บทที่ 716 : ผู้นําตระกูลหลิงในวันข้างหน้า!

Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร

บทที่ 716 : ผู้นําตระกูลหลิงในวันข้างหน้า!

 

เหล่ากุ่ยรับใช้ตระกูลหลิงมานานกว่าสามสิบปีเขาเป็นบ่าวที่จงรักภักดีต่อตระกูลหลิงอย่างที่สุด อีกทั้งยังเป็นหัวหน้าของนักรบตระกูลหลิงอีกด้วย ในเมื่อเหล่ากุ่ยทำการคาราวะหลิงหยุนเช่นนี้ แล้วบรรดานักรบตระกูลหลิงจะยืนนิ่งเฉยอยู่ได้อย่างไรกัน

  

ยิ่งไปกว่านั้น..หลิงหยุนเองก็ได้ช่วยชีวิตคนตระกูลหลิง และนักรบทั้งสามสิบหกคนไว้อีกด้วย เหล่านักรบตระกูลหลิงเองก็รอคอยเวลาที่จะได้ทำการคำนับขอบคุณหลิงหยุนอย่างเป็นทางการ เพียงแต่ยังหาเวลาที่เหมาะสมไม่ได้เท่านั้น! แต่เมื่อเหล่ากุ่ยซึ่งเป็นหัวหน้าของลุกขึ้นทำการคำนับหลิงหยุนเช่นนั้น มีหรือที่พวกเขาจะไม่ใช้โอกาสนี้ลุกขึ้นทำการคำนับหลิงหยุนด้วยเล่า!

  

การลุกขึ้นทำการคำนับอย่างพร้อมเพรียงกันของเหล่านักรบตระกูลหลิงนั้นนอกเหนือจากหลิงลี่แล้ว ก็ยังไม่มีใครในตระกูลหลิงได้รับเกียรติเช่นนั้นแม้แต่ท่านผู้นำตระกูลคนปัจจุบันอย่างหลิงเจิ้น

  

นักรบเดนตายทั้งหมดนี้ล้วนเป็นหลิงลี่กับเหล่ากุ่ยที่ฝึกฝนมาทั้งสิ้นพวกเขาทั้งหมดจึงมอบกายถวายชีวิตให้กับหลิงลี่เพียงคนเดียวเท่านั้น และแน่นอนว่าแม้แต่หลิงเจิ้นก็ไม่สามารถออกคำสั่งกับนักรบเดนตายเหล่านี้ได้หากไม่ได้รับการถ่ายทอดคำสั่งจากชายชราผู้นี้..

  

และในเมื่อหลิงหยุนเองก็ได้ช่วยรักษาอาการบาดเจ็บให้เหล่ากุ่ยถึงสองครั้งสองคราแล้วเหตุใดเหล่ากุ่ยจะไม่คุกเข่าทำการคาราวะหลิงหยุนได้เล่า!

  

อีกทั้งการคาราวะของเหล่ากุ่ยในครั้งนี้ก็มีจุดประสงค์บางอย่างซ่อนอยู่!

  

เขาต้องการใช้โอกาสนี้สร้างความน่าเชื่อถือและศรัทธาให้เกิดขึ้นกับหลิงหยุนนั่นเอง! และตั้งใจที่จะดันหลิงหยุนให้ขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำตระกูลคนต่อไป!

  

เมื่อสิบแปดปีก่อน..หากไม่ใช่เพราะเกิดโศกนาฏกรรมขึ้นกับตระกูลหลิงในครั้งนั้น ตำแหน่งผู้นำตระกูลคงต้องตกเป็นของคุณชายสาม – หลิงเสี่ยวอย่างแน่นอน ไม่มีทางเป็นหลิงเจิ้นไปได้!

  

หากหลิงเสี่ยวไม่สูญเสียวรยุทธและกำลังภายในไปด้วยพรสวรรค์ในตัวของเขา อย่างน้อยก็คงสามารถเข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นเซียงเทียน-6 ได้แล้วอย่างไม่ต้องสงสัย!

