ตอนที่ 298 แตกต่างค่อนข้างมาก / ตอนที่ 299 เกิดปัญหาขึ้นนิดหน่อย

(Yaoi) เดิมพันอันตรายคุณชายจอมเจ้าเล่ห์

ตอนที่ 298 แตกต่างค่อนข้างมาก 

 

 

           “บริษัทมีเรื่องด่วนกะทันหันนิดหน่อย ผมจำเป็นจัดการ ขอโทษด้วย บอกไว้ซะดิบดีว่าจะอยู่เป็นเพื่อนคุณ แต่กลับทิ้งคุณไว้คนเดียวที่นี่” 

 

 

           “ฉันก็ไม่อะไรหรอก ก็แค่แปลกใจสงสัยว่าทำไมจู่ๆ นายถึงเปลี่ยนไปเป็นยุ่งขนาดนี้ได้” 

 

 

           ภายใต้แสงจากโคมไฟสลัวๆ ใบหน้าของซังจิ่งฉาบความไม่เป็นตัวเองขึ้นมาเพียงน้อยนิด แต่กลับโดนเขาปิดเอาไว้อย่างรวดเร็ว 

 

 

           เขาเอ่ยเสียงต่ำ “ธุระค่อนข้างกะทันหัน ผมเองก็ทำอะไรไม่ได้” 

 

 

           เจียงมู่เฉินเห็นแบบนี้แล้วก็ยิ้มหัวเราะ “ฉันก็แค่ถามไปงั้นแหละ ไม่ได้มีความหมายอะไรอย่างอื่นหรอก” 

 

 

           ซังจิ่งกำมือแน่น ค่อยผ่อนคลายร่างกายที่เกร็งแน่น ไม่ให้เจียงมู่เฉินมองเห็นพิรุธอะไรออกมาได้ 

 

 

           “พรุ่งนี้ตอนบ่ายกลับไปกันก่อนเถอะ” 

 

 

           ซังจิ่งมองเขาแวบหนึ่ง “เป็นไรไป” 

 

 

           “ฉันมีธุระนิดหน่อยต้องจัดการ” เรื่องเขานัดเจอกับซูเตอร์ไว้ เจียงมู่เฉินไม่คิดจะบอกซังจิ่ง 

 

 

           ‘นี่เป็นเรื่องระหว่างเขากับซูเตอร์ ไม่อยากดึงคนรอบข้างเข้ามาเกี่ยวด้วย’ 

 

 

           ซังจิ่งเห็นเขาสีหน้าเคร่งขรึม ก็อดจะสงสัยขึ้นมาไม่ได้ในทันใด แต่ว่าคิดไปคิดมา ก็ไม่ได้เอ่ยอะไร เพียงแค่พยักหน้าตอบรับ “ได้สิ งั้นผมจะไปพูดกับฟู่เหยี่ยนสักหน่อย” 

 

 

           เจียงมู่เฉินพยักหน้า “งั้นก็รบกวนนายแล้ว” 

 

 

           ซังจิ่งขึ้นชั้นบนไปเข้าห้องหนังสือ เขามองฟู่เหยี่ยน แล้วเอ่ยเสียงต่ำ “เมื่อกี้เจียงมู่เฉินบอกผมว่าจะกลับไปพรุ่งนี้” 

 

 

           ฟู่เหยี่ยนเลิกคิ้วเล็กน้อย “ทำไม” 

 

 

           “เรื่องนี้ตอนนี้ผมเองก็ไม่ชัดเจน แต่ว่าเขาดูเหมือนจะมีธุระต้องจัดการ” 

 

 

           ฟู่เหยี่ยนไตร่ตรอง “งั้นคุณก็พาเขากลับไปก่อนแล้วกัน” 

 

 

           ซังจิ่งค่อนข้างแปลกใจ คิดไม่ถึงว่าฟู่เหยี่ยนจะยอมตกลงแบบนี้เลย 

 

 

           “อะไรกัน คุณคิดว่าผมจะกักตัวเขาอยู่ที่นี่ได้ ไม่พาไปไหนเลย?” 

