ส่วนที่ 2 ภาคถนนสายนี้ไม่มีผู้มาก่อน ตอนที่ 46 กระบี่ที่หนักมากเล่มหนึ่ง

ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา

สายลมมีความหนาวเย็นเล็กน้อย เสียดแทงใบหน้าแล้วเจ็บเล็กน้อย แต่เป็นเพียงแค่ลมหนาว ไม่ได้มาจากการจิตสัมผัสโจมตีของผู้เฒ่าดีดพิณ เจตนาในหมอกไอน้ำที่ราวกับผีภูเขาและพ่อมดพยัคฆ์เหล่านั้น มองดูแล้วเหมือนต้องการหลบร่มกระดาษทอง กลับสามารถหลบได้จริงๆ

ร่มกระดาษทองในมือของเฉินฉางเซิงนั้น บ้านตระกูลถังที่เวิ่นสุ่ยใช้วัตถุดิบล้ำค่ามากมาย สร้างมากับมือของผู้เฒ่าตระกูลถัง ถ้าระดับขั้นบำเพ็ญเพียรของผู้ถือร่มเพียงพอ สามารถตัดขาดการโจมตีทางจิตวิญญาณทั้งหมด แม้ระดับขั้นบำเพ็ญเพียรในตอนนี้ของเขายังไม่เพียงพอ ก็ยังตัดขาดการตรวจสอบของคนชุดดำที่อยู่นอกสวนโจวได้ จิตสัมผัสโจมตีของผู้เฒ่าดีดพิณนั้นจะนับเป็นอะไรได้? แต่การออกมือของผู้เฒ่าดีดพิณหมายถึงสัญญาณของความอันตรายอย่างหนึ่ง นี่แปลว่าหนานเค่อในที่สุดก็ไม่อาจรักษาความทะนงของตัวเองได้อีก เหล่าผู้แข็งแกร่งเผ่ามารมีความเป็นไปได้ที่จะลงมือร่วมกัน รุมล้อมโจมตีเขา

ความจริงข้อนี้ทำให้เฉินฉางเซิงระมัดระวังอย่างยิ่ง เถิงเสี่ยวหมิงและหลิวหวั่นเอ๋อร์คู่สามีภรรยาเผ่ามารคู่นี้ยื่นอยู่ใต้ถนนเสินอย่างสงบเงียบขรึมมาตลอด ถ่อมตนเหมือนชื่อของพวกเขา แต่เขาไม่เคยลืมว่า ที่ข้างทะเลสาบของหน้าผาภูเขาฝั่งนู้น ความสามารถที่น่ากลัวที่ขุนพลเผ่ามารสามีภรรยาคู่นี้แสดงออกมา ใครสามารถพูดได้ว่าสามารถเอาชนะพวกเขาได้อย่างง่าย? แม้จะเพื่อเข้าสู่สวนโจว ขุนพลเผ่ามารสามีภรรยาคู่นี้ถูกบังคับลดระดับขั้นการบำเพ็ญเพียร รักษาไว้เพียงแค่ความสามารถระดับทะลวงอเวจีขั้นปลาย แต่ตามประสบการณ์การต่อสู้และความตระหนักรู้ของพวกเขา ถ้าเทียบพลังการต่อสู้ พวกเขาเป็นไปได้ว่าแข็งแกร่งกว่าหนานเค่อ

ท่ากระบี่ของหนานเค่อยังไม่ได้ถูกเจตจำนงกระบี่ของเขาตัดขาด แสงดวงดาวที่ราวกับทะเลหิ่งห้อยยังเต้นระบำลอยล่องอย่างแข็งแกร่งอยู่หน้าร่มกระดาษทอง สายตาของเขาข้ามขอบร่มกระดาษทองและหัวไหล่ของหนานเค่อไปตกลงทางใต้ของถนนเสิน สีหน้าเคร่งขรึมอย่างกะทันหัน เห็นเพียงในลมฝน หลิวหวั่นเอ๋อร์มองเขาด้วยรอยยิ้ม แสดงออกถึงความสงบอ่อนโยน ราวกับมารดาท่านหนึ่งที่รอคอยการกลับมาของบุตรชายอยู่หน้าประตู แต่ข้างกายนางนั้นมองไม่เห็นผู้ชายวัยกลางที่ใบหน้าสัตย์ซื่อคนนั้น เขาไปไหนแล้ว?

