ตอนที่ 863 : ทัณฑ์พิบัติ
ฉินหยุนรับปลอกคอปกครองทาสมาถือครอง ภายในต้องยินดี เขาไม่มีแม้เศษเสี้ยวความคิดทําให้เซียนหลูจิ้งกลายเป็นทาส เพราะนางอย่างไรแล้วก็ถือเป็นคนรู้จัก
“เมื่อใดเราเอาชนะนาง เมื่อนั้นจึงได้รับวิญญาณยุทธ์ของเฉียวเฟิงกลับคืน นั่นคือสาเหตุที่เราเข้ามายังคฤหาสน์ราชันมังกรแห่งนี้!” หลังจากทวงวิญญาณยุทธ์ของหลงเฉียวเฟิงกลับคืนได้ เป้าหมายถัดไปของเขาคือการถอนคําสาปของสื่อชิงเฉิงและสุ่ยเทียนสือ กระนั้น เขาก็ยังต้องใช้เลือดมังกรเซียนจํานวนมหาศาล
หลงเปยอยู่ภายในหอคอยเก้ามังกรทัณฑ์อสูร และเป็นมังกรเซียน นอกจากนี้แล้ว เขายังค่อนข้างเป็นมิตรด้วย คิดต้องการเลือดมังกรเซียนจากอีกฝ่ายสมควรไม่ใช่เรื่องยากเย็น
เซียนหลูจิ้งย่างเท้าเชื่องช้า นางถอนตัวรักษาระยะห่างจากฉินหยุนก่อนการศึกจะเริ่มขึ้น ก่อนหน้านางได้เห็นแล้วว่าฉินหยุนรวดเร็วเพียงใด นางอาจต้องแบกรับความเสียเปรียบหนักหนาหากคิดเข้าใกล้
“เจ้าหัวล้าน จงรักษาสัญญาให้ดี หากเจ้าพ่ายแพ้และไม่ส่งมอบวิญญาณมังกรแก่ข้า เหอะ… ฮัม…ข้าจะลากเจ้าตายตามไปด้วย!” เซียนหลูจิ้งครวญครางเสียงเย็น วิญญาณมังกรเซียนย่อมต้องมีประโยชน์มหาศาล ไม่เช่นนั้นเซียนหลูจิ้งคงไม่ต้องการถึงเพียงนี้
“วางใจ ข้าไม่ใช่ผู้ที่จะก่อเรื่องชวนอับอาย! และอย่างไรแล้ว เจ้าก็ต้องพ่ายแพ้แก่ข้า!” ฉินหยุนทราบถึงกําลังของเซียนหลูจิ้งระดับหนึ่ง พละกําลังส่วนใหญ่ของนางอาศัยวิญญาณยุทธ์ความสามารถเทวะ ตราบเท่าที่เขาระมัดระวัง เช่นนั้นย่อมไม่เป็นไร
ระฆังพลันดังขึ้น การศึกเริ่มขึ้นแล้ว!
ในพริบตา ทั้งฉินหยุนและเซียนหลูจิ้งต่างเผยการลงมือรวดเร็ว เซียนหลูจิ้งยืนที่ตําแหน่งเดิม ร่างกายทอประกายออกซึ่งแสงสีน้ําเงิน นางอัญเชิญนางเซียนหิมะที่สวมใส่ชุดสีขาวบริสุทธิ์ออกมา รูปลักษณ์ของนางเซียนหิมะคล้ายเซียนหลูจิ้ง ทว่าเส้นผมเป็นสีขาวบริสุทธิ์ ร่างกายของนางยังอัดแน่นด้วยพลังความสามารถเทวะ
ทางด้านฉินหยุนอยู่ห่างจากเซียนหลูจิ้งนับร้อยเมตร เขาพุ่งทะยานออกด้วยความเร็วประหนึ่งลําแสง ปลดปล่อยพลังแรงโน้มถ่วงมหาศาลพร้อมความสามารถเทวะทรมาน พลังทั้งสองเข้าปกคลุมทั้งนางเซียนหิมะและเซียนหลูจิ้ง
เซียนหลูจิ้งตอบสนองรวดเร็ว นางผนึกประสาทสัมผัสทันทีเมื่อนางเซียนหิมะปรากฏตัว ดังนั้นความสามารถเทวะทรมานจึงไม่อาจส่งผลใดแก่นาง อีกทางหนึ่ง แรงโน้มถ่วงมหาศาลจึงส่งผลดีเยี่ยม มันบีบบังคับให้ทั้งเซียนหลูจิ้งและนางเซียนหิมะต้องคุกเข่าลง