  

ในตอนนั้น..แม้แต่ผู้นำตระกูลอย่างหลิงลี่ที่อยู่ในขั้นเซียงเทียน-4 หากไม่ใช่เพราะได้รับบาดเจ็บภายในสาหัส เวลานี้ก็คงจะเข้าสู่ขั้นเซียงเทียน-7 หรือไม่ก็ 8 ได้แล้วอย่างแน่นอน และตระกูลหลิงก็จะยังคงเป็นหนึ่งในสามตระกูลใหญ่ของประเทศจีนเช่นเดิม!

  

แต่ช่างน่าเสียใจที่ทุกอย่างกลับพลิกผลันภายในคืนเดียวและตระกูลหลิงก็ตกต่ำมาจนถึงทุกวันนี้ ไม่เพียงเหล่ากุ่ยเท่านั้น คนในตระกูลหลิงทุกคนต่างก็เคียดแค้นและอดสูใจอย่างที่สุด!

  

คนอื่นแทบไม่ต้องพูดถึงเพราะแม้แต่หลิงเจิ้นเองก็นึกยังนึกเสียใจอยู่ตลอดเวลา ใช่! เพราะเหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้เขาได้ขึ้นเป็นผู้นำตระกูลหลิงตามที่ปรารถนา แต่ก็ต้องเผชิญกับความอัปยศอดสูทุกครั้งที่ต้องอยู่ต่อหน้าผู้นำตระกูลใหญ่ตระกูลอื่นๆ เขาแทบจะไม่สามารถเงยหน้าขึ้นมองทุกคนได้!

  

แม้แต่ลูกชายของเขา– หลิงหย่ง ยังอับอายจนแทบไม่อยากจะออกไปเจอผู้คนข้างนอก!

  

ตลอดระยะเวลาสิบแปดปีที่ผ่านมานั้นทุกครั้งที่เหล่ากุ่ยกับหลิงเสี่ยวได้อยู่ด้วยกันตามลำพัง เขาก็มักจะพบเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความทุกข์ระทมของหลิงเสี่ยว จึงได้แต่รู้สึกสงสาร!

  

หลายต่อหลายครั้งที่ฝึกฝนวิชาเสร็จแล้วเหล่ากุ่ยก็มักจะมองเห็นแววตาที่ว่างเปล่าของหลิงเสี่ยว และแววตาเช่นนั้นของเขาก็ไม่ต่างจากมีดคมที่กรีดลงไปในหัวใจของเหล่ากุ่ย!

  

คำพูดเดียวที่จะอธิบายความรู้สึกของหลิงเสี่ยวได้นั่นก็คือทุกข์ทรมานใจ!ในเมื่อจิตใจของเขาได้ตายไปแล้ว ชีวิตที่เหลือก็เป็นเพียงเปลือกนอกที่ว่างเปล่าเท่านั้น!

  

ทุกครั้งที่มองเห็นคุณชายสามซึ่งเคยเป็นที่โจษจันในเมืองหลวงเพราะพรสวรรค์ที่เก่งกาจต้องตกอยู่ในสภาพเหมือนคนไร้วิญญาณเช่นนี้ เหล่ากุ่ยก็รู้สึกเสียใจอย่างมาก!

  

แต่แล้วในวันนี้อีกสิบแปดปีต่อมา..หลิงหยุนซึ่งเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของหลิงเสี่ยวกับธิดาพรรคมาร ก็ได้กลับเข้าสู่อ้อมอกตระกูลหลิง!

  

หลิงหยุนไม่เพียงแค่กลับเข้าตระกูลหลิงแต่การมาของเขายังช่วยให้ตระกูลหลิงรอดพ้นจากโศกนาฏกรรมที่กำลังจะเกิดขึ้นซ้ำรอยเมื่อสิบแปดปีก่อน ในเสี้ยวนาทีที่ตระกูลหลิงกำลังจะถึงจุดจบนั้น หลิงหยุนเพียงแค่คนเดียว กลับสามารถฉุดดึงตระกูลหลิงให้พ้นจากวิกฤติใหญ่หลวงได้!

