ตอนที่ 621 เป้าหมายคือสิ่งใด

พลิกชะตาชายาสยบแค้น

ตอนที่ 621 เป้าหมายคือสิ่งใด

แท้จริงแล้วมู่เหล่าหวางเฟยย่อมไม่มีทางสนับสนุนท่านอ๋องต่างสกุลอยู่แล้ว ทว่าทั้งหมดนี้เป็นความคิดของฟางจูเอง

ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าสตรีข้างกายมู่เหล่าหวางเฟยเยี่ยงฟางจูที่มีตำแหน่งถือว่าสูงมากแล้วสำหรับสตรีธรรมดายังคิดปีนขึ้นไปอีก

“ตอนนี้ท่านอ๋องอยู่ที่ใด ? ” อันหลิงเกอหันไปถามปี้จูด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

“น่าจักอยู่ที่ห้องหนังสือเจ้าค่ะ”

ปี้จูมิรู้ว่าเหตุใดอันหลิงเกอจึงรีบร้อนเช่นนี้ แม้ครรภ์ยังดูมิโตขึ้นมากนักแต่ก็ต้องคอยระวังให้มาก

“ไปหาท่านอ๋องกัน”

เรื่องนี้แม้มิเกี่ยวข้องกับตำแหน่ง ทว่าเกี่ยวข้องกับอนาคตของต้าโจวและความปลอดภัยของมู่จวินฮาน อันหลิงเกอมิรู้ว่าเขานึกถึงเรื่องนี้หรือไม่ แต่นางจำเป็นต้องบอกให้เขาได้รับรู้

“เรียนท่านอ๋อง พระชายามาพบขอรับ” พอได้ยินว่าอันหลิงเกอมาหา มู่จวินฮานก็เงยหน้าขึ้นทันที

“มีเรื่องอันใดหรือ ? ” เมื่อเห็นท่าทางรีบร้อนของนางแล้วมู่จวินฮานก็อดรู้สึกแปลกใจมิได้

“พวกเจ้าออกไปก่อนไป” หลังสั่งให้ทุกคนออกไปแล้วอันหลิงเกอจึงเริ่มเอ่ย

“ท่านทราบเรื่องที่ฟางจูขอประทานสมรสหรือยังเจ้าคะ ? ” มู่จวินฮานรู้อยู่แล้วว่าอันหลิงเกอต้องทราบเรื่อง

“อืม” มู่จวินฮานพยักหน้า มิได้รู้สึกว่ามีอันใดผิดปกติ

ดูท่าแล้วเขาคงมิได้นึกถึงเรื่องนั้น

ภายในใจของอันหลิงเกออดรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมามิได้ แต่จู่ ๆ ก็รู้สึกปวดท้องจนต้องรีบนั่งลง

“เจ้าเป็นอันใด ? ”

มู่จวินฮานรู้ดีว่าปกติแล้วอันหลิงเกอมีนิสัยสงบนิ่ง นางร้อนรนเช่นนี้ต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่นอน

“กูซูเฉี่ยเฉิงผู้นั้น แม้ข้ามิรู้จักแต่ตระกูลกูซูมีความแค้นต่อข้าเจ้าค่ะ พวกเขาอาจตกลงกันว่าจักสนับสนุนซึ่งกันและกัน…”

อันหลิงเกอมิได้เอ่ยถึงมู่เหล่าหวางเฟยเพราะอย่างไรก็เป็นมารดาของมู่จวินฮาน

“เกอเอ๋อ บางทีเจ้าอาจคิดมากเกินไป ฟางจูก็แค่ผู้หญิงคนหนึ่งแล้วจะก่อเรื่องใหญ่อันใดได้เล่า ส่วนกูซูเฉี่ยเฉิงไร้อำนาจทางทหาร ในราชสำนักก็มิได้มีตำแหน่งใหญ่โตอันใด ต่อให้พวกเขาร่วมมือกันก็มิสามารถสร้างอำนาจได้อยู่ดี”

อันหลิงเกอเข้าใจความรู้สึกของมู่จวินฮานดี เพียงแต่บางเรื่องที่ดูสงบแล้วความจริงหาได้สงบเช่นนั้นไม่

นางรู้ดีว่าความสัมพันธ์ของตระกูลกูซูและตระกูลมู่มิได้มีอันใดต่อกัน มู่จวินฮานจึงไม่อยากสงสัยอีกฝ่าย

“ช่างเถิด ขอเพียงท่านอ๋องคอยจับตามองสองคนนั้นไว้ก็พอเจ้าค่ะ” อันหลิงเกอรู้ว่าตอนนี้ตั้งครรภ์อยู่จึงมิควรทำอันใดรีบร้อน ดังนั้นจึงพูดช้าลงและมิได้วิตกกังวลมากเหมือนในตอนแรก

