝ้าประตู กะละมังในมือร่วงหล่นพื้นดังเคร้ง

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนที่เพิ่งจะล้างหน้าเสร็จในห้องได้ยินเสียง ถามเสียงละมุน “อาอี้ เป็นอะไร?”

 

 

หวงฝู่อี้พูดด้วยริมฝีปากสั่นระริก “ซื่อ…ซื่อจื่อ พี่เชี่ยนโยวมาแล้ว รออยู่หน้าประตูใหญ่ขอรับ”

 

 

ภายในห้องเงียบสนิท

 

 

หวงฝู่อี้ไม่เก็บกะละมังล้างหน้าแล้ว คิดจะหันหลังกลับเข้าไปในห้อง

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนก็เปิดม่านประตู เดินพรวดออกมา ถามด้วยความยินดีระคนประหลาดใจ “โยวเอ๋อร์มาแล้ว?”

 

 

หวงฝู่อี้พยักหน้าตื้นตันใจ พูดว่า “คนเฝ้าประตูรายงานเช่นนั้น”

 

 

คนเฝ้าประตูเห็นหวงฝู่อี้เซวียนออกมา ลืมระเบียบวินัยไปสิ้น “ซื่อจื่อ ท่านรีบไปดูเถอะ คุณชายรองถูกคนทำร้ายจนแทบจำไม่ได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ”

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนเดินพรวดๆ ออกไป เดินไปถามไปว่า “เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”

 

 

คนเฝ้าประตูเดินขนาบข้างมาติดๆ วิ่งเหยาะๆ ไปพลางตอบความ “ด้านนอกมีแม่นางเรียกขานตัวเองว่าเมิ่งเชี่ยนโยวจับกุมตัวคุณชายรอง นำขบวนคนจำนวนมากเข้ามาขวางหน้าประตูจวน เจาะจงให้ท่านออกไปให้ความเป็นธรรมกับนางพ่ะย่ะค่ะ”

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนหยุดชะงักฝีเท้าเล็กน้อย แล้วก้าวจ้ำๆ เร็วขึ้น

 

 

คนเฝ้าประตูวิ่งเหยาะๆ ตามหลังมาตลอดทาง

 

 

หวงฝู่อี้ก็ตามหลังมาติดๆ

 

 

ทั้งสามรีบเดินออกมา ชนเข้ากับสาวใช้ที่ประคองพระชายารองที่ก็ร้อนรนเดินออกมาพอดี

 

 

พอเห็นหวงฝู่อี้เซวียน พระชายารองก็หยุดชะงัก หลบไปอีกด้านอย่างนอบน้อม ร้องเรียก “ซื่อจื่อ”

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนขานรับเสียงแผ่ว ไม่แม้แต่จะมองนาง ก็สาวเท้าก้าวผ่านหน้านางไปทันที

 

 

กระทั่งเขาไปแล้ว พระชายารองจึงให้สาวใช้ประคองตามหลังไป

 

 

คนทั้งหมดเดินพ้นประตูออกมา เพียงแวบแรกหวงฝู่อี้เซวียนก็มองเห็นเมิ่งเชี่ยนโยวที่ยืนหน้าประตูจวนกำลังยกยิ้มหวานมองมาที่เขา หัวใจเต้นระรัว กำลังจะก้าวเท้าเดินเข้าไป เสียงหวีดร้องของพระชายารองก็ดังขึ้น “อวี้เอ๋อร์ เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า?”

 

 

หวงฝู่อวี้เห็นพระชายารอง ความทุกข์ระทมที่กล้ำกลืนมาหลายวันในที่สุดก็ได้ระเบิดออก สะอื้นไห้ฟ้องทันควัน “พระมารดา หญิงนางนี้รังแกข้า” ว่าแล้ว ก็สะบัดจากการเกาะกุมของกัวเฟย

 

 

กัวเฟยไม่คลายมือ หวงฝู่อวี้ขัดขืนไม่สำเร็จ

 

 

พระชายารองเห็นดังนั้นยิ่งให้ปวดใจ ตวาดกัวเฟยเสียงกร้าว “เจ้าไพร่บังอาจ หากยังไม่ปล่อยคุณชายรอง ระวังศีรษะเจ้าไว้ให้ดี”

 

 

กัวเฟยทำเหมือนไม่ได้ยิน ไม่มีทีท่าจะคลายมือ

 

 

พระชายารองโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ออกคำสั่งทหารยาม “ไปจับตัวไพร่บังอาจนั่นมาให้ข้า แล้วนำไปโบยจนตาย”

 

 

ทหารยามรับคำ วิ่งออกไปพร้อมกัน

 

 

คนที่มาดูเรื่องสนุกเห็นดังนั้น รีบถอยกรูด เหลือเพียงกลุ่มคนของเมิ่งเชี่ยนโยวอยู่ตรงกลาง

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหาได้มีใบหน้าครั่นคร้าม ยกยิ้มพูดกับหวงฝู่อี้เซวียน “ซื่อจื่อ โปรดให้ความเป็นธรรมแก่ผู้น้อยด้วย!”

