บทที่ 1790+1791

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 1790 อันที่จริงเธอหักใจนอนไม่ลงมาโดยตลอด…

อันที่จริงเธอได้ตัดสินใจไว้ก่อนนานแล้ว ไม่ว่าตี้ฝูอีจะแต่งกับเธอหรือไม่ เธอก็จะยึดถือเขาเป็นสามีเพียงคนเดียวของเธอไปชั่วชีวิต ไม่อาจรักชายใดหน้าไหนได้อีกแล้ว ตราบจนถึงวันที่เธอต้องดับขันธ์ไปด้วย…

หัวใจของเธอเล็กยิ่งนัก เมื่อรักผู้ใดแล้วก็จะบรรจุได้เพียงเขา คนอื่นล้วนไม่มีที่ให้ทั้งสิ้น…

….

ยามที่ตี้ฝูอีตื่นขึ้นมา พบว่านางที่อยู่ในอ้อมแขนยังคงอยู่ในท่าเดิมก่อนที่เขาจะหลับไป ขดตัวอยู่ในอ้อมแขนของเขาดังลูกแมวน้อย มองเขาอยู่เงียบๆ ตาโตดำขลับคู่นั้นมืดมิดดั่งท้องฟ้ายามราตรี

ทั้งสองคนสบตากัน ตี้ฝูอีก้มหน้าลงไปจุมพิตริมฝีปากนางทีหนึ่ง “ไม่นอนหรือ?”

กู้ซีจิ่วซุกศีรษะลงในอ้อมแขนเขา เอ่ยอ้อมแอ้มคราหนึ่ง “ข้าก็เพิ่งตื่นเหมือนกัน” อันที่จริงเธอหักใจนอนไม่ลงมาโดยตลอด…

ช่วงเวลาที่เขาเหลืออยู่กับเธอสั้นเหลือเกิน เธอไม่อยากสูญเสียไปเลยสักวินาที ไม่อยากเสียเวลาไปในยามที่หลับใหล

ตี้ฝูอีปราดเปรื่องถึงขั้นไหนกันแล้ว? เขาย่อมเข้าใจนางดี หัวใจพลันปวดแปลบ! จุมพิตปรางแก้มของนางอีกครา “นอนต่ออีกหน่อยไหม? ข้าจะกอดให้เจ้าหลับ”

กู้ซีจิ่วส่ายหน้า เธอไม่รู้สึกง่วงเลยจริงๆ เพียงฝังดวงหน้าน้อยๆ ไว้ที่แผ่นอกเขา เอ่ยถามเขาเสียงงึมงำ “ตี้ฝูอี ท่านว่าอย่างพวกเรา…จะมีลูกได้ไหม?”

ตี้ฝูอีทาบฝ่ามือลงบนท้องน้อยของนาง ลูบเบาๆ “ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติเถอะ”

“อื้อ!” เธอพยักหน้า เธออยากมีลูกสักคนยิ่งนักจริงๆ

เธอหัวเราะเบาๆ “ข้าอยากใช้ลูกมาผูกมัดท่านไว้! พอมีลูกแล้วท่านย่อมหักใจจากพวกเราสองแม่ลูกไม่ลง…”

นัยน์ตาตี้ฝูอีมีแววปวดร้าวพาดผ่านแวบหนึ่ง ลูบหัวนางเบาๆ “เด็กโง่! ในใจข้าสิ่งที่หักใจจากไม่ลงที่สุดก็คือเจ้า!” ไม่เกี่ยวเลยว่าจะมีลูกหรือไม่

ในหัวใจเขา นางคือที่หนึ่ง ผู้ใดล้วนเทียบไม่ติดทั้งสิ้น

หลังจากดีกับนางแล้ว เขาย่อมไม่อยากทอดทิ้งนางไว้ลำพัง หลายปีมานี้เพื่อให้สามารถมีชีวิตอยู่ต่อได้เขาทดลองไปสารพัดวิธีแล้ว เพียงน่าเสียดายที่…

ตี้ฝูอีก้มหน้ามองวงพักตร์เฉิดฉันของนาง “นอนไม่หลับหรือ?”

นางพยักหน้า ตี้ฝูอีจึงขยับตัวเล็กน้อย “เช่นนั้นพวกเราลุกกันเถอะ ข้าจะสอนวิชาโหราศาสตร์ให้เจ้า…”

ร่างกายกู้ซีจิ่วแข็งทื่อไปเล็กน้อย มุดเข้าหาอ้อมแขนเขา “ไม่เอา…ข้าง่วงแล้ว” พลางหลับตาลง

ตี้ฝูอีไม่พูดอะไร

เขารู้จักนางดี นางคงนึกไปว่าถ้านางยืนกรานไม่ยอมเรียนศาสตร์วิชาเทพศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้น สวรรค์คงจะยืดอายุขัยของเขาออกไปอีกหน่อย…

เด็กโง่ ไหนเลยจะง่ายดายปานนั้น! สวรรค์ใช่สิ่งที่จะหลอกลวงได้ง่ายปานนี้หรือไร?

