ตอนที่ 771 ราษฎรก่อความวุ่นวาย / ตอนที่ 772 จดหมายโลหิตของพสกนิกร

เล่ห์ร้ายโฉมสะคราญ

ตอนที่ 771 ราษฎรก่อความวุ่นวาย

 

 

“ใต้เท้าซูเปรียบเสมือนพระโพธิสัตว์จุติลงบนโลกมนุษย์ เป็นเซียนตัวเป็นๆ ที่อยู่บนโลก ข้าสามารถหนีรอดจากความตายหลายต่อหลายครั้งล้วนเป็นใต้เท้าซูช่วยชีวิตเอาไว้… ทว่าบัดนี้กลับมีคนต้องการสังหารใต้เท้าซู ในใต้หล้านี้ยังมีความยุติธรรมความเข้มงวดอะไรอีกหรือ”

 

 

“ทุกท่าน ไม่ใช่ข้าต้องการเล่นลูกไม้อะไร ยามที่เกิดโรคระบาด มีศพตายเกลื่อนกลาดไปหมด ยามที่มีอุทกภัย มีหลายคนต้องพลัดพรากจากบ้านเกิดเมืองนอน อาหารก็ขาดแคลนกินไม่อิ่ม! เพียงแค่สองเรื่องนี้ ก็มีชาวบ้านประสบภัยนับหลายแสนคนแล้ว หากไม่มีใต้เท้าซูหลี นี่คงจะเกิดความเสียหายครั้งยิ่งใหญ่!”

 

 

“ชีวิตของข้านี้คงจะอยู่บนโลกนี้ได้ไม่นานนัก ข้านั้นมาจากเขตเจียงซีเพื่ออยากจะตอบแทนบุญคุณใต้เท้าซู ใครจะรู้ว่าเพิ่งจะเข้ามาในเมืองหลวง กลับได้ยินข่าวร้ายเช่นนี้”

 

 

“นี่หากใต้เท้าซูตายแล้ว ข้าก็อย่ามีชีวิตอยู่ต่อไปอีกเลย! ข้าจะนำบุตรและบุตรีของข้าตายไปพร้อมกับใต้เท้าซู! นี่ถึงจะถือว่าบุญคุณจากใต้เท้าซูที่ชีวิตนี้ของข้าได้รับ!”

 

 

 

 

ภายในครอบครัวหนึ่ง มีหัวหน้าครอบครัวคนหนึ่งที่ช่างพูดช่างจา ราษฎรโดยรอบหลังจากได้ยินคำพูดของเขาแล้ว สีหน้าต่างก็แปรเปลี่ยนไปทันที

 

 

จากนั้นคนที่ฝูงชนต่างพากันลุกขึ้นพูดว่า ตนก็ได้รับเมตตาจากซูหลี พอดีมีคนหนึ่งพูดก็มีคนต่อมา ภายในช่วงเวลาหนึ่งมีคนจำนวนมากกว่าครึ่งล้วนกล่าวว่า เคยได้รับความเมตตาจากซูหลี

 

 

เหตุการณ์อุทกภัยในครานี้ เมืองหลวงก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน

 

 

แต่เป็นเพราะทางนี้จัดการปัญหานี้ได้ทัน จึงไม่ได้รับความเสียหายร้ายแรงเท่ากับทางซานซี

 

 

แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น ก็ไม่อาจทำเหมือนว่า ช่วงเวลานั้นไม่ได้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นมิปาน!

 

 

คำพูดของหัวหน้าครอบครัวคนนี้เพียงไม่กี่ประโยคก็สามารถทำให้ทุกคนสั่นไหวได้ กว่าผู้ว่าการจะมาถึง…สถานการณ์ก็ไม่อาจควบคุมได้แล้ว

 

 

ราษฎรที่ฮึกเหิมเหล่านั้น ถึงขั้นหาปัญญาชนอาวุโสเพื่อเขียนหนังสือคำร้องของราษฎรนับหมื่นพร้อมกับครอบครัวนี้

 

 

เรื่องนี้ทำให้ผู้ว่าการตกใจเป็นอย่างมาก เขาไม่กล้าล่าช้าและรีบเปลี่ยนชุดขุนนางรีบเดินทางเข้าวังทันที

 

 

ค่ำคืนนี้ เหล่าขุนนางอาวุโสที่มีตำแหน่งสูงต่างถูกเรียกให้เข้าเฝ้า

 

 

ทว่าครานี้เพราะว่ามีขุนนางที่หัวโบราณคร่ำครึอยู่ภายในนั้นด้วย เมื่อเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นก็ไม่ยินยอมที่ปล่อยเรื่องนี้ไป โดยเฉพาะเซียวเก๋อเหล่า ขุนนางอาวุโสที่เป็นหัวหน้าคณะเสนาบดีอาวุโส ไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็ไม่ยินยอมปล่อยซูหลีไป

 

 

หลังจากปรึกษาหารืออยู่นานก็ยังไม่ได้ผลลัพธ์อะไร จึงทำได้เพียงปล่อยเรื่องนี้ไป

 

 

ใครจะรู้ว่า…

 

 