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนจับจ้องใบหน้าที่ตนเองเฝ้าคำพึงถึงมาตลอดสี่ปีอย่างละโมบ ยิ้มร่าออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเกือบตาบอดเพราะรอยยิ้มนั้นของเขา ลอบด่าในใจ “ตัวเสนียด” ถึงเอ่ยปากพูดอีกครั้ง “ซื่อจื่อ ได้โปรดให้ความเป็นธรรมผู้น้อยด้วย”

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนตื่นจากภวังค์ รอยยิ้มจางหาย วางตนสูงศักดิ์ภูมิฐาน ถามด้วยใบหน้าเกรงขาม “มีเรื่องอันใดต้องให้ข้าให้ความเป็นธรรมแก่เจ้า?”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวแอบด่าท่าทีจอมปลอมของเขาในใจอีกครั้ง แล้วตอบความ “ซื่อจื่อ หลายวันก่อนคุณชายท่านนี้พาคนหลายสิบชีวิตบุกรุกบ้านหม่อมฉัน หมายจะสังหารหม่อมฉัน หลังจากหม่อมฉัน จับเขาได้ ได้รู้ว่าเขาเป็นคุณชายรองแห่งจวนอ๋องฉี หม่อมฉันไม่กล้าตัดสินความโดยพลการ ตั้งใจกุมตัวเขามาขอความเป็นธรรมจากซื่อจื่อเพคะ”

 

 

กล่าวจบ เสียงวิพากษ์ดังอื้ออึงไปทั่วพลัน ต่างชี้ไปที่หวงฝู่อวี้ พูดไปต่างๆ นานา

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนขมวดคิ้วมุ่น ไม่พูดอะไร

 

 

พระชายารองเปล่งเสียงร้องแสบแก้วหูดังลั่น “ผู้หญิงบ้านป่าเมืองเถื่อนที่ไหน วาจาเหลวไหลเพ้อเจ้อ ด้วยสถานะของเจ้า คู่ควรให้บุตรของข้าลงมือ?”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่แยแสนาง แต่พูดถากถางกลับ “ซื่อจื่อ จวนอ๋องฉีมีกฎระเบียบเช่นนี้เองหรือเพคะ? เรื่องใหญ่เช่นนี้กลับให้ผู้หญิงเป็นคนตัดสิน?”

 

 

พระชายาเอกสุขภาพไม่แข็งแรง หลังจากพระชายารองตบแต่งเข้ามาก็ได้รับอำนาจเต็ม มีสิทธิ์ขาดตัดสินทุกอย่างภายในบ้าน โดยเฉพาะช่วงหลายปีมานี้ พระชายาเอกร่างกายอ่อนแอลง หวงฝู่อี้เซวียนก็ไม่เคยสนใจการงานในจวนเลย ยิ่งทำให้นางเหิมเกริม ได้ยินคำพูดเมิ่งเชี่ยนโยว ยิ่งให้บันดาลโทสะ ตวาดทหารยามลั่น “ลากตัวนังหญิงบ้านป่านี่ไปโบยให้ตาย!”

 

 

ทหารยามรับคำ หมายจะเข้ามาจับตัวเมิ่งเชี่ยนโยว

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนเปล่งน้ำเสียงเ**้ยมเกรียม “ใครกล้าแตะต้องนาง ฆ่าไม่เว้น!”

 

 

นับแต่ที่หวงฝู่อี้เซวียนกลับมา ไม่ว่าใครล้วนปฏิบัติต่อด้วยความสุภาพอ่อนโยน ไม่เคยเห็นเขาโมโหมาก่อน แม้แต่บ่าวในจวนที่พลาดกระทำเรื่องผิด เขาก็เพียงพูดด้วยน้ำเสียงละมุน ไม่เคยตำหนิว่าสักครั้ง ตอนนี้ได้ยินน้ำเสียงเ**้ยมของเขา ทหารยามตกใจตัวสั่นอย่างไม่รู้ตัว ถอยหลังไปหลายก้าว มองเขาราวกับคนไม่รู้จัก

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนกวาดตามองทหารยามด้วยสีหน้าเรียบเฉย

 

 

ทหารยามรู้สึกเย็นวาบต้นคอ ตกใจถอยห่างจากเมิ่งเชี่ยนโยวอีกหลายก้าว

 

 

พระชายารองก็ตกตะลึงกับปฏิกิริยาของเขา แล้วหวีดร้องเสียงลั่น “ซื่อจื่อ อวี้เอ๋อร์เป็นน้องชายของท่าน บัดนี้ถูกหญิงบ้านป่าทำร้ายบอบช้ำยับเยิน เหตุใดท่านถึงไม่แก้แค้นให้เขา?”

