ตอนที่ 862 : ปลอกคอปกครองทาส
ฉินหยุนเกิดหวาดกลัว เพราะเขาเกรงว่าหลงดังเฉิงเมื่อใดทราบว่าตนเองแทรกแซงตัวตนเข้ามาอาจลงมือสังหาร หรืออาจฉกชิงเอาหม้อราชสีห์สวรรค์สะกดมังกรของเขาไป ทั้งยังเป็นกังวลว่าหลงอวดังอาจเปิดเผยตัวตนแท้จริงของเขาต่อหลงดังเฉิง
หลงดังเฉิงถอนกรงเล็บมังกรกลับคืน กรงเล็บมังกรเมื่อครู่ครอบครองพลังอํานาจเลิศล้ํา มันราวกับเป็นเลือดเนื้อของจริง การแปรสภาพเลือด เนื้อ รวมถึงกระดูก นั่นจึงเป็นการแปรสภาพมังกรอันยอดเยี่ยม
กรงเล็บราชสีห์สวรรค์ของฉินหยุนเป็นการควบแน่นขึ้นจากพลังงาน ความแตกต่างทางพื้นฐานความแข็งแกร่งถือว่ามหาศาล เพียงเทียบเรื่องนี้ กรงเล็บมังกรของหลงดังเฉิงก็น่าสะพรึงกว่าไม่รู้เท่าใด เพราะเขายังสามารถแปรสภาพร่างกายส่วนอื่นเป็นมังกรได้
ผู้ชมส่วนใหญ่ต่างก็เป็นคนของตระกูลหลง พวกเขาทราบดีถึงความหมายของการแปรสภาพมังกร มันไม่ใช่ไม่เคยมีผู้ใดสําเร็จการแปรสภาพมังกรมาก่อน ทว่าพวกเขาเหล่านั้นไม่อาจคงเสถียรภาพเอาไว้
ด้วยสภาวะแปรสภาพเป็นมังกรอันสุดกู่ มันอาจทําให้คลุ้มคลั่งหลุดการควบคุม ทั้งยังส่งผลย้อนกลับสู่ร่างกาย ทําให้การแปรสภาพเป็นมังกร จึงมีความหมายถึงสามารถปลดปล่อยพลังอันมหาศาลเมื่อใช้งานวิชามังกรสวรรค์ และสิ่งนี้ยังถือเป็นตราแห่งความหวาดกลัวที่ประทับในใจครึ่งเซียนจากสํานักมังกรฟ้า หากพวกเขาคิดเช่นนั้นก็หมายถึงพ่ายแพ้ต่อหลงดังเฉิง
หลงทั้งเฉิงรับชมหลงฉวนอู่ที่ครึ่งเป็นครึ่งตาย เวลานี้จึงแค่นเสียงกล่าวเย้ยหยัน “แม่มันไม่ตาย ทว่าชีวิตนับจากนี้คงเลวร้ายยิ่งกว่าความตาย! อวี่เทียน หลานทําได้ดีมาก!”
