บทที่ 208 (ตอนพิเศษ ตอนที่ 26)

พลิกนาฬิกา ย้อนชะตานางร้าย

“ฉันไม่เป็นไร ได้โปรด ได้โปรด หนีไป…!”

“ไม่เอา! ไม่เอา! บอกว่าไม่ไง!”

“อาเรีย! “

“ไม่เอา!”

“ฉันไม่เป็นไร!”

“ไม่เอา! ไม่เอา! ไม่เอา! ไม่เอา!”

อาเรียยิ่งเกาะติดอาซไปอีก ไม่ให้อาซที่ได้รับบาดเจ็บสามารถผลักเธอออกไปได้

ชายที่มองเหตุการณ์ตรงนั้นก็รู้สึกแทงใจดำตัวเองเข้า จึงรีบรวบรวมความกล้าและจับมีดสั้นให้แน่นยิ่งกว่าเดิม

หน้าที่ก็คือหน้าที่

ภารกิจยิ่งใหญ่ที่ต้องปลิดชีพเด็กนั่นเพื่อความยุติธรรม

เพียงแค่กำจัดเด็กที่อยู่ตรงหน้าได้ก็จบแล้ว เพื่ออนาคตที่สงบสุขของทุกคน

“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องจัดการพร้อมกันเลยแล้วกัน อย่างไรเสียก็ไม่ได้จะคิดไว้ชีวิตแล้วปล่อยไปเฉยๆ อยู่แล้ว”

ชายผู้นั้นสละความละอายใจอย่างน่าสะอิดสะเอียน อาซที่เผชิญหน้าอยู่จึงเบิกตากว้าง หากเป็นแบบนี้ต่อไป ทั้งตัวเขาและอาเรียก็จะต้องโดนฆ่าแน่

เป็นเรื่องที่แย่ที่สุด

ไม่สิถึงจะใช้คำที่แย่ขนาดไหนก็ไม่สามารถอธิบายสถานการณ์ตอนนี้ได้

ต้องทำอย่างไรดีนะ ก่อนที่จะได้คิดและหาคำตอบชายคนนั้นก็เข้ามาพร้อมกับมีดสั้น ไม่นะ ไม่ได้นะ! หากผลักไม่ได้ล่ะก็…!

“อาเรีย! “

“……!”

อาซใช้พลังทั้งหมดพลิกตัว ทันใดนั้นมีดสั้นในมือของชายผู้นั้นก็ปักลงตรงหลังอาซ ทุกอย่างเกิดขึ้นในชั่วพริบตา

“อะ อาซ…!”

อาเรีบที่ตกใจรีบปรี่เข้าไปเขย่าไหล่อาซ มือของเธอสั่นเทาไปหมด ทว่าร่างกายของอาซที่ถูกมีดแทงกลับเหมือนสำลีที่ชุ่มไปด้วยน้ำทอดยาวอยู่เหนืออาเรีย

“อาซ!”

ทันทีที่เพิ่มแรงเขย่า เลือดสีแดงสดก็ออกมาจากริมฝีปากอาซเปื้อนไหล่ของอาเรีย รับรู้ถึงพลังของความตายที่กำลังคืบคลาน

หรือว่า คงไม่ตายใช่ไหมนะ อาเรียสูดหายใจเข้า ไม่สิ หายใจไม่ได้

“…อึก”

ในระหว่างนั้นชายผู้นั้นก็ถอดมีดสั้นที่ปักหลังอาซออก เนื่องจากไม่ได้เป็นการโจมตีที่หนักหนาอะไร จึงเตรียมที่จะโจมตีอีกครั้ง

อาซที่เริ่มรับรู้ได้ถึงความตายของตน พยายามขยับแขนที่แทบจะไม่มีแรงเหลือให้เคลื่อนไหวโอบกอดอาเรีย

อย่างไรก็ตามต้องช่วยอาเรียมีชีวิตรอดให้ได้ หากเป็นเช่นนี้ชายผู้นั้นที่ฆ่าเขาจะต้องฆ่าอาเรียด้วยแน่นอน

แต่อาซที่ทั้งยังเด็กและไร้ความสามารถอะไรกลับทำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง เพิ่งจะได้พบคนที่พอใจแท้ๆ อย่าว่าแต่จะปกป้องเลย เขากลับผลักเธอไปสู้ความตายเสียมากกว่า

“…ได้โปรด…”

ได้โปรดขอแค่อาเรียได้มีชีวิตรอดเท่านั้น

แม้ตนจะต้องตายไปก็ไม่เป็นไร ขอแค่อาเรียเท่านั้น แม้จะรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ก็หวังแค่ปาฏิหาริย์จะช่วยชีวิตอาเรีย พระเจ้าได้โปรดช่วยชีวิตเด็กที่น่าสงสารเช่นนี้ด้วยเถิด

ด้วยความรู้สึกถึงความน่ากลัวตามหลังเขามา อาซจึงเกร็งแขนที่กอดอาเรียไว้

เหลือแรงเฮือกสุดท้ายแล้ว เพื่อขอร้องให้ช่วยอาเรีย ตัวเขาเองไม่เป็นไร เพียงแค่หวังว่าจะช่วยอาเรียก็เท่านั้น อาซที่มีความตายรออยู่ตรงหน้า ได้แต่คาดหวังพรที่ไม่สามารถเกิดขึ้นได้จริง

แกร๊ง!

