บทที่ 209 (ตอนพิเศษ ตอนที่ 27)

พลิกนาฬิกา ย้อนชะตานางร้าย

ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะ แต่ทำไมเขาถึงลืมอาเรียได้นะ

แม้ตอนนี้จะแตกต่างไปจากแต่ก่อน แต่ก็ยังคงน่ารักน่าชังเช่นเดิม จนรู้สึกเสียดายแทบจะร้องไห้ออกมาที่จำเธอไม่ได้

‘โชคดีที่ดูเหมือนว่าอาเรียจะลืมเรื่องทั้งหมดไปแล้วเหมือนกัน’

ทำให้เขาคิดว่าเธอช่างเชื่อฟังเสียจริง

เขาคิดว่าอาจจะดีกว่าหากอาเรียรู้และจำเขาได้ก่อน แต่ในเวลาเดียวกันก็ขอบคุณที่ลืมความทรงจำอันเลวร้ายพวกนั้นแล้วมีชีวิตอยู่รอด

อาซเรียบเรียงความคิดและหลุดออกจากความฝันได้อย่างสบายใจจึงหันไปลูบผมอาเรีย ทั้งตอนนั้นและตอนนี้ก็ยังมีผมสีทองที่เป็นประกายสวยงามอยู่

“…คุณอาซ”

ปลายนิ้วที่เคลื่อนไหวยังคงขยับอยู่ ดวงตาของอาเรียที่กลมโตลืมขึ้นพร้อมกับตื่นจากนิทรา

เช้าแล้วเหรอเนี่ย ทันใดนั้นก็เห็นว่าภายในห้องยังมืดและอาซที่กำลังลูบผมเธออยู่ทำให้มือซ้อนทับกัน

“ฝันร้ายเหรอคะ ต้องกอดถึงจะนอนหลับเหรอคะ”

ฝันร้ายเหรอ ไม่รู้สิ

บางทีอาจจะเป็นฝันร้ายก็ได้ อาจจะไม่ใช่ก็ได้

อย่างไรเสียความทรงจำเกี่ยวกับอาเรียก็ย้อนกลับมาได้แล้ว แทนที่จะเป็นฝันร้ายกลับเป็นฝันแสนหวานมากกว่า แต่ในตอนท้ายที่เห็นอาเรียร้องไห้ฟูมฟายแบบนั้นก็ดูจะเป็นฝันร้ายก็ได้

เพราะอย่างนั้นจึงไม่สามารถกำหนดได้ว่ามันคืออะไรกันแน่ แต่สิ่งที่แน่ใจคือ

“ครับ สงสัยคงต้องทำแบบนั้นแล้วล่ะ”

อาเรียกอดเขาสักหน่อยก็คงจะดี

ไม่ว่าจะเป็นฝันร้าย หรือไม่ใช่ก็ตาม เขาหวังอยากให้อาเรียมอบอ้อมกอดให้เขา ต่างจากในอดีต ตอนนี้เขาต้องการให้มือและแขนที่ใหญ่ขึ้นคอยปลอบโยนเขา

ตอนนี้จะบอกว่าทุกอย่างไม่เป็นไร

ไม่มีใครมาคอยตามรังควาน

และหากมีใครมารังแกอาเรีย เขาก็มีกำลังมากพอที่จะจัดการคนพวกนั้น

“มานี่เร็วครับ”

อาเรียยื่นมือไปคล้องคออาซ

ด้วยมือคู่ที่อ่อนนุ่มแล้วอบอุ่นเหมือนในอดีต

ร่างกายของอาซที่ฝากไว้กับมือคู่นั้นพลางกอดเอวอาเรีย ไม่มีช่วงเวลาไหนที่มีความสุขยิ่งกว่านี้แล้ว

“ผู้ใหญ่ที่โตกว่ายังฝันร้ายแล้วขอให้ภรรยากอดแบบนี้ ถ้าเกิดมีข่าวลือขึ้นมาจะทำอย่างไรล่ะคะ อีกหน่อยก็จะกลายเป็นจักรพรรดิแล้วด้วย”

“ไม่รู้สิครับ ผมอยากให้มีข่าวลือน่ะ”

“ว่าอะไรนะคะ”

