เขตชานเมือง ณ โรงงานเก่าที่ทิ้งร้างไว้
เชอร์รีนล้มลงไปนอนขดตัวอยู่ที่พื้น และยังคงสลบไสลอยู่
และชายร่างเตี้ยคนหนึ่งก็ยืนอยู่ที่ข้างกายเธอ เหมือนว่ากำลังจับจ้องเธออยู่
……
เช้าตรู่ของวันที่สอง
จักรกฤษได้ตื่นแต่เช้า ในขณะที่วิ่งออกกำลังตอนเช้าเสร็จและมาถึงที่บ้านก็เห็นประตูของห้องเชอร์รีนกำลังเปิดอยู่ เขาได้เดินเข้าไป
ห้องนั้นมีความเรียบร้อยและสะอาด ผ้าห่มที่อยู่บนเตียงได้พับไว้อย่างเป็นระเบียบ ตกลงว่าเธอไม่ได้กลับบ้านตลอดทั้งคืนหรือว่ากลับมาแล้วออกไปอีก?
ผ่านไปไม่นาน กนกอรก็ทำอาหารเช้าเสร็จมาวางไว้ที่โต๊ะแล้วพูดว่า “เชอร์รีนยังไม่กลับมาอีกหรอ?”
“เดี๋ยวหนูไปโทรหาก่อน” ซารางกระโดดขึ้นลง ปลายผมที่รวบนั้นแกว่งไปมาในอากาศ สักพักหนึ่งถือโทรศัพท์เดินเข้ามาด้วยหน้าตาผิดหวัง โทรศัพท์ของหม่ามี๊ปิดเครื่อง ติดต่อไม่ได้ หลังจากนั้นก็โทรไปหาแดดดี๊
“ตื่นเช้าจังเลยลูก” เสียงของออกัสอ่อนโยนส่งผ่านมายังโทรศัพท์นั้น
“แดดดี๊ พาหม่ามี๊ไปเที่ยวไม่พาหนูไปด้วย เมื่อคืนแดดดี๊พาหม่ามี๊ไปเที่ยวไหนมาเนี่ย? หม่ามี๊ไม่ได้กลับบ้านเลย!” เธอเริ่มคิดบัญชี
ได้ยินดังนั้น ออกัสก็ขมวดคิ้วขึ้น “ไม่ได้กลับบ้านทั้งคืนหรอ?”
“ใช่สิคะ แดดดี๊พาแม่ไปเที่ยวสนุกใช่ไหมคะหรือพาไปสวนสาธารณะ หนูอยากไปด้วย”
“เด็กดี เดี๋ยวแดดดี๊ค่อยโทรกลับนะ” ออกัสกดวางสายลงแล้วโทรหาเบอร์ๆหนึ่ง พูดด้วยเสียงที่ทุ้มต่ำว่า “ตอนนี้พวกแกอยู่ไหน”
……
ครึ่งชั่วโมงให้หลัง รถแลนด์ โอเว่อร์คันสีดำมาจอดอยู่ที่ประตูด้านนอกของโรงเรียน ประตูรถสีดำคันนึงที่จอดอยู่ข้างทางนั้นได้ถูกเปิดออก ผู้ชายคนหนึ่งในชุดสูทสีดำได้เดินออกมา
“ประธานออกัส เมื่อวานคุณเชอร์รีนได้มาที่โรงเรียนหลังที่คุณกลับออกไป หลังจากที่พวกเราตามมาถึงที่นี่ก็เฝ้าอยู่ตรงนี้ จนกระทั่งตอนนี้ยังไม่เห็นคุณเชอร์รีนออกมาเลย หรือว่าจะอยู่ที่หอพักของโรงเรียน?”
