ตอนที่ 300 เพื่อนผู้มีเรื่องราว / ตอนที่ 301 แอบชักใยเงียบๆ

(Yaoi) เดิมพันอันตรายคุณชายจอมเจ้าเล่ห์

ตอนที่ 300 เพื่อนผู้มีเรื่องราว 

 

 

           “ฉันเลิกกับเขาแล้ว เขาอยากจะทำอะไรก็ทำ ไม่เกี่ยวอะไรกับฉันเลยสักนิด” 

 

 

           “นายก็ปากแข็งอยู่ตรงนี้เถอะ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าวันไหนมีใครมานั่งโศกเศร้าเสียใจอยู่บ้านฉัน” 

 

 

           “เอาเถอะ นั่นมันเป็นเรื่องที่ผ่านไปแล้ว จะเอ่ยถึงขึ้นมาเพื่ออะไร” 

 

 

           เจียงมู่เฉินมองเขา “นายช่วยฉันสืบข้อมูลคนคนหนึ่งได้ไหม” 

 

 

           “ใคร” 

 

 

           “ฟู่เหยี่ยน ควรจะเป็นนักธุรกิจร่ำรวยคนหนึ่ง” 

 

 

           มั่วไป๋ขมวดคิ้วเล็กน้อย “คนนี้ของนาย ขอบเขตใหญ่ไปหน่อยไหม” 

 

 

           “ฉันรู้ก็มีแค่นี้แล้ว นายช่วยฉันดูก่อนเถอะ เลือกอันที่เข้าท่าส่งให้ฉัน ฉันจะไปหา” 

 

 

           “ก็ได้ ฉันจะสืบให้นาย ถึงเวลาแล้วจะส่งให้นายทั้งหมดทางเมลนะ” 

 

 

           “เอ่อใช่ ท่าทางเขาดูอายุประมาณสามสิบสองปี ยังหนุ่มมาก ชาวอเมริกันเชื้อสายจีน” 

 

 

           มั่วไป๋พยักหน้า “โอเค รู้แล้ว นายวางใจเถอะ มีข่าวแล้วจะรีบส่งให้นายทันที” 

 

 

           หลังจากคุยกับมั่วไป๋จบ เจียงมู่เฉินถึงได้กดวางสาย เขาไขว้ขามองดูฝ้าเพดาน รู้สึกมาเสมอว่าฟู่เหยี่ยนคนนี้เหมือนจะไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น 

 

 

           ‘ฐานะของเขาเกรงว่าจะไม่ใช่นักธุรกิจธรรมดาทั่วไปคนนั้นที่ซังจิ่งเอ่ยถึงหรอกมั้ง’ 

 

 

           เจียงมู่เฉินบีบคางตัวเอง ค่อนข้างจะแปลกใจอยู่ในที ตรึกตรองเล็กน้อย 

 

 

           เช้าวันต่อมา หลังจากเจียงมู่เฉินตื่นนอน ฟู่เหยี่ยนก็ออกไปแล้ว 

 

 

           ไม่เจอฟู่เหยี่ยน เขากลับรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาบ้าง 

 

 

           จะได้ไม่มาทำสงครามประสาทกับเขา ยังต้องระมัดระวังตัวอีก เหนื่อยจนลนไปหมด 

 

 

           วันนี้ซังจิ่งกลับไม่ได้ออกไปข้างนอก เขายืนอยู่ในห้องครัว เจียงมู่เฉินแอบย่องเข้าไปอยู่ข้างๆ ก้มลงมาดูเขาใกล้ๆ “ทำไมวันนี้ตอนเที่ยงถึงมีอารมณ์มาเข้าครัวได้” 

 

 

           “นี่ไม่ใช่ว่าอยากจะถือโอกาสก่อนไปโชว์ฝีมือทำอาหารให้คุณดูสักหน่อยหรือไง ไม่อย่างนั้นคุณชายเจียงจะคิดว่าผมเป็นคนที่ทำเป็นแค่โจ๊กไก่ฉีก” 

 

