พอเดินมาถึงประตูลานเรือน ก็กดเสียงต่ำสั่งบ่าวทั้งสองคน “พวกเจ้าเข้าไปเช็ดคราบเลือดในห้องให้สะอาด จำไว้ว่า ห้ามให้คนอื่นรู้เรื่องนี้เด็ดขาด” พูดจบ รีบร้อนเดินออกไปทันที

 

 

บ่าวเดินตรงเข้ามาในเรือน ตักน้ำใส่กะละมัง หยิบผ้าสะอาดหนึ่งผืนเดินมาถึงหน้าประตู เคาะอย่างเบามือ พูดอย่างอ่อนน้อม “ซื่อจื่อ พวกเราจะเข้าไปเช็ดคราบเลือดพ่ะย่ะค่ะ”

 

 

ครู่หนึ่ง น้ำเสียงอ่อนโยนของอี้เซวียนก็ดังออกมา “เข้ามาเถอะ”

 

 

ทั้งสองรับคำ ผลักประตูเดินเข้าไป

 

 

อี้เซวียนชี้คราบเลือดบนพื้นแล้วสั่งพวกเขา “เช็ดล้างคราบเลือดตรงนี้ให้สะอาด แล้วออกไปได้”

 

 

ทั้งสองยกกะละมังน้ำเดินมุ่งตรงเข้ามา คุกเข่าลง เช็ดล้างคราบเลือดบนพื้นอย่างสะอาดโดยไว จากนั้นก็รีบถอยหลังออกไป ประตูเพิ่งจะปิดสนิท น้ำเสียงละมุนของอี้เซวียนก็ดังลอยออกมา “โยวเอ๋อร์ ยังเจ็บหรือไม่?”

 

 

บ่าวทั้งสองสบตากันแวบหนึ่ง แล้วคิดถึงเสียงกรีดร้องเมื่อครู่ของเมิ่งเชี่ยนโยว พยักหน้าเข้าใจทุกอย่าง

 

 

อี้เซวียนที่อยู่ภายในห้องยังไม่รู้ว่าทั้งสองคนเข้าใจผิดไปใหญ่แล้ว ถือวิสาสะลูบศีรษะเมิ่งเชี่ยนโยว พูดอย่างปวดใจ “ข้าเก็บจดหมายพวกนี้เองก็ได้ ดูเจ้าเถิด ชนเข้าแล้วสิ”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเหยียบขยี้เท้าเขาเต็มแรง พูดอย่างฉุนเฉียว “เจ้าหลีกไปเลย ข้าเก็บจดหมายพวกนี้เอง ไม่ต้องเสนอหน้าเข้ามา”

 

 

อี้เซวียนเจ็บปวด ปล่อยมือจากศีรษะนาง กอดขาตัวเองนั่งลงบนเก้าอี้

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวย่อตัวลง เก็บจดหมายทั้งหมดขึ้นมาจัดเรียงวางลงในกล่อง จากนั้นวางกล่องไว้บนโต๊ะ

 

 

หวงฝู่อี้ถือห่อยาวิ่งตะลีตะลานเข้ามา เห็นบ่าวทั้งสองยังยืนอยู่ด้านนอก จึงถามความ “เช็ดคราบเลือดสะอาดเรียบร้อยแล้ว?”

 

 

บ่าวทั้งสองรับคำ “เช็ดสะอาดแล้วขอรับ”

 

 

หวงฝู่อี้ไม่ทันได้ซับเหงื่อบนหน้าผากตัวเอง ก็รีบเดินเข้าไปในลานเรือน พลันนึกเรื่องบางอย่างได้รีบถอยหลังกลับมา สั่งกำชับทั้งสองคน “เรื่องในวันนี้ห้ามนำไปพูดกับใครเด็ดขาด”

 

 

บ่าวเห็นห่อยาในมือเขา ยิ่งตอกย้ำความคิดของตัวเอง พยักหน้ารู้ความ “ท่านวางใจเถอะ พวกเราจะไม่พูดเรื่องนี้กับใครแน่นอน”

 

 

หวงฝู่อี้รีบร้อนเดินมาถึงหน้าประตู เคาะประตูอย่างเบามือ ถามเสียงแผ่ว “ซื่อจื่อ แม่นางเมิ่ง จัดยามาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

 

 

