บทที่ 207 (ตอนพิเศษ ตอนที่ 25)

พลิกนาฬิกา ย้อนชะตานางร้าย

* * *

“ว้าว ดูนี่สิ! สร้อยคอนี่น่ารักจริงๆ เลย! เหมือนแบบที่แม่มีอยู่เลยล่ะ!”

อาเรียมองสร้อยคอราคาถูกพร้อมกับเบิกตากลมโตอึ้งกับมัน เป็นสร้อยคอที่ถึงจะมีคนให้ก็ไม่อยากรับด้วยซ้ำ

เห็นว่าชอบขนาดนั้นก็อยากจะซื้อให้ แต่แทนที่จะซื้อสร้อยคอที่เหมือนขยะแบบนั้นอยากจะซื้อสร้อยคอที่มีเพชรพลอยแท้ประดับจริงๆ เสียมากกว่า เพราะฉะนั้นเลยซื้ออะไรง่ายๆ ไม่ได้

“ชอบสร้อยคอเหรอ”

“สร้อยคอเหรอ อื้ม ชอบสร้อยคอด้วย ชอบต่างหูด้วย แหวนก็ชอบนะ! สร้อยข้อมือด้วย! เป็นประกายสวยมากเลยล่ะ!”

“…อย่างนั้นเองสินะ”

เห็นว่าชอบขนาดนั้นคงต้องซื้อสร้อยดีๆ ให้สักเส้นเสียแล้วล่ะ ไม่ใช่สร้อยถูกๆ ตามร้านข้างทางแต่เป็นสร้อยชั้นสูงน่ะ เห็นบอกว่าชอบทั้งต่างหู แหวน สร้อยข้อมืออีก ต้องซื้อให้หมดเสียแล้ว

แต่จะซื้อให้เมื่อไหร่ดีล่ะ

อยากจะซื้อให้ตอนนี้เลย แต่ว่าไม่มีเงินพอจะซื้อให้น่ะสิ หากจะทำอย่างนั้นก็ต้องกลับวังหลวงไปอีกครั้งก่อน

ทว่าตัวเขาที่โดนตามล่ามาจากวังหลวงจนต้องหนีมา กลับไม่มีความกล้ามากพอจะกลับไป ทั้งหนทางจะกลับยังสับสนไปหมด

‘ไม่มีหนทางอื่นเลยเหรอ…’

วิธีที่สามารถซื้อเครื่องประดับให้อาเรียได้โดยไม่ต้องกลับไปวังหลวง ถึงเป้าหมายจะเปลี่ยนไปก็ตาม แต่ตอนนี้สิ่งสำคัญอันดับแรกสำหรับอาซคือเรื่องนั้น เพราะเขาต้องการเห็นสีหน้าอาเรียที่ได้ดีใจที่ได้รับเครื่องประดับสวยๆ เป็นของขวัญ

“ชอบสีอะไรเหรอ”

พลางคิดว่าถามไว้ก่อนจะดีกว่า อาซจึงเอ่ยปากถามอาเรีย

“สี สีสร้อยคอเหรอ”

“อืม  สร้อยคอด้วย ต่างหูด้วย”

“อืม… สีฟ้า”

“สีฟ้า”

“อื้ม! สีฟ้าสวยๆ เหมือนดวงตาของอาซ”

ช่างน่ารักเสียจริง

ทำไมถึงได้น่ารักน่าชังขนาดนี้เชียวนะ แม้ท่าทางจะไม่มีมารยาทและคำพูดคำจาหักดิบไม่เรียบร้อย แต่อาซกลับไม่รู้สึกอย่างนั้น เป็นเด็กผู้หญิงที่น่ารักไปเสียทุกอย่างจริงๆ

“…อย่างนั้นสินะ เข้าใจแล้ว”

 สักวันหนึ่ง

หากกลับเข้าวังหลวงได้จะต้องให้ของขวัญเป็นเครื่องประดับสีฟ้าให้แน่นอน

ทั้งสร้อยคอ, ต่างหู, สร้อยข้อมือ รวมไปถึงแหวน หากให้ของขวัญเป็นสิ่งของที่เต็มไปด้วยสีของตัวเอง อาเรียจะดีใจไหมนะ หวังว่าอาเรียจะชอบใจ

