บทที่ 1601 - สังหารวิหคอัสนี ความพ่ายแพ้ของเลิงหมิง

Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล

บทที่ 1601 – สังหารวิหคอัสนี ความพ่ายแพ้ของเลิงหมิง

 

ความตกตะลึงของเลิงหมิงถูกซ่อนเอาไว้ภายใต้ใบหน้าที่สงบนิ่งของเขา ในตอนนี้เขามองมาที่ชิงสุ่ยด้วยความระมัดระวัง-บางนี้อาจจะเป็นการต่อสู้ที่เขาต้องดิ้นรนมากที่สุดในชีวิต

 

กลับกันเลิงหมิงรู้สึกเสียใจในตอนนี้ เขาเชื่อแล้วว่าชิงสุ่ยในอยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ปีกสายฟ้าอันมหึมาของเขานั้นแผ่สยายออกไปและกลิ่นอายที่มันปลดปล่อยออกมาก็ทรงพลังยิ่งขึ้น

 

ชิงสุ่ยยิ้มขึ้นพร้อมกับกําง้าวทองทะลวงศัตรูในมือเอาไว้แน่นและส่งเคล็ดวิชาล่าสังหารไปยังเลิงหมิง ซึ่งทําให้ความเร็วของเขาลดลงไปกว่า 30% ทันที

 

เคล็ดวิชาล่าสังหารนั้นถือเป็นเคล็ดวิชาหลักของชิงสุ่ยอยู่เสมอและรวมไปถึงปราณจักรพรรดิด้วยเช่นกัน ทั้ง 2 เคล็ดวิชานี้สามารถเข้าขากันได้อย่างลงตัว

 

ความบ้าคลั่งของเลิงหมิงเพิ่มมากขึ้นเพราะเคล็ดวิชาล่าสังหารของชิงสุ่ย -ความเร็วที่ ลดลงไปกว่า 30% นั้นถือว่ามากเกินกว่าที่เขาจะรับได้ ความตื่นตระหนกปรากฏขึ้นภายนในดวงตาที่ดุดันของเลิงหมิง

 

พลาดครั้งเดียวก็อาจส่งผลถึงความตาย ผู้สืบทอดแห่งเทพอสูรอินทรีย์อัสนี้นั้นมีความเร็วที่น่าสะพรึงกลัวแม้ว่ามันจะถูกลดลงไปในตอนนี้แต่มันก็ยังถือเป็นไพ่ตายของเลิงหมิง

 

ทะยานฟ้า!

 

ในตอนนี้ความเร็วของเลิงหมิงนั้นเพิ่มขึ้นอีก 30% และทําให้ผลของเคล็ดวิชาล่าสังหารนั้นหายไป ตั้งแต่เริ่มการต่อสู้จนถึงตอนนี้เลิงหมิงยังไม่ได้ใช้เคล็ดวิชาจากพลังที่เขาได้สืบทอดมาเลย

 

ดวงตาของชิงสุ่ยเปล่งประกายขึ้นทันที ผู้สืบทอดแห่งเทพอสูรอินทรีย์อัสนี้ต้องทรงพลังอย่างแน่นอน ด้วยความเร็วที่ถือเป็นขุมพลังหลักรวมถึงเคล็ดวิชาที่สามารถเพิ่มความเร็วขึ้นได้อีกย่อม สามารถกําจัดศัตรูได้อย่างง่ายดาย ด้วยความเร็วที่เหนือกว่าเทพอสูรอินทรีย์อัสนีย่อมได้รับชัยชนะจากทุกๆสงครามของเขาอย่างแน่นอน

 

เมื่อเห็นศัตรูกลับมาเป็นปกติเขาก็เริ่มใช้กฏแห่งพระราชวังเก้าเทวาออกมา

 

หลังจากนั้นชิงสุ่ยก็พุ่งเข้าไปหาเลิงหมิงง้าวทองทะลวงศัตรูในมือของเขาแทงออกไปอย่างเต็มกําลัง ทักษะ 9 รากฐานบรรพกาลศึกนั้นสามารถทําลายทุกสิ่งที่ขวางหน้าและประยุกต์ใช้ได้อย่างหลากหลาย ชิงสุ่ยใช้พลังทั้งหมดของเขาโจมตีไปที่เลิงหมิง

 