ฟบ ฟีบ พี่บ…
ฉินหยุนยื่นแขนออก ปลดปล่อยเกล็ดมังกรพยัคฆ์อันดุดันฟาดฟันออกราวคมมีดจํานวนนับไม่ถ้วนเฉือนนั้น แสงสีทองเป็นประกายวูบวาบผ่านร่างเซียนหลูจิ้งและนางเซียนหิมะ
นางเซียนหิมะเวลานี้ฮัมเพลงอย่างผ่อนคลาย ร่างกําลังสวดบทร่าย ทันใดนี้เอง พายุหิมะรุนแรงจึงบังเกิดพร้อมแปรเปลี่ยนเป็นพายุหมุนหิมะขนาดใหญ่มหึมา
พายุหมุนครอบครองพลังอํานาจแรงดูดสูงล้ํา มันพัดพาดูดกลืนเกล็ดมังกรพยัคฆ์จนสิ้น
นอกจากนี้แล้ว พายุหมุนยังเพิ่มความเร็วมากขึ้นก่อนจะเคลื่อนย้ายตําแหน่ง เศษน้ําแข็งอันคมกริบจํานวนนับไม่ถ้วน เวลานี้พลันกระจายทั่วทั้งเวทีประลองยุทธ์ ฉินหยุนหลบเลี่ยงต่อเนื่อง เศษน้ําแข็งคมกริบเหล่านั้นใช่ของธรรมดา พวกมันอัดแน่นไว้ด้วยพลังความสามารถเทวะ
“วิชามังกรหลอมหกกระบวน และฝ่ามือมังกรสัมบูรณ์รวมกันยังไม่น่าพอต้านรับ!” ฉินหยุนคิดเคลื่อนไหวหา ทางรับมือเซียนหลูจิ้ง
บรรดาครึ่งเซียนสํานักมังกรฟ้าต่างเผยสีหน้าน่าเกลียดยามพบเห็นเซียนหลูจิ้งสะกดข่มฉินหยุนพวกเขา ก่อนหน้านี้ไม่คาดคิด ว่าจะได้เห็นนางถือครองความมีเปรียบมหาศาลจนมองเห็นชัยชนะตรงหน้า
พายุน้ําแข็งและหิมะรุนแรงหมุนวนต่อเนื่องไปทั่วเวทีประลองยุทธ์ ทั้งยังยิงเศษน้ําแข็งคมกล้าออกประหนึ่งลูกธนูนับไม่ถ้วน หลังเศษน้ําแข็งเหล่านั้นตกกระทบพื้น พวกมันจะถูกดูดกลืนหายเข้าพายุหมุนและยิ่งวนเวียน
ไม่รู้จบ
ที่ชวนตื่นตะลึงยิ่งกว่า คือยามเมื่อเศษน้ําแข็งปะทะกับเซียนหลูจิ้ง มันราวกับสายลมเบาบางสัมผัสกายนาง หาได้ทําให้นางบาดเจ็บอันใดไม่
ฉินหยุนทําได้แต่ต้องใช้มวลมังกรคุ้มกายต้านรับร่วมกับพลังสั่นไหวอสนีบาตอัคคีต่อเศษน้ําแข็งไม่รู้จบสิ้นเหล่านี้ ทันทีเมื่อพวกมันปะทะม่านพลังคุ้มกันของฉินหยุน พวกมันจะสลายหาย แม้ฉินหยุนป้องกันตนเองได้ ทว่าภายในยังต้องปวดหัว เพราะหากเขาขาดซึ่งความระวังแม้เพียงนิด เศษน้ําแข็งเหล่านั้นจะทะลวงผ่านม่านพลังเข้าทิ่มแทงร่างเขาจนเป็นรังผึ้ง
กระนั้นแล้ว ที่ทําเขาปวดหัวที่สุดคือนางเซียนหิมะที่ถูกอัญเชิญออกมา นางสามารถใช้พลังโจมตี เซียนหลู่จึงคล้ายไม่จําเป็นต้องสั่งการใดด้วยซ้ํา มันเหมือนกับที่ฉินหยุนอัญเชิญราชสีห์สวรรค์ใต้พิภพออกมา ต่างฝ่ายต่างสามารถสู่โดยมุ่งเน้นความสนใจแต่ที่ตัวเองได้