แล้วจู่ๆ อาซและอาเรียที่อยู่ตรงหน้าก็หายตัวไปทำให้มีดของชายผู้นั้นตกลงพื้น

“หะ หายไปไหนนะ”

เมื่อกี้ยังอยู่ต่อหน้าเลยนี่!

ชายผู้นั้นขยี้ตาแล้วตรวจดูบริเวณรอบๆ

ทว่าสิ่งที่เห็นก็มีเพียงแค่ความมืดเท่านั้น แม้จะตามหาบริเวณโดยรอบแล้วแต่ก็ไม่มีร่องรอยของคนเลยแม้แต่น้อย สิ่งที่เหลืออยู่มีเพียงรอยเลือดของอาซ

“เฮอะ…”

ชายผู้นั้นวิ่งออกตามหาอาซและอาเรียที่หายไปตรงทางเดินอีกครั้ง

* * *

ในเวลาเดียวกัน

อาซที่มาถึงข้างทางหน้าบ้านหลังเก่าของอาเรียจากนั้นเขาจึงค่อยๆ ปล่อยเธอออกจากอ้อมแขน แม้จะอยู่ในสภาพที่โดนมีดปักด้านหลังจนเลือดไหลไม่หยุด แต่เขากลับไม่มีความรู้สึกอะไร

“…อะ อาซ”

ไม่รู้ว่านี่เป็นสถานการณ์อะไรอาเรียจึงเรียกชื่ออาซ ทว่าสิ่งที่อาซบอกอาเรียกลับไม่ใช่คำตอบ แต่เป็นคำเตือน

“ลืมเรื่องทั้งหมดที่เขาเคยพบกันซะ ห้ามจดจำมันเด็ดขาด มันไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น แล้วก็ช่วงนี้ไม่ต้องออกจากบ้าน”

ด้วยสีหน้าที่เย็นชาและไม่สนใจอะไร

ทั้งน้ำเสียงก็ยังเป็นแบบนั้นทั้งน้ำเสียงก็ยังเป็นแบบนั้น ราวกับกลายเป็นคนอื่น ซึ่งนั่นน่ากลัวยิ่งกว่าความตายเสียอีก จนสีหน้าของอาเรียซีดเผือดทันที

“หมายความว่าอะไร…!”

“ถ้าอยากจะมีชีวิตรอดก็ทำแบบนั้น ทั้งเธอ ทั้งฉัน สัญญาสิว่าจะทำอย่างนั้น”

หากอยากมีชีวิตรอดก็ต้องทำอย่างนั้น หากทำเช่นนั้นอาซจะรอดอย่างนั้นเหรอ จะเป็นแบบนั้นจริงๆ ใช่ไหม! ทั้งคำพูดของอาซและสถานการณ์ตอนนี้ ไม่มีอะไรที่เข้าใจและสามารถยอมรับได้เลยสักอย่าง

ทว่าแทนที่อาซจะอธิบายกลับรอคำตอบของอาเรียด้วยสีหน้าที่เมินเฉยจึงทำได้แค่พยักหน้าเท่านั้น

แม้จะเป็นการเคลื่อนไหวที่เล็กน้อยก็ตามอาซก็สามารถรับรู้ได้จากนั้นจึงหันหลังกลับ

“จะ จะไปไหน!”

ท่าทางอาซที่ทำอย่างกับจะหายตัวไปเสียอย่างนั้นทำให้อาเรียรีบถาม

อย่าไปนะ จะไปไหน!

ทว่าแทนที่อาซจะบอกเป้าหมายกลับหันหน้ามาเพียงครู่หนึ่งเพื่อมองใบหน้าของอาเรียเป็นการบอกลา

และแล้วเมื่อหันหน้ากลับไปอาซก็ก้าวห่างไปอีกก้าวหนึ่ง ระยะห่างเพียงแค่ก้าวเดียวเท่านั้น แต่น่าแปลกใจที่บริเวณนั้นกลับไม่มีร่องรอยของอาซเหลืออยู่เลย

ราวกับเปลวควันภาพลวงตา เพียงแค่ก้าวเดียว ทุกอย่างของอาซกลับหายไป

“อะ อาซ…! อาซ!”