 

           เจียงมู่เฉินกอดอกพิงอยู่ด้านข้าง “งั้นนายสู้ๆ แล้วกัน ปากฉันช่างเลือกนะ” 

 

 

           “วางใจเถอะ รับรองว่ารสชาติจะไม่แย่ไปกว่าที่คุณกินปกติเยอะเกินไปหรอก” 

 

 

           เจียงมู่เฉินพิงอยู่ด้านข้าง มองเขาหั่นผัก นัยน์ตาทอประกาย ห้ามใจคิดถึงซือเหยี่ยนไม่อยู่ 

 

 

           เมื่อก่อนไม่รู้สึก พอมาเปรียบกันแบบนี้ ฝีมือทำอาหารของซือเหยี่ยนเก่งกาจจนทำให้คนประหลาดใจได้ 

 

 

           เขาเป็นคุณชายใหญ่คนหนึ่ง ตั้งแต่เล็กก็ไม่เคยได้ทำอาหารอะไร ตามหลักการแล้วก็ควรจะเหมือนกับตัวเอง อะไรก็ทำไม่เป็นถึงจะถูก 

 

 

           ถ้าไม่ใช่ว่าเขาได้ไปซือกรุ๊ปบ่อยๆ เขาคิดจริงๆ ว่าซือเหยี่ยนใช้เวลาทำงานไปเรียนทำอาหารแล้วหรือเปล่า 

 

 

           ไม่อย่างนั้นจะมีฝีมือทำอาหารขึ้นชื่อตบตาได้อย่างไร 

 

 

           “มา ลองชิมดู” ซังจิ่งเอ่ยเรียกขึ้นมากะทันหัน 

 

 

           ห้วงความคิดของเจียงมู่เฉินถูกตัดขาดแล้วดึงตัวออกมาจากห้วงความทรงจำ เขาเห็นซังจิ่งถือตะเกียบอยู่ตรงหน้า นัยน์ตาฉายแววเล็กน้อย 

 

 

           เมื่อก่อนซือเหยี่ยนก็เป็นแบบนี้ เอะอะก็ป้อนเขา 

 

 

           เขารับตะเกียบในมือของซังจิ่งมา เอ่ยอย่างไม่สนิทใจ “ฉันทำเองดีกว่า” 

 

 

           ซังจิ่งเองก็ไม่ได้พูดอะไร ยื่นมือส่งตะเกียบต่อให้เจียงมู่เฉิน 

 

 

           เขาถือตะเกียบที่คีบอาหารไว้ แล้วกินเข้าไป เขากัดไปสองคำ ก่อนเอ่ยเสียงต่ำ “อืม อร่อย” 

 

 

           ใบหน้าซังจิ่งฉายความดีใจ “งั้นก็ดี ผมยังกังวลว่าคุณชายเจียงเอาใจยากขนาดนี้ อาหารที่ผมทำจะไม่ถูกปากได้” 

 

 

           เจียงมู่เฉินค่อยๆ กดเก็บซือเหยี่ยนในหัวเขาลงไป เอ่ยถามอย่างระงับอารมณ์ “คิดไม่ถึงว่านายจะยังทำกับข้าวเป็นจริงๆ ด้วย” 

 

 

           “อะไรกัน ตัวผมดูไม่มีแววจะทำอาหารได้เลยเหรอ” 

 

 

           “นายเป็นนักธุรกิจไม่ใช่เหรอ ยุ่งขนาดนี้ยังมีเวลาไปทำอาหารด้วย?” 

 

 

           มือซังจิ่งชะงักไป เขาหัวเราะแห้งๆ สักพัก “เมื่อก่อนที่ยังไม่ได้ทำธุรกิจ ผ่านเวลาช่วงยากลำบากมาช่วงหนึ่ง เพียงแต่ถูกบีบให้ต้องทำได้ก็เท่านั้นเอง” 

 

 

“อ่อ ดูท่าว่านายยังจะเป็นเพื่อนผู้มีเรื่องราวกับเขาด้วย?” 

