บทที่ 402 ตามรังควาน

ยัยหมอวายร้ายที่รัก

ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 402 ตามรังควาน
เส้นหมี่รู้สึกจุกในลำคอ ความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความอบอุ่น และมีความสุขจนล้นใจได้หายไปหมดแล้ว

ลมหนาวลูกใหญ่พัดเข้ามา ทำให้เธอรู้สึกหนาวจนปวดกระดูกดำ

“คุณเส้นหมี่”

“…ฉันรู้แล้ว แต่ฉันก็จะไม่ไป ฉัน…จะไปกับเขา คุณขึ้นไปบอกเขา ฉันจะรอเขาอยู่ข้างล่าง หนึ่งวันเขาไม่พาฉันกลับ ฉันก็จะรอเขาอยู่ตรงนี้หนึ่งวัน สองวันเขาไม่พาฉันกลับ ฉันก็จะรออยู่ตรงนี้สองวัน”

ดวงตาของเส้นหมี่เป็นสีแดงก่ำ เธอพูดออกมาทีละคำอย่างยากลำบากแต่ก็มีความมั่นคง

นี่เป็นสิ่งที่ไร้เหตุผล และไร้ยางอายที่สุดในชีวิตที่เธอเคยพูดมา

ครั้งหนึ่งเส้นหมี่ก็เคยเป็นคนที่มีความภาคภูมิใจในตัวเอง ตอนนั้นเธอจากบ้านหิรัญชามาอย่างเลือดเย็ด และเธอก็พึ่งพาตัวเอง เลี้ยงลูกสองคนโดยไม่หันหลังกลับ

แต่ตอนนี้เธอทำตัวเหมือนคนไม่มีที่พึ่ง ยังคงเฝ้ารอเขาอยู่หน้าประตูโรงแรม

เธอต้องการอะไร

เธอต้องการเขาคนเดิมกลับมา

แสนรักฉันกลับมาแล้ว เรามาอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข…ได้ไหม คุณเคยบอกว่าคุณไม่อยากให้ลูกโตมาในครอบครัวที่ขาดความอบอุ่น งั้นเราก็ทิ้งเรื่องแย่ๆเหล่านั้น แล้วมาเริ่มต้นกันใหม่ดีไหม

คืนวันนั้นเส้นหมี่นอนอยู่ที่ล็อบบี้โรงแรมแห่งนี้จริงๆ

แสนรักไม่ได้ลงมา

ไม่รู้ว่าดลธีได้โทรบอกเขาเรื่องนี้ไหม หรือเขารู้เรื่องแล้วแต่ไม่สนใจ

สรุปก็คือเส้นหมี่นอนขดตัวอยู่บนเก้าอี้นั้นทั้งคืน เมื่อตื่นขึ้นมา เธอก็ยังไม่เห็นเงาของเขา และที่น่าหนักใจก็คือ แผลของเธอที่ล้มในสถานที่นั้นก่อนหน้านี้เริ่มบวมขึ้นมาแล้ว

“ขอโทษนะคะห้องน้ำไปทางไหนคะ”

“ทางนั้นค่ะ”

พนักงานต้อนรับของโรงแรมไม่ได้ปฏิบัติต่อเธอดีนัก อาจเป็นเพราะว่าเธอไม่ยอมไปสักที และไม่ยอมจองโรงแรมด้วย

เส้นหมี่ไปห้องน้ำ

และหลังจากที่เธอเข้าไปในห้องน้ำ แล้วเปิดกระโปรงของเธอ เธอก็เห็นเข่าของเธอทั้งบวมและแดง ผิวหนังก็แตก สภาพน่ากลัวมาก

เหมือนว่าต้องจัดการสักหน่อย

เส้นหมี่ขมวดคิ้ว จากมุมมองของหมอ พรุ่งนี้เธอคงเดินเหินไม่สะดวก ดังนั้นต้องไปซื้อยามาจัดการตอนนี้

เส้นหมี่ออกจากโรงแรม

และในห้องประธานชั้นบนสุดของโรงแรม แสนรักก็ยังไม่นอน เขายังคงจัดการเอกสารอยู่

“ดิ๊ง…”

กลางดึก ทันใดนั้นโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะก็ส่งเสียงเตือนขึ้นมา

นิ้วยาวที่กดบนโน๊ตบุ๊กหยุดลง และหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดหน้าจอ

