ตอนที่ 969 กระจกของฉันที่ถูกขโมยไป

เนตรเซียนทะลุสมบัติ

ตอนที่ 969 กระจกของฉันที่ถูกขโมยไป

 

เสวียนจงมองหน้าพ่อหยาง และตอบรับด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา ” ตกลง ! ”

  

พ่อหยางอึ้งไปครู่หนึ่ง เพราะเขาไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะตอบตกลง เขาอดหัวเราะไม่ได้ “ ถ้างั้นก็ดี

  

ผมจะรีบเขียนให้คุณเดี๋ยวนี้เลย ! ”

  

พ่อหยางเขียนที่อยู่ของหยางโป ร่วมทั้งที่อยู่บริษัทของหยางโปส่งให้เสวียนจงอีกครั้ง

  

เมื่อเสวียนจงก้มหน้าตรวจสอบและโทรบอกคนโอนเงินสองแสนหยวนให้พ่อหยางอีกครั้ง

  

จากนั้นเขาก็จ้องหน้าพ่อหยาง และเตือนไปว่า ” ถ้าผมรู้ว่าที่อยู่ของคุณมีปัญหา ผมไม่ปล่อยคุณไปแน่ ! ”

  

โจวซินแสดงอาการฮึดฮัดไม่พอใจ แต่ยังคงยืนถือหนังสือสามเล่มและกระบี่ไม้ท้อลุกขึ้น และเดินออกไป

  

เมื่อเดินออกจากห้องมา โจวซินก็หันไปมองเสวียนจง ” อย่าปล่อยพวกมันไปง่ายๆเชียวนะ

  

คิดไม่ถึงเลยว่าจะกล้าโกหกพวกเราแบบนี้ สมควรตายจริงๆ ! ”

  

เสวียนจงหันมาเหลือบมองโจวซิน และขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย ” ผมคิดว่าเราควรเคลียร์ปัญหาของ

  

หยางโปกันก่อน ! ”

  

โจวซินชะงักไปครู่หนึ่งแล้วแสดงอาการฮึดฮัด แน่นอนเขารู้ถึงความหวาดระแวงและใจร้อนของเสวียนจงดี ขั้นวรยุทธของหยางโปก็แค่อยู่ในช่วงปลายของหยิ่นชี่จิง สูงกว่าเขาไปขั้นหนึ่งก็เท่านั้น แต่สำหรับเสวียนจงแล้ว กลับไม่มีทางที่จะรับมือกับมันได้ เขากลัวจะไปสร้างความรำคาญใจให้

  

หยางโป และถูกแก้แค้นเอา !

  

โจวซินเสียโง่จึงรู้สึกโกรธมาก แต่กลับไม่สามารถระบายออกมาได้ เขาอดไม่ได้ที่จะพูดออกมาอย่างโกรธเคือง ” รอผมตามหาตัวหยางโปพบก่อน ผมจะต้องทวงคืนความยุติธรรมให้ได้ ! ”

  

เสวียนจงชายตามองไปที่โจวซิน ” คุณแน่ใจใช่ไหมว่าหยางโปได้รับโอกาสและโชคชะตาครั้งนี้ไปจริงๆ ? ”

  

โจวซินพยักหน้า ” ใช่ เขานั่นแหละ ในเวลานั้น มีเพียงพวกเราสามคนอยู่ที่ทะเลสาบ ทั้งคุณและผมต่างก็ไม่ใช่ งั้นมันก็ต้องเป็นเขาแน่นอน ! ”

  

เสวียนจงขมวดคิ้ว “ ที่คุณพูดถึงโอกาสและโชคชะตามันคืออะไรกันแน่ ? แล้วจะยืนยันได้ยังไงว่าเขาได้รับโอกาสและโชคชะตาไป ”

  

โจวซินส่ายหัว “ ผมก็ไม่ค่อยแน่ใจ แต่ถ้าเขาได้รับโอกาสและโชคชะตาไป พวกเราก็จะรู้เองอย่างแน่นอน ! ”