ไม่มีคำพูดใดๆ ประตูนั้นก็ได้เปิดออก ขาที่เรียวยาวของออกัสนั้นได้ก้าวเข้าไปในโรงเรียน ผู้อำนวยการได้ยินข่าวก็เลยรีบตามมาและพาเขาไปที่หอพักโรงเรียน
แต่ทว่าในห้องหอพักนั้นกลับไม่มีคนอยู่เลย ครูที่อยู่ในห้องทำงานเดียวกันต่างก็บอกว่าหลังจากที่คุณครูเชอร์รีนมาเอาเอกสารแล้วก็ออกไปจากโรงเรียน
ถ้าออกไปจากโรงเรียนก็ต้องไปที่บ้าน เมื่อคืนเธอไม่ได้กลับบ้านแน่ ไม่งั้นซารางก็คงไม่พูดอย่างนั้น
ทันใดนั้นเอง ออกัสก็ได้ให้ผู้อำนวยการเอากล้องวงจรปิดของโรงเรียนทั้งหมดออกมาดู ที่หน้าห้องน้ำนั่นเองได้ปรากฏร่างของเธอ
“กล้องวงจรปิดที่เป็นมุมอับของโรงเรียนพวกคุณนั้นอยู่ไหน” ออกัสได้เอ่ยปากถามขึ้นปลายนิ้วพลางกระดิกเพื่อเขี่ยขี้บุหรี่ทิ้ง
“ประตูหลังถือว่าเป็นมุมอับครับ นอกจากทางเดินที่สำคัญหลักๆแล้ว มุมอับที่อื่นๆนั้นน้อยมากครับ”
ออกัสลุกขึ้นกลับไปยังอพาร์ทเม้นท์ เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เผอิญเห็นเลอแปงกำลังนั่งดูทีวีอยู่บนโซฟา
“มาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย?” เขาถาม
“เพิ่งกลับมาครับพี่ใหญ่ นี่เป็นของขวัญที่ผมเอามาให้จากฝรั่งเศส มีของพี่ มีของซาราง มีของพี่สะใภ้” คำพูดสุดท้ายเขาไม่ได้มีความรู้สึกเจ็บปวดที่พูดออกมานั้น
ออกัสกวาดตามองรอบนึง สายตาดำดิ่ง พูดด้วยเสียงเยือกเย็นว่า “เอาของขวัญเก็บไปก่อน เธอหายตัวไปแล้ว”
จากที่ค่อยๆขยับ เลอแปงก็ดีดตัวยืนขึ้นมา “หายตัวไป? ทำไมถึงหายตัวไป? ผมจะให้คนตามหา เอ่อแล้วนี่พี่แจ้งตำรวจแล้วหรือยัง?”
“แจ้งตำรวจไม่ได้….” ริมฝีปากบางๆนั้นได้พูดเอ่ยออกมา ดวงตาของออกัสหรี่ลง เก็บความรู้สึกที่มันทะลักอยู่
เลอแปงรู้สึกแปลกใจและเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ “ทำไมแจ้งตำรวจไม่ได้?”
ออกัสจุดบุหรี่ม้วนนึงแล้วสูบ ควันนั้นได้พุ่งพวยขึ้น ถ้าคาดการณ์ไม่ผิด การหายตัวไปของเธอนั้นคงไม่พ้นที่จะต้องเกี่ยวข้องกับเขา
ส่วนที่ว่าเขาจะเป็นใครนั้น ไม่ต้องพูดก็รู้ สิ่งที่สำคัญในปัจจุบันนี้คือให้คนไปสืบเบื้องหลังของเขาอย่างลับๆ…..
เรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงนี้เลอแปงไม่รู้เรื่องเลย หลังจากที่ได้ยินพี่ใหญ่พูด เขาก็พูดไม่ออก
เขาไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจเลยว่าพ่อที่เขาเคารพมาโดยตลอดนั้นทำไมถึงเปลี่ยนไปเป็นอย่างนี้!
แล้วก็ให้รู้สึกปวดใจแทนเธอ เมื่อสี่ปีก่อนชีวิตก็เต็มไปด้วยความไม่ราบรื่น และสี่ปีให้หลังกลับได้ชีวิตใหม่…..
ตอนนี้เขาเพิ่งเข้าใจคำพูดของพี่ใหญ่ที่บอกว่าแจ้งตำรวจไม่ได้ คนที่ลักพาตัวเธอไปหกสิบเปอร์เซ็นต์อาจเป็นพ่อ แล้วจะไปแจ้งความได้ยังไง?
ออกัสได้ส่งลูกน้องออกไปตามหาทั้งหมด โดยไม่ให้กระโตกกระตาก และเลอแปงก็เหมือนกัน
สำหรับเรื่องนี้ ออกัสคิดไม่ถึงเลยว่าเขานั้นจะมีจิตใจลำเอียงและบ้าคลั่งถึงขั้นนี้!
สีหน้าของเขาแน่วแน่ เขาไม่ได้ไปบริษัทแต่ออกไปตามหาที่ๆสิงหานั้นไป เรื่องที่เชอร์รีนถูกลักพาตัวไปนั้นไม่ได้บอกกับจักรกฤษและกนกอร กลัวว่าพวกเขาจะกังวล
และปฏิบัติการของพวกเขาต้องรวดเร็ว คิดวิธีการต่างๆได้เร็วแค่ไหนก็ต้องเร็วแค่นั้น!