ทันใดนั้น ในท้องฟ้าด้านบนของถนนเสินเกิดเสียงระเบิดราวกับฟ้าร้องฤดูใบไม้ผลิเสียงหนึ่ง! ลมหนาวที่พัดผ่านสุสานในชั่วขณะหนึ่งราวกับถูกแช่แข็ง ลมฝนที่ตกลงมากลับยิ่งมายิ่งรุนแรง

เฉินฉางเซิงเงยหน้ามองไป เห็นเพียงในท้องฟ้าที่อึมครึมมีจุดสีดำจุดหนึ่งปรากฏขึ้น

จุดสีดำนั้นตกลงมาพร้อมกับสายฝนรุนแรงที่ยิ่งใหญ่ ยิ่งมายิ่งเร็ว ในระยะเวลาอันสั้นก็ขยายใหญ่ขึ้นหลายเท่ามาก ในสายตาของเขาเกือบจะเหมือนเป็นภูเขา

ขุนพลเผ่ามารลำดับที่ยี่สิบสี่เถิงเสี่ยวหมิงกลายเป็นยอดเขาที่หนักแน่นลูกหนึ่ง ในมือถือคานหาบที่มองดูเหมือนธรรมดาไม่มหัศจรรย์ท่อนหนึ่ง ลมหนาวเร่งให้ฝนตกลงมาจากท้องฟ้า เสียงลมหวีดหวิว ความรุนแรงนั้นบ้าคลั่งเหนือสิ่งอื่นใดในโลกหล้า!

มองดูภาพฉากนี้ สีหน้าของเฉินฉางเซิงจู่ๆ ก็ขาวซีดลงมามาก สายตากลับยังคงสงบเหมือนแต่ก่อน ไม่มีความตกตะลึงใดๆ กระบี่สั้นในมือขวาแทงม่านฝนที่ตกลงมาทะลุ มุ่งเข้าไป

ร่มกระดาษทองในมือซ้ายของเขากำลังต้านแม่น้ำดวงดาวสองสายของหนานเค่อ รวมถึงการพุ่งโจมตีเต็มพลังของพ่อมดพยัคฆ์ในเสียงพิณสายนั้น ไม่สามารถขยับได้ ถ้าเขาอยากใช้ร่มกระดาษทองบังกระบวนท่านี้ที่รุนแรงของเถิงเสี่ยวหมิง ก็มีเพียงแค่หลบเข้าไปในร่มกระดาษทองเส้นทางนี้เส้นทางเดียว แต่ถ้าเช่นนั้นเขาก็จะไม่มีทางถอยหนีใดๆ ทำได้เพียงถูกโจมตี ดังนั้นเขาจึงไม่ได้เลือกทำเช่นนี้ เขาเลือกที่จะออกกระบี่ ในเวลาที่ตื่นเต้นเช่นนี้ เขาไม่ลืมที่จะแบ่งเจตจำนงกระบี่ในร่มกระดาษทองสายหนึ่งส่งเข้าไปในกระบี่สั้น

เสียงระเบิดดังสนั่นเสียงหนึ่ง! แท่นหินหน้าประตูหลักของสุสานสั่นขึ้นมาอย่างรุนแรง น้ำฝนบนพื้นราวกับดวงวิญญาณภูตผีที่ตื่นตะลึง แตกกระเจิงพยายามหลีกหนีจนเปลี่ยนรูป กลายเป็นหมอกไอน้ำขนาดใหญ่กลุ่มหนึ่ง ในมุมด้านหลังของหมอกไอน้ำ สวีโหย่วหรงถูกคลื่นของการสั่นสะเทือน สีหน้าขาวซีดอย่างกะทันหัน ไม่สามารถทนต่อไปได้อีก ทรมานอย่างยิ่ง หลับตาเริ่มปรับลมหายใจเพื่อการต้านทาน

หมอกไอน้ำจางลง เฉินฉางเซิงยังคงยืนอยู่ที่เดิม เพียงแต่ว่าเตี้ยกว่าเมื่อครู่ช่วงหนึ่ง มองอย่างละเอียดถึงจะสังเกตเห็นได้ว่า สองเท้าของเขาจมลงไปในพื้นหินเขียวที่แข็งแกร่งลึกมาก กระทั่งมองไม่เห็นเข่า!