คิดแบบนั้นพลางจับมืออาเรียแน่นเพื่อไม่ให้พลัดหลงไปกับฝูงชน ทันใดนั้นก็มีใครคนหนึ่งจับอาซอย่างรุนแรง

“จับได้แล้ว”

ในขณะเดียวกันก็ปิดปากอาซแน่น

เพื่อไม่ให้เขาเปล่งเสียงออกมาได้ ชายผู้นั้นคว้าแขนอาซพร้อมกับดึงไปด้วยแรงที่ไม่น่าเชื่อ ทำให้อาเรียที่จับมืออาซอยู่ล้มลงไปกับพื้น

“อึก…!”

อาเรียส่งเสียงร้องเพราะเจ็บมาก ทำให้ตัวเองเป็นจุดสนใจจากคนรอบข้างที่อยู่ในละแวกนั้น แผนการที่จะลักพาตัวอาซแล้วฆ่าทิ้งกลับห่างไกลออกไป

“อะไรน่ะ”

“ดูท่าจะล้มนะ”

“ต้องไปพยุงเขาไหมเนี่ย”

“ไม่ใช่เป็นชนชั้นสูงเหรอ…”

เนื่องจากตกเป็นเป้าสายตาจึงทำให้ชายผู้นั้นตื่นตระหนกและทำตัวไม่ถูก ในระหว่างนั้นอาซที่ล้มลงไปจึงรีบจับอาเรียหามขึ้นหลัง ใช้พลังเฮือกสุดท้ายเพื่อวิ่งหนี

“บ้าจริง…!”

ชายผู้นั้นจึงรีบตามตัวไป

ด้วยย่างก้าวที่เร่งรีบไม่ให้หลุดมือไปได้ แน่นอนว่าชายผู้นั้นต้องก้าวได้ไวกว่าก้าวของอาซที่กำลังแบกอาเรียอยู่ด้วย จึงสามารถตามจับอาซได้ในอีกไม่นาน

แต่ว่า

‘แต่จะว่าไปจะพาไปฆ่าอย่างไรดีล่ะ’

คนก็เยอะขนาดนี้ ไม่สามารถฆ่าต่อหน้าสายตาผู้คนที่เยอะขนาดนี้ได้ เพราะหากเห็นใบหน้าก็ทำให้เป็นเรื่องได้

แม้จะไม่ต่างอะไรกับการถูกจับตัวแล้วก็ตาม อาซยังคงไม่ยอมแพ้คิดหาวิธีหนีชายผู้นั้นอยู่ ทันใดนั้นก็เหมือนกับนึกวิธีหนีออกจึงปล่อยมือทั้งสองลง

“เฮือก…! อะ อาซ! ฉันเจ็บ!”

“…โทษที ขอโทษนะ ทนหน่อยแล้วกัน ขอโทษนะ”

อาเรียที่ไม่ยังรู้สถานการณ์ท้ายที่สุดก็ร้องไห้ออกมา อาซจึงขอโทษอยู่ยกใหญ่ หากเป็นแบบนี้ต่อไปต้องโดนชายพวกนั้นจับไปแน่ ทั้งที่รู้ว่าถ้าปล่อยให้ร้องแบบนี้จะหนีไปไหนไม่ได้อย่างไรล่ะ

หากทิ้งอาเรียไว้ก็สามารถหลบหนีได้อย่างราบรื่นอยู่แล้ว แต่อาซไม่สามารถทิ้งอาเรียไว้ได้ หากโชคดีก็อาจจะมีชีวิตอยู่ต่อ แต่ถ้าโชคร้ายพวกมันเจอเข้าอาจจะโดนฆ่าทิ้งทันที

จะปล่อยให้อาเรียตายไปไม่ได้ อีกนิดเดียว อีกนิดเดียว เร็วกว่านี้.. หากหนีได้เร็วกว่านี้ อาจจะสามารถช่วยชีวิตอาเรียได้

จึงกัดฟันรีบสับขาก้าวต่อ

“อึก”

และแล้วความเจ็บปวดก็แล่นเข้ามาตรงสะโพกด้านขวา

“อึก…!”