“จะได้มีข่าวลือว่าห้ามใครบังอาจแตะต้องพระชายาเด็ดขาดอย่างไรล่ะ เพราะจะต้องโทษร้ายแรงจากองค์รัชทายาท”

“ตายจริง…”

อาเรียตะลึงกับคำตอบอย่างเรียบเฉยของอาซ

“ราชอาณาจักรจะเสียชื่อเสียงนะคะ”

“ก็ช่วยไม่ได้สิครับ”

จากนั้นเสียงหัวเราะเบาๆ ของทั้งสองคนก็ดังขึ้นในห้องนอนที่เริ่มมืดลง

อาเรียลูบคออาซราวกับจะแหย่เล่น

“ฝันว่าอะไรเหรอคะ”

“เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีตเท่านั้นเองครับ”

“เรื่องที่เกิดขึ้นในอดีตอย่างนั้นเหรอคะ”

“ครับ วันที่เราเจอกันครั้งแรก”

“วันที่เราเจอกันครั้งแรกเหรอคะ”

ร้านขายของชำ อาเรียขมวดคิ้วแน่น เนื่องจากในความทรงจำของอาเรียที่ได้พบอาซครั้งแรกนั้นไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่

“ทำไมถึงฝันแบบนั้นเหรอคะ ไม่ได้เป็นความทรงจำที่ดีเท่าไหร่นี่นา”

“เป็นความทรงจำที่ดีเลยล่ะครับ ถึงขนาดที่รู้สึกโชคดีที่ได้ฝันถึงเลยล่ะ”

“…อย่างนั้นเหรอคะ”

ได้แต่พังงานของอาซไปเท่านั้นเอง

ยิ่งไปกว่านั้นอาซยังเคยขู่อาเรียอีกด้วย อาเรียถอนหายใจราวกับแม้จะคิดดูอีกทีก็ไม่ใช่ความทรงจำที่ดีสักเท่าไหร่

ด้วยสีหน้าที่อยากจะแย้งอาซว่าไม่ได้ดีสำหรับเขาคนเดียวหรอกเหรอ

ไม่นานหลังจากนั้น ความทรงจำที่เขาหวงแหนไว้เป็นสิ่งสำคัญที่สุด ความทรงจำที่มีความสุขมากที่สุดก็ค่อยๆ นึกขึ้นได้จึงปิดปากเงียบ เพราะไม่ว่าจะโต้แย้งอย่างไร สิ่งที่ได้กลับมาก็มีแต่ความอ่อนโยนอย่างไรล่ะ

“แต่จะว่าไปยังชอบชุดที่พะรุงพะรังมีสีสันเยอะๆ อยู่อีกหรือเปล่า”

“…คะ”

ระหว่างที่กำลังคุยกันอย่างอ่อนโยน จู่ๆ อาซก็ถามคำถามที่ไม่คาดคิดขึ้น

เป็นแบบนั้นสำหรับอาเรีย ทว่าสำหรับอาซนั้นเป็นเพียงการรักษาสัญญาในอดีต

แม้จะรักษาสัญญาอยู่เพียงคนเดียว อีกสิบปีให้หลังก็จะถามอีกครั้งว่าเธอยังมีรสนิยมเช่นเดิมหรือไม่

อาเรียขมวดคิ้วพร้อมกับถาม

“หมายความว่าอะไรกันคะ”

“เพราะดูเหมือนว่าจะมีรสนิยมแบบนั้นในอดีตน่ะครับ ดูเหมือนจะชอบมากเลยด้วย”

“ได้อย่างไรกัน…”

ทราบได้อย่างไรกัน เพราะไม่เคยให้อาซดูเลยแม้แต่ครั้งเดียว

นั่นก็มีส่วนด้วยเหมือนกันหลังจากที่เธอย้อนเวลากลับไปอาเรียจึงเผาชุดประหลาดพวกนั้นเอง และได้เจอกับอาซหลังจากนั้น จึงไม่มีทางที่เขาจะรู้ได้แน่