การโจมตีอันหนักหน่วงราวขุนเขาของเถิงเสี้ยวหมิงตกลงมาจากฟ้าฝนช่างน่าหวาดกลัวจริงๆ เฉินฉางเซิงพึ่งพาส่วนหนึ่งจากการแยกของกระบี่สั้นและเจตจำนงกระบี่สายนั้น รับการโจมตีอันหนักหน่วงหนนี้อย่างมั่นคง แม้จะเป็นร่างกายที่เคยอาบเลือดแท้มังกรดำมาก่อน ก็ยังราวกับจะแตกสลาย ตั้งแต่หว่างคิ้วถึงไหปลาร้าถึงกระดูกลำคอจนถึงนิ้วเท้า ทุกๆ จุดของกระดูกล้วนเจ็บปวดจนแทบจะทนไม่ได้ มือขวาสั่นอย่างไม่หยุดหย่อน เหมือนกับคนแก่ที่ป่วยหนัก ถ้าไม่ใช่เพราะว่าถ้าไม่มีกระบี่ก็ต้องตายเป็นแน่ มือขวาของเขายังจะถือด้ามจับกระบี่ไว้ได้ที่ไหน

เถิงเสี่ยวหมิงยืนอยู่ในท่ามกลางฝนรุนแรง ไร้สีหน้า

คานหาบที่ถืออยู่ในมือขวาของเขาท่อนนั้นแท้จริงแล้วเป็นแท่งเหล็ก กว้างประมาณแขนของคนธรรมดา หลอมมาจากทองแท้อุกกาบาตสองตำลึงผสมเหล็กลับภูเขามาร แข็งแกร่งไร้ที่เปรียบ บนสนามรบที่ราบหิมะ ไม่รู้ว่าทุบผู้แข็งแกร่งในกองทัพต้าโจวตายไปแล้วเท่าไร ตอนนี้ท่อนเหล็กท่อนนี้ปรากฏร่องรอยกระบี่ลึกจำนวนหลายสิบรอย โดยเฉพาะบริเวณยอดยิ่งถูกเหลาไปครึ่งท่อน

การปะทะกันของท่อนเหล็กและกระบี่สั้นของเฉินฉางเซิงเพียงแค่ชั่วขณะ ก็ถูกกรีดเป็นร่องรอยกระบี่จำนวนมากขนาดนั้น ไม่พูดไม่ได้ว่า ระดับความแหลมคมของกระบี่สั้นเล่มนั้นยากแก่การจินตนาการ เจตจำนงกระบี่สายนั้นรุนแรงยิ่งใหญ่จนทำให้ใจคนเย็นเฉียบ แต่เถิงเสี่ยวหมิงไม่มีการตอบสนองใดๆ ต่อสิ่งนี้ มองเฉินฉางเซิงแล้วเงียบขรึมไม่พูดจา ราวกับยอดเขาแท้ที่จริงลูกหนึ่ง แม้ลมฝนจะรุนแรงแค่ไหน ก็ไม่สามารถกระทบกระทั่งร่างกายของเขาแม้แต่น้อย ให้ความรู้สึกที่เคร่งขรึมมากเป็นพิเศษแก่ผู้คน

นี่ถึงจะเป็นผู้แข็งแกร่งที่แท้จริง เฉินฉางเซิงมองบุรุษเผ่ามารคนนี้ที่อยู่ในม่านฝน เกิดความคิดเช่นนี้อย่างเป็นธรรมชาติ จากนั้นก็เกิดความคิดที่มากกว่านั้น