  

โอกาสที่ดีเช่นนี้!สถานการณ์ที่ดีเช่นนี้! หากเหล่ากุ่ยไม่ใช้ให้เกิดประโยชน์ ก็เท่ากับว่าความพยายามในการพาหลิงหยุนมาจากเมืองจิงฉูของเขาคงต้องเสียเปล่าเป็นแน่!

  

หลิงห่าว– หลานชายคนโตของตระกูลหลิงเองก็มาดมั่นที่จะได้เป็นผู้นำตระกูลคนต่อไป แต่หลิงห่าวเป็นผู้ที่มีจิตใจไม่ต่างจากซือหม่าเจา (ซือหม่าเจา – เป็นโอรสองค์ที่สองของสุมาอี้ เป็นคนเหี้ยมโหด ฉลาดแกมโกง และมีควาทะเยอทะยานเป็นนิจ) ซึ่งทุกคนในตระกูลต่างก็รู้เรื่องนี้ดี เหล่ากุ่ยเองก็รู้ว่าด้วยสถานะการเป็นหลานชายคนโต ทำให้หลิงห่าวมีโอกาสที่จะได้ขึ้นเป็นผู้นำคนตระกูลคนต่อไป

  

ส่วนหลิงหย่งน้องชายของหลิงห่าวนั้นไม่ได้มีความต้องงการที่จะเป็นผู้นำตระกูลหลิง ส่วนหลิงเฟิงนั้นก็สนใจกีฬาเคนโดเป็นชีวิตจิตใจ หลิงเลี่วยเองก็มีอุปนิสัยคล้ายผู้เป็นพ่อคือเฉลียวฉลาดล้ำลึก ทั้งสามคนต่างก็ไม่มีใครต้องการแก่งแย่งตำแหน่งผู้นำตระกูลกับหลิงห่าว จึงเรียกได้ว่าตำแหน่งผู้นำตระกูลหลิงนั้นจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากหลิงห่าว!

  

แต่เมื่อหลิงหยุนปรากฏตัวทุกอย่างก็เปลี่ยนไป!

  

เพียงแค่ความสามารถและศักยภาพของหลิงหยุนเมื่อครู่นี้หากไม่ใช่คนโง่มากมายอะไรนัก ก็ต้องมองออกว่าหลิงหยุนนั้นเหมาะสมกับตำแหน่งผู้นำตระกูลมากกว่าหลิงห่าวเป็นใหนๆ!

  

และไม่ว่าจะเปรียบเทียบด้วยเรื่องใดหลิงหยุนก็เหนือกว่าหลิงห่าวเป็นร้อยเป็นพันเท่า!

  

ยิ่งไปกว่านั้นผู้เฒ่าตระกูลหลิงเองก็ได้รับการยืนยันจากเหล่ากุ่ยก่อนที่จะเดินทางไปเมืองจิงฉูเป็นครั้งที่สองว่า หากหลิงหยุนเต็มใจ และยินยอมที่จะกลับเข้าตระกูลหลิงแล้วล่ะก็ เขาจะเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมสำหรับตำแหน่งผู้นำตระกูลคนต่อไปอย่างมาก!

  

ไม่เช่นนั้นแล้ว..หลิงลี่จะสั่งให้เหล่ากุ่ยนำมรดกตระกูลหลิงไปมอบให้กับหลิงหยุนเพื่ออะไร

  

ผู้เฒ่าตระกูลหลิงเองก็มีใจเหล่ากุ่ยเองก็สนับสนุน และยิ่งความสามารถของหลิงหยุนนั้นก็แทบไม่ต้องพูดถึง เมื่อโอกาสที่ดีเช่นนี้มาถึง เหล่ากุ่ยจึงรีบฉวยไว้ และถือโอกาสผลักดันหลิงหยุนทันที!