แต่ทำไมถึงได้รู้รสนิยมแปลกๆ ของเธอกันนะ อีกทั้งจู่ๆ ก็พูดขึ้นมาอย่างไม่คาดคิด

อาซมองอาเรียที่ไม่รู้เรื่องอะไรจึงอดกลั้นยิ้มไม่ได้

แม้จะเป็นเพียงแค่ครั้งเดียวก็ตาม แต่เขากลับบอกว่าเข้าใจแล้วว่าการย้อนเวลากลับไปกลับมาระหว่างอดีตกับปัจจุบันนั้นเป็นเรื่องที่สนุกมากแค่ไหน

“หรือว่า มีความลับอะไรที่ดิฉันไม่ทราบหรือเปล่าคะ”

“เปล่าครับ เป็นเพียงอดีตที่เราต่างรู้กันดีอยู่แล้วต่างหาก เพียงแค่ผมจำได้ก่อนก็เท่านั้นเองครับ”

“จำได้อย่างนั้นเหรอคะ… หมายความว่าอะไรกันคะ”

“ไม่รู้สิครับ จะอธิบายก็ยากไปหน่อย หากได้เวลาแล้วพระชายาก็น่าจะจำได้เองไม่ใช่หรือครับ”

“จะไม่บอกจริงๆ เหรอคะ!”

ท้ายที่สุดอาเรียก็โกรธที่อาซไม่ยอมบอกความจริงเธอสักที ถึงขั้นขู่ว่าถ้าไม่บอกจะต้องจ่ายค่าเสียหายด้วย

ทว่าทุกอย่างนั้นไม่สามารถพูดอธิบายได้ อธิบายยาก ต้องรู้สึกด้วยตัวเอง ว่าทำไมถึงลืมความทรงจำไปน่ะ

ความทรงจำของอาเรียก็จะย้อนกลับมาได้เหมือนกัน ราวกับความทรงจำย้อนหาเจ้าของของมันเอง แม้เวลาจะต่างกันแน่นอนว่าวันนั้นจะต้องมาถึงแน่

“ขอโทษด้วยครับ”

เพราะอย่างนั้นจึงลบสีหน้าขี้เล่นของตัวเองออกพลางตอบอย่างจริงใจ

ราวกับสามารถสัมผัสความรู้สึกนั้นได้ อาเรียจึงไม่โกรธได้แต่สบตาอาซอย่างเงียบๆ

“เป็นเรื่องที่ดิฉันต้องนึกให้ได้ขึ้นสินะคะ”

“ครับ”

“และนั่นก็เป็นวันที่เราพบกันวันแรกอย่างนั้นเหรอคะ”

“ครับ”

“และดูเหมือนว่าตอนนั้นดิฉันจะชอบชุดเดรสพะรุงพะรังด้วยสินะคะ”

“….ใช่แล้วครับ”

“ถึงจะไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลอะไร แต่เราทั้งคู่ต่างหลงลืมความทรงจำนั้นแล้วคุณอาซก็นึกขึ้นได้ก่อนใช่ไหมคะ”

“ถูกต้องครับ”

ดูเหมือนอาเรียที่ฉลาดอยู่แล้วจะได้คำตอบจากการพูดคุยกับอาซ แม้จะเป็นเพียงคำตอบเปลือกนอกผิวเผินไม่ใช่ประเด็นหลักก็ตาม

เข้าใจแล้วค่ะ” ดูเหมือนว่าคุณจะไม่ได้แกล้งไม่บอกดิฉัน ถ้าอย่างนั้นจะไปลองคิดดูแล้วกันนะคะ เพราะดิฉันก็มีความผิดที่จำไม่ได้ด้วยเหมือนกัน”

แม้อาซจะเป็นผู้ที่ทำให้เธอหลงลืม แต่อาเรียที่จำอะไรไม่ได้สักอย่างกลับโทษเป็นความผิดของตัวเองพลางจบบทสนทนาลง

ก่อนที่อาซจะพูดอะไรอาเรียจึงเลื่อนมือของตัวเองไปลูบหลังอาซพลางพูด

“เพราะฉะนั้นรีบนอนนะคะ อีกไม่นานดิฉันก็กลับมาจำได้แล้วล่ะค่ะ ทั้งที่ยุ่งจนแทบจะไม่ได้นอนอยู่แล้วจะตื่นกลางดึกแบบนี้ไม่ได้สิคะ”

