เมืองทะเลมรกตได้รับแรงกดดันมหาศาล จากการเผชิญหน้ากับการโจมตีจากราชันปีศาจสองตัว
เป็นไปตามที่เยี่ยนจ้าวเกอคาดไว้ เผ่าพันธุ์ปีศาจอัคคีไม่ทราบว่าซ่งอู๋เลี่ยงเจ้าเมืองเมืองทะเลมรกตกำลังเข้าฌานบำเพ็ญเพียรอยู่
ก่อนหน้านี้ไม่เห็นซ่งอู๋เลี่ยงบนทะเลบูรพา ปีศาจอัคคีจึงคิดว่าเขาน่าจะอยู่ที่เมืองทะเลมรกต
ค่ายกลทะเลมรกตไร้ขีดจำกัดที่จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์เมืองทะเลมรกตสร้างขึ้น มิใช่สิ่งที่ราชันปีศาจสองตัวจะทำลายได้
อย่างน้อยราชันปีศาจอัคคีสองตัวที่มาโจมตีเมืองทะเลมรกตในครั้งนี้ ก็ยังมิอาจทำได้
แต่สุดท้ายราชันปีศาจอัคคีสองตัวนี้ก็มายังเมืองทะเลมรกต
เหตุผลที่พอน่าเชื่อถือก็คือ วิธีที่ปีศาจอัคคีใช้ซ่อนตัวในครั้งนี้มีขีดจำกัด ไม่อาจพาพวกมันบุกไปบนแผ่นดินได้
เหตุผลอีกประการหนึ่งก็คือ มันเคยมายังเมืองทะเลมรกตหลายครั้ง ครั้งนี้พวกมันได้เตรียมตัวมา
ก่อนหน้านี้ซ่งอู๋เลี่ยงมิได้ปรากฎตัว ปีศาจอัคคีจึงกังวลว่ามีหลุมพรางหรือไม่ พากันออมพลังไว้หลายส่วน เพื่อป้องกันเรื่องเหนือความคาดหมาย
แต่เมื่อเห็นว่าค่ายกลทะเลมรกตไร้ขีดจำกัดอยู่ในช่วงวิกฤต เจ้าเมืองทะเลมรกตก็ยังไม่ออกมา ราชันปีศาจสองตัวถึงได้รู้ว่าก่อนหน้าพวกมันคิดมากเกินไป
เมื่อความคลางแคลงใจหายไป ราชันปีศาจอัคคีตัวหนึ่งก็คำรามขึ้น โน้มตัวพุ่งใส่ค่ายกลทะเลมรกตไร้ขีดจำกัด
ค่ายกลในตอนนี้ถึงแม้จะมีแรงกดดันมหาศาล เต็มไปด้วยรอยแตก แต่ยังตอบสนองการโจมตีของราชันปีศาจอัคคี ลวดลายของค่ายกลสว่างวาบ ประกายแสงสีเขียวมรกตคล้ายกับดาบไร้รูปร่างแทงใส่ราชันปีศาจอัคคีที่พุ่งเข้ามา
ใครจะรู้ว่าทั่วทั้งร่างของราชันปีศาจอัคคีจะเปล่งแสงสีแดงเพลิง รูปร่างของมันเปลี่ยนไปในทันที
ก่อนที่ประกายแสงสีแดงจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินในชั่วพริบตา
แสงสีน้ำเงินหลายสายแผ่ขยายออกไปสี่ทิศแปดทาง จากนั้นก็เริ่มหมุนวนรอบร่างกายของราชันปีศาจอัคคีตัวนี้
ไม่ทันไร แสงไฟสีน้ำเงินก็ค่อยๆ รวมตัวกันเป็นน้ำวนขนาดใหญ่ ถึงกลับเริ่มกลืนกินพลังงานจากค่ายกลทะเลมรกตไร้ขีดจำกัดอย่างต่อเนื่อง
ภายใต้ค่ายกล คนในเมืองทะเลมรกตรับมือกับปีศาจอัคคีตัวอื่นที่บุกรุกเข้ามาไปพลาง มองการปะทะกันของค่ายกลและราชันปีศาจอัคคีด้วยสีหน้าเคร่งขรึมไปพลาง
แต่ว่าในตอนนี้ จู่ๆ ราชันปีศาจอัคคีอีกตัวหนึ่งก็โจมตีช้าลง
ครู่ต่อมา ราชันปีศาจอัคคีตัวนั้นหยุดโจมตีค่ายกลทะเลมรกตไร้ขีดจำกัด หลังจากลังเลครู่หนึ่ง มันก็กลับหลังหันจากไป!