เหมือนที่หนานเค่อพูดก่อนหน้านี้ ขนาดพลังที่แท้จริงของเจตจำนงกระบี่สายนั้นเขายังแสดงออกมาได้แค่หนึ่งในหนึ่งพัน จะรบชนะคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งเช่นนี้ได้อย่างไร? ที่สำคัญที่สุดคือ จากระดับความสามารถขั้นบำเพ็ญเพียรของเขาในตอนนี้ คิดจะต้านทานกระทั่งเอาชนะเหล็กท่อนนี้ การร่วมมือกันของเจตจำนงกระบี่และกระบี่สั้นไม่เพียงพออย่างยิ่ง เขาต้องการกระบี่ที่ขับดันให้เจตจำนงกระบี่สำแดงอานุภาพได้มากกว่านี้

เขาต้องการกระบี่เล่มหนึ่งที่หนักยิ่งกว่านี้

และในตอนที่เขาคิดถึงเรื่องพวกนี้ เถิงเสี่ยวหมิงยกท่อนเหล็กในมือของเขาขึ้นมาอีกครั้ง ท่อนเหล็กที่มีร่องรอยกระบี่หนาแน่นจำนวนมากกลับคล้ายจะน่ากลัวกว่าก่อนหน้านี้ ฝนรุนแรงที่รอบข้างของท่อนเหล็กจู่ๆ ก็กระจายออก บนถนนเสินเกิดเสียงดังดั่งฟ้าผ่า ท่อนเหล็กทะลวงอากาศมาถึง ลมฝนตลอดแนวหลบหลีกออกไปทั้งหมด

ท่ากระบี่ของหนานเค่อในตอนนี้ถูกเจตจำนงกระบี่ที่กระจายออกมาจากร่มกระดาษทองตัดเป็นเศษเสี้ยว จิตสัมผัสโจมตีของผู้เฒ่าดีดพิณก็ถูกกันไว้ เวลานี้เฉินฉางเซิงสามารถลองใช้ร่มกระดาษทองรับการโจมตีมาของท่อนเหล็กได้ สีหน้าของเขายังคงขาวซีด กลับไม่ใช่เป็นเพราะตื่นเต้นอีก แต่เป็นเพราะน้ำฝนหนาวเกินไป และก็เป็นเพราะเขาไม่สบายใจกับความคิดที่เกิดขึ้นมาในตอนสุดท้าย

เขาสามารถใช้ร่มกระดาษทองรับการโจมตีของท่อนเหล็กนี้ แต่เขาไม่อยาก เนื่องจากเขาคล้ายจะมีความรู้สึกชนิดหนึ่ง เจตจำนงกระบี่สายนั้นที่แฝงอยู่ในร่มกระดาษทองแม้จะยิ่งใหญ่ไร้ที่เปรียบ แต่ไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุดที่จะเอามารับการโจมตีนี้ของท่อนเหล็กด้วยระดับขั้นการบำเพ็ญเพียรของตัวเองที่มีอยู่ในตอนนี้ เขายังคงรู้สึกว่าตัวเองต้องการกระบี่ที่หนักกว่านี้เล่มหนึ่ง

ความจริงแล้ว นอกจากใช้ร่มกระดาษทอง เขาก็ไม่มีวิธีอื่น เนื่องจากเขาไม่มีกระบี่ที่หนักกว่านี้สักเล่มหนึ่ง แต่ว่า…อย่างไรเขาก็รู้สึกว่าตัวเองน่าจะมีกระบี่ที่หนักกว่านี้

และในตอนที่เฉินฉางเซิงผุดประกายความคิด สถานที่แห่งหนึ่งในที่ราบทุ่งหญ้าทางใต้ของสุสาน พลันเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น

สายฝนในบริเวณห่างไกลเบาบางกว่าสายฝนที่สุสาน ผิวน้ำในดงหญ้าถูกฝนโปรยเคาะตีแผ่วเบา แต่จู่ๆ ไม่รู้ว่าทำไมพื้นดินของที่ราบทุ่งหญ้าแห่งนั้นถึงจมลงไป ราวกับการถล่ม! เวิ้งน้ำในที่ราบทุ่งหญ้าและน้ำฝนจู่ๆ ก็รวมกันกลายเป็นลูกบอลน้ำก้อนหนึ่ง หดตัวกลายเป็นแน่นขนัดอย่างมาก ราวกับใต้ดินมีสิ่งของที่หนักมากอันหนึ่ง กำลังดึงดูดทุกสิ่งอย่างที่อยู่โดยรอบ