“เจ้าต้องดูแลสุขภาพให้ดี ตอนนี้ไม่มีอันใดสำคัญไปกว่าเจ้ากับลูกในครรภ์อีกแล้ว”

อันหลิงเกอพยักหน้าและค่อย ๆ ปล่อยวางความคิด ทว่าตอนนี้ด้านฟางจูก็ทราบเรื่องเข้าแล้ว

“ว่าอย่างไรนะ ? อันหลิงเกอคิดขัดขวางการแต่งงานของข้าหรือ ? ” ฟางจูกัดฟันแน่นขณะมองไปด้านนอก คาดมิถึงว่าที่ผ่านมานางมิเคยมีความแค้นใดต่ออันหลิงเกอ ทว่าอีกฝ่ายกลับมาขวางการแต่งงานของนางกับกูซูเฉี่ยเฉิงเสียได้

ภายภาคหน้าหากนางประสบความสำเร็จเมื่อใด คนแรกที่จะโดนกำจัดก็คืออันหลิงเกอ !

ขณะที่กำลังครุ่นคิดอยู่นั้นก็เห็นมู่เหล่าหวางเฟยเดินมาพอดี ฟางจูจึงเปลี่ยนท่าทีแล้วแสร้งทำเป็นคนน่าสงสารทันที

“มู่เหล่าหวางเฟยเจ้าคะ…”

หลังได้ฟังฟางจูเล่าจบ มู่เหล่าหวางเฟยก็รู้สึกมิพอใจมาก เดิมทีนางก็จงเกลียดจงชังอันหลิงเกออยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งโกรธแค้นเข้าไปใหญ่

การสมรสที่นางเป็นคนประทานให้ อันหลิงเกอยังกล้าตั้งข้อสงสัย ดูท่าแล้วคงกำลังระแวงนางอยู่เป็นแน่

เมื่อคิดได้ดังนั้น มู่เหล่าหวางเฟยก็ขบกรามแน่น อันหลิงเกอคงอยากเป็นศัตรูกับนางจนถึงที่สุด!

“เอาล่ะ เอาล่ะ เจ้ามิต้องโมโหไปหรอก ก่อนหน้านี้ข้าก็เคยบอกแล้วว่าอันหลิงเกอมิใช่คนธรรมดา ยังดีที่นางมิได้เข้ามายุ่งเรื่องของเจ้าอย่างสุดโต่งและจวินฮานก็มิได้ฟังคำพูดของนางด้วย เพียงเท่านี้เจ้าก็รอแต่งงานได้อย่างสบายใจเถิด”

เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว มู่เหล่าหวางเฟยก็มิได้สงสัยอันใดฟางจูอีก และเพราะเรื่องของอันหลิงเกอจึงทำให้นางยิ่งเชื่อมั่นในตัวฟางจูว่าต้องอยู่ข้างตนแน่นอน

อย่างไรตอนนี้พวกนางก็ถือว่ามีศัตรูคนเดียวกันแล้ว !

“ขอบพระคุณมู่เหล่าหวางเฟยเจ้าค่ะ”

ฟางจูมองมู่เหล่าหวางเฟยพร้อมน้ำตาคลอเบ้า เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังสนับสนุนตนเหมือนเดิมจึงได้วางใจ

หลังมู่เหล่าหวางเฟยจากไป ฟางจูก็ออกไปนอกจวนเพียงลำพัง

กูซูเฉี่ยเฉิงคาดมิถึงว่าฟางจูกู่เหนียงผู้นี้จักรีบมาพบตน

“ฟางจูกู่เหนียง”

กูซูเฉี่ยเฉิงโค้งกายลงเล็กน้อย ทว่าภายในใจก็พอทราบอยู่บ้าง เมื่อครู่เขาเพิ่งได้ข่าวจากจวนอ๋องมู่และดูเหมือนว่าพระชายามิค่อยพอใจเรื่องการแต่งงานของพวกตนสักเท่าไร ใครต่างก็รู้ดีว่าพระชายาเป็นสตรีที่แปลก มองแล้วก็คงเป็นจริง

การที่ฟางจูมาหาในเวลานี้ก็คงเกี่ยวกับงานแต่งเป็นแน่

“คารวะท่านอ๋องน้อยกูซูเจ้าค่ะ”

เมื่อนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกูซูเฉี่ยเฉิงแล้วฟางจูก็ยิ่งรู้สึกพอใจบุรุษผู้นี้ยิ่งนัก