นี่แค่สองวันแรกกลับมีคนจากเจียงซีจำนวนมาก คนเหล่านี้ล้วนเป็นชาวบ้านที่ประสบอุทกภัยที่เจียงซี

 

 

อีกทั้งล้วนไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดา

 

 

มีผู้ใหญ่บ้าน และข้าราชการในชนบท คหบดีผู้ทรงอิทธิพล มีแม้กระทั่งพ่อค้าที่มีชื่อเสียงในเจียงซี

 

 

คนเหล่านี้มาชุมนุมกัน ต่างคนต่างมีอานุภาพเกรียงไกร คนกลุ่มนี้ได้นำคนที่ถูกล้างสมองโดยครอบครัวสี่คน คนจำนวนมากต่างคุกเข่าที่หน้าประตูวังหลวงเพื่อร้องทุกข์แทนซูหลี!

 

 

ราชวงศ์ต้าโจวสถาปนามายาวนานหลายปี นี่เป็นครั้งแรกที่เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น

 

 

ราษฎรขอร้องชีวิตแทนขุนนางคนหนึ่งด้วยตนเอง คนนับหมื่นปรากฏตัวที่ประตูวังหลวง จนกระทั่งต้องเรียกกองบัญชาการปัญจทิศรักษานครมาจัดการ ถึงจะสามารถปราบปรามคนเหล่านี้ไว้ได้

 

 

จะว่าวุ่นวายก็ไม่ถึงกับวุ่นวาย ทว่าคนเหล่านี้ไม่ยอมกลับไป

 

 

ต่างพากันคุกเข่าที่หน้าประตูวัง

 

 

ในยามที่พระอาทิตย์สาดส่องอย่างร้อนแรง มีบุตรของคนที่คุกเข่าบางคนถึงกับเป็นลมพับไป

 

 

คนของกองบัญชาการปัญจทิศรักษานครถึงกับยุ่งจนหัวหมุน ทั้งต้องเรียกหมอยามาและต้องหาหยูกยา

 

 

เพียงชั่วพริบตาเดียวหน้าประตูเมืองที่น่าเกรงขาม กลับชุลมุนวุ่นวายประหนึ่งตลาดสดมิปาน

 

 

นี่ยังไม่นับเป็นอะไร

 

 

วันแรกคุกเข่าแล้วก็ยังไม่สำเร็จ วันที่สองมีคนพูดว่าเขียนจดหมายด้วยโลหิตของคนนับหมื่น

 

 

ทันทีที่ได้ยินคำพูด ผู้ว่าการแทบจะคุกเข่าให้กับคนกลุ่มนี้!

 

 

จดหมายโลหิตคืออะไรกัน!?

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 772 จดหมายโลหิตของพสกนิกร

 

 

นี่เป็นสิ่งสามารถเขียนตามใจชอบได้หรือ

 

 

จดหมายโลหิตนี้เขียนขึ้นมาแล้ว เช่นนั้นชื่อเสียงวีรชนอันดับหนึ่งของฮ่องเต้ยังต้องการอีกหรือไม่

 

 

แม้แต่ขุนนางทั้งราชสำนัก หลังจากได้รับจดหมายโลหิตของพสกนิกรฉบับนี้แล้ว เกรงว่าคงจะถูกคนทั้งใต้หล้าถ่มน้ำลายใส่!

 

 

อีกทั้งสถานการณ์ในปัจจุบันนับวันยิ่งรุนแรงมากกว่าเดิม อีกเพียงนิดเดียวก็จะถึงขั้นที่ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว เหล่าขุนนางอาวุโสที่พากันปฏิเสธไม่ยอมปล่อยซูหลีก็เริ่มนั่งไม่ติดกันแล้ว!

 

 

แต่ละคนต่างพากันเข้าวัง และเปลี่ยนเป็นขอความเมตตาให้กับซูหลีแทน

 

 

“ปล่อยใต้เท้าซูเสียเถิด!”

 

 

“ใต้เท้าซูไม่มีความผิด! ใต้เท้าซูไม่มีความผิด!

 

 

หวงเผยซานยืนอยู่ด้านนอกของห้องทรงอักษร พลันได้ยินคำขวัญที่แต่ละคนต่างพูดพร่ำกันไม่หยุดดังมาจากด้านนอก ใบหน้าเขาถึงกับกระตุกทันที

 

 

ใต้เท้าซูผู้นี้ช่างเป็นที่หนึ่งในใต้หล้าโดยแท้ ไม่มีเคยมีขุนนางคนไหนที่ถูกกุมขังแล้ว จะสามารถสร้างการเคลื่อนไหวที่วุ่นวายได้ขนาดนี้

 

 

บริเวณนี้ห้องทรงอักษรตั้งอยู่นั้นนับว่าอยู่ไกลมากแล้ว ทว่าก็ยังสามารถได้ยินเสียงราษฎรที่ร้องโหวกเหวกโวยวาย

 

 

ล้อเล่นน่า ด้านหน้ามีคนมากมายถึงขนาดนั้นเชียวหรือ!