ก่อนหน้านี้ หลงดังเฉิงกล่าวว่าหากฉินหยุนสามารถสังหารหลงฉวนอู่ เขาจะมอบของขวัญชิ้นหนึ่งให้ ฉินหยุนไม่อาจทําสําเร็จ ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมากล่าว ภายในยังคงรู้สึกเสียดาย ทว่าด้วยเพราะหวาดกลัวหลงดังเฉิงจากก้นบึงหัวใจ เขาจึงคิดเพียงแต่เร่งรีบทวงวิญญาณยุทธ์มังกรและหงส์อมตะ ก่อนจะกลับไปยังหอคอยเก้มังกรทัณฑ์อสูร
“อว์เทียน ก่อนหน้าข้าพูดกล่าวเอาไว้ ว่าหากเจ้าสังหารหลงฉวนอูได้ ข้าจะมอบของขวัญชิ้นหนึ่งให้ ทว่า ตอนนี้ที่ทําได้ดียิ่งกว่าความตายของมัน ชีวิตบัดซบของมันตอนนี้เลวร้ายยิ่งกว่าความตาย! ดังนั้นแล้ว ข้าจะมอบรางวัลให้ตามสัญญา!” หลงคังเฉิงกล่าว
“ขอบคุณท่านปู่ขอรับ!” ฉินหยุนเผยความตื้นตัน แต่แล้วภายในพลันต้องเกิดความกังวลขึ้น ว่ากระดานค้นหามังกร รวมถึงวิญญาณมังกรจะถูกหลงลังเฉิงร้องขอนําเอาไป นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเกิดรู้สึกว่าปลอมแปลงเป็นหลงอวี่เทียนถือเป็นความเสียงครั้งใหญ่
หลงดังเฉิงนําเอาตําราเล่มหนาใหญ่ออกมาส่งมอบให้ “ข้าบังเอิญได้รับมันมา เป็นปืนใหญ่ยันต์ราชันเต๋าตามที่เข้าใจ มันสามารถใช้สร้างเป็นยันต์เต่ําและยันต์ราชันอันทรงอํานาจ นี่น่าจะมีประโยชน์แก่เจ้า!”
ฉินหยุนเกิดนึกหวาดกลัวขึ้นมา มือขณะนี้สั่นเทาขณะรับตําราเอาไว้ จากนั้นสายตาจึงมองหลงคงเฉิง อีกฝ่ายมอบตํารานี้ให้แก่เขา หมายความถึงเขาทราบว่าฉินหยุนรู้และเข้าใจวิถีจารึก
หลงอว์คิงอาจบอกต่อหลงดังเฉิงออกไป หลังฉินหยุนได้รับตํารา เขาจึงเร่งรีบกล่าวขอบคุณต่อหลงดังเฉิง ก่อนจะก้าวเดินไปยังมุมหนึ่งของลานกว้างเพื่อพักฟื้น
ผู้อาวุโสหลายคนของตระกูลหลงต่างริษยากันถ้วนหน้า ตําราดังกล่าวพวกเขาต้องการอย่างถึงที่สุด คนของตระกูลหลงต่างนึกย้อนขึ้นได้ ว่าไม่เพียงหลงดังเฉิงครอบครองพลังอํานาจสุดหยัง ทว่ายังเป็นอาจารย์จารึกที่แข็งแกร่ง ดังนั้นแล้ว เขาจึงครอบครองสถานะอันสูงส่งในตระกูล
ฉินหยุนนั่งลงที่เก้าอี้ยาวข้างลานประลองเพื่อพักฟื้น ทั้งยังส่งเสียงสื่อสารหาหลงอวดัง “พี่ชาย ท่านบอกตัวตนของข้ากับท่านปู่หรือ?”
หลงอว์คิงพลันตอบ “ข้าคิดอยากเก็บเอาไว้ ทว่าเขาทราบดีว่าท่านไม่ใช่หลานชาย ถึงกระนั้น ท่านก็ยังซาบซึ้งต่อท่าน และข้าก็ไม่ได้บอกเขาว่าท่านคือฉินหยุน ข้าเพียงบอกว่าเป็นจ้าวสํานักของประตูจารึกอันใดสักอย่าง!”