อาเรียตบหลังอาซเบาๆ

ด้วยจังหวะที่เท่าๆ กันราวกับกล่อมเด็กน้อยนอนหลับ มือที่อ่อนหวานนุ่มนวลแบบนี้ทำให้อาซไม่สามารถนอนหลับได้

“ไม่ล่ะครับ ผมนอนหลับเต็มอิ่มแล้ว ตอนนี้จะลุกขึ้นแล้วครับ”

“คะ”

ทันทีที่ได้ยินคำตอบเช่นนั้นอาเรียก็เบิกตาโตพลางหันไปดูนาฬิกาที่โต๊ะข้างเตียง เวลาตีสี่ยังเป็นเวลาที่เร็วเกินไปสำหรับการลุกขึ้นจากที่นอน

“ยังตีสี่อยู่เลยนะคะ”

“พอดีมีเรื่องด่วนน่ะครับ”

“เรื่องด่วนเหรอคะ”

ในเวลาตีสี่ตอนเช้า เรื่องด่วนอย่างนั้นเหรอ

อาเรียกะพริบตาพร้อมกับกระตุ้นให้เขาตอบ

“พอดีนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้มอบของขวัญให้ชายาเลยครับ”

“ของขวัญ… เหรอคะ ในเวลาเช้าตรู่แบบนี้เนี่ยนะ”

ค่อยให้คราวหลังก็ได้นี่นา

ไม่สิ ได้รับของขวัญมากจนไม่มีของขวัญที่อยากได้อีกแล้ว และสิ่งที่อาเรียต้องการในตอนนี้มากที่สุดคือการให้อาซได้นอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอเพื่อขับไล่ความเหนื่อย

“ต้องเตรียมไว้อย่างดีแล้วค่อยมอบให้อีกครั้งแล้วล่ะครับ เพราะเป็นสัญญาเมื่อ 10 ปีก่อน ทั้งยังตัดสินใจแล้วด้วยปัญหาไม่ได้อยู่ที่เวลาเช้าตรู่เท่านั้น แต่มันสายมากแล้วอย่างไรล่ะครับ”

“อาซ…!”

อาซพูดตอบเช่นนั้นพลางจุมพิตที่หน้าผากอาเรียพร้อมกับลุกขึ้น ทำท่าทางยุ่งราวกับจะออกไปเตรียมของขวัญเสียเดี๋ยวนั้น

“เดี๋ยวก่อนค่ะ! ดิฉันไม่เป็นไรค่ะ!”

อาเรียรีบลุกขึ้นตาม

บอกกับอาซว่าไม่เป็นไรไม่จำเป็นต้องทำอย่างนั้น เช้าตรู่แบบนี้จะเอาของขวัญอะไรกัน

แต่ดูเหมือนอาซจะไม่ฟังคำพูดของอาเรียที่บอกว่าไม่เป็นไร เขาสวมเสื้อคลุมที่สบายตัวพลางจับประตูห้องนอน

“อ้อ มีอย่างหนึ่งที่อยากถามให้แน่ใจ ยังชอบสีฟ้าที่เหมือนตาของผมอยู่หรือเปล่าครับ”

“….พูดอะไรอย่างนั้นกันคะ”

อาเรียตอบด้วยน้ำเสียงที่ไม่รู้ว่าโกรธอยู่หรือเปล่า จนอาซรู้สึกเขินตามไปด้วยจึงยิ้มอย่างสดใสและออกจากห้องนอนไป

ไม่นานหลังจากนั้น ทั้งต่างหู, สร้อยคอ, แหวนและสร้อยข้อมือ เครื่องประดับครบเซ็ตก็มาอยู่ในมืออาเรีย ซึ่งทำมาจากพลอยหายากสีฟ้าที่เหมือนสีนัยน์ตาของอาซ

มันก็สวยงามมากจนอาเรียที่ดุอาซเรื่องที่ออกไปอย่างกะทันหันตั้งหลายวันต้องใจอ่อนลง

พลิกนาฬิกา ย้อนชะตานางร้าย ตอนพิเศษ

<การพบกันครั้งแรกอย่างที่เราไม่คาดหมาย

และมันก็นานมากกว่าที่เราได้คาดคิดไว้อีกด้วย>

…………………….