ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะ แต่ทำไมเขาถึงลืมอาเรียได้นะ
แม้ตอนนี้จะแตกต่างไปจากแต่ก่อน แต่ก็ยังคงน่ารักน่าชังเช่นเดิม จนรู้สึกเสียดายแทบจะร้องไห้ออกมาที่จำเธอไม่ได้
‘โชคดีที่ดูเหมือนว่าอาเรียจะลืมเรื่องทั้งหมดไปแล้วเหมือนกัน’
ทำให้เขาคิดว่าเธอช่างเชื่อฟังเสียจริง
เขาคิดว่าอาจจะดีกว่าหากอาเรียรู้และจำเขาได้ก่อน แต่ในเวลาเดียวกันก็ขอบคุณที่ลืมความทรงจำอันเลวร้ายพวกนั้นแล้วมีชีวิตอยู่รอด
อาซเรียบเรียงความคิดและหลุดออกจากความฝันได้อย่างสบายใจจึงหันไปลูบผมอาเรีย ทั้งตอนนั้นและตอนนี้ก็ยังมีผมสีทองที่เป็นประกายสวยงามอยู่
“…คุณอาซ”
ปลายนิ้วที่เคลื่อนไหวยังคงขยับอยู่ ดวงตาของอาเรียที่กลมโตลืมขึ้นพร้อมกับตื่นจากนิทรา
เช้าแล้วเหรอเนี่ย ทันใดนั้นก็เห็นว่าภายในห้องยังมืดและอาซที่กำลังลูบผมเธออยู่ทำให้มือซ้อนทับกัน
“ฝันร้ายเหรอคะ ต้องกอดถึงจะนอนหลับเหรอคะ”
ฝันร้ายเหรอ ไม่รู้สิ
บางทีอาจจะเป็นฝันร้ายก็ได้ อาจจะไม่ใช่ก็ได้
อย่างไรเสียความทรงจำเกี่ยวกับอาเรียก็ย้อนกลับมาได้แล้ว แทนที่จะเป็นฝันร้ายกลับเป็นฝันแสนหวานมากกว่า แต่ในตอนท้ายที่เห็นอาเรียร้องไห้ฟูมฟายแบบนั้นก็ดูจะเป็นฝันร้ายก็ได้
เพราะอย่างนั้นจึงไม่สามารถกำหนดได้ว่ามันคืออะไรกันแน่ แต่สิ่งที่แน่ใจคือ
“ครับ สงสัยคงต้องทำแบบนั้นแล้วล่ะ”
อาเรียกอดเขาสักหน่อยก็คงจะดี
ไม่ว่าจะเป็นฝันร้าย หรือไม่ใช่ก็ตาม เขาหวังอยากให้อาเรียมอบอ้อมกอดให้เขา ต่างจากในอดีต ตอนนี้เขาต้องการให้มือและแขนที่ใหญ่ขึ้นคอยปลอบโยนเขา
ตอนนี้จะบอกว่าทุกอย่างไม่เป็นไร
ไม่มีใครมาคอยตามรังควาน
และหากมีใครมารังแกอาเรีย เขาก็มีกำลังมากพอที่จะจัดการคนพวกนั้น
“มานี่เร็วครับ”
อาเรียยื่นมือไปคล้องคออาซ
ด้วยมือคู่ที่อ่อนนุ่มแล้วอบอุ่นเหมือนในอดีต
ร่างกายของอาซที่ฝากไว้กับมือคู่นั้นพลางกอดเอวอาเรีย ไม่มีช่วงเวลาไหนที่มีความสุขยิ่งกว่านี้แล้ว
“ผู้ใหญ่ที่โตกว่ายังฝันร้ายแล้วขอให้ภรรยากอดแบบนี้ ถ้าเกิดมีข่าวลือขึ้นมาจะทำอย่างไรล่ะคะ อีกหน่อยก็จะกลายเป็นจักรพรรดิแล้วด้วย”
“ไม่รู้สิครับ ผมอยากให้มีข่าวลือน่ะ”
“ว่าอะไรนะคะ”
“จะได้มีข่าวลือว่าห้ามใครบังอาจแตะต้องพระชายาเด็ดขาดอย่างไรล่ะ เพราะจะต้องโทษร้ายแรงจากองค์รัชทายาท”
“ตายจริง…”
อาเรียตะลึงกับคำตอบอย่างเรียบเฉยของอาซ
“ราชอาณาจักรจะเสียชื่อเสียงนะคะ”
“ก็ช่วยไม่ได้สิครับ”
จากนั้นเสียงหัวเราะเบาๆ ของทั้งสองคนก็ดังขึ้นในห้องนอนที่เริ่มมืดลง
อาเรียลูบคออาซราวกับจะแหย่เล่น
“ฝันว่าอะไรเหรอคะ”
“เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีตเท่านั้นเองครับ”
“เรื่องที่เกิดขึ้นในอดีตอย่างนั้นเหรอคะ”
“ครับ วันที่เราเจอกันครั้งแรก”
“วันที่เราเจอกันครั้งแรกเหรอคะ”
ร้านขายของชำ อาเรียขมวดคิ้วแน่น เนื่องจากในความทรงจำของอาเรียที่ได้พบอาซครั้งแรกนั้นไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่
“ทำไมถึงฝันแบบนั้นเหรอคะ ไม่ได้เป็นความทรงจำที่ดีเท่าไหร่นี่นา”
“เป็นความทรงจำที่ดีเลยล่ะครับ ถึงขนาดที่รู้สึกโชคดีที่ได้ฝันถึงเลยล่ะ”
“…อย่างนั้นเหรอคะ”
ได้แต่พังงานของอาซไปเท่านั้นเอง
ยิ่งไปกว่านั้นอาซยังเคยขู่อาเรียอีกด้วย อาเรียถอนหายใจราวกับแม้จะคิดดูอีกทีก็ไม่ใช่ความทรงจำที่ดีสักเท่าไหร่
ด้วยสีหน้าที่อยากจะแย้งอาซว่าไม่ได้ดีสำหรับเขาคนเดียวหรอกเหรอ
ไม่นานหลังจากนั้น ความทรงจำที่เขาหวงแหนไว้เป็นสิ่งสำคัญที่สุด ความทรงจำที่มีความสุขมากที่สุดก็ค่อยๆ นึกขึ้นได้จึงปิดปากเงียบ เพราะไม่ว่าจะโต้แย้งอย่างไร สิ่งที่ได้กลับมาก็มีแต่ความอ่อนโยนอย่างไรล่ะ
“แต่จะว่าไปยังชอบชุดที่พะรุงพะรังมีสีสันเยอะๆ อยู่อีกหรือเปล่า”
“…คะ”
ระหว่างที่กำลังคุยกันอย่างอ่อนโยน จู่ๆ อาซก็ถามคำถามที่ไม่คาดคิดขึ้น
เป็นแบบนั้นสำหรับอาเรีย ทว่าสำหรับอาซนั้นเป็นเพียงการรักษาสัญญาในอดีต
แม้จะรักษาสัญญาอยู่เพียงคนเดียว อีกสิบปีให้หลังก็จะถามอีกครั้งว่าเธอยังมีรสนิยมเช่นเดิมหรือไม่
อาเรียขมวดคิ้วพร้อมกับถาม
“หมายความว่าอะไรกันคะ”
“เพราะดูเหมือนว่าจะมีรสนิยมแบบนั้นในอดีตน่ะครับ ดูเหมือนจะชอบมากเลยด้วย”
“ได้อย่างไรกัน…”
ทราบได้อย่างไรกัน เพราะไม่เคยให้อาซดูเลยแม้แต่ครั้งเดียว
นั่นก็มีส่วนด้วยเหมือนกันหลังจากที่เธอย้อนเวลากลับไปอาเรียจึงเผาชุดประหลาดพวกนั้นเอง และได้เจอกับอาซหลังจากนั้น จึงไม่มีทางที่เขาจะรู้ได้แน่
แต่ทำไมถึงได้รู้รสนิยมแปลกๆ ของเธอกันนะ อีกทั้งจู่ๆ ก็พูดขึ้นมาอย่างไม่คาดคิด
อาซมองอาเรียที่ไม่รู้เรื่องอะไรจึงอดกลั้นยิ้มไม่ได้
แม้จะเป็นเพียงแค่ครั้งเดียวก็ตาม แต่เขากลับบอกว่าเข้าใจแล้วว่าการย้อนเวลากลับไปกลับมาระหว่างอดีตกับปัจจุบันนั้นเป็นเรื่องที่สนุกมากแค่ไหน
“หรือว่า มีความลับอะไรที่ดิฉันไม่ทราบหรือเปล่าคะ”
“เปล่าครับ เป็นเพียงอดีตที่เราต่างรู้กันดีอยู่แล้วต่างหาก เพียงแค่ผมจำได้ก่อนก็เท่านั้นเองครับ”
“จำได้อย่างนั้นเหรอคะ… หมายความว่าอะไรกันคะ”
“ไม่รู้สิครับ จะอธิบายก็ยากไปหน่อย หากได้เวลาแล้วพระชายาก็น่าจะจำได้เองไม่ใช่หรือครับ”
“จะไม่บอกจริงๆ เหรอคะ!”