จากการโจมตีก่อนหน้านี้ทําให้ชิงสุ่ยตระหนักได้ถึงพลังขอเลิงหมิง ในเวลาสั้นๆนี้เขาไม่มีทางเจาะทะลวงการป้องกันของชิงสุ่ยได้และชิงสุ่ยไม่มีทางเทียบกับเลิงหมิงในด้านความเร็วได้ เช่นกัน ทําให้เขารู้สึกว่าจะจัดการกับเลิงหมิงได้นั้นยาก

 

ปีกขนาดใหญ่ของเขานั้นพริ้วไหวไปมาทําให้ความเร็วของเขานั้นเพิ่มขึ้นในทันที กระบี่อัสนีคลั่งในมือของเขานั้นก็เปล่งประกายสีม่วงออกมา

 

เขาหลบการโจมตีของชิงสุ่ยที่ทรงพลังมากพอจนสามารถแยกสวรรค์และโลกออกจากกันได้ ปีกสายฟ้าของเลิงหมิงในตอนนี้ยิงลําแสงออกไปที่อสรพิษอัสนี้คลั่ง

 

จากนั้นอสรพิษอัสนีคลั่งที่ยาวกว่า 10 เมตรก็พุ่งตรงเข้ามาหาชิงสุ่ย ความเร็วของมันนั้นมากยิ่งกว่าเลิงหมิงเป็นร้อยเท่า ชิงสุ่ยตกตะลึงไปในทันทีพร้อมกับเรียกหุบเขา 9 เทวาออกมาตามสัญชาตญาณ

 

ฟ่อ ฟ่อ…

 

หุบเขา 9 เทวาถูกล้อมรอบไปด้วยสายฟ้าสีม่วงในตอนนี้แต่เขาก็ยังสามารถสั่งการมันได้ หุบเขา 9 เทวากระเด็นไปเพราะแรงปะทะครั้งใหญ่ จากนั้นอสรพิษอัสนีคลั่งก็เริ่มโจมตีเข้ามาอย่างบ้าคลั่งพร้อมกับเลิงหมิงที่ใช้พลังทั้งหมดของเขาโจมตีเข้ามาด้วยเช่นกัน

 

กระบี่อัสนี้คลั่งนั้นปลดปล่อยสายฟ้าพุ่งเข้ามาโจมตีชิงสุ่ยเป็นระยะหลายสิบเมตร การเคลื่อนไหวของเลิงหมิงในตอนนี้ราวกับวิหคสายฟ้าที่กําลังโฉบเข้ามาหาศัตรู

 

ทั่วท้องฟ้าเต็มไปด้วยสายฟ้าสีม่วงในขณะที่ชิงสุ่ยอยู่ภายในตําแหน่ง 9 เทวาของเขา ที่อยู่ท่ามกลางสายฟ้าที่ปกคลุมไปทั่ว ทุกๆการโจมตีของง้าวทองทะลวงศัตรูของเขาจะปะทะเข้ากับกระบี่อัสนีคลั่ง

 

พลังของพวกเขาปะทะกันและสลายไป แต่ชิงสุ่ยนั้นมีพลังที่มากกว่าและเขายังมีไพ่ตายที่ซ่อนเอาไว้อยู่เช่นกัน แต่เลิงหมิงนั้นไม่แน่ใจว่าเขายังมีไพ่ตายอยู่อีกหรือไม่ แต่ภายใต้กฎแห่งพระราชวังเก้าเทวานี้เขาทําให้เขาอ่อนแรงลงไปเรื่อยๆ

 

อสรพิษอัสนีคลั่ง กระบี่อัสนีจันทร์เสี้ยว!

 

เลิงหมิงโจมตีเข้ามาอย่างไม่หยุดยั้ง ในทางกลับกันชิงสุ่ยนั่นเหมือนกับขุนเขาที่ไม่ขยับเขยื้อนไปไหน เขาสามารถควบคุมพลังของตนเองได้อย่างชํานาญ ยิ่งการต่อสู้ดําเนินต่อไปมากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งได้เปรียบมากขึ้นเท่านั้น หากเขาสามารถอดทนรอต่อไปได้ชัยชนะก็จะตกเป็นของเขา

 