เรื่องนี้ทําให้ฉินหยุนค่อยวางใจได้มาก เขาคิดว่าหลงอคงยังคงสามารถเชื่อถือ อีกฝ่ายมองฉินหยุนเป็นสหายคนสําคัญ ดังนั้นจึงไม่กล้าเปิดเผยตัวตนแท้จริงของฉินหยุนออกไป
เพราะฉินหยุนครอบครองมรดกราชสีห์สวรรค์ ทั้งยังรวมถึงหม้อราชสีห์สวรรค์สะกดมังกร พวกมันต่างเป็นอันตรายร้ายแรงต่อตระกูลหลงอย่างยิ่ง
ตอนนี้ถึงคราวเซียนหลูจิ้งขึ้นสู้ นางเผยอาการสงบ นี้ทําเอาหลายคนนึกประหลาดใจ เพราะคู่หมั้นของนางเพิ่งพิการต่อหน้า กระนั้นนางกลับไม่เผยความโศกใดออก และเมื่อครู่นางยังไม่ชายตามองอีกฝ่ายด้วยซ้ํา ราวกับไม่ใช่คนที่รู้จักหลงฉวนอ่อย่างไรอย่างนั้น
ผู้คนต่างนึกสงสัยก่อนจะเกิดความกระจ่างชัดภายใน เซียนหลู่จึงย่อมไม่ชายตาแลบุคคลที่พิการเช่นนั้นอีก นี่ถือเป็นนางวางตัวอย่างสมฐานะ
คู่ต่อสู้ของเซียนหลูจิ้งเป็นชายหนุ่ม กระนั้นอีกฝ่ายยังไม่ทันขึ้นเวทีประลองก็ยอมรับความพ่ายแพ้เผ่นหนีหาย หลายคนทราบว่าเหตุใดเขาจึงตัดสินใจเช่นนี้ เพราะหาได้มีผู้ใดทราบความรู้สึกแท้จริงของเซียนหลู่จึงไม่ บางทีนางอาจสะกดข่มความโกรธและความโศกเศร้าเอาไว้ และหากต้องขึ้นสู้ สิ่งที่สะกดเอาไว้อาจปะทุระเบิดออกอย่างรุนแรงได้
แม้ว่าเป็นช่วงเย็นแล้ว การแข่งขันยังคงดําเนินต่อเนื่อง ฉินหยุนขึ้นไปอีกสองรอบ และไม่มีผู้ใดคิดต่อสู้กับเขา ทุกคนล้วนได้เห็นกระจ่างชัดว่าฉินหยุนเอาชนะหลงฉวนอู่ และยังสังหารหลงเถาอย่างไร้ซากหลงเหลือ ไม่ว่าผู้ใดต่างก็หวาดกลัวความตาย ดังนั้นพวกเขาจึงไม่กล้าแม้แต่จะขึ้นบนเวที แต่เลือกประกาศยอมแพ้เสียแต่ แรก
ฟ้ามืด หินเรืองแสงจํานวนมากลอยบนฟากฟ้าเวทีประลองยุทธ์ ตอนนี้ศึกรอบสุดท้ายกําลังดําเนิน ฉินหยุน และเซียนหลูจิ้งต่างทะยานขึ้นสู่รอบสุดท้ายโดยแทบไม่ลงมือต่อสู้ เพราะผู้อื่นต่างหวาดกลัวสองเทพแห่งความตายจนขึ้นสมอง พวกเขายอมถอนตัวกันแต่โดยดี แม้เป็นกลางคืน ผู้คนก็ยังรอคอยไม่คิดแยกย้าย พวกเขากระทั่งตื่นเต้นเป็นล้นพ้นด้วยซ้ํา
“เจ้าหัวล้านนั่นมันใช้กรงเล็บมังกรขยาหน้าอกเซียนหลูจิ้งไป ทั้งยังท่าคู่หมั้นพิการ ข้ากล้าวางเดิมพัน นางต้องถลกหนังหัวล้านนั้นออกทั้งเป็นอย่างแน่นอน!”
“เซียนหลูจิ้งคือราชันยุทธ์ระดับสูง ทั้งยังครอบครองวิญญาณยุทธ์ความสามารถเทวะอันลึกลับถึงสอง แก่นเต๋าของนางสมควรครอบครองพลังชวนสะพรึง พลังของนางย่อมต้องเลิศล้ําอย่างไม่มีอันใดให้สงสัย! ชักอยากรู้ว่าเจ้าหัวล้านนั้นจะตอบโต้ได้อย่างไร!”
