ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 403 เขามองไม่เห็นเธอ เธอก็ทำอะไรไม่ได้
จากนั้นด้วยความกลัวว่าจะถูกบอดี้การ์ดบังคับให้เข้าไปในห้อง เธอจึงรีบวิ่งไปนั่งบนโซฟาหน้าล็อบบี้ และจ้องเขาอย่างระมัดระวัง
ดลธี “…”
ผู้หญิงคนนี้โง่หรือเปล่า เปิดห้องให้เธอพักผ่อนก็ไม่เอา
ดลธีรู้สึกปวดหัวขึ้นมา “คุณเส้นหมี่ นี่เป็นคำสั่งของท่านประธาน”
“อะไรนะ”
เมื่อได้ยินอย่างนี้ ดวงตาสีแดงก่ำของเธอก็เริ่มกลมขึ้น “งั้นฉันก็ยิ่งไม่ไปเข้าไปใหญ่ คุณไปเถอะ ฉันจะอยู่ตรงนี้ ไม่ต้องสนใจ”
จากนั้นผู้หญิงที่ไม่รู้ว่าเอ็นเส้นไหนทำงานผิดปกติก็นอนลงบนโซฟา หันหน้าไปอีกทาง ไม่สนใจดลธีอีก
ดลธีกัดฟันแน่น
อยากจะบังคับให้เธอเข้าไปในห้อง แต่คิดไปคิดมา ครั้งนี้บอสมาทำธุรกิจ ยังไม่ถึงจุดที่เขาจะต้องออกไปข้างนอก
แต่เขากลับมาพักแล้วสองวัน
เขาจึงไม่กล้าแตะต้องผู้หญิงคนนี้
ผู้หญิงคนนี้ ร้ายกาจ!
สุดท้ายเส้นหมี่ก็นอนอยู่ในล็อบบี้ของโรงแรมทั้งคืน
วันถัดไป
ตอนที่เธอตื่นขึ้นมาอีกครั้งเธอก็ได้ยินเสียงจอแจอยู่รอบตัว
ในล็อบบี้แห่งนี้ เมื่อสว่างแล้ว ลูกค้าของโรงแรมก็จะเดินเข้าออก ทำให้เกิดการเคลื่อนไหวอย่างมาก โดยเฉพาะเมื่อเห็นเธอที่เป็นผู้หญิงวัยรุ่นนอนอยู่ที่นี่ตอนกลางคืน ก็มีแต่คนชี้เธอแล้วเอาไปวิจารณ์
เส้นหมี่ทำได้แค่ลุกขึ้นมานั่ง และเดินไปห้องน้ำ
“พวกเธอดูสิ ผู้หญิงคนนี้เป็นผู้หญิงที่นอนอยู่ในล็อบบี้โรงแรม เธอเป็นใคร แต่งตัวดีขนาดนี้ แค่ห้องโรงแรมก็เปิดไม่ได้หรอ”
“ใครจะไปรู้ อาจจะโดนผู้ชายคนไหนทิ้งมาก็ได้”
ขณะที่ล้างหน้าอยู่หน้ากระจก เส้นหมี่ก็ได้ยินเสียงคนวิพากษ์วิจารณ์เธอเข้ามาในหู
โดนผู้ชายทิ้ง
ก็ถูกแล้วไม่ใช่หรอ สถานการณ์ของเธอตอนนี้ก็กำลังเสี่ยงโดนผู้ชายทิ้งตลอดไม่ใช่หรอ
เส้นหมี่ถอนหายใจออกมา และทำความสะอาดตัวเองลวกๆ และเมื่อออกมาจากห้องน้ำเธอก็เดินไปที่แผนกต้อนรับ
“สวัสดีค่ะ ประธานแสนรักที่อยู่ชั้นบนสุดลงมาหรือยังคะ”
“ประธานแสนรักไปแล้วนะคะ เขาใช้ลิฟต์ส่วนตัวของโรงแรมเราตรงเข้าลานจอดรถ คุณไม่รู้หรอ”
คิดไม่ถึงว่าแผนกต้อนรับของโรงแรมจะบอกข่าวร้ายกับเธอแต่เช้า
เข้าไปแล้วหรอ
เขาไม่แม้แต่จะ…บอกสักคำ แล้วทิ้งกันไปอย่างนี้
เส้นหมี่อดทนมาตลอดทั้งคืน ช่วงเวลานี้เหมือนกำลังถูกโยนเข้าไปในห้องใต้ดินน้ำแข็ง หนทางมืดมิด แทบจะยืนไม่ไหว