ดังนั้นชิงสุ่ยจึงไม่ได้รีบร้อนที่จะโจมตีและใช้กฏแห่งพระราชวังเก้าเทวาทําให้ศัตรูอ่อนแรงลงไปเอง ตอนนี้เวลาที่ผ่านมาประมาณ 1 ก้านธูปแล้วและการโจมตีที่ผ่านๆมาก็ไม่อาจทําอะไรชิงสุ่ยได้ แม้แต่อสรพิษอัสนีคลั่งก็ถูกหุบเขา 9 เทวาสกัดกั้นเอาไว้นับครั้งไม่ถ้วน ทําให้เลิงหมิงรู้สึกผิดหวังอย่างยิ่ง

 

วิหคอัสนี้!

 

ด้านบนของเลิงหมิง มีวิหคอัสนีขนาดยักษ์ปรากฏตัวขึ้น มันเป็นสัตว์อสูรที่เต็มไปด้วยสายฟ้า ล้อมรอบ ปีกแต่ละข้างของมันนั้นยาวกว่า 500 เมตร พลังสายฟ้าภายในร่างกายผมมันนั้นรุนแรง และดุดันราวกับดวงตะวันที่พร้อมจะระเบิดได้ตลอดเวลา

 

“เจ้าควรระวังให้ดีในตอนนี้”

 

อสรพิษอัสนีคลั่ง!

 

อสรพิษอัสนีคลั่งพุ่งเข้ามาหาชิงสุ่ยอีกครั้งในตอนนี้ เขารู้ว่าศัตรูของตนเองต้องการทําอะไร และเรียกสัตว์อสูรของตนเองออกมาเพื่อป้องกันอย่างรวดเร็ว

 

ดูดซึม!

 

อสูรอัสนีคลั่งนั้นเป็นสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์ธาตุไฟฟ้าแต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะสามารถต้านทานการโจมตีธาตุไฟฟ้าได้ทั้งหมด อสรพิษอัสนีคลั่งของเลิงหมิงก็ด้วยเช่นกัน

 

ในตอนนี้เลิงหมิงและวิหคอัสนีก็เริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง ชิงสุ่ยสั่งให้หุบเขา 9 เทวาเข้าไปปะทะกับเลิงหมิงพร้อมกับเรียกอสูรสยบมังกรออกมาโจมตีวิหคอัสนี

 

าคามวิหคอัสนี้ก็ปลดปล่อยพลังสายฟ้าออกมารอบๆตัวของมันอย่างน่าสะพรึงกลัว สิ่งที่ได้เห็นนี้ทําให้ทุกๆคนต้องขนลุก

 

เมื่อเทียบกับอสูรอัสนีคลั่ง วิหคอัสนี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าเลย พวกมันต่างก็เป็นสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์ อสูรอัสนีคลั่งนั้นสามารถควบคุมการต่อสู้ได้ดีกว่า ในขณะที่วิหคอัสนีนั้นมีพลังที่มากกว่า

 

อัสนีตรึงวิญญาณ!

 

วิหคอัสนีกระพือปีกของมันพร้อมกับปลดปล่อยสายฟ้าออกไปราวกับมังกรสายฟ้าไปยังชิงสุ่ย มันปลดปล่อยออกมาหลายสิบเส้นและแต่ละเส้นนั้นก็ดูทรงพลังอย่างยิ่ง

 

ชิงสุ่ยนั้นแข็งแกร่งแต่เขาก็ไม่อยากที่จะเอาตัวเองไปเสี่ยง เขาใช้เคล็ดวิชาล่าสังหารและปราณจักรพรรดิไปที่วิหคอัสนีทันที

 

ชิงสุ่ยและอสูรสยบมังกรต่างก็เคลื่อนไหวได้อย่างคล่องแคล่วว่องไวและยังมีย่างก้าวเก้าเทวา ตอนนี้ความเร็วของวิหคอัสนีนั้นลดลงไปอย่างเห็นได้ชัด

 

ชิงสุ่ยนั้นเป็นห่วงอสูรอัสนีคลั่งจึงตัดสินใจสั่งให้มันอยู่ข้างๆเขาเอาไว้ ในท้ายที่สุดแล้วชิงสุ่ยก็ใช้ปราณจักรพรรดิกับเลิงหมิงด้วยเช่นกัน

 

