ตอนที่ 669

Alchemy Emperor of the Divine Dao

จักรพรรดินีนกอมตะเมฆาสวรรค์รู้สึกเจ็บใจ ไม่มีใครรู้ตัวเลยว่านิกายพันศพได้เพ่งเล็งสถานที่แห่งนี้มาเป็นเวลากว่าพันปี ซึ่งพวกมันได้วางค่ายอาคมขึ้นและเปลี่ยนซากศพนับไม่ถ้วนใต้เนให้กลายเป็นราชันซากศพ

ต้องรู้ก่อนว่าสิ่งที่ถูกฝังเอาไว้ที่นี่ไม่ใช่แต่จอมยุทธจากสงครามเมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน แต่จอมยุทธที่ทรงพลังสองหมื่น สามหมื่น หรือแม้กระทั่งหนึ่งแสนปีก่อนก็ถูกฝังเอาไว้ที่นี่

ที่นี่คือสนามรบในสงครามระหว่างห้านิกายใหญ่และเหล่าจอมยุทธแห่งทวีปฮงเทียน คิดว่าในช่วงหนึ่งแสนปีมานี้จะมีจอมยุทธซักกี่คนที่ถูกฝังอยู่?

“พวกเจ้ายึดครองโลกนี้มานานหลายปีแล้ว ถึงเวลาที่พวกเจ้าต้องปล่อยมือจากมันแล้ว” จิ่วโหยวหวังกล่าว

“พูดอะไรไร้สาระ!” จักรพรรดินีนกอมตะเมฆาสวรรค์พูดอย่างเย็นชา นางรู้ดีว่านิกายพันศพสร้างราชันซากศพขึ้นมาก็เพื่อใช้ต่อกรกับจอมยุทธจากแดนศักดิ์สิทธิ์ในอนาคต ตัวตนระดับพระเจ้านั้นหากระเบิดพลังออกมา แม้จะเป็นระดับทลายมิติก็ไม่สามารถต้านทานได้

ถ้าราชันซากศพตนนี้ยังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ซักวันมันจะต้องบรรลุระดับที่สามารถตอบโต้กับพระเจ้าได้แน่ๆ!

ราชันซากศพไม่จำเป็นต้องมีพลังขนาดชนะพระเจ้าได้ ขอแค่สามารถต้านทานการโจมตีของพระเจ้าได้ก็พอ เพราะหลังจากพระเจ้าใช้พลังที่เหนือกว่าระดับทลายมิติออกมา พวกเขาจะถูกกฎของโลกนี้ส่งตัวกลับไป ซึ่งพวกเขาจะได้รับการสูญเสียอย่างมหาศาล ดังนั้นโลกเบื้องบนจึงไม่สามารถส่งคนมาได้เยอะเท่าไหร่

“เหอๆ จักรพรรดินีนกอมตะ ทำไมเจ้าไม่นั่งลงแล้วมองดูพวกข้าอยู่เฉยๆล่ะ” จิ่วโหยวหวังกล่าว

จักรพรรดินีนกอมตะเมฆาสวรรค์แสยะยิ้มและพูด “อย่าลืมไปว่าสำนักสวรรค์ไม่ใช่สำนักของนิกายข้านิกายเดียว คิดรึว่ามีจอมยุทธระดับทลายมิติอยู่ที่นี่แค่คนเดียว?”

“จิ่วโหยวหวัง ดูเหมือนว่าพลังบ่มเพาะของเจ้าจะเพิ่มขึ้นอีกแล้ว” เมื่อจักรพรรดินีนกอมตะเมฆาสวรรค์พูดจบ ชายร่างขาวคนหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นกลางท้องฟ้า เบื้องหลังของเขาประดับเอาไว้ด้วยแสงอันสว่างไสวที่รูปร่างเหมือนดาบ

“ราชันดาบ!” ดวงตาของจิ่วโหยวหวังหรี่เล็กลงและแสดงออกถึงความหวั่นเกรง

หลิงฮันมองอย่างรู้สึกประหลาดใจ จากที่ได้ยินมาจากเฟิงโปหยุน จักรพรรดินีนกอมตะเมฆาสวรรค์นั้นเป็นจอมยุทธระดับทลายมิติขั้นสมบูรณ์ ส่วนราชันดาบนั้นดูเหมือนว่าจะยังไม่บรรลุถึงระดับทลายมิติขั้นเก้า