“คุณผู้หญิง คุณไม่เป็นไรใช่มั้ยคะ”
เมื่อพนักงานต้อนรับเห็นอาการของเธอจึงรีบยื่นมือเข้ามาช่วย
แต่เส้นหมี่ก็โบกมือ ตอนนี้เลือดทั้งหมดได้หายออกไปจากใบหน้าของเธอแล้ว แม้แต่แรงเฮือกสุดท้ายก็เหมือนจะถูกพรากออกไป
ถ้าเขาจะเอาแบบนี้ เธอไม่มีทางออกเลยด้วยซ้ำ
ถึงเธอจะรวบรวมความกล้าและตัดสินใจ แต่ถ้าเขาเลือกที่จะหลีกเลี่ยงเธอ แบ่งเขตกับเธอ เธอก็ไม่มีโอกาสแม้แต่จะไล่ตามเลยจริงๆ
เส้นหมี่กลับไปที่โซฟาด้วยความสิ้นหวัง
เธอเหมือนหุ่นเชิดไม่มีผิด สุดท้ายเพราะตำแหน่งหัวใจของเธอเจ็บปวดเกินไป เธอจึงโน้มตัวลงกอดเข่าของตัวเอง
“คุณเส้นหมี่”
“หืม”
“คุณเป็นอะไร พวกเราจะไปแล้ว คุณจะไปไหม”
“…”
ผ่านไปสิบวินาทีเต็มๆ สุดท้ายคนที่นั่งกอดเข่าอยู่ก็ค่อยๆยืดขึ้น ใบหน้าที่ขาวราวกับกระดาษก็ค่อยๆเงยขึ้น
ที่แท้ก็เป็นดลธี!
เส้นหมี่ตกตะลึง คิดไม่ได้ชั่วขณะวันนี้เป็นความจริงหรือภาพหลวงตา
“คุณเป็นอะไรกันแน่ ทำไมสีหน้าถึงแย่ขนาดนั้น ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า” เมื่อดลธีเห็นสีหน้าของเธอ เขาก็รู้ทันทีว่าเธอไม่ปกติ จึงหันออกไปข้างนอกทันที
เมื่อเส้นหมี่เห็นอย่างนั้น จึงหันมองไปตามสายตาของเขา
ก่อนที่เธอจะเห็นรถคันหนึ่งจอดอยู่หน้าประตูโรงแรม มันเป็นรถเบนท์ลีย์สีดำที่เธอคุ้นเคยไม่ใช่หรอ
“…ฉัน…ฉันปวดท้อง”
“ปวดท้องหรอ ทำไมอยู่ดีๆถึงปวดท้อง เพราะเมื่อคืนนอนที่นี่หรือเปล่า ผมบอกคุณแล้ว ผมจะเปิดห้องให้ คุณก็ไม่ฟัง ตอนนี้ดีขึ้นหรือยัง”
ดลธีเริ่มบ่น และไม่กล้ารีรออีกต่อไป เขาต้องออกไปแล้ว ออกไปทางรถเบนท์ลีย์สีดำที่จอดข้างนอก
เส้นหมี่ก็มองเห็นเช่นกัน สายตาของเธอกลับมาแวววาว ทันใดนั้นเธอก็หยิบเข็มที่ซ่อนไว้ออกมา
จากนั้นก็ตั้งใจจะจิ้มไปที่ช่องท้อง
“จิ๊ก…”
เหงื่อเม็ดใหญ่ไหลลงมาจากใบหน้าซีดของเธอทันที
สองนาทีจากนั้น แสนรักก็เข้ามา เมื่อเห็นอาการของเธอสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป
“คุณเป็นอะไร”
“น่าจะ…ไม่สบาย พี่นั้นหลังจากเกิดพวกเขาสามคน ฉันก็…มีเลือดในมดลูกไม่เพียงพอเสมอ พอหนาวก็จะรู้สึกเจ็บขึ้นมา”
เส้นหมี่กอดท้องของตัวเองไว้ และพูดอธิบายต่อ เหงื่อเย็นๆนั้นแทบจะทำให้ผมสีดำของเธอเปียกไปทั้งหัว
แสนรักไม่ค่อยเชื่อ
แต่เมื่อได้ยินเธอพูดถึงการเกิดลูกสามคน ฉากนองเลือดก็ปรากฏเข้ามาในสายตาของเขา เขาจึงไม่พูดอะไรอีกนอกจากอุ้มเธอขึ้น