เวลานี้เวทีกลับกลายเป็นโลกแห่งน้ําแข็งและหิมะ เซียนหลูจิ้งราวกับปลาได้น้ํา นางอําพรางกายภายในพายุหิมะหลบซ่อนตัวตน ทําให้ยากค้นหาร่องรอยของนาง และนับตั้งแต่เริ่มนางยังไม่เผยร่องรอยใดออกมา
ฉินหยุนรับชมพายุหมุนที่ยังคงปลดปล่อยเศษน้ําแข็งออกไม่หยุดยั้ง มันราวกับหายนะภัยครั้งใหญ่ ดังนั้น เขาต้องหาทางทําลายมันให้ได้ ขณะเคลื่อนไหวออกไปทีละน้อย เซียนหลูจิ้งพลันปรากฏกายที่ด้านหลังอย่างเงียบงัน
“อย่าได้คิดไปที่ใด!” เซียนหลูจิ้งเตะเข้าใส่ฉินหยุน ความเร็วนี้มากล่า ร่างกายอ่อนช้อยของนางรับกับขายาว เตะออกอย่างยึดหยุ่นทรงพลังเข้าที่หน้าอกฉินหยุน
แม้ร่างกายฉินหยุนมีม่านพลังคุ้มกันผสมผสานปกป้อง กระนั้นก็ยังต้องร่างกระเด็นลิ่วเพราะแรงเตะ ยามเมื่อปะทะกับม่านพลังคุ้มกันของฉินหยุน เซียนหลูจิ้งจึงต้องแบกรับความเจ็บปวดไม่น้อยเช่นกัน
“เสี่ยวหยุน ข้าจะผลักดันแรงโน้มถ่วงรุนแรงออกไป ทว่ามันไม่มีผลกับเซียนหลูจิ้ง! นางคล้ายใช้กําลังถึงขีดสุดแล้ว เจ้าต้องระวังความสามารถเทวะที่สองของนางเอาไว้” หลิงหยุนเอ่อกล่าวเดือน
ฉินหยุนบินลงที่พื้น เศษน้ําแข็งนับไม่ถ้วนไล่ตาม สิ่งชวนตื่นตะลึงคือ เบื้องหลังเศษน้ําแข็งเหล่านั้น มันปรากฏร่างอันงดงามของเซียนหลูจิ้งตามติด ฉินหยุนปล่อยหมัดที่อัดแน่นด้วยพลังสั่นไหวซึ่งหน้าเข้าตานรับเศษน้ําแข็งและเซียนหลูจิ้ง มือขาวนวลของนางถือดาบที่เกิดจากผลึกน้ําแข็งควบแน่น ดาบนี้ที่มแทงออกซึ่งหน้า เป็นผลให้อุณหภูมิโดยรอบยิ่งลดต่ําลง น้ําแข็งควบแน่นเกิดขึ้นเป็นการเยือกแข็งที่ลําคอฉินหยุน
ตู้ม!
หลิงหยุนเอ่อควบคุมแรงโน้มถ่วงมหาศาล ผลักดันออกเพื่อคุ้มกันฉินหยุนให้ถอยห่างออกมา
แคร์ก!
ดาบผลึกน้ําแข็งของเซียนหลูจิ้งแตกสลาย พลังแรงโน้มถ่วงรุนแรงกระจายตัว นางเวลานี้ร่างถูกส่งกระเด็นกลับ ขณะสะบัดความหวาดกลัวออกไปพ้น เขาจึงควบแน่นพลังแข็งแกร่งที่สุดขึ้น ก่อนจะชี้ปลายนิ้วไปยังพายุหมุนน้ําแข็งที่ไกลออกไป
ดัชนีทะลวงขุนเขาแยกปฐพี่พุ่งทะยาน ราวกับมันคิดเบิกแยกแผ่นฟ้าออก แสงสีดําพุ่งทะลวงผ่านพายุหมุน เสียงระเบิดรุนแรงดังจากภายใน นางเซียนหิมะที่ซ่อนตัวภายในพายุหมุน นางถูกโจมตีจนร่วงหล่นกับพื้น พายุหมุนหายไปพร้อมกันนี้
“น้องหญิงหิมะ เจ้ากลับไปก่อน!” เซียนหลูจิ้งกล่าวเร่งร้อน ก่อนจะระเบิดเอาหมอกหนาออกจากร่างกาย ป็นเผลให้ชุดขาวของนางพลิ้วไหวด้วยพลังเซียนที่อัดแน่น
ฉินหยุนนึกประหลาดใจ “นางผู้นี้เพียงราชันยุทธ์ กระนั้นกลับมีพลังเซียนอัดแน่น นี่ออกจะโกงกันเกินไปแล้ว!”