จุดประสงค์ของสิงหานั้นชัดเจนคือต้องการให้เธอแท้ง หลังจากนั้นค่อยไปทำการเจาะกระดูก จะมาหายใจทิ้งอยู่ไม่ได้ ทำได้แค่รีบค้นหาให้เจอตัวโดยเร็วที่สุด
ตอนนี้เวลาจะใช้ไปอย่างฟุ่มเฟือยไม่ได้ ทุกๆวินาทีมีค่า
โรงงานที่ทิ้งร้างไว้
ในที่สุดเชอร์รีนก็ได้ตื่นขึ้นมา ยังรู้สึกมึนๆที่หัวและเบาๆที่เท้า ให้รู้สึกไม่สบายตัวยิ่งหนัก
ตามีการเคลื่อนไหวอยู่น้อยๆ หลังจากเวลาผ่านไปนานความรู้สึกมึนงงก็ได้หายไป ลืมตาขึ้นก็เห็นทุกสิ่งทุกอย่างนั้นเก่าและชำรุดไม่ว่าจะเป็นตัวโรงงาน เศษแก้ว แล้วก็ยังมีแท๊งค์น้ำมันอยู่หลายแท๊งค์
แต่ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ได้?
ผู้ชายที่ใส่เสื้อสูทสีดำนั้นกำลังกินอาหารอยู่ เชอร์รีนกวาดสายตามองไปด้านข้างอย่างรวดเร็วก็เห็นว่ากระเป๋าของเธอถูกทิ้งไว้อยู่ข้างๆ
ในขณะที่นอนอยู่บนพื้นเงียบๆนั้น เธอไม่ได้ขยับเลยกลับกลั้นหายใจเสียด้วยซ้ำ ยื่นมือออกไปเกี่ยวกระเป๋ามาไว้ที่ข้างกายโดยไม่ส่งเสียง
ขณะที่จับโทรศัพท์ออกมานั้น ก็มีเสียงดังขึ้นมา เธอรีบเอาโทรศัพท์ยัดไว้ตรงช่วงล่างแล้วหลับตาลง
ผู้ชายนั้นไม่ได้เข้ามายังที่ๆเธออยู่แต่เดินไปเอาน้ำ ได้ยินเสียงที่อยู่ไกลออกไปจากตรงนี้ ใจที่เต้นแรงของเชอร์รีนถึงได้สงบลง
แต่ไหนแต่ไรมาเธอไม่เคยเป็นศัตรูคู่อริกับใคร แล้วใครกันที่พาเธอมาที่นี่และจุดประสงค์คืออะไร?
ในตอนนี้เองก็มีเสียงฝีเท้าเดินเข้ามา หลังจากนั้นเสียงที่คุ้นเคยที่สุดก็ดังขึ้นว่า “มันเป็นยังไงบ้าง?”
“ยังสลบไสลอยู่เลยครับ” ผู้ชายคนนั้นไม่รู้เลยว่าเชอร์รีนฟื้นขึ้นแล้ว
และหลังจากที่ได้ฟังเสียงนั้น เธอกลับเบิกตาขึ้นด้วยความตะลึง ร่างที่กำยำแข็งแรงเหมือนหินนั้นคือสิงหา!
ที่แท้ก็เป็นสิงหาที่ให้คนมาลักพาตัวเธอ!
ในเมื่อเป็นสิงหา งั้นเธอก็รู้อย่างชัดเจนแล้วว่าเขาทำเป็นเพื่ออะไร
เพื่อวินดาสิงหากล้าทำถึงขั้นนี้เลยหรอ เธอไม่คิดเลยและคิดไม่ถึงด้วย
“หมอล่ะ?” สิงหาเอ่ยปากถามขึ้นอีก
“กำลังเดินทางมาครับ”
ตานั้นเคลื่อนไหวเล็กๆ สิงหาพูดว่า “งั้นไม่ต้องให้มาแล้ว บอกว่าเดี๋ยวอีกสักพักค่อยเอาคนไปส่งที่โรงพยาบาล”
“แล้วเธอล่ะครับ? จะต้องเรียกให้ตื่นมั้ยครับ?”
“ไม่ต้อง ให้มันสลบไสลอยู่อย่างนั้นแหละจัดการง่ายดี ทำให้มันตื่นก็วุ่นวายเพิ่มอีก ทางที่ดีให้มันสลบไสลไปน่ะดีแล้ว…
ขณะที่คนสองคนกำลังสนทนากันอยู่นั้น ทุกๆคำพูดได้ยินมาถึงหูของเชอร์รีน ทำให้เธอนั้นรู้สึกสะท้านไปทั้งใจและไม่มีคำใดๆที่จะเอ่ย
ในเวลานี้ แม้เธอจะรู้สึกว่าสิงหาน่ากลัวขนาดนี้แล้ว แต่เธอก็ไม่สามารถนั่งรอความตายตามที่ใจเขาปรารถนาได้