  

เมื่อเห็นเหล่านักรบตระกูลหลิงพากันคุกเข่าคาราวะหลิงหยุนเช่นนี้หลิงเจิ้นก็ยิ่งโกรธเคืองและไม่พอใจมากยิ่งขึ้น แต่ยังคงรักษาสีหน้าได้เป็นปกติ ในขณะที่หลิงเย่วยังคงหลบตามองอยู่ที่ปลายจมูกของตนเอง และไม่มีใครคาดเดาได้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่!

  

ดวงตาของหลิงลี่เปี่ยมไปด้วยความสุขเขาไม่พูดและไม่ห้ามหลิงหยุน แต่ต้องการดูว่าหลิงหยุนต้องการทำอะไรกันแน่!

  

แต่สำหรับหลิงหยุนนั้น..ตำแหน่งผู้นำตระกูลหลิงไม่ได้อยู่ในสายตาของเขาเลยแม้แต่น้อย ไม่เคยแม้แต่จะอยู่ในความคิดของเขา!

  

ธุรกิจของเขาในจิงฉูที่มอบให้ถังเมิ่งตี้เสี่ยวอู่ และอาปิงเป็นผู้ดูแลนั้น สามารถทำให้เขาช้อปปิ้งได้อย่างอิสระ เช่นนี้แล้วเขายังจะต้องสนใจตำแหน่งผู้นำตระกูลหลิงไปเพื่ออะไรกัน

  

จะให้หลิงหยุนวันๆออกไปจัดการเรื่องธุรกิจเหล่านี้ และพูดคุยกับผู้คนเรื่องผลประโยชน์น่ะหรือ หลิงหยุนไม่มีทางยอมเสียเวลาไปกับเรื่องพวกนี้แน่!

  

เพราะหากมีเวลา..หลิงหยุนก็ต้องการทุ่มเทให้กับการฝึกฝนวิชาเท่านั้น!

  

แต่ถึงแม้หลิงหยุนจะไม่สนใจใยดีในตำแหน่งผู้นำตระกูลหลิงแต่การกระทำของเหล่ากุ่ยนั้น มีหรือที่หลิงหยุนจะไม่เข้าใจวัตถุประสงค์ หลิงหยุนเป็นคนฉลาดปราดเปรื่องเช่นใดทุกคนย่อมรู้ดี! เมื่อเห็นนักรบเดนตายทั้งหมดคุกเข่าตามเหล่ากุ่ยเช่นนั้น ย่อมหมายความว่าเหล่านักรบเองก็เข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างดี!

  

หลิงหยุนได้แต่โน้มตัวลงไปพยุงร่างของเหล่ากุยให้ลุกขึ้นพร้อมกับพูดออกไปว่า“เหล่ากุ่ยท่านลุกขึ้นเถิด! ท่านใช้ชีวิตของตนเองปกป้องสามชีวิตของคนตระกูลหลิงไว้ ความจริงแล้วควรเป็นข้าต่างหากที่จะต้องขอบคุณท่าน! แล้วเหตุใดท่านจึงต้องขอบคุณข้าเช่นนี้ด้วยเล่า!”

  

พูดจบ..หลิงหยุนก็เงยหน้าขึ้นมองไปยังเหล่านักรบตระกูลหลิงที่นั่งคุกเข่าประสานมืออยู่พร้อมกับสั่งว่า

  

“พี่น้องทั้งหลาย..พวกเจ้าเอาชีวิตของตนเองเข้าปกป้องทายาทตระกูลหลิงโดยไม่กลัวอันตรายเช่นนี้ ข้าขอบใจพวกเจ้าทุกคนมาก และต้องขออภัยที่ข้ามาช้าเกินไป!”

  

นักรบตระกูลหลิงทั้งสามสิบหกคนต่างก็จ้องมองหลิงหยุนด้วยความศรัทธายิ่งขึ้นไม่เพียงหลิงหยุนไม่ตำหนิพวกเขา แต่ยังเอ่ยขอบคุณพวกเขาอย่างจริงใจ แววตาของทุกคนที่จ้องมองหลิงหยุนนั้น เปี่ยมไปด้วยความรักและศรัทธามากขึ้นกว่าเดิม!