ท้ายที่สุดอาเรียก็โกรธที่อาซไม่ยอมบอกความจริงเธอสักที ถึงขั้นขู่ว่าถ้าไม่บอกจะต้องจ่ายค่าเสียหายด้วย
ทว่าทุกอย่างนั้นไม่สามารถพูดอธิบายได้ อธิบายยาก ต้องรู้สึกด้วยตัวเอง ว่าทำไมถึงลืมความทรงจำไปน่ะ
ความทรงจำของอาเรียก็จะย้อนกลับมาได้เหมือนกัน ราวกับความทรงจำย้อนหาเจ้าของของมันเอง แม้เวลาจะต่างกันแน่นอนว่าวันนั้นจะต้องมาถึงแน่
“ขอโทษด้วยครับ”
เพราะอย่างนั้นจึงลบสีหน้าขี้เล่นของตัวเองออกพลางตอบอย่างจริงใจ
ราวกับสามารถสัมผัสความรู้สึกนั้นได้ อาเรียจึงไม่โกรธได้แต่สบตาอาซอย่างเงียบๆ
“เป็นเรื่องที่ดิฉันต้องนึกให้ได้ขึ้นสินะคะ”
“ครับ”
“และนั่นก็เป็นวันที่เราพบกันวันแรกอย่างนั้นเหรอคะ”
“ครับ”
“และดูเหมือนว่าตอนนั้นดิฉันจะชอบชุดเดรสพะรุงพะรังด้วยสินะคะ”
“….ใช่แล้วครับ”
“ถึงจะไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลอะไร แต่เราทั้งคู่ต่างหลงลืมความทรงจำนั้นแล้วคุณอาซก็นึกขึ้นได้ก่อนใช่ไหมคะ”
“ถูกต้องครับ”
ดูเหมือนอาเรียที่ฉลาดอยู่แล้วจะได้คำตอบจากการพูดคุยกับอาซ แม้จะเป็นเพียงคำตอบเปลือกนอกผิวเผินไม่ใช่ประเด็นหลักก็ตาม
เข้าใจแล้วค่ะ” ดูเหมือนว่าคุณจะไม่ได้แกล้งไม่บอกดิฉัน ถ้าอย่างนั้นจะไปลองคิดดูแล้วกันนะคะ เพราะดิฉันก็มีความผิดที่จำไม่ได้ด้วยเหมือนกัน”
แม้อาซจะเป็นผู้ที่ทำให้เธอหลงลืม แต่อาเรียที่จำอะไรไม่ได้สักอย่างกลับโทษเป็นความผิดของตัวเองพลางจบบทสนทนาลง
ก่อนที่อาซจะพูดอะไรอาเรียจึงเลื่อนมือของตัวเองไปลูบหลังอาซพลางพูด
“เพราะฉะนั้นรีบนอนนะคะ อีกไม่นานดิฉันก็กลับมาจำได้แล้วล่ะค่ะ ทั้งที่ยุ่งจนแทบจะไม่ได้นอนอยู่แล้วจะตื่นกลางดึกแบบนี้ไม่ได้สิคะ”
อาเรียตบหลังอาซเบาๆ
ด้วยจังหวะที่เท่าๆ กันราวกับกล่อมเด็กน้อยนอนหลับ มือที่อ่อนหวานนุ่มนวลแบบนี้ทำให้อาซไม่สามารถนอนหลับได้
“ไม่ล่ะครับ ผมนอนหลับเต็มอิ่มแล้ว ตอนนี้จะลุกขึ้นแล้วครับ”
“คะ”
ทันทีที่ได้ยินคำตอบเช่นนั้นอาเรียก็เบิกตาโตพลางหันไปดูนาฬิกาที่โต๊ะข้างเตียง เวลาตีสี่ยังเป็นเวลาที่เร็วเกินไปสำหรับการลุกขึ้นจากที่นอน