ด้วยไม่มีเศษน้ําแข็งคงอยู่อีกต่อไป เวลานี้ฉินหยุนค่อยผ่อนคลายได้มาก
“เจ้าคล้ายมีกําลังไม่น้อย ไม่แปลกใจที่สามารถเอาชนะหลงฉวนอู่จนทํามันพิการได้!” หลังแลกเปลี่ยนกับฉินหยุนหลายกระบวนท่าเซียนหลูจิ้งจึงได้ทราบว่ากําลังของศัตรูยากหยั่งถึง
“รู้ก็ดี!” ฉินหยุนพลันหายวับ ทว่าน้ําเสียงยังคงดังก้องสะท้อนในเวทีประลอง
ผู้คนต่างเพ่งสายตาจับจ้อง โดยเฉพาะบรรดาราชันยุทธ์ แต่ละคนต่างรู้สึกว่ากําลังของคนทั้งสองที่เผยออกบนเวทีประลองมากล้นจนเกินไป กระทั่งจักรพรรดิยุทธ์ระดับทั่วไป ยังรู้สึกว่าหากฉินหยุนและเซียนหลูจิ้งร่วมมือกัน จักรพรรดิ์ยุทธ์ก็ยังไม่อาจเป็นคู่ต่อสู้ให้ได้
“ได้ ข้าจะให้เจ้าได้ลิ้มรสพลังความสามารถเทวะที่สองของข้า!” เซียนหลูจิ้งกล่าวค่าจบ ฉับพลันสายฟ้าจึงระเบิดดังกึกก้อง สายฟ้าอสนีบาตทองม่วงรุกคืบกระจายทั่วทิศทางประหนึ่งสายน้ําหลาก
ครั้น!
เสียงฟ้าคํารามดังปะทะพร้อมสายฟ้าที่ร่างฉินหยุน แม่ใช้เงาปลิดชีพลมหายใจสมบูรณ์ปิดซ่อนตัวตน กระนั้นสายฟ้าเหล่านี้ยังสามารถปะทะตัวเขา เป็นผลให้ร่างกายเกิดควันลอยขึ้น
ฉินหยุนเดิมคิดอยากโจมตีสร้างความตื่นตะลึง แต่สายฟ้าเหล่านี้กลับคิดทําเช่นเดียวกัน ทําให้ร่างของเขาต้องร่วงหล่นกับพื้น ทั้งหน้าท้องและแผ่นหลังต้องเผยควันสีด่าลอยฟัง
เซียนหลูจิ้งแค่นเสียง “นี่คือความสามารถเทวะทัณฑ์พิบัติของข้า มันทําให้ข้าปลดปล่อยทัณฑ์สายฟ้า! แม้ข้ายังไม่ใช่เซียน กระนั้นก็ฝึกฝนมากพอให้ควบคุมทัณฑ์สายฟ้าจนเอาชนะเจ้าไม่ถือเป็นเรื่องยาก!”
ขณะนางพูดกล่าว ฝ่ามือขาวนวลจึงโบกสะบัด สายฟ้าทองม่วงฟาดหวดลงอีกครั้งหนึ่ง แม้ฉินหยุนเคลื่อนตัวหลบเลี้ยง สายฟ้ารุนแรงนั้นจะตามติดใกล้ชิด ด้วยไม่ทันระวังว่ามันสามารถติดตาม สุดท้ายแล้วจึงต้องปะทะกับตัวเขา
ฉินหยุนถูกโจมตีเป็นครั้งที่สอง! ผู้คนต่างส่งเสียงโห่ร้องดังออกมา พวกเขาเหล่านี้ต่างนึกถึงต่อพลังความสามารถเทวะชวนสะพรึงของเซียนหลูจิ้ง แม้แต่คนของสํานักมังกรฟ้ายังต้องกล่าวชื่นชม พวกเขาทราบดีว่าเซียนหลูจิ้งครอบครองความสามารถเทวะนี้ ทว่าที่ไม่ทราบคือมันถึงขั้นชวนสะพรึงได้เพียงนี้
เซียนหลูจิ้งเผยยิ้มภาคภูมิ นางกล่าว “เจ้าไม่อาจหนีรอด! ไม่เคยมีผู้ใดหนีพ้นจากทัณฑ์พิบัติ!”