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนเบี่ยงศีรษะ น้ำเสียงราบเรียบ “พระชายารองเฮ่อ การตัดสินใจของข้าไม่ต้องให้ท่านมาก้าวก่าย”

 

 

พระชายารองถึงกับสะอึก อ้าปากมองเขาอย่างตะลึงค้าง

 

 

เป็นครั้งแรกที่สาวใช้และบ่าวในจวนได้เห็นตัวตนเช่นนี้ของหวงฝู่อี้เซวียน ต่างตกตะลึงพรึงเพริด

 

 

หน้าประตูจวนปกคลุมด้วยความเงียบเฉียบพลัน

 

 

กลุ่มคนที่มุงล้อมกลับส่งเสียงอึกทึก ต่างคาดเดาว่าเหตุใดซื่อจื่อจวนอ๋องฉีถึงลำเอียงเข้าข้างสาวบ้านนา

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้าพึงพอใจภายในใจ นับว่าเจ้าตัวเสนียดนี่ยังมีหัวใจ ไม่ทำให้นางผิดหวังในตัวเขา

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนหันกลับมา เห็นสีหน้าพออกพอใจของเมิ่งเชี่ยนโยว รีบส่งยิ้มปะเหลาะเอาใจนาง

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวถลึงตากลับ พูดอีกครั้งว่า “ซื่อจื่อโปรดให้ความเป็นธรรมแก่หม่อมฉันด้วย”

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนมองหวงฝู่อวี้ที่หน้าตาปูดบวมจนแทบจำไม่ได้ กำลังส่งสายตาเศร้าสร้อยมาที่ตัวเอง สั่งการบ่าวข้างกายด้วยเสียงกร้าว “นำตัวคุณชายรองไปขังในห้องเก็บฟืน ห้ามกินห้ามดื่มสามวัน”

 

 

นับตั้งแต่หวงฝู่อี้เซวียนกลับมา ก็รักใคร่เอ็นดูน้องชายคนนี้มาก ไม่เคยเกิดเรื่องแก่งแย่งชิงดี แข่งขันระหว่างพี่น้องเหมือนครอบครัวอื่น ครั้นได้ยินคำสั่งจากเขา หวงฝู่อวี้หวีดร้องอย่างไม่เชื่อ “ท่านพี่?”

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนเปล่งวาจาด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด “เจ้าเป็นถึงคุณชายรองแห่งจวนอ๋อง บุกไปสังหารคนโดยพลการ หาได้มีกฎบ้านเมืองในสายตา นี่เป็นเพียงการลงโทษสถานเบา หากยังกระทำผิดอีก จะลงโทษด้วยไม้พอง”

 

 

หวงฝู่อวี้ตกใจเนื้อตัวสั่นระริก ก้มหน้าไม่กล้าปริปากอีก

 

 

บ่าวเดินขึ้นหน้า ยื่นมือออกมา พูดว่า “คุณชายรอง เชิญขอรับ”

 

 

กัวเฟยมองเมิ่งเชี่ยนโยว

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า

 

 

กัวเฟยคลายมือ

 

 

หวงฝู่อวี้คอตกเดินตามบ่าวเข้าไปในจวน ตอนที่เดินมาถึงข้างกายหวงฝู่อี้เซวียน อึกๆ อักๆ ร้องเรียก “ท่านพี่”

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนไม่หวั่นไหว พูดเสียงกร้าว “หากยังขอร้องอีก จะเพิ่มเป็นห้าวัน”

 

 

อย่าว่าแต่ห้าวันเลย แค่วันเดียวตัวเองก็รับไม่ไหวแล้ว ครั้งนี้ไม่ต้องให้บ่าวเร่งเร้า หวงฝู่อวี้ก็รีบก้าวฉับๆ เดินเข้าไป

 

 

พระชายารองที่ได้สติคืนมาแล้ว เข้าไปขวางหน้าหวงฝู่อวี้ไว้ พูดกับอี้เซวียนอย่างไม่พอใจ “ซื่อจื่อ ท่านไม่ถามให้ชัดเจน ก็สั่งขังอวี้เอ๋อร์ในห้องเก็บฟืน ไม่ทำเกินไปหน่อยหรือเพคะ”

 

 

อี้เซวียนไม่แม้แต่จะหันหลังกลับ สั่งการทันควัน “นำตัวพระชายารองไปสำนึกความผิดในเรือนตัวเอง ไม่มีคำสั่งข้าห้ามนางออกจากเรือนแม้เพียงครึ่งก้าว ใครคุมไม่อยู่ ลงโทษโบยห้าสิบไม้”