เวลาของเขาถูกกำหนดไว้แล้ว เมื่อถึงเวลาไม่ว่านางจะเรียนเป็นแล้วหรือไม่เป็น เขาล้วนไม่อาจอยู่ต่อได้อีก

ถ้านางเรียนไม่เป็น วันเวลาในภายภาคหน้าก็มีแต่จะยากลำบากมากยิ่งขึ้น ใช้ความผิดพลาดล้มลุกคลุกคลานเป็นอาจารย์ชี้แนะ เติบโตไปทีละก้าวๆ…

เขาพลันโอบนางที่อยู่ในอ้อมแขนอย่างไม่อาจควบคุมได้ “ข้าจะอุ้มเจ้าไป”

กู้ซีจิ่วร้อนรนแล้ว ผลักเขาออก “ไม่เอา! ข้าง่วงจะตายแล้ว! ข้าจะนอน!”

เขามองขอบตาดำคล้ำจางๆ ของนาง นางน่าจะง่วงงุนจริงๆ ก่อนหน้านี้เพียงข่มตานอนไม่ลงเท่านั้น

หัวใจเขาอ่อนยวบ รั้งนางเข้าสู่อ้อมกอดอีกครั้ง ตบกล่อมนางเบาๆ “ได้ เจ้านอนเถอะ ข้าจะกล่อมเจ้านอน”

“ท่านร้องเพลงได้ไหม?” กู้ซีจิ่วยื่นข้อเรียกร้อง

ตี้ฝูอีนิ่งไปเล็กน้อย “ข้าอาจร้องได้ไม่เพราะเท่าเจ้าร้อง” ทักษะดนตรีของเขาล้ำเลิศ ทว่าเสียงร้องไม่นับว่า…ไม่นับว่าโดดเด่นเลยจริงๆ เขาจึงซุกซ่อนเอาไว้ตลอด ไม่เคยร้องต่อหน้านางมาก่อนเลย

“ข้าอยากฟังท่านร้อง ข้าสามารถใช้เป็นเพลงกล่อมนอนได้” กู้ซีจิ่วไม่ยอมเลิกรา

เอาเถอะ ตี้ฝูอีไม่อยากให้นางต้องผิดหวัง ด้วยเหตุนี้เขาจึงหาบทเพลงที่ถนัดที่สุด ร้องเบาๆ อยู่ข้างหูนาง เพลงที่ร้องยังคงเป็นเพลงที่กู้ซีจิ่วเคยร้องเอาไว้…

———————————————————————

บทที่ 1791 นางหนุนเสียงเพลงของเขาเข้าสู่นิทรา…

เพลงที่ร้องยังคงเป็นเพลงที่กู้ซีจิ่วเคยร้องเอาไว้

“ถามโลกหล้าคืนวันผ่านพ้นนานเพียงไร

จึงจะได้พานพบประสบเจอ

กระจกสะท้อนเงาจันทร์เจอะเจอเจ้าใต้ร่มโพธิ์

วาสนาสลักไว้บนปลายนิ้ว

เผาไหม้คืนวันสะกิดโลกีย์โน้มจิตปฏิพัทธ์

แต่มิอาจต้านทานกาลเวลา

ร้อยพันคำอธิษฐานหมุนเวียน

ดีที่สุดคือสมหวัง

เพ่งพิศหน้าเจ้าด้วยรอยยิ้ม

โลกจะอยู่ห่างไกลสักเท่าใด

ขอเพียงมีเจ้าอยู่ตรงหน้า

ความคิดคำนึงล้วนพลันมลายหาย…”

บทเพลง ‘อธิษฐานรักใต้ร่มโพธิ์’ ศิลปินหลิวซีจวิน

น้ำเสียงของเขาช่างน่าดึงดูด ร้องได้ไพเราะไม่เลวเลย ยามเสียงของเขาดังก้องข้างหูเธอ แฝงความคิดถึงคะนึงหาให้หัวใจสั่นไหว กู้ซีจิ่วฟังอยู่ในอ้อมกอดของเขา เดิมเป็นบทเพลงที่ฟังไม่ค่อยเข้าใจอารมณ์เพลงสักเท่าไร เมื่อเธอได้ฟังแล้วกลับเจ็บแปลบไปทั้งหัวใจ ทว่าก็ชอบฟัง…

ตี้ฝูอีร้องพลางลูบจุดอันเหมียนของนางเบาๆ กล่อมให้นางนอนหลับสนิทสักหน่อย

ไม่นาน นางก็หนุนเสียงเพลงของเขาเข้าสู่นิทรา…

ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตี้ฝูอีผู้มีชื่อเสียงระบือโลกหล้าคือเทพสูงสุดของโลกใบนี้…เทพศักดิ์สิทธิ์!

เมื่อข่าวนี้แพร่สะพัดออกไป ทำเอาคนทั้งโลกแตกตื่นเหมือนถูกคั่วอยู่ในกระทะร้อน!