บริเวณส่วนลึกของท้องฟ้าอึมครึมเกิดเสียงร้องโหยหวนที่เกรี้ยวกราดดังขึ้น เสียงร้องโหยหวนนี้มาจากมหาวิหคบรรพกาลตัวนั้น ที่แท้แล้วเป็นสิ่งของอะไรที่กำลังจะจุติบนโลกกันแน่ ถึงได้ทำให้มันโมโหขนาดนี้? กระทั่งได้ยินถึงความระแวดระวังไม่สบายใจของมัน

ท่อนเหล็กที่หนักหน่วงแยกลมฝนบนถนนเสินออก มาถึงหน้าประตูหลักของสุสาน ห่างจากเฉินฉางเซิงเป็นระยะห่างแค่สิบกว่าจั้ง แต่แล้วเขาไม่ได้ยกร่มกระดาษทองขึ้นมา กระทั่งเขาเอากระบี่สั้นเก็บกลับเข้าไปในปลอกพร้อมกับเสียงที่ดังชัด!

ตัวเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงทำเช่นนี้ ทำไมต้องเก็บกระบี่?

และในเวลานี้ ที่นอกสุสานเกิดเสียงดังระเบิดขึ้น ราวกับอสนีบาตที่แท้จริงมาถึงบนพื้นดินแล้ว เทียบกับเสียงฟ้าคำรนนี้ เสียงแหวกอากาศที่มาพร้อมกับท่อนเหล็กนั้น เหมือนกับเสียงประทัดที่เด็กน้อยเล่นตอนปีใหม่

สิ่งของที่ดำปริศนาแหวกสายฝนรุนแรงออก มาถึงข้างหน้าเฉินฉางเซิง จากนั้นก็หยุดนิ่งไม่ขยับ

นั่นเป็นกระบี่เล่มหนึ่ง สีดำนั้นไม่รู้ว่าทำมาจากวัตถุดิบอะไร บนตัวกระบี่ไม่มีรูปลวดลายใดๆ และก็ไม่แวววาว ดูเหมือนหยาบทื่ออย่างยิ่ง กระทั่งปลายแหลมของกระบี่ก็ยังไม่มี เหมือนกับยังหลอมไม่เสร็จ โดยรวมแล้ว กระบี่โลหะเล่มนี้ไม่มีจุดโดดเด่นใดๆ ไม่มีไอพลังปราณที่ทำให้คนกลัวปล่อยออกมา เพียงแต่ว่ากว้างมาก ตรงมาก ยาวมาก หนามาก ดำมาก ฉะนั้นมองดูแล้ว…หนักมาก

……

……

เฉินฉางเซิงต้องการกระบี่เล่มหนึ่งที่หนักกว่านี้

ฉะนั้นกระบี่หนักเล่มหนึ่งจึงปรากฏอยู่ต่อหน้าของเขา ร่ำร้องอยู่ในลมฝนอย่างเงียบเชียบ

ด้ามจับของกระบี่โลหะชี้เอียงไปที่ทิศด้านล่าง เพียงแค่เขายื่นมือก็สามารถจับมันได้สะดวก ท่าทีของกระบี่โลหะเล่มนี้สบายเกินไป สบายจนเขาคิดอะไรก็ไม่คิด ยกมือขึ้นมา