คนเมืองทะเลทะเลมรกตต่างตกตะลึง
แม้แต่พวกปีศาจอัคคีด้วยกันเองก็ยังงุนงง ราชันปีศาจที่กำลังปะทะกับค่ายกลอยู่ส่งเสียงคำรามติดต่อกัน คล้ายกับกำลังไต่ถาม
แต่ว่าราชันปีศาจตัวนั้นกลับจากไปโดยไม่หันหลังกลับ เคลื่อนที่ห่างออกไปในชั่วพริบตา
ราชันปีศาจอัคคีที่กำลังวัดกำลังกับค่ายกลรู้สึกคับข้องใจ พลันโถมพลังไฟทั้งหมดใส่เมืองทะเลมรกตที่อยู่ด้านล่าง
ถึงแม้จะมีมันอยู่ตัวเดียว แต่ว่าค่ายกลทะเลมรกตไร้ขีดจำกัดกลับได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง ตอนนี้มันใช้กระบวนท่าลับทำลายค่ายกลต่อ หากเป็นเช่นนี้ต่อไป มันตัวเดียวสามารถทำลายค่ายกลได้อย่างแน่นอน
ทั่วทั้งเมืองทะเลมรกตไม่กล้าชักช้า รีบตั้งสติ เข้าต่อสู้อย่างฮึกเหิมต่อไป
ถึงแม้ว่าจะยังคงกดดันอยู่มาก แต่ว่าสถานการณ์ที่เหมือนภูเขากดศีรษะมิอาจแก้ไขเช่นก่อนหน้านี้ ก็ดีขึ้นไม่น้อยอย่างไม่ต้องสงสัย
คาดว่ายังคงมีความเป็นไปได้ที่ค่ายกลจะถูกทำลาย แต่อย่างน้อยก็มิใช่สิ่งที่ราชันปีศาจอัคคีจะทำได้ในเวลาอันสั้นอีกแล้ว
เมืองทะเลมรกตใช่ว่าจะไร้ความหวังโดยสิ้นเชิง ขอเพียงเจ้าเมืองซ่งอู๋เลี่ยงออกมาทันเวลา เรื่องทั้งหมดจะไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป
บัดนี้แย่งชิงเวลาที่ล้ำค่าที่สุดมาอยู่ในมือได้แล้ว
ความแตกต่างอันมหาศาล การเปลี่ยนแปลงที่เกิดอย่างกระทันหัน ทำให้ผู้คนในเมืองทะเลมรกตมองหน้ากันเอง ต่างพูดอะไรไม่ออก
ในห้วงสมองของทุกคนต่างปรากฏเงาร่างของคนผู้หนึ่งขึ้นโดยอัตโนมัติ
ชายหนุ่มอายุยี่สิบกว่าปี ชี้อกของตัวเองด้วยใบหน้าเคร่งขรึม ‘ให้ข้าออกไปนอกวงล้อม ข้าจะลองล่อราชันปีศาจอัคคีตัวหนึ่งดู’
พลังฝึกปรือของชายหนุ่มผู้นี้ เทียบกับอายุของเขาแล้ว ย่อมสูงส่งอย่างไม่ต้องสงสัย
ตั้งแต่มีการบันทึกหลังมหาภัยพิบัติ เขาเป็นบุคคลที่โดดเด่นจำนวนน้อยนิดแห่งมหาอำนาจแปดพิภพ
แต่เมื่อเทียบกับราชันปีศาจอัคคีแล้ว พลังฝึกปรือของชายหนุ่มผู้นี้ช่างน้อยนิดอย่างไม่ต้องสงสัย
ถึงแม้เขาจะทำเรื่องที่จอมยุทธ์ระดับเดียวกันทำไม่ได้ให้สำเร็จได้ และสร้างปาฏิหาริย์ที่น่าเหลือเชื่อมาครั้งแล้วครั้งเล่าก็ตาม
แต่การหลอกล่อปีศาจอัคคีตัวหนึ่งได้สำเร็จจริงในตอนนี้ กลับทำให้ทุกคนรู้สึกประหลาดใจยิ่งนัก
ปากเก่งเป็นเรื่องง่าย ไม่ว่าใครก็พูดคำพูดสวยงามให้น่าตกใจได้ทั้งสิ้น แต่ว่าคนที่ทำตามที่พูดได้ ทำให้ลมปากกลายเป็นความจริงได้ นั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่งโดยสิ้นเชิง
ตอนที่ส่งเยี่ยนจ้าวเกอจากไปก่อนหน้านี้ ความจริงเฒ่าอวี๋ได้คิดถึงสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดไว้แล้ว
เขามิได้ระแวงนิสัยและคำสัญญาของเยี่ยนจ้าวเกอ แต่เยี่ยนจ้าวเกอจะล่อราชันปีศาจอัคคีตัวหนึ่งไปได้จริงๆ หรือไม่ เฒ่าอวี๋ไม่มั่นใจนัก
ใครจะคาดคิดว่าเยี่ยนจ้าวเกอกลับทำได้จริงๆ
ทีแรกผู้อาวุโสแห่งเมืองทะเลมรกตท่านหนึ่งสงสัย ว่าเยี่ยนจ้าวเกออาศัยการดึงดูดความสนใจของศัตรูเป็นฉากบังหน้า เพื่อฉวยโอกาสหนีไปเอง
บัดนี้ผู้อาวุโสท่านนี้ดึงสติกลับมาได้เป็นคนแรก ก่อจะถอนใจกล่าวว่า “เยี่ยนจ้าวเกอแห่งเขากว่างเฉิง สมคำร่ำลือ!”