  

เมื่อเสวียนจงเห็นโจวซินไม่ยอมที่จะเอ่ยออกมา เขาก็ไม่ได้ถามมาก เขาเลือกได้เพียงเชื่อในตัว

 

โจวซินเท่านั้น เมื่อครั้งก่อน เขาเคยวางแผนให้โจวซินไปเล่นการพนัน คิดที่จะถือเอาโอกาสนี้มาบีบบังคับโจวซิน แต่คิดไม่ถึงว่าโจวซินจะลากหยางโปเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ทำให้ความคิดที่เขาจะมาขอความช่วยเหลือจากตัวเองหายไป

  

ตอนนี้เขาจึงไม่กล้าที่จะทำเป็นอวดฉลาดอีกต่อไป เพราะแผนการเล็กๆเหล่านี้ไม่สามารถนำออกมาใช้ได้จริง ถ้าเกิดครอบครัวของโจวซินรู้เรื่องนี้เข้า เขาก็จะจบเห่แน่

  

ทั้งสองขึ้นรถและรีบมุ่งหน้าเข้าเมือง

  

โจวซินนั่งพลิกสมุดทั้งสามเล่มดูในรถ และศึกษาดูอย่างระเอียดรอบคอบ แม้ว่าสิ่งที่เขาคาดเดาจะถูกเสวียนจงปฏิเสธไปแล้ว แต่เขาก็ยังรู้สึกว่าเรื่องนี้มันค่อนข้างแปลก ทำไมจู่ๆหยางโปถึงวางหนังสือสองสามเล่มนี้ไว้บนชั้นหนังสือโดยไม่มีสาเหตุ ?

  

……

  

หยางโปนั่งอยู่ในร้านของหลิวเหลียงอวี้จนถึงเที่ยง จากนั้นเขาก็โทรหาลัวย่าวหัวและตามให้เขาออกมากินข้าวด้วยกัน ทางด้านเขาก็พาหลิวเหลียงอวี้และเหยียนหรูหยูไปที่โรงแรมด้วยกัน

  

ลัวย่าวหัวรีบไปที่โรงแรม รอยหมองคล้ำรอบดวงตาของเขาจางลงเล็กน้อย เขาหันมองไปที่หยางโปและเอ่ยขึ้นว่า “ ทั้งหมดเป็นเพราะนาย ! ”

  

“ มันเกี่ยวอะไรกับฉัน ? ” หยางโปกล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้ม

  

ลัวย่าวหัวฮึดฮัดด้วยความไม่พอใจและนั่งลง จากนั้นเขาถึงได้ทักทายกับหลิวเหลียงอวี้

  

” คุณหลิว เราไม่ได้เจอกันนานเลยนะ ”

  

หลิวเหลียงอวี้พยักหน้า “ ไม่ได้เจอกันมาสักพักแล้ว คุณเป็นเถ้าแก่โรงประมูลที่ใหญ่ที่สุดใน

  

จินหลิง ตามหาตัวเจอยากมาก พวกเราอยากคุยกับคุณเรื่องความร่วมมือทางธุรกิจ แต่ก็หาตัวไม่เจอเลย ! ”

  

“ ถ้าพวกคุณอยากร่วมมือด้วย ไปหาเขามันก็เหมือนกันไม่ใช่หรือไง ? ไปหาที่โรงประมูลเลย

  

ผมไม่เชื่อหรอก ด้วยชื่อเสียงของคุณ พวกเขามีหรือยังจะกล้ารังแกคุณ ? ”ลัวย่าวหัวกล่าว

  