“มิทราบว่าที่ฟางจูกู่เหนียงมาวันนี้มีเรื่องอันใดหรือ ? ”

ฟางจูรู้ว่าคนฉลาดเยี่ยงกูซูเฉี่ยเฉิงย่อมทราบเรื่องแล้ว เขาแค่มิกล่าวออกมาก่อนเท่านั้น

“มิได้มีเรื่องอันใดเจ้าค่ะ ข้าแค่อยากมาคุยกับท่านอ๋องน้อยเท่านั้น ท่านทำงานอยู่ในราชสำนักก็คงมีเรื่องให้คุยอยู่มิน้อยเจ้าค่ะ”

ฟางจูบอกเขาเป็นนัยว่านางมิใช่ผู้หญิงธรรมดา ต่อไปนางย่อมสามารถช่วยเขาได้อย่างแน่นอน

“เช่นนั้นก็ดี เพียงแต่ฟางจูกู่เหนียงทราบหรือไม่ว่าหากสตรีฉลาดเกินไปก็อาจมิเป็นที่โปรดปราน ? ”

เมื่อเห็นฟางจูมิกล่าวอันใด กูซูเฉี่ยเฉิงจึงเอ่ยต่อ

“ดังเช่นมู่เหล่าหวางเฟยและพระชายามู่ ทั้งคู่ล้วนเป็นคนฉลาดจึงน่าเสียดายที่มู่เหล่าหวางเฟยมิเป็นที่โปรดปราน ส่วนพระชายาตอนนี้ก็มีศัตรูรอบด้าน”

เมื่อได้ยินเขาเอ่ยถึงมู่เหล่าหวางเฟยแล้ว ฟางจูก็ขมวดคิ้วอย่างมิพอใจ

“ท่านดูถูกมู่เหล่าหวางเฟยถึงเพียงนี้เชียวหรือ ! ”

ฟางจูแม้กล่าวออกมาตามตรง แต่น้ำเสียงก็มิได้โมโหมากนัก

กูซูเฉี่ยเฉิงรู้ดีว่าตอนนี้ฟางจูมิใช่สาวใช้ที่อยู่ข้างกายมู่เหล่าหวางเฟยเหมือนก่อนอีกแล้ว

“คนฉลาดเป็นเรื่องดี เพียงแต่การแสดงออกมากเกินไปอาจทำให้พลาดพลั้งได้”

ใช่แล้ว กูซูเฉี่ยเฉิงอดทนมานานเพียงนี้ มิเคยเผยความคิดของตนให้ผู้ใดรับรู้โดยง่าย จนถึงตอนนี้ก็มีเพียงเขาคนเดียวที่มีคุณสมบัติพอจักสั่งสอนตัวเขาเองได้

ในทางกลับกัน ฟางจูอาศัยการที่เป็นสตรีคอยทำงานอยู่เรือนหลังมาโดยตลอดและคาดมิถึงว่าจักมาถึงจุดนี้ได้

ตอนนี้นอกจากนางจะถูกมู่จวินฮานเล่นงานแล้ว มู่เหล่าหวางเฟยยังลดทอนการสนับสนุนนางลงเรื่อย ๆ ด้วย

การแต่งงานครั้งนี้ก็แค่ต้องการวางแผนครั้งสุดท้ายให้ตนเท่านั้น ดูท่าแล้วการที่นางเลือกกูซูเฉี่ยเฉิงคงเป็นเรื่องที่ถูกต้อง

อย่างน้อยกูซูเฉี่ยเฉิงก็พึ่งพาได้ ขณะเดียวกันเขาก็เป็นคนประเภทเดียวกับนางอีกด้วย

ความคิดของทั้งสองเหมือนกัน เป้าหมายก็คงเหมือนกัน

“ท่านอ๋อง เรื่องการแต่งงานของฟางจูและกูซูเฉี่ยเฉิงควรลองไตร่ตรองอีกครั้งเจ้าค่ะ”

อันหลิงเกอยังมิยอมแพ้ งานแต่งครั้งนี้ดูง่ายดายเกินไป อีกทั้งการกระทำของฟางจูก็มิใช่นิสัยปกติของนางเลย

“หมู่เฟยประทานสมรสด้วยตนเอง ต่อให้ข้าสงสัยก็มิสามารถทำอันใดได้อยู่ดี”

อันหลิงเกอเข้าใจความลำบากของเขา แต่นางกลัวว่าวันข้างหน้าเรื่องนี้จักกลายเป็นการเลี้ยงลูกเสือลูกตะเข้เอาได้