ไม่ใช่แค่ครั้งเดียวแต่ถึงสองครั้ง ความเจ็บปวดราวกับของมีคมสักอย่างเสียดแทงเข้ามา

ร่างกายอาซตอบสนองโดยการบิดตัวไปด้านซ้าย เพื่อหลบหลีกชายที่จะเข้ามาปะทะด้านขวา

“อึก!”

และแล้วก็โดนโจมตีอีกครั้ง อาซสูญเสียทิศทางไปอย่างสิ้นเชิง อาเรียทั้งกลัวและรู้สึกถึงอะไรแปลกๆ ที่ขาของเธอ ความรู้สึกอุ่นและเปียกชื้นจนหันไปมอง

“ละ.. เลือด…!”

แม้จะโดนโจมตีเล็กน้อย แต่เพราะโดนมีดสั้นแทงทำให้ต้นขาของอาซมีเลือดไหลออกมา

นั่นไม่ใช่แผลที่เด็กผู้ชายจะทนรับมือกับความเจ็บไหว ต้องลงไปเกลือกกลิ้งอยู่กับพื้นพลางตะโกนร้องออกมาจึงจะถูก

ทว่าอาซที่แบกอาเรียอยู่บนหลังตัวเองกลับทำแบบนั้นไม่ได้ แม้จะเจ็บจนขาแทบขาดออกเป็นเสี่ยงๆ ก็ต้องทนกับความเจ็บปวดพยายามวิ่งและวิ่งต่อไป

แม้จะไม่ได้อยู่ในสภาพที่สามารถวิ่งต่อไปได้แต่เมื่อคิดถึงอาเรียที่อยู่บนหลังตัวเองแล้ว ทำให้เขาไม่สามารถหยุดได้ แผลที่ต้นขาเมื่อครั้งที่แล้วยังทำให้เขาเจ็บจนล้มลงลุกไม่ไหวเลยด้วยซ้ำ

“อะ อาซ…! เลือด.. เลือดไหล! เลือด! บอกว่าเลือดไหลไง!”

ท้ายที่สุดแล้วคนที่ไม่ไหวก็คืออาเรีย

เธอหน้าซีดเผือดราวกับตัวเองได้รับบาดเจ็บทั้งยังเขย่าเสื้ออาซอยู่อย่างนั้น พลางร้องให้รีบรักษาตัวเพราะเขาได้รับบาดเจ็บอยู่

“ฉันจะลง! ฉันเดินเองได้! วิ่งได้ด้วย!”

และทันใดนั้นก็เข้าใจความจริงที่ว่าอาซกำลังวิ่งหนีอะไรอยู่จึงรีบบอกว่าจะวิ่งด้วยตัวเอง ทำเช่นนั้นก็เพื่อตัวอาซ เพราะคิดว่าเขาจะสามารถวิ่งหนีได้เร็วขึ้น

แต่ว่า

ปั้ก

มันสายไปเสียแล้ว

ก่อนจะทำเช่นนั้นได้ก็มีชายผู้หนึ่งผลักหลังของอาซ อาซจึงล้มลงสู่พื้น ส่วนอาเรียที่อยู่บนหลังของอาซก็กลิ้งตกพื้นเช่นกัน

“ในที่สุดก็มาถึงที่เงียบๆ แล้วสินะ”

ชายผู้นั้นเดินลัดเลาะทางมาดักหน้าพลางส่งสายตา

ไม่มีที่ไหนให้หลบหนีอีกแล้ว

“อาเรีย! “

ทั้งที่อาซกำลังตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายที่หัวจะหลุดจากบ่าได้ทุกเมื่อแต่ก็ยังหาตัวอาเรียก่อน โชคดีที่ไม่ได้กลิ้งตกไปไกลจึงสามารถเจอตัวอาเรียได้ไม่นาน

“ปะ เป็นอะไรไหม! ไม่เป็นไรใช่ไหม!”