“ต้องพูดกล่าวกันตรงนี้เลย เซียนหลูจิ้งเป็นนางเซียนเย็นเยือก ผู้คนอยู่ต่อหน้านางมีแต่จะถูกสะกดข่ม!”
หลายผู้คนต่างพูดคุยกันไปพลางจินตนาการ
เซียนหลูจิ้งกล่าว “ข้าพ่ายแพ้เจ้าในการแข่งงัดข้อ ทว่านั่นไม่ใช่ข้ายอมรับความพ่ายแพ้! ตอนนี้ข้าจึงจะใช้ กําลังแท้จริงพิสูจน์ ว่าตัวข้าแท้จริงสามารถเอาชนะเจ้าได้!”
“ในเมื่อพูดกล่าวถึงเพียงนี้ คิดอยากเดิมพันกับข้าหรือไม่? เอาวิญญาณมังกรเป็นอย่างไร?” ฉินหยุนหัวเราะร่วน
“ได้!” เซียนหลูจิ้งพูดกล่าวอย่างมั่นใจ สายตาของนางกวาดมองทางกลุ่มคนสํานักมังกรฟ้า เป็นการบ่งบอกว่าให้นําสิ่งของมาเดิมพันกับฉินหยุน
ผู้คนสํานักมังกรฟ้าล้วนสายศีรษะ พวกเขาอย่างไรก็ไม่ใช่คนโง่ พวกเขาทราบดีแก่ใจ เพราะเซียนหลูจิ้งที่ทําให้หลงฉวนอู่เทหน้าตักวางเดิมพันเป็นวิญญาณมังกร ภายหลังเหตุการณ์พวกเขาไม่กล่าวอันใด ทว่าทราบดี ถึงเหตุการณ์ เพราะเซียนหลูจิ้งไม่ได้สูญเสียอันใดแม้แต่น้อย เพียงแค่โดนขย่ําหน้าอกไปคราหนึ่ง แต่เป็นสํานักมังกรฟ้าของพวกเขาที่สูญเสียใหญ่หลวง…
ฉินหยุนนึกผิดหวังขึ้นภายใน เพราะกลุ่มตาเฒ่าจิ้งจอกเจ้าเล่ห์แห่งสํานักมังกรฟ้ายังคงมีมันสมองอยู่บ้าง พวกเขาไม่ติดกับดักเซียนหลูจิ้งอีกเป็นครั้งที่สอง ทําให้นางในเวลานี้ต้องสบถก่นด่ารุนแรงต่ออีกฝ่ายอยู่ภายใน
“เซียนหลูจิ้ง เจ้าไม่มีอันใดนํามาใช้เดิมพันกับข้าแล้ว!” ฉินหยุนหัวเราะดัง “อย่าได้คิดเสนอเรือนร่างเจ้า ข้าหาได้ต้องการไม่!”
บุรุษที่รับชมนับพันในสนามประลองต่างลอบหยามเหยียด กับโฉมงามล่มเมืองเช่นเซียนหลูจิ้ง ที่ออกปากเสนอร่างกายตนเองต่อหน้าผู้คน นี่จึงเป็นพวกเขานับถือการตัดสินใจของนาง
“ตัวบัดซบหัวล้าน ข้าได้กล่าวไปแล้ว หากเจ้าได้ร่างกายขา เช่นนั้นเจ้าจะได้ฝึกฝนชีพจรเซียน! ในแดนเซียนอ้างว้าง ผู้คนมหาศาลต่างต้องการ กระทั่งกลาเสนอวิญญาณมังกรนับสิบดวงให้แก่ข้าด้วยซ้ํา!” เซียนหลูจิ้งสบถออก “ร่างกายข้าจึงแพงมหาศาล มันไม่ใช่อะไรที่เศษขยะเช่นวิญญาณมังกรสามารถเทียบเปรียบได้!”