“ยังตีสี่อยู่เลยนะคะ”
“พอดีมีเรื่องด่วนน่ะครับ”
“เรื่องด่วนเหรอคะ”
ในเวลาตีสี่ตอนเช้า เรื่องด่วนอย่างนั้นเหรอ
อาเรียกะพริบตาพร้อมกับกระตุ้นให้เขาตอบ
“พอดีนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้มอบของขวัญให้ชายาเลยครับ”
“ของขวัญ… เหรอคะ ในเวลาเช้าตรู่แบบนี้เนี่ยนะ”
ค่อยให้คราวหลังก็ได้นี่นา
ไม่สิ ได้รับของขวัญมากจนไม่มีของขวัญที่อยากได้อีกแล้ว และสิ่งที่อาเรียต้องการในตอนนี้มากที่สุดคือการให้อาซได้นอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอเพื่อขับไล่ความเหนื่อย
“ต้องเตรียมไว้อย่างดีแล้วค่อยมอบให้อีกครั้งแล้วล่ะครับ เพราะเป็นสัญญาเมื่อ 10 ปีก่อน ทั้งยังตัดสินใจแล้วด้วยปัญหาไม่ได้อยู่ที่เวลาเช้าตรู่เท่านั้น แต่มันสายมากแล้วอย่างไรล่ะครับ”
“อาซ…!”
อาซพูดตอบเช่นนั้นพลางจุมพิตที่หน้าผากอาเรียพร้อมกับลุกขึ้น ทำท่าทางยุ่งราวกับจะออกไปเตรียมของขวัญเสียเดี๋ยวนั้น
“เดี๋ยวก่อนค่ะ! ดิฉันไม่เป็นไรค่ะ!”
อาเรียรีบลุกขึ้นตาม
บอกกับอาซว่าไม่เป็นไรไม่จำเป็นต้องทำอย่างนั้น เช้าตรู่แบบนี้จะเอาของขวัญอะไรกัน
แต่ดูเหมือนอาซจะไม่ฟังคำพูดของอาเรียที่บอกว่าไม่เป็นไร เขาสวมเสื้อคลุมที่สบายตัวพลางจับประตูห้องนอน
“อ้อ มีอย่างหนึ่งที่อยากถามให้แน่ใจ ยังชอบสีฟ้าที่เหมือนตาของผมอยู่หรือเปล่าครับ”
“….พูดอะไรอย่างนั้นกันคะ”
อาเรียตอบด้วยน้ำเสียงที่ไม่รู้ว่าโกรธอยู่หรือเปล่า จนอาซรู้สึกเขินตามไปด้วยจึงยิ้มอย่างสดใสและออกจากห้องนอนไป
ไม่นานหลังจากนั้น ทั้งต่างหู, สร้อยคอ, แหวนและสร้อยข้อมือ เครื่องประดับครบเซ็ตก็มาอยู่ในมืออาเรีย ซึ่งทำมาจากพลอยหายากสีฟ้าที่เหมือนสีนัยน์ตาของอาซ
มันก็สวยงามมากจนอาเรียที่ดุอาซเรื่องที่ออกไปอย่างกะทันหันตั้งหลายวันต้องใจอ่อนลง
พลิกนาฬิกา ย้อนชะตานางร้าย ตอนพิเศษ
<การพบกันครั้งแรกอย่างที่เราไม่คาดหมาย
และมันก็นานมากกว่าที่เราได้คาดคิดไว้อีกด้วย>
…………………….