มือขวาของเขาทะลุผ่านม่านฝนที่หนักที่ราวกับกำลังหยุดนิ่ง กำด้ามจับกระบี่

ด้ามจับกระบี่ของกระบี่โลหะเล่มนี้ก็หยาบมากเช่นกัน หยาบใหญ่มาก หยาบทื่อมาก ฝ่ามือของเขาและผิวนอกของด้ามจับกระบี่คล้ายจะประกบเข้าด้วยกันโดยสมบูรณ์ รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าหนัก ในเวลานี้มีเรื่องหนึ่งเกิดขึ้น เจตจำนงกระบี่ที่แฝงอยู่ในร่มกระดาษทองไม่ฟังการควบคุมจากจิตสัมผัสของเฉินฉางเซิง ไม่เข้าไปในกระบี่โลหะเล่มนี้ผ่านร่างกายของเขา เพราะว่าในกระบี่โลหะนี้เดิมทีก็มีเจตจำนงกระบี่สายหนึ่งอยู่แล้ว เจตจำนงกระบี่ในร่มกระดาษทองไม่ควรค่าหรือไม่อยากทำการแย่งชิงกับเจตจำนงกระบี่ที่ยิ่งใหญ่สายนั้น ตามระดับขั้นและระดับการบำเพ็ญเพียรฝึกฝนในเส้นทางกระบี่ของเฉินฉางเซิงในตอนนี้ ยังไม่สามารถรับรู้ถึงเจตจำนงกระบี่ที่ยิ่งใหญ่สายนั้นในกระบี่โลหะได้อย่างแม่นยำ แต่เขาสามารถรับรู้สึกถึงได้อย่างชัดเจนว่า เจตจำนงกระบี่สายนั้นเหมือนกับกระบี่โลหะเล่มนี้ หนักหน่วงไร้ที่เปรียบ

เขาเก็บมือกลับมา นำกระบี่โลหะลงมาจากในฝน

คิดอยากจะนำกระบี่โลหะหนักหน่วงเล่มนี้ลงมาจากในฝน ต้องการพลังที่ยิ่งใหญ่มาก ในเวลาเดียวกัน กระบี่โลหะที่หนักหน่วงเล่มนี้ยังมอบพลังที่ยิ่งใหญ่สายหนึ่งให้กับเขา จากนั้นก็โบกขยับกระบี่โลหะ ตัดลงไปที่ท่อนเหล็กที่ทะลุผ่านสายฝน

กระบี่โลหะและท่อนกระบี่พบเจอกันกลางสายฝนหนักหน่วง

เกิดความสงบในระยะเวลาอันสั้น จากนั้นเป็นเสียงระเบิดแห่งฟ้าคำรนที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง น้ำฝนถูกสั่นสะเทือนจนแตกกระจาย สลายเป็นลูกธนูวารีนับพันหมื่นสาย ยิงออกไปยังรอบข้างอย่างรวดเร็วตามแนววงกลม บนหน้าผาภูเขาที่หน้าประตูหลักของสุสานถูกยิงจนเป็นรูเล็กลึกๆ จำนวนมาก พันแผลร้อยรู แสงสีใสสายหนึ่งกระจายออกมาจากบนธนูอู๋ที่ด้านหลังของสวีโหย่วหรง ปกป้องนางไว้ แต่กลับปกป้องเฉินฉางเซิงไม่ได้

บนเสื้อของเฉินฉางเซิงทุกที่เต็มไปด้วยรูเล็กละเอียด เหมือนกับใบไม้หลังถูกแมลงกัดกิน ปลิวสะบัดอยู่กลางฝน สีหน้าของเขาขาวซีดถึงที่สุด สองเท้ายังคงตกอยู่ในหลุมพื้นหินเขียวที่แข็งแกร่ง รอบข้างเป็นรอยร้าวราวกับใยแมงมุม มองดูอนาถเล็กน้อย

แต่เขาไม่ถอยแม้แต่ก้าวเดียว

ขุนพลเผ่ามารที่แข็งแกร่งคนนั้นถอยไปแล้ว ถูกกระทบกระเทือนจนถอยร่นไปนอกอาณาเขตร้อยกว่าจั้งทันที ตกลงในน้ำฝนอย่างหนักหน่วง พ่นโลหิตออกมาอย่างต่อเนื่อง ท่อนเหล็กแท่งนั้นในมือ งอเป็นองศาที่เกินจริงอย่างยิ่ง

เสียงฝนรุนแรงยังคงดังดั่งฟ้าผ่า ด้านบนด้านล่างของถนนเสินเงียบสงบไปถ้วนทั่ว