“แล้วอย่างไร? เจ้ามันสตรีไร้ยางอาย หากเจ้าแพ้ คงตบกันเดินหนีหายไปอีกกระมัง! อย่าได้กล่าวถึงร่างกายเจ้า แม้เส้นผมเจ้าก็ข้าก็ไม่คิดอยากได้!” ฉินหยุนบัยปากกล่าววาจาเย้ยหยัน
เซียนหลุจิ้งกระทืบเท้าอย่างโกรธแค้น นางเร่งรีบเดินเข้าไปถึงตัวฉินหยุนพร้อมคว้าคอเสื้อขึ้น “เจ้าลูกเต่าหัวล้าน เมื่อใดข้ากระท่าเรื่องไร้ยางอาย? เหตุใดเจ้าจึงไม่กล่าว!”
“ครั้งที่เจ้าพ่ายแพ้การงัดข้อต่อขาก่อนหน้านี้ เป็นเจ้าที่พุ่งเข้ามากัดข้าประหนึ่งสุนัขบ้า!” ฉินหยุนเผยเสียงดัง “อย่าได้คิดกัดข้าอีก ไม่เช่นนั้นข้าจะสร้างความอัปยศให้แก่เจ้าอีกครา!”
ผู้คนล้วนอดไม่ได้ที่จะเผยเสียงหัวเราะออก เพราะพวกเขาทราบดีว่าเซียนหลูจิ้งกัดฉินหยุนด้วยสภาพเช่นไร เรื่องราวครั้งนั้นยังคงฝังตราตรึงในความทรงจําผู้คน สตรีโฉมงามระดับล่มเมืองสูงส่ง พรสวรรค์ล้นฟ้า และวางตัวอย่างงดงาม แท้จริงถึงขั้นกระโดดพรวดเข้ากัดผู้อื่นประหนึ่งสุนัขคลุ้มคลั่ง เพียงนึกยังทําผู้คนตื่นตะลึงไม่หาย
เซียนหลูจิ้งกัดฟันแน่นอย่างโกรธแค้น ราวกับนางคิดเริ่มกัดผู้อื่นอีกครั้งคราแล้ว…
“เจ้า… จงถอยไปให้ห่างจากข้า… อย่าได้ยื่นปากเจ้ามากัดข้าอีก… แม้ข้าเพียงใช้กรงเล็บมังกรไปคราหนึ่ง ทว่าตอนนี้ข้าฝึกฝนที่ลึกล้ํายิ่งกว่ามาแล้ว…” ฉินหยุนเผยค่ากล่าว
“สารเลว!” เซียนหลูจิ้งปล่อยมือจากคอเสื้อฉินหยุน ก่อนนางจะหันมองทางกลุ่มคนสํานักมังกรฟ้า “พวกเจ้าหากข้าใช้สิ่งของตนเองเดิมพันจนชนะได้รับวิญญาณมังกรกลับคืนมา อย่าได้คิดยื่นมือเข้าสอดแทรกเรื่องของข้า!”
“หากเจ้าชนะ เช่นนั้นก็เป็นของเจ้า!” ชายชราสํานักมังกรฟ้ากล่าวตอบ ผู้อาวุโสคนอื่นต่างพยักหน้าเห็นพ้อง ชัดเจนว่าพวกเขาเลือกไม่สนใจวิญญาณมังกรอีก ไม่เช่นนั้นพวกเขาคงต้องตกหลุมพรางไม่รู้จบ
ฉินหยุนเผยยิ้ม “มีอันใดนําเสนอข้าเล่า?”
เซียนหลูจิ้งนําเอาปลอกคอออกมา “นี่คือปลอกคอปกครองทาส! ข้าจะมอบมันให้แก่เจ้า นี่เป็นอุปกรณ์เซียน!”