คํากล่าวของนาง เป็นผลให้ครึ่งเซียนหลายคนที่นี้เกิดความหวาดกลัวภายใน หากเป็นพวกเขาบนเวที หลบหนีทัณฑ์สายฟ้าย่อมสามารถ ทว่าหากเป็นทัณฑ์พิบัติ เช่นนั้นจะไม่มีผู้ใดสามารถหนีรอด
“หากเซียนหลูจิ้งได้ขึ้นเป็นเซียน ทัณฑ์สายฟ้าของนางที่เผยออกจะไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าทัณฑ์พิบัติที่ครึ่งเซียนต้องเผชิญ!”
“ดูจากที่นางควบคุมทัณฑ์สายฟ้าได้ง่ายดาย… เจ้าหัวล้านนั่นคงต้องตายทีละน้อยเพราะทัณฑ์สายฟ้าเป็นแน่!”
“แม่นางผู้นั้น ถึงขั้นครอบครองความสามารถเทวะชวนสะพรึงเพียงนี้?”
“ชัยชนะกองอยู่ตรงหน้านางแล้ว วิญญาณมังกรอย่างไรนางก็ต้องได้รับ!” ผู้คนส่านักมังกรฟ้าต่างถอนหายใจอย่างนึกเสียดาย
บนเวทีประลองยุทธ์ เสียงระเบิดดังก้องต่อเนื่องยังคงได้ยิน รวมถึงประกายแสงวูบวาบสีทองม่วงที่แปลบปลาบในยามค่ําคืน เซียนหลูจิ้งยืนนิ่งไร้การเคลื่อนไหว ชุดขาวของนางพลิ้วไหวกับสายลม เส้นผมร่ายรําตามกระแสลม นางราวกับเซียนผู้งดงามหมดจด
นางควบคุมทัณฑ์สายฟ้าอันเลิศล้ําเข้าฟาดฟันฉินหยุนครั้งแล้วครั้งเล่า ฉินหยุนย่อมไม่คาดคิด ว่าเซียนหลูจิ้งจะถึงขั้นครอบครองความสามารถเทวะชวนสะพรึงระดับนี้ นี่ถือเป็นสิ่งที่เขาไม่ได้ตระเตรียมหาทางรับมือไว้ แต่แรก
นอกจากกําลังอันเลิศล้ําแต่เดิมของนาง แท้จริงยังมีเคล็ดวิชาลับมากมายในมือ ต่อหน้าเซียนหลูจิ้งที่ทุ่มสุดตัว ฉินหยุนคิดต้านรับถือเป็นเรื่องยากเย็น เพียงครู่ ผิวหนังของเขาจึงต้องปริแยกเพราะถูกการทัณฑ์สายฟ้าโจมตีเผาไหม้ต่อเนื่อง
“เจ้าผู้หัวล้าน ตอนนี้ตระหนักได้หรือไม่ว่าข้าแข็งแกร่งเพียงใด? เพียงเพราะงัดข้อชนะข้าไม่กี่ครั้ง คิดหรือว่าจะเอาชนะข้าในการประลองยุทธ์ได้? เหอะ เจ้ามันอ่อนต่อโลกเกินไป! ข้าคือราชันยุทธ์ผู้มาจากแดนเซียนอ้างว้าง กําลังข้าเหนือลําเกินกว่าเจ้าสามารถจินตนาการถึงได้ และนี้ยังเป็นพลังอํานาจที่คนอย่างเจ้าไม่มีทางต้านรับ!” น้ําเสียงอันเย็นเยือกและอหังการของเซียนหลูจิ้งดังกึกก้องทั่วทั้งสนามประลองยุทธ์