ปราณจักรพรรดินั้นลดพลังทั้งหมดของเลิงหมิงลงไปได้ถึง 20% และทําให้เขารู้สึกได้ว่า พลังของตนเองนั้นลดลงไปจนน่าหวาดวิตก ในตอนนี้ชิงสุ่ยใช้เคล็ดพลังศักดิ์สิทธิ์กลั่นหลอมเบญจ ธาตุเพื่อโจมตีวิหคอัสนีพร้อมกับอสูรอัสนีคลั่ง ทําให้วิหคอัสนี้ต้องอยู่ในจุดวิกฤติ

 

แม้ว่าเลิงหมิงก็รู้ตัวดีว่าสถานการณ์ในตอนนี้เริ่มแย่ลงสําหรับเขาในทุกๆวินาทีที่ผ่านมา นอกจากนั้นเขายังรู้สึกได้ว่าตนเองเริ่มอ่อนแอลงไปเรื่อยๆ การโจมตีของชิงสุ่ยกี่ทรงพลังมากยิ่งขึ้น ราวกับว่าการต่อสู้ครั้งนี้ทําให้พลังของเขาถดถอยลงไปเรื่อยๆ

 

ชิงสุ่ยไม่ได้เรียกสัตว์อสูรใดๆของเขาออกมาอีก เขาเลือกที่จะปิดบังพลังของตนเองเอาไว้ให้ได้ มากที่สุดเพื่อความปลอดภัยของตนเอง

 

แต่มันก็ยังมีเส้นบางๆที่กั้นระหว่างปกปิดเพื่อความปลอดภัยหรืออาจจะถูกสังหารเพราะความประมาท ดังนั้นภายใต้สถาการณ์แบบนี้สิ่งที่ดีที่สุดคือการใช้พลังของตนเองให้เต็มที่เพื่อที่จะได้ไม่ต้องมาเสียใจภายหลัง

 

อัสนีจู่โจม!

 

อสูรอัสนีคลั่งใช้อัสนีจู่โจมไปที่วิหคอัสนี้ในทันที ชิงสุ่ยพุ่งเข้าไปหาศัตรูพร้อมกับง้าวทองทะลวงศัตรูและเล็งไปที่จุดสําคัญ

 

ก๊าชชช!

 

วิหคอัสนี้ร้องเสียงแหลมออกมาทันที ปีกของมันกระพืออย่างรุนแรงและมันพยายามผลักให้เลิงหมิงออกไปจากการโจมตีของชิงสุ่ย

 

เพื่อปกป้องเลิงหมิงวิหคอัสนี้จึงเสียสละตนเอง ในตอนนี้อสูรสยบมังกรคว้าโอกาสนี้และพุ่งเข้าหาหัวใจของศัตรูด้วยความเร็วแสง

 

การโจมตีของอสูรสยบมังกรนั้นรุนแรงและแม่นยําอยู่เสมอ

 

ฝุบ!

 

อสูรสยบมังกรนั้นมีขนาดเท่ากับอูฐตัวใหญ่แต่ร่างกายของมันแข็งแกร่งราวกับเพชร มันทะลุหน้าอกของวิหคอัสนี้เข้าไปทันทีเพื่อทะลวงเข้าไปยังหัวใจ

 

แต่ด้วยสายฟ้าที่อยู่รอบตัวของวิหคอัสนี้ทําให้อสูรสยบมังกรกระเด็นกลับไป ทิ้งไว้เพียงรูขนาดใหญ่บนร่างกายเท่านั้นแต่นี่ก็ถือเป็นการบาดเจ็บอย่างรุนแรง

 

บริเวณหัวใจนั้นถือเป็นจุดอ่อนที่สําคัญ หลังจากการโจมตีครั้งนี้พลังของวิหคอัสนีก็ลดลงไปมากกว่าครึ่ง เมื่อรวมกับพลังที่ถูกลดลงไปก่อนหน้านี้ทําให้ตอนนี้มันไม่ถือเป็นภัยคุกคามต่อชิงสุ่ยในการต่อสู้ครั้งนี้อีกต่อไป

 