นั่นเป็นสิ่งที่อาเรียควรจะพูดเสียมากกว่า อาเรียมองมือของอาซที่สั่นเทาขณะที่ช่วยพยุงตัวเองขึ้น

สภาพดูไม่ได้เลย

ทั้งเหงื่อทั้งเลือดปะปนกันไปหมด หากเป็นคนไม่รู้จักอาจจะตะโกนร้องไปแล้ว จู่ๆ นี่มันเรื่องเคราะห์ร้ายอะไรกัน

หากนี่เป็นความฝัน

และแล้วน้ำตาก็พรั่งพรูออกมา

“อาซ…!”

“อึก!”

ทว่าราวกับจะเตือนสติว่านี่ไม่ใช่ความฝัน ชายผู้นั้นจึงเตะไหล่อาซด้วยเท้าจนล้มลง เขาไม่ปล่อยให้อาซและอาเรียได้มีเวลาพักเลยด้วยซ้ำ

“อีกไม่นานก็ต้องตายอยู่แล้ว กลับมาพลอดรักอะไรอยู่นี่ สงสัยคงจะมีเวลาเยอะสินะ”

ชายผู้นั้นถือมีดสั้นอยู่ในมือ

เป็นมีดสั้นที่ใช้ทำร้ายอาซตั้งแต่เมื่อครู่นี้ เนื่องจากเป็นที่ที่มีคนอยู่มากจึงไม่สามารถจัดการฆ่าได้ จึงใช้มันต้อนอาซเข้ามาในทางมุมอับ

ชายผู้นั้นที่ตั้งใจจะฆ่าอาซโดยใช้มีดสั้นจึงรีบปรี่เข้าไปหาอาซอย่างรวดเร็ว ราวกับเขาเป็นมัจจุราชแห่งความตาย

ชายคนนั้นนั่งกดลงบนหน้าท้องอาซเพื่อไม่ให้เขาดิ้นหนีไปได้ ใช้มือหนึ่งจับไหล่กดไว้ ส่วนอีกมือใช้มีสั้นแทงไปตรงต้นขา เพื่อไม่ให้หนีไปที่ไหนได้

“อ๊ากกก!”

อาซกรีดร้องออกมาจนเห็นเส้นเลือดที่คอชัดเจน ดวงตาที่ใสสะอาดกลับเต็มไปด้วยเส้นเลือด เปลี่ยนไปเป็นสภาพที่ไม่เหมาะสมกับอาเรียแม้แต่นิด และในเหตุการณ์ที่น่ากลัวเช่นนั้นอาเรียก็กรีดร้องออกมาตามอาซด้วยเช่นกัน

“ถึงการฆ่าเด็กนี่จะไม่ใช่เรื่องที่สมัครใจ แต่เพื่อราชอาณาจักรแล้วก็ช่วยไม่ได้สิ”

แม้จะเป็นคำสั่งจากส่วนกลางแต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความละอายใจต่อตัวเองหรือเปล่าทำให้เขาพูดเรื่อยเปื่อยอย่างไร้สาระ ปกติแล้วจะไม่ทำการกระทำเช่นนั้นแน่

“อย่างไรเสียถึงจะมีชีวิตต่อไปก็ต้องพบกับความเจ็บปวดอยู่แล้ว ตายไปอย่างสงบเสงี่ยมเถอะ”

และแล้วชายผู้นั้นก็สลัดความรู้สึกผิดออกไปด้วยคำพูดโน้มน้าวจิตใจตัวเอง จากนั้นจึงยกมีดสั้นขึ้นสูง

เพิ่มแรงไปที่มือราวกับจะไม่ให้พลาดเด็ดขาด หากมีดสั้นหลุดมืออีกล่ะก็…

‘อาเรียล่ะ…!’