มีบางคนไม่เชื่อ ทว่าท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ประกาศต่อหน้าทุกคนด้วยตัวเอง สร้างความสั่นสะเทือนให้คนทั่วทั้งอาณาจักร! ไม่รู้มีคนตั้งเท่าไรตกตะลึงกับข่าวนี้

เพียงแต่นี่ยังไม่ใช่ข่าวดังที่สุด ในวันนั้นท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ยังประกาศข่าวอีกเรื่องหนึ่ง หลังจากประกาศข่าวนี้ออกไป ผู้คนทั่วทั้งทวีปล้วนเดือดพล่าน!

ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์และทูตสวรรค์พิทักษ์แผ่นดินกู้ซีจิ่วจะแต่งงานกัน!

ว่ากันว่าตอนที่ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ประกาศข่าวนี้ ทุกคนต่างตะลึงงันไปชั่วเวลาหนึ่งถ้วยชา แทบทุกคนตกตะลึงจนกลายเป็นหุ่นดินเหนียว ก่อนจะระเบิดเสียงฮือฮา…

กู้เซี่ยเทียนน่าสงสารที่สุด เขาเพิ่งจะรู้เรื่องนี้ตอนตี้ฝูอีประกาศ เดิมทีเขารักษาความสงบเรียบร้อยอยู่บนแท่น เมื่อท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ลั่นวาจานี้ออกมา ขาเขาพลันอ่อนยวบ ร่วงหล่นลงไปจากแท่นประหนึ่งห่านฟ้าไถลผืนทราย

เคราะห์ดีที่มู่เฟิงตาไว ยื่นมือดึงเขากลับมาได้ทันกาล ก่อนจะจับเขามายืนบนพื้นอย่างมั่นคง แล้วตบไหล่เขาเบาๆ “ท่านแม่ทัพกู้ ท่านพักเสียหน่อยเถิด”

กู้เซี่ยเทียนมีสีหน้าตกใจเสมือนถูกฟ้าผ่า ในหัวเต็มไปด้วยเรื่องที่ว่าตัวเองจะต้องเป็นพ่อตาของท่านเทพศักดิ์สิทธิ์แล้ว สวรรค์ ข้าฝันไปใช่หรือไม่…

เขาตะลึงอยู่นาน จู่ๆ ก็ฉุกคิดขึ้นได้ว่าเรื่องใหญ่ขนาดนี้ เหตุใดบุตรสาวจึงไม่บอกให้เขาทราบล่วงหน้า ให้เขาได้เตรียมตัวอะไรไว้บ้าง…

เขาตื่นเต้นจนหัวใจเกือบวายตาย!

สิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือ ความจริงกู้ซีจิ่วในตอนนี้ไม่ใช่กู้ซีจิ่วคนเดิมแล้ว เดิมทีเธอก็เป็นคนจากต่างภพ ร่างกายตอนนี้ก็เป็นร่างที่เธอก่อขึ้นมาเอง ไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับเขาแม้แต่น้อย…

ตอนที่ตี้ฝูอีประกาศเรื่องนี้ บรรดาสานุศิษย์สวรรค์ล้วนอยู่ในงานด้วย

ทุกคนมีสีหน้าแตกต่างกันไป เชียนเยวี่ยหร่านและเทียนจี้เยวี่ยมีสีหน้าสื่อว่าที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ หลงซือเย่ก็พอเดาออกตั้งแต่แรกแล้ว เพียงแต่ตอนที่ตี้ฝูอียังไม่ได้ยอมรับกับปากตัวเองเขาก็ไม่ได้เปิดโปงออกไป…

ความรู้สึกประดังประเดเข้ามาพร้อมกันหมด แน่นอนว่ามีความรู้สึกหดหู่อยู่ด้วย ทว่าตามความคาดหมายของเขา ไม่ว่าตี้ฝูอีจะขอกู้ซีจิ่วแต่งงานหรือไม่ ในใจของกู้ซีจิ่วก็ไม่มีที่สำหรับเขาหลงซือเย่อีกแล้ว ชีวิตนี้ของเธอเห็นเขาเป็นเพียงสหาย และก็จะเป็นได้เพียงสหายเท่านั้น…

ทางด้านฮวาอู๋เหยียน ข่าวนี้สำหรับนางแล้วย่อมไม่ต่างอะไรกับฟ้าผ่าในวันท้องฟ้าปลอดโปร่ง ความหึงหวงและความไม่ยินยอมในใจเอ่อล้นไม่ขาดสาย แต่ก็ไม่อาจทำสิ่งใดได้

หลานจิ้งอี๋ตามพี่ชายมาร่วมงานด้วย ข่าวนี้ทำให้ใบหน้านางซีดเผือดไปเช่นกัน ทว่ากลับไม่กล้าแม้จะแสดงความไม่พอใจออกมาสักนิด รู้สึกเพียงยิ่งสิ้นหวังกว่าเดิม…

แน่นอนว่าคนอื่นๆ ที่รู้จักและไม่รู้จักส่วนใหญ่ต่างก็ยินดีปรีดายิ่งนัก

อย่างเช่นคนกลุ่มนั้นในสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์…

————————————————