 

 

หากทุกคนถ่มน้ำลายออกมา ก็คงสามารถทำให้หวงเผยซานจมหายไปได้

 

 

“ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ! กระหม่อมอยากจะขอร้องฝ่าบาททรงทำตามคำประสงค์ของราษฎร ปล่อยใต้เท้าซูด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”

 

 

“ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าคงจะยากที่จะควบคุมสถานการณ์นี้ได้พ่ะย่ะค่ะ”

 

 

“ฝ่าบาท…”

 

 

เมื่อได้ยินเสียงที่ดังภายในห้องทรงอักษร หวงเผยซานอดที่จะส่งเสียงฮึดฮัดเบาๆ มิได้

 

 

คนเหล่านี้นั้นอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ก่อนหน้านี้ยังคุกเข่าที่นี่แล้วเอ่ยว่า อย่างไรก็ไม่อาจปล่อยให้สตรีผู้นี้ทำลายราชสำนัก!

 

 

แล้วดูสิ ยังไม่ถึงสามวันก็ยอมแพ้อย่างจนตรอกเช่นนี้หรือ

 

 

ช่างไม่ควรค่าแม้แต่จะชายตามองโดยแท้!

 

 

“ได้โปรดฝ่าบาททรงปล่อยใต้เท้าซูเถิดพ่ะย่ะค่ะ!” หลังจากได้ยินเสียงร้องขอความเมตตาภายในห้องทรงอักษร หวงเผยซานก็เริ่มคิดคำนวณอยู่ในใจ

 

 

ใต้เท้าซูผู้นี้ช่างมิใช่คนสามัญดาษดื่นโดยแท้ รอนางออกมาจากคุกหลวง อย่างไรเขาก็ต้องหาของกำนัลส่งให้ใต้เท้าซูแล้ว จักต้องทำให้ใต้เท้าซูมีความสุขถึงจะดี

 

 

“หวงเผยซาน!” ในขณะจิตใจกำลังครุ่นคิดเพ้อฝันอยู่ จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงเยียบเย็นของฉินเย่หานดังมาจากภายใน

 

 

หวงเผยซานถึงกับสะดุ้งโหยง จากนั้นรีบโยนความคิดสะเปะสะปะทุกอย่างทิ้งไป แล้วรีบหมุนกายเดินเข้าไปในห้องทรงอักษร

 

 

 

 

หอสุยอวิ๋นที่อยู่ใกล้กับวังหลวงที่สุด มีแขกแน่นขนัดเต็มชั้นสอง

 

 

หน้าต่างที่หันทางไปถนนถูกเปิดออกทุกบาน จากตรงนี้มองไปด้านนอกสามารถมองเห็นภาพความครึกครื้นที่นอกประตูวังหลวง

 

 

“นายท่าน วิธีของซูหลีนี้ช่างเก่งกาจนัก!” เฉิงซูที่จ้องมองอยู่ข้างหน้าต่างเป็นเวลานาน หันศีรษะกลับด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความซับซ้อน แล้วเอ่ยกับฉินมู่ปิงด้วยเสียงแผ่วเบา

 

 

อากาศภายนอกนั้นเป็นช่วงคิมหันตฤดูที่ร้อนที่สุด ภายในห้องรับรองเเขกของหอสุยอวิ๋นจึงมีภูเขาน้ำแข็งวางไว้ทั่วทั้งสี่มุมห้อง ทำให้รู้สึกเย็นสบายมาก

 

 

ทว่าเฉิงซูที่เห็นภาพเหตุการณ์ด้านล่างกลับรู้สึกหัวร้อนไปหมด คล้ายกับกำลังตื่นเต้นและคล้อยตามเหล่าประชาราษฎร์ก็มิปาน

 

 

“คนของสกุลป๋าย ทำลายเรื่องเหล่านั้นหมดแล้ว!”

 

 

เฉิงซูเงยหน้าขึ้นก็พบกับสายตาที่เย็นชาเกินจะเปรียบของนายท่านของตน

 

 

หัวใจเขารู้สึกสั่นสะท้าน

 

 

“เรื่องนี้ยังจำเป็นต้องสังเกตการณ์ต่อไปหรือไม่ขอรับ” เฉิงซูก้มศีรษะลงและไม่กล้าพูดอะไรออกมา

 

 

“ไม่จำเป็นแล้ว!” ฉินมู่ปิงโบกมืออย่างรำคาญใจ

 

 

สกุลป๋ายที่ช่างโง่เขลาทั้งสกุล พวกนั้นไม่คิดจะหารือกับเขา และได้กระทำเรื่องนี้ออกมา

 

 

บัดนี้พวกเขาเปิดโปงตัวตนที่เป็นสตรีของซูหลี

 

 

ซ้ำไปการกระตุ้นให้ราษฎรร้องขอความเมตตาให้กับนาง อาศัยแค่เรื่องเหล่านี้ต่อไปชื่อเสียงของซูหลีก็คงถูกบันทึกในตำราประวัติศาสตร์แน่แท้

 

 

คนของสกุลป๋ายยังคิดว่าจะทำอย่างไรให้ฝ่าบาททรงสังหารซูหลี ทว่าเขากลับหาทางออกให้ซูหลีอย่างเสร็จสรรพแล้ว!