[ดลธี : ท่านประธาน เมื่อกี้ผมเห็นคุณเส้นหมี่ไปแล้ว]

เขายิ้มเยาะอย่างเย็นชา และโยนโทรศัพท์ทิ้งไป

เขาไม่เคยเชื่อว่าเธอจะรอหนึ่งวันสองวันอยู่แล้ว ระยะเวลานานขนาดนี้ สิ่งที่เขาเห็นจากเธอมากที่สุดก็คือคำพูดอันไม่ชอบธรรมของเธอ

จะรอเขาหรอ

ทำไม เธอลืมแล้วหรอว่าเธอเคยบอกว่า เขาเป็นฆาตกรที่ทำให้ตระกูลวชิรนันท์กับตระกูลอัครนันท์เป็นแบบนี้

แม้แต่คิ้วยังเย็นชา เขาไม่ได้จริงจังกับเรื่องนี้เลยจริงๆ

แต่หลังจากผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วโมงกว่า เสียงกริ่งก็ดังขึ้นภายในห้องประธานของเขา

ดึกขนาดนี้ใครมาหาเขา

เขาขมวดคิ้ว และเดินไปเปิดประตู

“ประธานแสนรัก ขอโทษที่รบกวนค่ะ อันนี้เป็นโจ๊กอัลมอนด์ และยังมีของว่างอีกนิดหน่อย คุณผู้หญิงข้างล่างให้ฉันเอาขึ้นมาให้ เธอบอกว่าดึกมากแล้ว ให้ท่านประธานกินแล้วพักผ่อน”

เมื่อเห็นแสนรักเปิดประตูแล้ว พนักงานของโรงแรมก็รีบยิ้มและส่งของให้เขาทันที

แสนรักหรี่ตาลง

คุณผู้หญิง

อย่าบอกนะว่า…

และขณะนั้นดลธีก็โทรเข้ามาพอดี เขาจึงกดรับ “ฮัลโหล”

ดลธี “ท่านประธาน คุณเส้นหมี่เธอ…เธอกลับมาอีกแล้ว ขอโทษด้วยเมื่อกี้ผมเข้าใจผิด ผมคิดว่าเธอจะไปแล้ว แต่ที่แท้เธอก็แค่…ไปซื้อยาที่ร้านขายยา และเธอก็กลับมาอีกแล้ว”

บอดี้การ์ดผู้ติดๆขัดๆ อาจเป็นเพราะว่าเขาทำงานผิดพลาด

สีหน้าของแสนรักดูมืดมนอีกครั้ง

แต่ตอนนี้แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่รู้ตัวว่าความเย็นยะเยือกบนร่างกายของเขาได้บรรเทาลงมาก

“ไปเปิดห้องให้เธอ”

“ครับ ท่านประธาน” เมื่อดลธีได้รับคำสั่ง เขาก็วางสายโดยทันที

สำหรับพนักงานโรงแรมที่นำอาหารมาให้เขา ก็ถูกเขาไล่กลับไปอย่างไม่ปราณีทันที

ไม่กิน!

ไม่กินหรอ!

เมื่อเส้นหมี่ที่อยู่ชั้นล่างเห็นโจ๊กกับของว่างถูกนำลงมาอีกครั้ง ใบหน้าเล็กก็แสดงถึงความผิดหวังทันที

แต่ในไม่ช้าเธอก็เห็นดลธีเข้ามาจากประตูใหญ่อีกครั้ง

“เปิดห้องให้เธอ จะได้ไม่ต้องกระทบกับงานของพวกคุณ” ดลธีกวาดสายตามามองผู้หญิงที่พันผ้าพันแผลบนมือและหน้าผาก ก่อนจะหันไปพูดกับพนักงานต้อนรับ

เส้นหมี่มองเขาอย่างสงสัย

เปิดห้องหรอ

ก็ดีดีอยู่ จะเปิดห้องให้เธอทำไม หรือเขาต้องการไม่ให้เธอขวางทางผู้ชายคนนั้นในวันพรุ่งนี้

เมื่อเส้นหมี่ได้ยินอย่างนั้นเธอก็รีบปฏิเสธทันที “ไม่ต้อง คุณดลธี ไม่ต้องเปิดห้องให้ฉัน ฉันนั่งรออยู่ตรงนี้ก็พอ”