  

นักรบตระกูลหลิงย่อมรู้ดีว่าการที่ยอดฝีมือคนหนึ่งสามารถสังหารจอมยุทธขั้นเซียงเทียน-7 ได้ภายในแค่สามดาบนั้น ต้องเรียกว่าเป็นจอมยุทธผู้ไร้เทียมทาน!

  

หลิงหยุนเก่งกายและมีฐานะสูงส่งเช่นนั้นแต่กลับพูดจากับพวกเขาอย่างเป็นกันเองราวกับคนในครอบครัว ทำให้พวกเขายิ่งรู้สึกจงรักภักดีต่อตระกูลหลิงไม่เปลี่ยนแปลง!

  

“พวกเรายินดีบุกน้ำลุยไฟเพื่อปกป้องตระกูลหลิง!”

  

นักรับทั้งสามสิบหกคนประสานเสียงกันดังสนั่นไปทั่วทั้งบริเวณ!

  

หลิงหยุนมองนักรบตระกูลหลิงทั้งสามสิบหกและได้แต่เกาศรีษะพร้อมกับหันไปพูดกับหลิงลี่ว่า

  

“ท่านปู่..ท่านรีบสั่งให้พี่น้องทั้งสามสิบหกคนลุกขึ้นก่อนเถิด พวกเขาได้รับบาดเจ็บอยู่ หลังจากที่ข้ารักษาให้ท่านแล้ว ก็จะต้องทำการรักษาให้กับพวกเขาต่อ”

  

หลิงลี่พยักหน้ายิ้มๆแล้วหันไปมองหน้าเหล่ากุ่ย..

  

“พวกเจ้าทุกคนลุกขึ้นได้และไปหาที่นั่งพักก่อน หลังจากนั้นนายน้อยจะค่อยๆรักษาอาการบาดเจ็บให้กับพวกเจ้าทีละคน!” เหล่ากุ่ยร้องสั่งนักรับทั้งสามสิบหกคนทันที

  

“ท่านปู่..ข้าจะรักษาอาการบาดเจ็บให้ท่านเดี๋ยวนี้!”

  

ด้วยความเกรงกลัวว่าตระกูลเฉินจะส่งคนมาบุกที่นี่อีกหลิงหยุนจึงยังไม่วางใจนัก และได้สั่งให้เหล่ากุ่ยออกไปคุ้มกันอยู่ด้านนอก จากนั้นจึงนั่งขัดสมาธิลง และเริ่มทำการรักษาอาการบาดเจ็บให้กับหลิงลี่

  

หลิงหยุนนั่งขัดสมาธิอยู่ด้านหลังหลิงลี่ฝ่ามือทั้งสองข้างของเขาแนบอยู่บนแผ่นหลังของหลิงลี่ จากนั้นพลังชีวิตธาตุไม้ก็ได้หลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายของหลิงลี่ราวกับสายน้ำขนาดใหญ่

  

อย่าว่าแต่ระดับสูงสุดขั้นปรับร่างกาย-9เลย เพราะเพียงแค่อยู่ในขั้นปรับร่างกาย-5 เขาก็สามารถรักษาอาการบาดเจ็บของหลิงลี่ให้หายได้แล้ว!

  

เหตุใดหลิงหยุนใช้พลังลับหยินหยางรักษาอาการบาดเจ็บให้เหล่ากุ่ยแต่กลับใช้พลังชีวิตธาตุไม้รักษาให้กับหลิงลี่อย่างนั้นหรือ

  

นั่นเพราะพลังชีวิตธาตุไม้ที่หลิงหยุนได้รับในเวลานี้เป็นพลังชีวิตจากต้นหลิวเทวะซึ่งเป็นมรดกสืบทอดกันต่อๆมาของตระกูลหลิง และได้ดื่มเลือดของคนตระกูลหลิงเข้าไปมามาย อีกทั้งยังดูดซับลมปราณเสวียน (เหลือง) และหวง (ดำ)เข้าไปจำนวนมากด้วย ลมปราณในร่างกายของหลิงลี่เอง ก็เป็นลมปราณเสวียน (เหลือง) และหวง (ดำ) ที่ฝึกตามคัมภีร์เสวียนหวงเช่นกัน

  

และการรักษาด้วยวิธีนี้จึงมีประสิทธิผลที่ดียิ่งขึ้น!