ฉินหยุนคว้ามารับชม พิจารณาถี่ถ้วนแล้วเขาจึงเผยอาการตื่นตะลึง นี่ถือเป็นอุปกรณ์เซียนที่ดีอย่างแท้จริง เขาบอกต่อเชียวเย่ว์เหม่ย นางตอบกลับว่าสิ่งนี้มีประโยชน์มากมายมหาศาลยิ่ง
เซียนหลูจิ้งกล่าวด้วยเสียงอันดัง “หากเจ้าเอาชนะข้า และข้าไร้ซึ่งเรี่ยวแรงต่อต้าน เช่นนั้นนํามันมาพันธนาการที่คอข้า เมื่อนั้นเจ้าคิดอยากทําอะไรต่อข้าย่อมได้ทํา เพราะข้าจะเป็นทาสของเจ้า!”
น้ําเสียงของนางเผยความมั่นใจดังก้องทั่วทั้งสนามประลองยุทธ์ ผู้คนต่างสะท้าน นางถึงขั้นเอาจริงเพียงนี้
“หากเจ้าไม่อาจต้านรับ เช่นนั้นก็กล่าวยอมแพ้กระมัง? เช่นนั้นข้าจะได้ไม่มีโอกาสใช้สิ่งนี้กับเจ้า!” ฉินหยุนเผยรอยยิ้มซุกซน
“เจ้าเก็บมันเอาไว้ เช่นนั้นจะได้ไม่กล่าวหาว่าข้าไร้ยางอาย! ตราบเท่าที่ไม่ใช่เซียน แม้เป็นครึ่งเซียนเจ้าก็สามารถตีตราทาสแก่มันได้ ภายหลังหากพบเจอครึ่งเซียนหรือจักรพรรดิยุทธ์ที่ถูกใจ เช่นนั้นให้ปู่เจ้าซ้อมให้น่วม แล้วใช้ปลอกคอนี้ตีตราทาสพวกมันเสีย!” เซียนหลูจิ้งกล่าวคําตอบ “ตอนนี้วางใจและกล้าเดิมพันกับข้าได้หรือยัง?”
ฉินหยุนคิดอยู่ครู่ เขาไม่คิดว่าตนเองจะพ่ายแพ้ที่ตรงใด
เซียนหลูจิ้งกล่าวย้ํา “ตอนนี้ข้าต่างหากจึงเป็นฝ่ายกังวล ว่าเจ้าจะก่อเรื่องไร้ยางอาย ปู่เจ้าแข็งแกร่งเพียงนั้น หากเจ้าแพ้และไม่คิดส่งมอบวิญญาณมังกร เช่นนั้นข้าก็ไม่อาจทําอะไรเจ้า ข้าต่างหากจึงเป็นผู้แบกรับความเสี่ยงครั้งใหญ่!”
“สตรีผู้นี้ไม่ใช่เล่นด้วยง่าย! น้องชายคิดให้ถี่ถ้วนก่อนตอบรับ!” หลงอวดังตะโกนดัง
ฉินหยุนย่อมต้องชนะ มีแต่ทําเช่นนี้เขาจึงสามารถทวงวิญญาณยุทธ์ของหลงเฉียวเพิ่งกลับคืน หากเขายอมรับเดิมพันกับเซียนหลูจิ้ง ก็หมายความถึงได้รางวัลเพิ่มเท่านั้นเอง
“ตกลง ข้ายอมรับ! พวกเราตกลงกันตามนี้! ถือว่าข้าได้รับปลอกคอปกครองทาสก็ไม่เสียหาย อย่างไรนี่ก็เป็นอุปกรณ์เซียนที่ดีชิ้นหนึ่ง!” ฉินหยุนหัวเราะดังรับค่า
เขาไม่คิดใช้ปลอกคอนี้กับเซียนหลูจิ้งเพื่อให้นางเป็นทาส สําหรับเขา สตรีนางนี้เจ้าเล่ห์เพทุบายเกินกว่าจะเก็บไว้ข้างตัว