‘ลืมเรื่องทั้งหมดที่เขาเคยพบกันซะ ห้ามจดจำมันเด็ดขาด มันไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น แล้วก็ช่วงนี้ไม่ต้องออกมานอกบ้าน’

‘ถ้าอยากจะมีชีวิตรอดก็ทำแบบนั้น ทั้งเธอ ทั้งฉัน สัญญาสิว่าจะทำอย่างนั้น’

คำพูดของอาซวนอยู่ในหัวราวกับเป็นเวทมนตร์

วนซ้ำไปซ้ำมาราวกับจะล้างสมองเธอเสียอย่างนั้น ทำให้อาเรียเวียนหัวหนัก ในหัวของอาเรียสับสนไปหมดราวกับจะแตกเป็นเสี่ยงๆ

“อ๊ากก!“

ฟุ่บ

และแล้วก็ทนกับความเจ็บปวดไม่ได้ อาเรียจึงล้มฟุบลงไปที่พื้น เวลาผ่านไปพักใหญ่หลายชั่วโมงแม่ของอาเรียก็พบตัวอาเรียที่ยังอยู่ตรงจุดเดิม

“ใคร… อะ อาเรีย!”

เสียงของคารินดังไปทั่วทางเก่านั่น

เป็นเพราะอาเรียเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดของอาซทั้งตัว เสื้อผ้าที่สวยงามและผมสีทองสลวยกลับเลอะเลือดและคราบดินจนไม่เหลือเค้าโครงเดิม

“ระ โรงพยาบาล… โรงพยาบาล! โรงพยาบาล!”

คารินที่พยุงอาเรียเข้ามากอดก็สภาพไม่แพ้กัน

เมื่อครู่ยังเป็นหน้าตาที่แสนสวยอยู่ ทว่าตอนนี้กลับเลอะคราบน้ำตาจนเครื่องสำอางถูกลบไปหมดและมีเพียงใบหน้าที่เศร้าสร้อยของคนเป็นแม่เท่านั้น

คารินวิ่งออกไปจากทางทั้งที่ยังโอบกอดอาเรียอยู่ แม้จะไม่มีแรงถึงขนาดนั้น แต่แรงแขนที่กอดอาเรียและขาของเธอจะไม่มีวันล้าโดยเด็ดขาด

และแล้วก็วิ่งเป็นอยู่พักใหญ่อาเรียและอาซก็สามารถมาถึงที่โรงพยาบาลได้ พลางบอกหมอที่สภาพเหมือนเพิ่งตื่นนอนให้ช่วยชีวิตลูกสาวตอนเอง

“อาเรีย…! อาเรีย! แม่ขอโทษ! แม่ขอโทษลูกจริงๆ! แม่ไม่น่าทิ้งลูกไว้เลย! ไม่น่ามาช้าขนาดนี้เลย!”

ทันใดนั้นหมอที่รักษาอาเรียพร้อมกับความตะลีตะลานของคารินจึงส่ายหัวไปมาพร้อมกับถอนหายใจ เนื่องจากอาเรียดูเหมือนจะได้รับบาดเจ็บหนักคารินจึงเริ่มร้องไห้หนักจนสุดเสียง

“ไม่ต้องร้องไห้ไปหรอกครับ เพราะไม่มีส่วนไหนได้รับบาดเจ็บ”

“…คะ”

“อา มีส่วนที่บาดเจ็บอยู่เหมือนกันนี่ ดูเหมือนว่าจะหกล้มน่ะครับ เข่าเลยถลอก”

หมอฆ่าเชื้อแผลที่เข่าอาเรียพลางตอบ

คารินถามด้วยสีหน้าที่ไม่รู้เรื่อง

“ไม่มีส่วนไหนได้รับบาดเจ็บอย่างนั้นเหรอคะ แค่ที่เข่านี่เหรอ เลือดไหลออกมาตั้งเยอะแบบนี้…”

“เลือดนี่ไม่ใช่เลือดของเด็กคนนี้หรอก หากไม่เชื่อก็ไปเอาผ้าขนหนูชุบน้ำแล้วลองเช็ดดูสิ”

หมอส่งสายตาไปที่ผ้าขนหนูที่ตกอยู่ตรงมุม

ทันใดนั้นคารินก็รีบนำผ้าขนหนูชุบน้ำมาเช็ดใบหน้า ไหล่ หลัง และก็เป็นอย่างที่หมอบอกจริงๆ ไม่มีส่วนไหนได้รับบาดเจ็บเลย

“เพราะฉะนั้นเลิกตะลีตะลานและเชิญกลับบ้านได้แล้ว ดึกดื่นป่านนี้ มาปลุกคนนอนหลับสนิทอีก”