พวกเฒ่าอวี๋พยักหน้าพร้อมกัน
ยอดฝีมือระดับสูงของเมืองทะเลมรกตคนหนึ่งพูดด้วยความลังเลอยู่บ้าง “ปีศาจอัคคีมาโจมตีเมืองทะเลมรกตของเราโดยไม่สนว่าท่านเจ้าเมืองจะอยู่หรือไม่ น่าจะเป็นเพราะหนึ่งในวัตถุดิบที่พวกเราใช้สร้างอาวุธศักดิ์สิทธิ์ ศิลาวารีประสานเพลิง อีกทั้งยังมีความแค้นเก่าก่อน”
“เยี่ยนจ้าวเกอล่อราชันปีศาจอัคคีได้ตัวหนึ่ง บางทีเป็นเพราะเขามีของล้ำค่าที่ปีศาจอัคคีต้องการ แม้กระทั่งทำให้ปีศาจอัคคีรู้สึกว่าของสิ่งนั้นสำคัญกว่าศิลาวารีประสานเพลิงก็ได้”
เฒ่าอวี๋ใบหน้าเคร่งขรึม “ตอนนี้สิ่งที่ข้ากังวลก็คือ หลังจากเขาล่อราชันปีศาจอัคคีตัวนั้นไปได้ ต่อจากนั้นเขาจะทำอะไร”
ราชันปีศาจตัวหนึ่งถูกล่อไปแล้ว สถานการณ์ของเมืองทะเลมรกตพลันผ่อนคลายลงมาก
แต่เยี่ยนจ้าวเกอที่ล่อราชันปีศาจอัคคีตัวนั้นไป กลับตกอยู่ในอันตรายอย่างยิ่ง!
ถึงอย่างไรคู่ต่อสู้ก็เป็นยอดฝีมือ ที่มีระดับเทียบเท่ากับยอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ของเผ่ามนุษย์!
คู่ต่อสู้เช่นนี้ทำให้เยี่ยนจ้าวเกอกดดัน ยิ่งกว่าที่เมืองทะเลมรกตกำลังกดดันในตอนนี้เสียอีก
จากสถานการณ์โดยรวม เมืองทะเลมรกตและพวกเฒ่าอวี๋ได้รับการปกป้อง ย่อมเป็นเรื่องดี
โดยเฉพาะหากถ่วงเวลาให้ซ่งอู๋เลี่ยงได้ จนกระทั่งเขาออกจากการเข้าฌานได้ทันกาล สถานการณ์ของทั้งสองฝ่ายจะพลิกกลับทันที ปีศาจอัคคีที่อยู่ที่นี่จะยอมจากไปแต่โดยดีหรือไม่ ล้วนไม่เป็นปัญหา
แต่ว่าพื้นฐานของเรื่องทั้งหมดนี้ กลับมีเยี่ยนจ้าวเกอ ปรมาจารย์ขั้นซ่อนจิตแบกรับความเสี่ยงอยู่เพียงลำพัง!
เป็นไปได้อย่างยิ่งว่า ต่อให้จอมยุทธ์เผ่ามนุษย์ชนะ แต่เยี่ยนจ้าวเกอก็อาจจะต้องสิ้นชีวิต
ทุกอย่างนี้ เยี่ยนจ้าวเกอจะรู้หรือไม่
คู่ต่อสู้เป็นถึงราชันปีศาจอัคคี เขาย่อมทราบ
ฝ่าวงล้อมออกจากน่านน้ำของเกาะมังกรบูรพาได้ เขาก็จะปลอดภัยแล้ว
แต่เขากลับเสียสละพลิกสถานการณ์
ในใจของพวกผู้อาวุโสแห่งเมืองทะเลมรกตในตอนนี้ต่างรู้สึกซาบซึ้ง
“ฝีมือเช่นนี้ ความกล้าเช่นนี้ จิตวิญญาณเช่นนี้ มียอดฝีมือปรากฏตัวที่เขากว่างเฉิงอีกแล้ว” ผู้อาวุโสเมืองทะเลมรกตพึมพำ “หากผ่านไปอีกหลายปี เห็นทีจะไม่มีผู้ใดในมหาอำนาจแปดพิภพต่อกรกับเขาได้”
คนผู้หนึ่งด้านข้างเขามีสีหน้าซับซ้อน “ทว่าเขาต้องผ่านอันตรายครั้งนี้ไปให้ได้ก่อน”
เฒ่าอวี๋ใบหน้าเคร่งขรึม “ถึงแม้ข้าจะจินตนาการไม่ออกว่าเขาจะเอาตัวรอดได้อย่างไร ทว่าหากเขาปลอดภัยคงจะน่าเหลือเชื่อยิ่ง หวังแต่เพียงว่าสวรรค์จะคุ้มครองคนดีเช่นเขา”