“เข้ามาได้” อี้เซวียนเปล่งน้ำเสียง

 

 

หวงฝู่อี้ผลักประตูเข้าไป แล้วงับประตูปิดทันที นำห่อยาในมือวางบนลงโต๊ะ

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเปิดห่อยาออกมาตรวจดู พูดว่า “ไม่มีปัญหา หนิวตั้น เจ้ารีบไปต้มยา จำไว้ว่า อย่าให้คนอื่นทำเด็ดขาด”

 

 

หวงฝู่อี้รับคำ หยิบห่อยาน้อมคำนับถอยออกไป เดินตรงไปในครัว

 

 

อี้เซวียนทำหน้าแป้นฟุบลงไปกับโต๊ะ

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวถลึงตามองเขาอย่างไม่เข้าใจ

 

 

อี้เซวียนเก็บคืนรอยยิ้ม ยืดตัวตรงพูดว่า “ตอนนี้เขามีชื่อว่าหวงฝู่อี้ ไม่ใช่หนิวตั้น ยังดีคนที่เรียกเขาคือเจ้า ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่พอใจนานแล้ว”

 

 

“หวงฝู่?” เมิ่งเชี่ยนโยวถามอย่างกังขา

 

 

อี้เซวียนพยักหน้า อธิบาย “ในตอนนั้นท่านน้าเพียงเล่าเรื่องโดยสังเขปแก่พระบิดา มิได้บอกเรื่องที่สองสามีภรรยาหนิวทารุณกรรมข้า ดังนั้นหลังจากหนิวตั้นตามข้ากลับมา ข้าจึงขอให้พระบิดาประทานแซ่ของพวกเราให้เขา พระบิดาซาบซึ้งที่พวกเขาสองสามีภรรยาเลี้ยงดูข้ามาหลายปี จึงยอมตกลง และข้าก็ได้ตั้งชื่อให้เขาว่าหวงฝู่อี้ ข้าหวังว่าเขาจะเป็นคนแน่วแน่เด็ดเดี่ยว”

 

 

“ตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ เขาได้ถามเรื่องเกี่ยวกับพ่อแม่ของเขาหรือไม่?” เมิ่งเชี่ยนโยวถาม

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวส่ายหน้า “ช่วงแรกที่เขาตามข้ากลับมา ก็ตามติดข้าแจ พระบิดาและพระมารดาไม่พอใจเขามาก ข้าบอกพวกเขาว่าหนิวตั้นเป็นน้องชายที่ข้าเห็นมาแต่เกิด พวกเรามีความสัมพันธ์ลึกซึ้ง บัดนี้บิดามารดาเขาจากไปแล้ว เขาจะติดข้าแจก็เป็นเรื่องสมควร พวกเขาได้ฟังเช่นนั้นก็ไม่ถามความอีก ต่อมาหนิวตั้นค่อยๆ เติบใหญ่ เริ่มรู้กาลเทศะ เรียนรู้ที่จะช่วยจัดแจงเรื่องต่างๆ ให้ข้า ตอนนี้กลายเป็นข้าที่ขาดเขาไม่ได้ไปเสียแล้ว”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวคิดถึงภาพเช้าวันที่หนิวตั้นตื่นขึ้นมา ร้องเรียกพ่อแม่อย่างไรก็ไม่ตื่น ร้องกระจองอแงวิ่งไปหาอี้เซวียน ถอนหายใจเฮือกใหญ่ พูดขึ้นว่า “โชคดีที่ตอนนั้นแม่ทัพฉู่อำพรางเรื่องไว้ หากให้หนิวตั้นรู้เข้า ไม่รู้ว่าเขาจะคิดเช่นไร”

 

 

อี้เซวียนพยักหน้า “ท่านน้ากระทำการรอบคอบ ไม่ให้มีใครรู้เรื่องนั้น เจ้าวางใจเถอะ”

 

 

“ขอให้เป็นเช่นนั้นเถอะ” เมิ่งเชี่ยนโยวพูด แล้วถามอีกว่า “ท่านแม่ทัพฉู่เล่า ยังไม่กลับมาหรือ?”