อาซที่ไม่มีทางหนีอีกแล้วจึงหันไปมองอาเรีย

อาเรียที่ไม่รู้ความหมายท่ามกลางสถานการณ์นั้นทั้งยังตกอยู่ในความกลัวจนหน้าซีดเผือดตัวสั่น

ต้องรีบหนีแล้วสิ ไม่มีเวลาให้ทำแบบนี้แล้ว

หากเป็นพยานก็จะต้องโดนฆ่าแน่นอน จะต้องตกอยู่ในสภาพโหดร้ายถึงขั้นที่ตามหาศพไม่เจอแน่ เพราะฉะนั้นต้องรีบ

“หนี หนีไป หนีไป! รีบหนีไปซะ!”

ชายผู้นั้นขมวดคิ้วกับเสียงตะโกนของอาซ

ดูเหมือนว่าจะไม่พอใจที่เด็กน้อยแม้จะตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายแบบนี้ กลับไม่ร้องขอชีวิตตนเองแต่ไปปกป้องคนอื่น และสิ่งนั้นก็ปลุกความรู้สึกละอายของชายผู้นั้น

ทันทีที่อาเรียได้สติจากเสียงร้องของอาซก็รีบลุกขึ้น ขณะที่อาซโล่งใจที่คิดว่าอาเรียจะวิ่งหนีไปตามที่เขาต้องการ แต่อาเรียกลับมองไปยังชายคนนั้นทั้งยังแสดงท่าทางไม่พอใจอีกด้วย

“ไอ้คนเลว!”

“……!”

จู่ๆ อาเรียที่ถูกผลักล้มลงไปก็รวบรวมแรงทั้งหมดที่มีใช้มือเล็กๆ ของเธอผลักชายคนนั้น ช่างน่าตลกจริงๆ ที่อาเรียไปขวางตรงหน้าอาซและกางสองแขนออกกว้าง

“อย่า.. อย่ารังแกอาซนะ! อย่าทำนะ!”

และแล้วน้ำตาคลอเบ้าก็ไหลออกมาจากดวงตาทีละหยดๆ ช่างไม่เข้ากับเด็กหญิงตัวน้อยเสียเลย

ชายผู้นั้นพยายามกลั้นหัวเราะกับความเก้ๆ กังๆ อาซที่ได้รับการคุ้มกันอยู่หลังอาเรียอย่างไรล่ะ

ไม่รีบหนีไปแล้วมัวทำอะไรอยู่ล่ะ รีบหนีไปในระหว่างที่มือสังหารกำลังอยู่นิ่งเพราะการกระทำบ้าๆ ของแกซะสิ!

อาซที่ไม่สามารถอุ้มอาเรียหนี จึงได้แต่ตะโกนบอกให้รีบหนีราวกับโทษความไร้ความสามารถของตัวเอง

“ขอร้องล่ะ…! ได้โปรด หนีไป! ได้โปรด!”

“ไม่เอา! บอกว่าไม่ไง! บอกแล้วว่าถ้าเกิดสู้กันฉันช่วยไง! ฉันสัญญาแล้วไงว่าจะช่วยอาซ! อาซก็ช่วยฉันแล้วนี่นา!”

“นั่น…”

เพียงแค่เห็นว่าทะเลาะกันอยู่ตรงหน้า แล้วแค่ตัวเขาก็สามารถชนะได้เลยช่วยไว้อย่างไรล่ะ ไม่มีทางจะรักษาสัญญาเรื่องเล็กๆ แบบนั้นด้วยความจริงใจหรอก

ทว่าอาเรียกลับตั้งใจจะช่วยปกป้องอาซจริงๆ จึงใช้มือที่อ่อนแอของเธอยื่นไปจับแขนอาซ แน่นอนว่าถึงจะทำแบบนั้นไปแม้จะตัวใหญ่กว่าก็ไม่สามารถช่วยอาซหนีไปได้ เป็นเพียงความพยายามที่ไร้ประโยชน์เท่านั้น

ท้ายที่สุดอาเรียที่เข้าใจว่าเป็นไปไม่ได้จึงดึงอาซเข้ามากอด ราวกับจะรับมีดสั้นของชายผู้นั้นแทนอาซ อาเรียกอดอาซแน่นเพื่อไม่ให้อาซผลักตัวเองออกไปได้

……………….