แถมจักรพรรดินีนกอมตะเมฆาสวรรค์ยังครอบครองสายเลือดนกอมตะที่แท้จริงด้วย ไม่ว่าดูอย่างไรนางก็น่าจะแข็งแกร่งกว่าราชันดาบ แต่จากท่าทางของจิ่วโหยวหวัง ดูเหมือนว่าเขาจะหวั่นเกรงต่อราชันดาบมากกว่า ซึ่งเป็นอะไรที่น่าประหลาดใจอย่างมาก

ราชันดาบพาดมือทั้งสองไว้ด้านหลังและมีท่าทีไม่แยแส เขาหันไปพูดกับจักรพรรดินีนกอมตะเมฆาสวรรค์ “จักรพรรดินีนกอมตะ ข้าควรจะช่วยเหลือเจ้าก่อนหรือสังหารราชันซากศพก่อนดี?”

“ราชันซากศพ!” จักรพรรดินีนกอมตะเมฆาสวรรค์ตอบอย่างไม่ลังเล ทันใดนั้นเอง นกอมตะสวรรค์ก็บินกลับเข้ามาในดาบนกอมตะสวรรค์

เมื่อจิตวิญญาณของอาวุธกลับเข้ามา ดาบเล่มนี้จึงกลับกลายไปเป็นอาวุธวิญญาณระดับสิบที่แข็งแกร่งที่สุดเหมือนเดิม

“ก็ดีเหมือนกัน!” ราชันดาบตอบด้วยท่าทางสงบนิ่งและโจมตีใส่ราชันซากศพ

ภาพอันน่าหวาดกลัวปรากฏขึ้น เขาใช้รัศมีดาบที่มีรูปร่างเหมือนใบดาบขนาดสองร้อยฟุตโจมตีใส่ราชันซากศพ

ความยาวของรัศมีดาบคือตัวบ่งบอกถึงความแข็งแกร่งของรัศมีดาบ!

เขาควบคุมรัศมีดาบด้วยนิ้วมือ แต่พลังทำลายล้างกลับน่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าจักรพรรดินีนกอมตะเมฆาสวรรค์ที่ใช้อาวุธวิญญาณระดับสิบเสียอีก ไม่น่าแปลกใจเลยที่จิ่วโหยวหวังจะหวั่นเกรงราชันดาบผู้นี้

ราชันซากศพเอื้อมแขนมาด้านหน้าเพื่อป้องกันรัศมีดาบ ภายในพริบตาแขนของมันก็เต็มไปด้วยรอยฟันขนาดลึกทันที ร่างของมันถูกพลักถอยหลังไปไกลจนที่พื้นดินเกิดเป็นทางขนาดใหญ่สองทางด้วยเท้าของมัน

ราชันซากศพคำรามอย่างเกรี้ยวกราดแต่ก็ไม่ลงมือตอบโต้อย่างผลีผลาม

ราชันดาบสามารถสยบราชันซากศพได้จริงๆ!

จิ่วโหยวหวังกระแอมเบาๆและพูด “ในเมื่อพวกเจ้าทั้งสองปรากฏตัวออกมาแล้ว งั้นราชันผู้นี้ก็คงต้องเอาจริงบ้าง” จิ่วโหยวหวังเลียริมฝีปากและคำรามเสียงแปลกประหลาดออกมา ทันใดนั้นโลงศพโบราณเจ็ดโลงก็ลอยออกมาจากบริเวณห่างไกล ‘ฟุบ’ เมื่อโลงศพลอยมาถึง ซากศพทั้งเจ็ดร่างก็กระโดดออกมา

เก้าตา… เก้าตา… เก้าตา… พวกมันคือราชันซากศพเก้าตา!

“พวกเจ้าไปจัดการจักรพรรดินีนกอมตะ ส่วนราชันดาบข้าจะเป็นคนจัดการเอง” จิ่วโหยวหวังสั่นกระบี่ในมือเล็กน้อย “ราชันดาบข้าได้ยินมาว่าวิถีแห่งดาบของเจ้าได้บรรลุถึงแก่นแท้แห่งดาบอันสว่างไสวแล้ว แต่ความสำเร็จในวิถีแห่งกระบี่ของข้าก็ไม่ได้ต่ำต้อย ข้าอยากจะแลกเปลี่ยนกระบวนท่ากับเจ้ามานานแล้ว”

แก่นแท้แห่งดาบอันสว่างไสว!