 

 

อี้เซวียนส่ายหน้า “หลายปีก่อนต่างเผ่ารุกราน เสด็จลุงจึงส่งเขาไปเฝ้าระวังแนวพรมแดน ข้าเองก็ไม่ได้พบเขามาหลายปีแล้ว”

 

 

“ข้ารู้ สองสามปีก่อนพอฉั่งฉิกเจริญเติบโตเต็มวัย ข้าฝากจดหมายหนึ่งฉบับไปบอกแม่ทัพฉู่กับพนักงานที่มารับยาจากร้านยาเต๋อเหริน กลับไม่เคยได้รับการตอบกลับ ภายหลังเป็นเหวินซื่อที่เขียนจดหมายมาบอกข้า บอกว่าแม่ทัพฉู่ไม่ได้อยู่ในเมืองหลวง เขาจะเป็นคนซื้อฉั่งฉิกไว้เอง” เมิ่งเชี่ยนโยวพูด

 

 

อี้เซวียนพยักหน้าเล็กน้อย “ร้านยาเต๋อเหรินเป็นผู้จัดหายาสมุนไพรให้กองทัพมาโดยตลอด ทว่าพอเอ่ยถึงเหวินซื่อ ข้ามีเรื่องหนึ่งต้องบอกเจ้า เจ้าฟังแล้วอย่าได้ร้อนใจ”

 

 

“เจ้าพูดมา”

 

 

อี้เซวียนมองนางแวบหนึ่ง พิจารณาถ้อยคำพูดว่า “ได้ยินว่าหลายปีก่อน ภรรยาของเหวินซื่อตั้งครรภ์ ตอนที่อายุครรภ์ได้สี่เดือน หมอชราที่มีประสบการณ์มากที่สุดของร้านยาเต๋อเหรินจับชีพจรรู้ว่าเป็นเด็กผู้ชาย ทั้งครอบครัวต่างดีอกดีใจ โดยเฉพาะนายท่านใหญ่ร้านยาเต๋อเหริน ท่านปู่ของเหวินซื่อ คอยกำชับบ่าวให้เสาะแสวงหาของดีของอร่อยมาให้ภรรยาเหวินซื่อ ทั้งครอบครัวต่างเอาใจนางเหมือนที่เอาใจเด็กในครรภ์ ไม่คิดว่าจะคลอดทารกตายออกมา หมอตรวจดู บอกว่าได้กินของมีพิษเข้าไปก่อนคลอด เหวินซื่อโมโหคลุ้มคลั่ง สั่งให้ตรวจสอบ แต่สืบมาสืบไป กลับพบว่าภรรยาเขากินสิ่งของไม่พึงประสงค์เข้าไปเอง ทำให้เกิดผลลัพธ์เช่นนั้น หมอยังบอกพวกเขาว่า ภรรยาของเหวินซื่อคลอดลูกก่อนกำหนดกระทบกระเทือนอวัยวะภายใน เกรงว่าภายหน้าจะมีบุตรยากแล้ว”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวขมวดคิ้วถาม “มีเรื่องบังเอิญได้ถึงเช่นนี้?”

 

 

“ข้าเองก็ฟังมาจากอี้เอ๋อร์ คาดว่าเขาก็คงไปฟังคนบอกเล่ามาอีกที ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร คิดว่าคงมีแต่เหวินซื่อที่รู้” อี้เซวียนกล่าว

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “รอให้ข้าซื้อเรือนมีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ข้าค่อยไปหาเหวินซื่อ จากกันครานั้น พวกเราก็ไม่ได้พบหน้ากันอีกเลย”

 

 

อี้เซวียนได้ฟังลุกขึ้นยืน เดินมาหน้าตู้ เปิดแล้วหยิบ**บขนาดย่อมใบหนึ่งออกมาวางไว้เบื้องหน้านาง พูดว่า “หลังจากข้ากลับมา พระมารดาก็มอบบ้านเรือนและร้านค้าที่เป็นสินเดิมของนางมาให้ข้าดูแล นี่เป็นเงินรายได้ตลอดสี่ปีที่ผ่านมา เจ้ารับไปซื้อเรือนดีๆ สักหลังอยู่”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวไม่แม้แต่จะมอง ผลัก**บนั้นกลับไปตรงหน้าเขา “ไม่ต้อง เงินของข้าก็ใช้ไม่หมดแล้ว พี่ใหญ่และพี่รองก็ให้ข้ามาอีกไม่น้อย เจ้าเก็บไปเถอะ”

 

 