 

 

           “คุณเสียแรงเปลืองสมองให้ผมพาเขามา ทำไมตอนนี้ถึงได้ให้ผมพาเขากลับไปอีก” 

 

 

           ซังจิ่งขมวดคิ้วมองเขา ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ 

 

 

           “จู่ๆ ผมก็แค่รู้สึกว่าเจียงมู่เฉินในตอนนี้ดูน่าสนใจกว่าเมื่อก่อนไม่น้อย อยู่เล่นกับเขาก็ไม่ใช่ไม่ได้” 

 

 

           ขณะที่ฟู่เหยี่ยนพูดประโยคนี้ ใบหน้าประกายความกระหายเลือด ดูโหดเ**้ยมน่าสะพรึงไม่เบา 

 

 

           ยังมีหรือท่าทางเป็นสุภาพบุรุษเมื่อครู่นี้ 

 

 

           ซังจิ่งมองความคิดของฟู่เหยี่ยนไม่ทะลุปรุโปร่ง แต่ฟู่เหยี่ยนก็พูดแบบนี้แล้ว เขาก็ไม่จำเป็นต้องถามอีกต่อไป 

 

 

           ถึงอย่างไรก็ทำงานเพื่อเงิน เป็นหลักการหนึ่งก็เท่านั้นเอง 

 

 

           ส่วนฟู่เหยี่ยนอยากจะเล่นลูกไม้อะไร เขาก็ต้องปฏิบัติตามทันที 

 

 

           หลังจากพูดกับฟู่เหยี่ยนเสร็จแล้ว ซังจิ่งก็ลงมาบอกเจียงมู่เฉินถึงเจตนาของฟู่เหยี่ยน 

 

 

           เจียงมู่เฉินชายตามองกะพริบตาปริบๆ “ไม่กี่วันนี้ต้องขอบคุณเขาเลยจริงๆ” 

 

 

           ซังจิ่งหลุดยิ้ม “เขาคนเดียวก็เบื่อๆ มีคุณอยู่เป็นเพื่อนด้วยพอดี เขามีความสุขมากทีเดียว” 

 

 

           เจียงมู่เฉินหรี่ตาลง “ชักอยากจะรู้จริงๆ ว่าสรุปแล้วฟู่เหยี่ยนมีความเป็นมายังไง” 

 

 

           “บ้านเขาทำธุรกิจเก่าแก่ แค่รวยมีเงินหน่อยก็เท่านั้นเอง อย่างอื่นก็ไม่ได้มีอะไรแตกต่าง” 

 

 

           “เป็นเพื่อนกันแท้ๆ จะพูดอะไรมาก็ได้อยู่แล้ว” 

 

 

           “คืนนี้อยากกินอะไร ผมจะได้ให้คนไปเตรียมให้” ซังจิ่งเบี่ยงประเด็น ไม่อยากพูดเรื่องฟู่เหยี่ยนกับเจียงมู่เฉินต่อ 

 

 

           เจียงมู่เฉินเองก็ไม่ได้ถามมากความ ในเมื่อซังจิ่งไม่อยากพูด เช่นนั้นเขาก็ไม่พูดก็ได้ 

 

 

           “แล้วแต่เลย ฉันไม่เลือกกิน” 

 

 

           คุณชายเจียงพูดจบก็เอนกายอาบแสงจันทร์อยู่ตรงนั้นต่อ 

 

 

           ฟู่เหยี่ยนลงจากชั้นบนมาก็เห็นเขานอนเอ้อระเหยอยู่ตรงนั้น ท่าทางเอื่อยเฉื่อย 

 

 

           เขาลูบคางไปมา รู้สึกว่าเจียงมู่เฉินในหลายปีให้หลังมานี้ไม่ค่อยจะเหมือนเดิมจริงๆ 

 

 

           ถึงใบหน้าไม่ได้มีอะไรแตกต่างจากในตอนนั้น 

 

 

           แต่นิสัยเฉพาะตัวของทั้งร่างๆ นี้ถือว่าแตกต่างมากจริงๆ 

 

 