หลิงฮันเข้าในที่สุดว่าทำไมจิ่วโหยวหวังถึงหวั่นเกรงต่อราชันดาบมากกว่าจักรพรรดินีนกอมตะเมฆาสวรรค์ ที่แท้ราชันดาบก็ฝึกฝนวิถีดาบของตนเองไปถึงระดับสูงสุดแล้วนี่เอง อีกฝ่ายไม่ใช่แค่สร้างแก่นแท้แห่งดาบได้ แต่ยังบรรลุแก่นแท้แห่งดาบขั้นสูงสุดอีกด้วย

ไม่มีอะไรที่แก่นแท้แห่งดาบอันสว่างไสวตัดไม่ขาด แม้แต่วิญญาณก็ไม่มีข้อยกเว้น!

ร่างกายที่แข็งแกร่งทนทานจนไร้ที่เปรียบ? แล้วมันอย่างไร แค่ใช้แก่นแท้แห่งดาบโจมตีวิญญาณของเจ้าโดยตรงเจ้าก็ตกตายแล้ว

หลิงฮันรู้สึกกังวลเป็นอย่างมาก ร่างกายของเขานั้นแข็งแกร่งเทียบเท่ากับแร่สมบัติที่มีระดับมากกว่าเขาหนึ่งระดับ แต่ถึงแม้เขาจะบรรลุระดับทลายมิติแล้ว ราชันดาบก็ยังสามารถคุกคามเขาได้อยู่ดี

อีกฝ่ายเป็นศัตรูที่ไม่อาจประมาทได้

จิ่วโหยวหวังลงมือโจมตีอย่างรวดเร็วโดยไม่ปล่อยให้ราชันดาบมีโอกาสขัดขวางราชันซากศพไม่ให้ไปสังหารจักรพรรดินีนกอมตะเมฆาสวรรค์

นิกายพันศพช่างแข็งแกร่งจริงๆ!

แค่จิ่วโหยวหวังคนเดียวก็มีพลังพอที่จะปะทะกับจักรพรรดินีนกอมตะเมฆาสวรรค์และราชันดาบ

“โฮกกก” ราชันซากศพสิบเอ็ดตาคำรามออกมา ความโกรธที่ปะทุอยู่ในใจทำให้มันพัฒนาก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว โดยปกติแล้วซากศพจะไม่มีความรู้สึกเจ็บปวด แต่ด้วยการพัฒนาอันก้าวกระโดดเช่นนี้ แม้แต่ราชันซากศพก็ต้องกรีดร้องออกมาเพราะสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวด

‘กรอบ กรอบ’ กระดูกของมันสั่นไหวและร่วงหล่นลงมา ร่างกายของมันมีขนาดหดเล็กลงอย่างรวดเร็ว แต่กลิ่นอายของมันกับทรงพลังยิ่งขึ้น

ผ่านไปชั่วครู่ บนหน้าผากของมันก็เกิดการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง!

ดวงตาที่สิบสอง! มันแข็งแกร่งขึ้นอีกแล้ว!

แต่การเปลี่ยนแปลงก็ยังไม่จบ ร่างของมันยังหดตัวอยู่และพลังก็ยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

จิ่วโหยวหวังหัวเราะ นิกายของข้าใช้เวลาหลายพันปีในการบ่มเพาะราชันซากศพตนนี้ ในที่สุดก็ถึงเวลาเก็บเกี่ยวเสียที

ตราบใดที่น้ำในบาดาลใต้พิภพถูกราชันซากศพดูดซับไปทั้งหมด มันจะสามารถสร้างดวงตาได้อย่างน้อยสิบห้าดวง! เมื่อถึงตอนนั้น พลังป้องกันของมันจะนับว่าเป็นอันดับหนึ่งของโลก

ในขณะเดียวกัน เจตจำนงของมันก็จะฟื้นฟูกลับมาด้วยซึ่งจะช่วยในการป้องกันแก่นแท้แห่งดาบได้ แม้แต่ราชันดาบก็ยังยากที่จะทำร้ายมัน

นิกายพันศพถูกลิขิตเอาไว้แล้วว่าต้องเป็นผู้ปกครองโลกไปนี้!