หลิวเหลียงอวี้หัวเราะเสียงดัง “ ผมบอกกับหยางโปไปแล้วเมื่อเช้านี้ ถือโอกาสในตอนที่เถ้าแก่ทั้งสองอย่างพวกคุณอยู่ที่นี่ ผมจะพูดซ้ำอีกครั้ง ในจินหลิงของเรามีร้านขายของโบราณวัตถุอยู่หลายแห่ง ช่วงนี้อยากจะส่งมอบของโบราณวัตถุในมือให้กับโรงประมูลของพวกคุณไปดำเนินจัดการประมูล ยังไงซะก็มีปริมาณค่อนข้างเยอะ ดังนั้นเลยอยากจะปรึกษาด้วย แต่ไม่รู้ว่าเถ้าแก่ทั้งสองท่านจะเสนอส่วนลดอะไรให้ได้บ้าง ? ”

  

ลัวย่าวหัวโบกมือ “ ได้ คุณหลิว คุณบอกหยางโปเกี่ยวกับเรื่องนี้ และให้เขาตัดสินใจเองเลยก็ได้ ”

  

“ ถ้าอย่างนั้นความหมายของเถ้าแก่ลัวคือ ไม่จำเป็นต้องพูดถึงเรื่องนี้ และไม่มีความจำเป็นที่จะต้องพูดต่อหน้าคุณใช่ไหม ? ” หลิวเหลียงอวี้พูดปนยิ้ม

  

“ คุณอย่าได้คิดวางแผนหลอกผมเชียวนะ ความหมายของผมคุณยังไม่เข้าใจอีกเหรอ ? ”

  

ลัวย่าวหัวเอ่ยขึ้น

  

หลิวเหลียงอวี้หัวเราะลั่น “ เอาล่ะ ไม่พูดมากแล้ว ! ”

  

หยางโปที่นั่งอยู่ข้างๆ มีสีหน้ายิ้มแย้มอยู่ตลอดเวลา เขาคิดว่านี่มันไม่ใช่ปัญหา ตอนนี้เขาไม่สนเรื่องจำนวนเงินว่าจะเยอะหรือน้อยแล้ว ล่าสุดปริมาณหยกในเหมืองหยกของเขาที่พม่าค่อยๆ เพิ่มขึ้นกำลังการผลิตก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือก่อนที่เขาจะจากมา เรื่องคณะกรรมการเหมืองแร่หยกที่เขาเสนอจัดตั้งขึ้นมามีการพัฒนาเร็วขึ้นมาก

  

สามารถเปิดตลาดเหมืองหยกในพม่าได้ ถือว่ามีอำนาจมาก และมีสัดส่วน 20% ถึง 30%

  

ของทรัพยากรทางการเงินของทั้งประเทศ ดังนั้นหลังจากการจัดตั้งคณะกรรมการเหมืองแร่แล้ว

  

จึงมีการขยายตัวอย่างรวดเร็วและส่งเสริมให้ตัวแทนผลประโยชน์เข้าร่วมกับรัฐบาลระดับสูง

  

ทำให้บริษัทเหมืองแร่ได้รับผลกำไรมากมายมหาศาล

  

บริษัทเหมืองแร่ของหยางโป ก็พัฒนาไปได้อย่างรวดเร็วมากเช่นกัน และทำให้เกิดกระแสเงินทุนหลั่งไหลเข้ามามากมาย ดังนั้น ตอนนี้เขาจึงมีทรัพย์สินมากขึ้นกว่าเดิมไปอีก จนตัวเขาเองก็ไม่รู้แน่ชัดว่ามีเงินอยู่เท่าไหร่กันแน่

  

เรื่องของเหยียนหรูหยู ลัวย่าวหัวตอบตกลงอย่างเต็มใจ และถึงกับโทรหาผู้จัดการทันที จากนั้นทั้งกลุ่มก็สนทนากันอย่างถูกคอ

  

เมื่อกินกันอิ่มแล้ว หยางโปก็ได้ไปส่งหลิวเหลียงอวี้ ทั้งสามคนกำลังนั่งอยู่ในรถ หยางโปก็อดไม่ได้ที่จะชายตามองเหยียนหรูหยูที่นั่งด้านข้างคนขับ เพราะเมื่อสักครู่เธอไม่กินอะไรอีกแล้ว