           เขายกยิ้มมุมปากขึ้นเบาๆ จนกระทั่งเดินลงมาถึงชั้นล่าง แล้วเดินไปอยู่ข้างๆ เจียงมู่เฉิน 

 

 

           “ได้ยินว่าอาบแสงจันทร์จะทำให้ผิวคล้ำได้” 

 

 

           เจียงมู่เฉินมองเขาอย่างขำๆ “น่าเสียดาย ฉันอาบแดดยังคล้ำไม่ขึ้น ผิวขาวแต่เกิด ช่วยไม่ได้” 

 

 

            

 

 

ตอนที่ 299 เกิดปัญหาขึ้นนิดหน่อย 

 

 

           ฟู่เหยี่ยนพินิจมองเขาตามนั้นไป ความเป็นเจ้าเจ้าของแฝงในแววตา “ขาวมากจริงๆ” 

 

 

           เจียงมู่เฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย สายตาของฟู่เหยี่ยนทำให้เจียงมู่เฉินรู้สึกไม่ค่อยสบายเท่าไหร่นัก 

 

 

           “พรุ่งนี้จะกลับแล้วเหรอ” ฟู่เหยี่ยนเอ่ยปากอีกครั้ง 

 

 

           “อืม” เจียงมู่เฉินตอบรับอย่างไม่ใส่ใจอะไร 

 

 

           “ทำไมถึงกลับไปกะทันหันขนาดนี้” 

 

 

           เจียงมู่เฉินเหยียดขา “มีเรื่องส่วนตัวนิดหน่อย เกรงว่าจะไม่สะดวกบอกนาย” 

 

 

           ฟู่เหยี่ยนหัวเราะเสียงต่ำ “ทำไมผมถึงฟังความหมายที่ไม่ดีสักนิดออกมาได้นะ” 

 

 

           “อืม นายฟังไม่ผิดหรอก” 

 

 

           “คุณชายเจียงนี่แบ่งแยกรักกับเกลียดชัดเจนจริงๆ” 

 

 

           เจียงมู่เฉินมองดูเขา “สำหรับนาย ยังไม่ถึงขั้นเกลียดหรอก” 

 

 

           ฟู่เหยี่ยนพยักหน้าเงียบๆ “ในเมื่อถึงยังไม่ถึงขั้นเกลียด ก็แสดงว่าอาจจะยังเปลี่ยนเป็นรักได้” 

 

 

           เจียงมู่เฉินมองเขาอย่างเอื่อยเฉื่อย “ฟู่เหยี่ยน บอกตามตรง ฉันยอมใจนายทีเดียว” 

 

 

           “หืม ยอมใจอะไร” 

 

 

           “ยอมใจที่นายหน้าหนาหน้าทน ไม่สะทกสะท้านอะไรได้ขนาดนี้” 

 

 

           ฟู่เหยี่ยนเองก็ไม่โกรธ ตรงกันข้ามกลับโดนเจียงมู่เฉินจี้จุดจนดูน่ารัก ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม 

 

 

           “ผมรู้สึกว่านิสัยใจคอของคุณชายเจียงถูกกับรสนิยมของผมจริงๆ” 

 

 

           เจียงมู่เฉินยักคิ้วมองเขา “น่าเสียดาย นายไม่ค่อยถูกกับรสนิยมของฉันเท่าไหร่” 

 

 

           “ไม่มีทางเหลืออะไรให้กู้หน้ากลับคืนมาเลยเหรอ” 

 

 

           เจียงมู่เฉินกะพริบตามองเขาครั้งแล้วครั้งเล่า “นายคิดว่าไงล่ะ” 

 

 

           ฟู่เหยี่ยนหัวเราะเบาๆ “มีคำโบราณกล่าวไว้ดีทีเดียว ขอเพียงแค่ทุ่มเทตั้งใจก็สามารถฝนทั่งให้เป็นเข็มได้” 

 

 

           เขาลูบคางแล้วเอ่ยต่อ “ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด ความหมายนี้ก็คือขอเพียงแต่ผมทุ่มเทให้มากพอ ไม่ช้าก็เร็วก็สามารถทำเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ให้เป็นไปได้” 

 

 