  

ยิ่งไปกว่านั้นหลิงหยุนเองก็ใช้ปราณเสวียน (เหลือง) และปราณหวง (ดำ) ที่ได้จากหลิวเทวะนี้ ทำการฝึกฝนตามคัมภีร์เสวียนหวงทุกคืน และเวลานี้ได้ฝึกฝนไปจนถึงระดับที่สูงมากแล้ว ในร่างกายของหลิงหยุนจึงมีปราณเสวียน (เหลือง) และปราณหวง (ดำ) มากมายไม่แพ้พลังหยินหยางในร่างกายเลย

  

ระหว่างนั้น..หลิงหยุนก็ได้ถ่ายเทปราณเสวียน (เหลือง) และปราณหวง (ดำ) ในร่างกายของเขาเข้าไปยังจุดตันเถียนของหลิงลี่ และพลังชีวิตธาตุไม้จากต้นหลิวเทวะ ก็ได้เข้าห่อหุ้มปราณเสวียนและปราณหวงในร่างกายของหลิงลี่ และเริ่มหมุนเวียนไปตามเส้นลมปราณต่างๆที่ถูกทำลายเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บเมื่อครั้งก่อน

  

พลังชีวิตธาตุน้ำและพลังชีวิตธาตุไม้ ต่างก็เป็นพลังชีวิตที่สามารถใช้ในการบำบัดรักษาอาการบาดเจ็บได้อย่างยอดเยี่ยม ทำให้อาการบาดเจ็บเดิมของหลิงลี่หายเป็นปลิดทิ้ง

  

ไม่ว่าจะเป็นอาการบาดเจ็บของใหม่ก็ดีหรือเป็นอาการบาดเจ็บของเก่าก็ดี ทุกอย่างล้วนดีขึ้นแล้ว หลิงลี่สัมผัสได้ว่าพลังปราณในเส้นลมปราณที่เคยติดขัดของเขานั้น สามารถไหลเวียนได้อย่างสะดวกราบรื่น เวลานี้เขารู้สึกสบายจนแทบอยากจะกรีดร้องออกมา!

  

ตลอดระยะเวลาสิบแปดปีมานี้หลิงลี่ไม่เคยได้รู้สึกเช่นนี้มาก่อนเลย!

  

แต่ถึงกระนั้น..หลิงหยุนก็ยังไม่พอใจเพียงแค่นั้น เขาลืมตาขึ้นและเรียกหลิงซิ่วให้เข้ามา

  

“พี่หลิงซิ่ว..ท่านไปนำถ้วยใส่น้ำมาให้ข้าหน่อย!”

  

หลิงซิ่วเห็นสีหน้าของหลิงลี่เริ่มมีสีเลือดก็นึกชื่นชมหลิงหยุนมากยิ่งขึ้น ไม่เพียงมีวรยุทธและกำลังภายในที่เก่งกาจ แต่ยังมีทักษะทางการแพทย์ที่ล้ำเลิศอีกด้วยงั้นหรือนี่

  

น้องชายของเธอคนนี้นับว่าเก่งกาจเกินกว่าจะสรรหาคำใหนมาบรรยายได้จริงๆ!

  

เมื่อหลิงหยุนสั่งเช่นนั้นหลิงซิ่วจึงรีบไปหาถ้วยใส่น้ำมาให้ตามคำสั่งโดยไม่สอบถามอะไร และเพียงไม่นานก็กลับมาพร้อมถ้วยใส่น้ำใบใหญ่!