เลิงหมิงรู้สึกเจ็บปวดใจทันทีเมื่อได้เห็นวิหคอัสนีของเขาและรู้ดีว่าตอนนี้เขาไม่อาจต่อกรกับชิงสุ่ยได้อีกต่อไป เขาควรที่จะยอมรับความพ่ายแพ้ แต่การทําเช่นนั้นจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อตระกูลของเขาและผลที่ตามก้สําคัญมากด้วยเช่นกัน มันอาจทําลายหนทางการฝึกยุทธของเขาไปตลอดกาล

 

แต่หากเขาสู้ต่อไปก็ต้องเสี่ยงชีวิตทั้งตัวเขาและวิหคอัสนี แต่ถ้าหากเขาชนะอนาคตที่สดใสก็รออยู่ปลายทางชัยชนะในวันนี้อาจทําลายทัณฑ์สวรรค์พินาศที่เขาต้องเผชิญได้ เขาไม่รู้ว่าจะทําเช่นไรดีในตอนนี้

 

แม้ว่าเขาจะยอมแพ้เขาก็ยังคงสามารถฝึกยุทธต่อไปได้แต่เขาก็จะข้าวผ่านไปยังระดับพลังปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้ไปตลอดชีวิตนี้ แต่โอกาสที่เขาจะชนะนั้นก็น้อยนิด

 

เมื่อเขาตกอยู่ในภวังค์เช่นนี้ ชิงสุ่ยก็พุ่งออกไปหาวิหคอัสนี้พร้อมกับอสูรสยบมังกร เลิงหมิงได้ สติกลับมาทันที หากวิหคอัสนีตายไปจากนั้นเขาก็จะพ่ายแพ้อย่างไม่สงสัย ตอนนี้เขาไม่มีทางเลือกแล้ว

 

“หยุด! ข้าขอยอมแพ้!” เลิงหมิงตะโกนออกมา

 

วิหคอัสนีนั้นสําคัญสําหรับเขาอย่างยิ่ง

 

ชิงสุ่ยยิ้มมุมปากแต่ที่เลิงหมิงตะโกนออกมานั้นทําให้เขารู้สึกไม่สบายใจ เพราะว่าเขายั้งมือได้ ทันแต่อสูรสยบมังกรนั้นพุ่งทะลวงเข้าไปยังบาดแผลเดิมของวิหคอัสนี้อีกครั้ง

 

แม้ว่าวิหคอัสนี้จะมีร่างกายที่ใหญ่โต มันก็ไม่อาจทนรับการโจมตีครั้งนี้ได้ มันกู่ร้องออกมาอย่างเจ็บปวด วิหคอัสนี้นั้นทรงพลังแต่ก็ไม่อาจทนต่อการโจมตีของอสูรสยบมังกรได้ ยิ่งไปกว่านั้น นี่เป็นการโจมตีซ้ําแผลเดิม

 

วิหคอัสนีร่วงหล่นลงมา ไม่รู้ว่ามันเป็นหรือตายในตอนนี้ ชิงสุ่ยและอสูรสยบมังกรดูผ่อนคลาย ลงเมื่อสามารถกําจัดวิหคอัสนีออกไปได้แต่ชิงสุ่ยรู้ถึงความน่ากลัวเมื่อเลิงหมิงและวิหคอัสนีนั้นประสานงานกันดี หากร่างกายของเขาไม่ได้แข็งแกร่งรวมถึงไม่มีหุบเขา 9 เทวาที่ช่วยป้องกันและสัตว์อสูรทั้ง 2 ตัวของเขา ชิงสุ่ยคิดว่าเขาคงเอาชนะได้ยากลําบากกว่านี้แน่นอน

 

เลิงหมิงกรีดร้องออกมาทันทีหลังจากที่ได้เห็น ดวงตาของเขาเป็นสีแดง…เมื่อเขาจ้องมองมาที่ชิงสุ่ยหมายจะเข้ามาต่อสู้แลกชีวิต แต่ในตอนนี้ก็มีเสียงดังขึ้นมา

 

“กลับมา แค่นี้เจ้ายังอับอายไม่พอหรือ?”

 

เสียงนี้ไม่ได้ดังมากนักแต่ก็ดังก้องไปถึงกัวใจของเขา ท่าทีที่โกรธเกรี้ยวของเลิงหมิงหายไปในทันที สีหน้าของเขาขาวซีดไปในทันที ในตอนนี้เลิงหมิงดูราวกับสูญเสียจิตวิญญาณ ของตนเองไปครึ่งหนึ่ง