           เจียงมู่เฉินพยักหน้า “นายเข้าใจถูกแล้ว” 

 

 

           “ดังนั้น เรื่องบางเรื่องก็ยังไม่น่าตัดสินชี้ขาดได้ในตอนนี้ไม่ใช่เหรอ” 

 

 

           เจียงมู่เฉินอดจะหรี่ตาไม่ได้ ม่านตาสีอ่อนแฝงความหยั่งเชิง เขาสงสัยใคร่รู้แล้วจริงๆ ฟู่เหยี่ยนไปเอาความมั่นใจมากจากไหนหนักหนา 

 

 

           เขาลุกยืนขึ้นมองฟู่เหยี่ยนแวบหนึ่ง “งั้นฟู่เหยี่ยนนายก็พยายามเถอะ ฉันหิวแล้ว จะไปหาอะไรกินสักหน่อย” 

 

 

           เขาหนีไปห้องครัวหาอะไรกิน จงใจหาเรื่องพูดคุยกับพ่อครัว 

 

 

           ฟู่เหยี่ยนนั่งอยู่ที่เดิมมองดูเขา หรี่ตาลงเล็กน้อย สายตาจับจ้องมายังเจียงมู่เฉินที่อยู่ภายใต้แสงไฟ 

 

 

           หลังจากกินอาหารเสร็จ เจียงมู่เฉินกลับขึ้นห้องตัวเองทันที เขาโทรหามั่วไป๋ บอกเรื่องที่อีกสองวันเขาจะกลับถานโจว 

 

 

           มั่วไป๋กุมขมับท่าทางค่อนข้างเหนื่อยล้า อาการดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก 

 

 

           เจียงมู่เฉินมองเขาด้วยความเป็นห่วง “นี่นายเกิดอะไรขึ้น ฉันเพิ่งไปไม่กี่วันเอง” 

 

 

           มั่วไป๋ยกมุมปากขึ้น รอยยิ้มค่อนข้างแข็งกระด้าง “ไม่เป็นไร แค่เรื่องเล็กๆ” 

 

 

           เจียงมู่เฉินเห็นสีหน้าท่าทางของเขา ไม่เชื่อเลยสักนิด “นายอย่าปิดบังฉัน นายคิดว่าฉันมองนายไม่ออกเหรอ” 

 

 

           “ไม่มีอะไร ก็แค่เกิดปัญหากับไป๋จิ่งนิดหน่อย” 

 

 

           เจียงมู่เฉินขมวดคิ้วทันที “หมายความว่าไง” 

 

 

           มั่วไป๋ไม่อยากพูดต่ออีก เรื่องของเขากับไป๋จิ่ง เขาเองก็ยังจัดการได้ไม่เคลียร์เลย ไม่อยากจะรบกวนเจียงมู่เฉินอยู่แล้ว 

 

 

           “หลายวันมานี้นายเป็นยังไงบ้าง ขาดการติดต่อใกล้จะสิบวันแล้วนะ” 

 

 

           “ฉันจะมีเรื่องอะไรได้ล่ะ ยังไม่ใช่แบบนั้นหรือไง” 

 

 

           มั่วไป๋เงียบไปสักพัก ก่อนถามต่อ “ซือเหยี่ยนเองก็อยู่ที่นั่น นายรู้ไหม” 

 

 

           เจียงมู่เฉินนัยน์ตาฉายแวว แกล้งทำเป็นไม่ใส่ใจ “รู้สิ เขาอยู่ที่นั่น ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับฉัน” 

 

 

           “นายได้เจอเขาแล้วใช่ไหม” มั่วไป๋สังเกตเห็นแววตาเจียงมู่เฉินที่ไม่ค่อยปกติได้อย่างฉับพลัน ราวกับว่ารู้อะไรอยู่แล้ว 

 

 

           “บังเอิญเจอกันสองครั้งก็เท่านั้นเอง” เจียงมู่เฉินเอ่ยอย่างเฉยเมย 

 

 

           “บังเอิญเจอเหรอ” มั่วไป๋จ้องมองเขา “คงจะไม่ได้บังเอิญขนาดนั้นมั้ง”