อี้เซวียนผลักกลับมาอีกครั้ง “ค่าใช้จ่ายในจวนก็ได้มากโขแล้ว ข้าเองก็น้อยครั้งจะมีพบปะสังสรรค์ แทบจะไม่ได้ใช้เงินเลย เจ้านำไปซื้อเรือนดีๆ สักหลัง ทางที่ดีเลือกที่อยู่ใกล้กับจวนอ๋องฉี ข้าจะได้ไปหาเจ้าได้ทุกวัน”

 

 

หวงฝู่อี้ต้มยาด้วยตัวเองเสร็จ ผึ่งเย็นครู่หนึ่ง ถึงยกตรงเข้ามา เคาะประตูพูดว่า “ซื่อจื่อ แม่นางเมิ่ง ยาต้มเสร็จแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

 

 

อี้เซวียนดัน**บเข้าหาเมิ่งเชี่ยนโยว ถึงเอ่ยปากพูดว่า “เข้ามาได้”

 

 

หวงฝู่อี้รับคำเดินเข้ามา ยกถ้วยยามาไว้เบื้องหน้าอี้เซวียน “ผู้น้อยผึ่งลมครู่หนึ่งแล้ว อุ่นกำลังดี ซื่อจื่อรีบดื่มเถอะพ่ะย่ะค่ะ”

 

 

อี้เซวียนรับมา ดื่มพรวดๆ โดยไม่ขมวดคิ้วจนหมด ส่งถ้วยคืนให้หวงฝู่อี้

 

 

หวงฝู่อี้กำลังจะออกไป เมิ่งเชี่ยนโยวร้องเรียกเขา พูดว่า “เขาถูกพิษมาเป็นเวลานาน พิษได้แทรกซึมไปทั่วร่างแล้ว ชั่วประเดี๋ยวประด๋าวกำจัดพิษออกไม่หมด ให้เจ้าต้มยาทุกวันวันละสองเทียบมาให้เขาดื่ม จำไว้ว่า ต้องจัดการกากยาให้เรียบร้อย ห้ามให้ใครรู้เรื่องที่เขาได้รับพิษเด็ดขาด อีกไม่กี่วันพอข้าซื้อบ้านได้ พวกเจ้าค่อยมาต้มยาที่บ้านข้า จะได้ไม่ต้องระแวดระวังเช่นนี้อีก”

 

 

หวงฝู่อี้รับคำ โน้มคำนับถอยออกไป

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวลุกขึ้นพูดว่า “ข้าสมควรไปแล้ว เรื่องที่เหลือเจ้าจงจัดการให้เรียบร้อย”

 

 

แม้อี้เซวียนจะอาวรณ์ กลับไม่ได้เหนี่ยวรั้งนางไว้ กอดกล่องและ**บไว้แนบอก “ข้าส่งเจ้าออกไป”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า ยกเท้าก้าวออกไป

 

 

อี้เซวียนเดินตามหลัง

 

 

ทั้งสองเดินพ้นเรือนออกมา มุ่งหน้าไปยังประตูใหญ่ สาวใช้และบ่าวตามทางเดินน้อมคำนับอี้เซวียน ก้มหน้าแอบมองหญิงสาวที่ทำให้ซื่อจื่อกล้าทำเรื่องสั่นสะเทือนเลือนลั่นกลางวันแสกๆ ว่าเป็นคนเช่นไร

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวรับรู้ได้ถึงแววตาประเมินมองของพวกเขา อมยิ้มเล็กน้อย เบียดตัวเข้าใกล้อี้เซวียน พูดคุยหยอกล้อกับเขาออกมาจากจวนอ๋องฉี

 

 

กระทั่งพวกเขาเดินออกไป พวกบ่าวรับใช้ก็สุมหัว กระซิบกระซาบเป็นนกแตกรังทันที

 

 

พวกกัวเฟยเห็นพวกเขาออกมา น้อมเรียกพลัน “นายท่าน”

 

 

อี้เซวียนผงกศีรษะเล็กน้อง สั่งการพวกเขา “หลังจากเกิดเรื่องในวันนี้ เมืองหลวงจะไม่สงบสุขอีก พวกเจ้าจักต้องคอยติดตามแม่นางเมิ่งเหมือนเงาตามตัว หากเกิดอะไรขึ้นกับนาง พวกเจ้าทั้งหมดจงตัดหัวมาพบข้าแทน”