 

 

ซังจิ่งยิ้มหัวเราะ “เรื่องราวของผมมีเยอะนะ คุณชายเจียงยินดีจะฟังหรือเปล่า” 

 

 

 

 

 

  ตอนที่ 301 แอบชักใยเงียบๆ 

 

 

           “ฉันคิดไปคิดมา มีบางเรื่องไม่ฟังยังจะดีกว่า” เจียงมู่เฉินกะพริบตา “ถึงยังไงคนที่รู้เยอะ ก็มักจะไม่เป็นผลดีเสมอ” 

 

 

           ในเมื่อเขาไม่อยากฟัง ซังจิ่งเองก็บังคับให้เขาฟังไม่ได้ เขาเอาอาหารที่ทำเสร็จเรียบร้อยแล้วตกแต่งใส่จาน 

 

 

           “ไปเถอะ ไปกินข้าวกัน” 

 

 

           หลังจากทั้งสองคนกินข้าวเสร็จ ก็ขับรถออกจากคฤหาสน์หลังนี้กลับไป 

 

 

           ระหว่างทางเจียงมู่เฉินสังเกตมองไปรอบๆ สักพัก ถึงแม้จะพักอยู่ข้างในสองวัน แต่ว่าก็เป็นสถานที่ที่ดีแห่งหนึ่งจริงๆ 

 

 

           เขากวาดสายตามองกระจกหลัง มองดูคฤหาสน์ที่ยิ่งห่างออกไปเรื่อยๆ คิดว่าหลังจากนี้เขาควรจะไม่สามารถมาที่นี่ได้อีกแล้ว 

 

 

           ฝั่งท่านเชนรอแค่วันเดียวก็ติดต่อพวกเขาไปทันที เบื้องบนเห็นด้วยกับข้อเสนอของเขาแล้ว รวมทั้งจะให้ความช่วยเหลือเขาได้ 

 

 

           ถึงเขาจะเดาได้แต่แรกแล้ว แต่พอตอนนี้ได้ยินความจริงแล้ว ในใจก็มั่นคงหนักแน่นขึ้นมาหน่อย 

 

 

           ฝั่งซือเหยี่ยนคอยอยู่ข้างกายซูเตอร์ต่อไป ขณะเดียวกันก็หาหลักฐานอย่างไม่แพร่งพรายไปด้วย 

 

 

           หลังจากผ่านการโดนยิงครั้งหนึ่ง เรย์มอนก็ค่อยๆ ไว้วางใจเขาทีละนิดๆ แล้ว เรื่องสำคัญๆ ต่างก็ส่งให้ซือเหยี่ยนแล้ว 

 

 

           ซือเหยี่ยนปฏิบัติงานให้สำเร็จไป พลางแอบเปิดช่องโหว่ให้ซูเวลล์ 

 

 

           จัดการงานธุระต่างๆ อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง หาข้อผิดพลาดไม่ได้เพียงเศษเสี้ยว แต่ส่วนตัวก็แอบปล่อยข้อมูลให้รั่วไหลไปหาซูเวลล์ 

 

 

           ให้ซูเวลล์เมื่อจะลงมือทำอันตรายหรือสิ่งที่ไม่เป็นผลดีกับซูเตอร์ จะได้ถนัดมือขึ้นอีกนิด 

 

 

           ทุกอย่างนี้ ซือเหยี่ยนดำเนินการอย่างเงียบๆ ไม่มีใครสักคนจะมานึกสาวไปถึงตัวซือเหยี่ยนได้ 

 

 

           เขาแอบชักใยเงียบๆ เพื่อวันหลังจะทำตามแผนได้ดี 

 

 

           ซูเตอร์ยังคอยมาพัวพันกับเขาเหมือนเดิม นี่กลับเป็นให้ความสะดวกแก่ซือเหยี่ยน เขายังคงรับมืออย่างไม่มีอะไรเหมือนเมื่อก่อน 

 

 

           แต่กลับไม่ได้มีความผิดพลาดอะไรอย่างอื่น 

 