  

ดื่มแค่น้ำเปล่าเท่านั้น

  

หยางโปคาดเดาบางอย่างอยู่ในใจ แต่กลับไม่ได้ถามอะไรมาก

  

เมื่อกลับไปถึงบ้าน ลัวย่าวหัวก็ไปอาบน้ำ เหลือเพียงหยางโปและเหยียนหรูหยูนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น หยางโปจึงหันไปมองเหยียนหรูหยู เขาลังเลเล็กน้อย “ คุณสอนมวยเทียนหลัวให้ผมแล้ว

  

ค่ารักษาพยาบาลก็ถือว่าได้คืนให้แล้ว ถ้างั้นผมจะไปส่งคุณกลับบ้านนะ ? ”

  

เหยียนหรูหยูชายตามองหยางโป ด้วยใบหน้าที่ดูเย็นชาอย่างเห็นได้ชัด ” คุณอยากให้ฉันกลับขนาดนั้นเลยเหรอ ? ”

  

หยางโปนิ่งอึ้งและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ ไม่ใช่ ผมแค่คิดว่าครอบครัวของคุณอาจเป็นห่วง

  

โทรไปรายงานความปลอดภัยกับบ้านก็ดีนะ ”

  

เหยียนหรูหยูส่ายหน้า “ ไม่เป็นไร พวกเขารู้ ”

  

เมื่อได้ยินอีกฝ่ายพูดแบบนี้ หยางโปก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี วันนี้พ่อหยางแค่ถูกเธอชายตามองแวบเดียวก็ตกใจกลัวมากแล้ว หยางโปรู้สึกว่าไม่ว่าตัวเองจะทำยังไง ก็คงทำถึงขั้นนี้ไม่ได้

  

หยางโปอยากให้อีกฝ่ายจากไปแต่กลับไม่รู้จะเอ่ยปากพูดยังไงดี

  

เหยียนหรูหยูเหลือบมองหน้าหยางโป ” กระจกเทียวหลัวของคุณมาจากไหน ? ”

  

หยางโปหลีกเลี่ยงไม่ได้ เขาจึงยิ้มเหยเกแล้วถามไปว่า ” คุณรู้ได้ยังไง ? ”

  

“ นั่นคือกระจกที่ฉันใช้มาตั้งแต่ยังเด็ก ต่อมาไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆถึงหายไป ฉันคิดว่ามันถูกใครขโมยไปซะอีก ทำไมมันมาอยู่ที่คุณได้ล่ะ ” เหยียนหรูหยูเอ่ยปากถาม

  

หยางโปนิ่งอึ้งไปเลยทีเดียว เขาคิดไม่ถึงจริงๆว่าเรื่องราวจะกลับกลายมาเป็นแบบนี้ ” กระจกบานนี้ผมเจอมันเมื่อตอนที่ไปนั่งเรือเล่นอยู่ในทะเลสาบซีหูเมื่อหนึ่งปีก่อน ผมเห็นคนตกปลาหว่านแหจับปลาแล้วได้ติดมา จึงขอซื้อมันมาน่ะ ”

  

เหยียนหรูหยูจ้องหน้าเขา ” จริงเหรอ ? ”

  

“แน่นอน ” หยางโปค่อนข้างมีความมั่นใจและพูดเสริมขึ้นว่า “ ผมยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าบ้านของคุณอยู่ที่ไหน จะไปขโมยมันมาได้ยังไง ? ”

  

ในขณะที่พูด โทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง หยางโปเห็นว่าเป็นสายของหยางหลางที่โทรมา เขาอยากจะตัดสายทิ้ง แต่มาคิดๆดูแล้ว ก็ยังตัดสินใจที่จะกดรับสาย