หมอที่รักษาเสร็จก็ไล่คารินกลับ คารินแบกอาเรียที่ยังไม่ตื่นกลับเหม่อคิดพลางบ่นพึมพำ

“นี่… หากนี่ไม่ใช่เลือดของอาเรียแล้วเป็นเลือดของใครกันล่ะ ทำไมถึงได้เลอะขนาดนี้”

อาเรียนอนหลับไปทั้งวันเมื่อตื่นขึ้นมากลับจำเรื่องราวที่เกิดขึ้นไม่ได้เลย

จำเรื่องอะไรไม่ได้สักอย่าง ทำไมตอนแรกถึงใส่ชุดแบบนั้น เลอะเลือดของใครมา เกิดเรื่องอะไรขึ้น

“เป็นเรื่องจริงเหรอ ไม่ใช่ว่าโดนใครขู่มา จนกลัวเลยไม่กล้าพูดใช่ไหม”

งึกๆ อาเรียพยักหน้าแสดงท่าทางเห็นด้วย

เป็นใบหน้าที่เรียบเฉยราวกับไม่ได้โกหกแต่ไม่มีเรื่องอะไรแบบนั้นจริงๆ คารินถอนหายใจพลางทึ้งหัวตัวเอง

“…ดี ก็ถือซะว่าเป็นอย่างนั้นแล้วกัน แม่ก็ไม่มีแรงจะถามต่อแล้ว ต่อไปก็อย่าออกไปไหนอีกล่ะ แม้แต่หน้าบ้านด้วย เข้าใจไหม”

“ค่ะ”

ปกติก็ไม่ให้ออกไปไหนอยู่แล้ว จะมาห้ามไม่ให้ออกไปไหนอีกล่ะ อาเรียตอบอย่างลวกๆ คารินที่เบาใจลงหน่อยจึงรีบเตรียมตัวออกไปข้างนอก

* * *

“……!”

โรฮันตัวน้อยที่เห็นตัวเองเต็มไปด้วยเลือดแล้วตกใจอย่างหนัก เป็นฉากสุดท้ายที่ทำให้อาซสะดุ้งตื่นขึ้นมา

เมื่อลืมตาตื่นขึ้นก็เห็นว่ายังเป็นเวลากลางคืนอยู่ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะผลกระทบจากความฝันหรือเปล่าทำให้เหงื่อแตกไหลไปตามคาง

‘นี่มันเรื่องอะไรกัน…’

จากนั้นก็รีบหันไปมองอาเรียที่นอนหลับอย่างเหน็ดเหนื่อยอยู่ข้างๆ

เมื่อนำมือไปอังใต้จมูกก็รู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆ เอามือไปแตะแก้มก็รู้สึกถึงไออุ่นจากตัว

ยังมีชีวิตอยู่ ยังคงเป็นอาเรียที่อบอุ่นและอ่อนโยนอยู่เสมอ

‘ทำไมช่วงเวลาที่ผ่านมาเขาถึงลืมได้นะ’

ว่าเคยเจอกันมาก่อนหน้านี้นานมาก จนถึงตอนนี้เขานึกว่าโดนโจมตีจนมายังโครอาเสียอีก แต่ยังมีเรื่องราวที่ลึกมากกว่านั้น

‘เพื่อเอาชีวิตรอดสินะ แต่ทำไมฉัน…’

ถึงหลงลืมอาเรียอยู่ล่ะ

ไม่สิ ตอนที่ค้นพบพลังครั้งแรกก็ยังจำได้ไม่ชัดเจนเท่าไหร่นัก จะบอกว่าไม่มีเลยก็ได้

หลังจากโดนโจมตีจากในวังความทรงจำก็ขาดหายไป เมื่อได้สติขึ้นมาอีกทีก็อยู่ในอาณาจักรโครอาเสียแล้ว และมีพลังหายตัวแล้วด้วย

และก็ได้รู้ความจริงว่าหลังจากตกอยู่ในสถานการณ์ที่ถึงแก่ชีวิตจะทำให้มีพลังวิเศษขึ้น ในตอนนั้นยังเข้าใจว่าแค่โดนโจมตีจึงเกิดขึ้นได้

แต่ว่า

‘มันไม่ใช่อย่างนั้น แทนที่จะบอกว่าเป็นเพราะวิกฤตถึงแก่ชีวิตแล้ว แต่เพื่อช่วยชีวิตอาเรียต่างหาก’

เพื่อช่วยอาเรียที่ตกอยู่ในวิกฤตถึงแก่ชีวิต

และด้วยพลังนั้นจึงสามารถช่วยชีวิตทั้งอาซและอาเรียได้ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นต้องขอบคุณอาเรีย ทั้งตอนนี้ และในอดีต และอาจจะในอนาคตด้วยเช่นกัน

……………………….