 

           วันนี้ซือเหยี่ยนเพิ่งกลับมาจากข้างนอก ซูเตอร์ก็วิ่งเข้ามาหา เขามองซือเหยี่ยนอย่างออดอ้อน “เหยี่ยน ช่วงนี้ทำไมนายถึงยุ่งขนาดนี้นะ ต้องการให้ฉันไปพูดกับอาเรย์ไหม ให้อาเรย์ให้งานนายน้อยลง” 

 

 

           ซือเหยี่ยนสีหน้าเคร่งขรึม “อาเรย์จะทำเรื่องอะไร ท่านคิดของท่านไว้แล้ว คุณอย่าไปแทรกแซงท่านเลย” 

 

 

           ซูเตอร์เอ่ยด้วยท่าทางน้อยใจ “แต่ว่า นานแล้วนะที่นายไม่ได้อยู่กับฉันเลย” 

 

 

           ซือเหยี่ยนก้มหัวมองมือเขาที่เกาะอยู่แขนตัวเอง ยื่นมือดึงลง “ตอนนี้ผมยุ่งมาก หวังว่าคุณจะเข้าใจกัน” 

 

 

           ซูเตอร์มองมือตัวเองแล้วถอนหายใจ “ถึงแม้นายกำลังช่วยฉันอยู่ แต่ว่าฉันไม่ได้อยากให้นายยุ่งขนาดนี้จริงๆ นะ” 

 

 

           ซือเหยี่ยนกุมขมับด้วยท่าทีเหนื่อยล้า “ยังมีธุระอีกไหม ไม่มีผมจะกลับไปห้องก่อน” 

 

 

           “นายไม่อยากพูดกับฉันขนาดนี้เลยเหรอ” 

 

 

           “ซูเตอร์ ผมเหนื่อยมากจริงๆ ไม่มีเวลาจะมาโต้เถียงเรื่องนี้กับคุณนะ” 

 

 

           “นายเองก็เป็นแบบนี้กับเจียงมู่เฉินด้วยไหม” เขาซักถามด้วยน้ำเสียงติติงอย่างไม่ยินดี 

 

 

           “เขาคือเขา คุณคือคุณ ทำไมคุณต้องเอาไปเปรียบกับเขาตลอด” 

 

 

           ซูเตอร์แอบกำนิ้วมือแน่น “ฉันก็แค่อยากรู้ ว่าฉันยืนอยู่ตำแหน่งไหนในใจนาย” 

 

 

           ซือเหยี่ยนไม่อยากบีบให้ซูเตอร์ร้อนใจ เสียงเขาอ่อนโยนลงนิดหน่อย “ซูเตอร์ ผมเหนื่อยจริงๆ พรุ่งนี้ค่อยคุยกันกับคุณได้ไหม” 

 

 

      ซูเตอร์เห็นเขาเป็นแบบนี้ ก็ใจอ่อนลงทันที “งั้นนายรีบไปพักผ่อนเถอะ มีอะไรพวกเราค่อยคุยกันพรุ่งนี้” 

 

 

นอกเหนือจากนั้นรอพรุ่งนี้เขาจัดการเจียงมู่เฉินเสร็จ ถึงเวลานั้นพวกเขาค่อยมาคุยกันก็ยังทัน  

 

 

ซูเตอร์มองตามแผ่นหลังของซูเตอร์ไป ยกมุมปากอย่างเย็นชา 

 

 

เขาเตรียมของขวัญชุดใหญ่ให้เจียงมู่เฉินแล้ว ตอนนี้รอคุณชายเจียงเป็นฝ่ายมาหาด้วยตัวเอง 

 

 

ถึงตอนนั้น เขาไม่มีทางจะใจอ่อนยอมปล่อยเจียงมู่เฉินไปง่ายๆ แน่นอน 

 

 

ครั้งก่อนได้รับการดูถูกเหยียดหยามที่ถานโจว เขาก็เอาคืนเจียงมู่เฉินกลับมาทีละนิดๆ จนได้