ตอนที่ 342 ต่อสู้ด้วยปัญญา / ตอนที่ 343 อ้อนข้าสิ

หวนแค้นชะตารัก

ตอนที่ 342 ต่อสู้ด้วยปัญญา

 

 

 

 

ซูจิ่วซือเตรียมจะเดินไปอยู่ข้างๆ  กู้หลียวน ขณะที่กำลังจะก้าวเท้า ประตูห้องก็ถูกถีบจนเปิดออก

 

 

จากนั้นคนชุดดำเจ็ดแปดคนก็เข้ามา ข้างนอกฝนตกหนัก พอประตูห้องเปิด ทั้งลมทั้งฝนก็ซัดเข้ามา กระท่อมเล็กหลังนี้แออัดทันที

 

 

ซูจิ่วซือเห็นใบหน้าของพวกเขาไม่ชัด แต่ฟังจากเสียงว่าเข้ามากันหลายคน นางไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นคนของใคร แต่มั่นใจได้อย่างเดียว เป็นคนที่ทางแคว้นเจียงส่งมา

 

 

คนเหล่านี้จับตามองนางอยู่ก่อนแล้ว การมาปรากฏตัวเบื้องหน้านาง จึงมีจุดหมายเพียงสองข้อ คือจับนางไปขู่ฟู่เฉินหรง หรือฆ่านาง และจุดหมายแต่ละข้อไม่ใช่พวกเดียวกัน

 

 

พวกที่ต้องการขู่ฟู่เฉินหรงต้องเป็นซิ่นอ๋องแน่ พวกที่ต้องการฆ่านาง ถ้าเดาไม่ผิด น่าจะเป็นฮ่องเต้แคว้นเจียง เพราะสำหรับฮ่องเต้แคว้นเจียงแล้ว นางเป็นอุปสรรคขัดขวาง

 

 

“จุดไฟ มืดมิดอย่างนี้ ข้าจะเห็นคนสวยได้อย่างไร”

 

 

เสียงซึ่งมีแรงดึงดูดเป็นพิเศษดังขึ้น ฟังจากเสียง เป็นชายหนุ่ม ซูจิ่วซือขมวดคิ้วอย่างระแวดระวัง นางไม่เข้าใจว่า จนบัดนี้คนคุ้มกันทั้งสองไม่ได้ลงมือทำอะไรเลย ในใจนางรู้สึกวิตกอยู่ลึกๆ

 

 

พอได้ยินเสียง ตะเกียงน้ำมันก็ถูกจุดขึ้น อาศัยแสงริบหรี่ ซูจิ่วซือเห็นใบหน้าผู้ชายที่อยู่หน้าสุด

 

 

เป็นใบหน้าคมสัน ริมฝีปากบาง แววตาคมกริบ สีหน้าแข็งกร้าว ผิวพรรณไม่ขาว เกือบจะเป็นสีข้าวสาลี เนื้อตัวเต็มไปด้วยไอสังหาร

 

 

เขาสวมเสื้อคลุมสีดำ น้ำฝนหยดจากชายเสื้อของเขาลงมาไม่ขาดระยะ พื้นรอบเท้าเปียกโชก

 

 

กู้หลียวนรีบเดินมาอยู่ข้างๆ  ซูจิ่วซือ พูดเบาๆ  “คนคุ้มกันสองคนนี้ไม่ปกติ”

 

 

“ข้ารู้แล้วว่าพวกเขาเป็นคนของใคร”

 

 

คนที่คัดเลือกคนคุ้มกันทั้งสอง ต้องเป็นปิงอวิ๋นแน่ พวกนี้เป็นคนของใครจึงคาดเดาได้ไม่ยาก เป็นคนของซุ่นตี้นั่นเอง

 

 

นึกไม่ถึงว่าคนที่ต้องการสังหารนางกลับเป็นพระอัยกาของฟู่เฉินหรง

 

 

จงมั่วเจียงจ้องมองซูจิ่วซือด้วยความสนใจ นี่คือคนที่เขาจะสังหารในวันนี้ มีคนจ่ายเงินหนึ่งหมื่นตำลึงเพื่อเอาชีวิตนาง และตั้งข้อเสนอให้เขาลงมือด้วยตัวเอง

 

 

จงมั่วเจียงไม่ได้ลงมือเองนานแล้ว เดิมทีเขาคิดว่าคงเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่ง จึงให้เขาลงมือด้วยตัวเอง เขาตั้งใจมาดูให้รู้ว่าเป็นอย่างไรแน่ นึกไม่ถึงว่าจะเป็นเด็กผู้หญิงที่ไม่มีวรยุทธ

 

 

น่าผิดหวังจริงๆ  เด็กผู้หญิงคนนี้ชีวิตราคาแพงปานนี้ ถึงกับยอมจ่ายทองคำหมื่นตำลึงเพื่อเอาชีวิตนาง

 

 

เดิมทีคิดว่าเด็กคนนี้คงหวาดกลัว นึกไม่ถึงว่าจะสงบเยือกเย็นอย่างนี้ ไม่ได้ขอร้อง ไม่ตื่นตกใจ สงบราวกับว่าพวกเขามาเยี่ยมเยียน

 

 

กู้หลียวนร้อนใจ เหมือนโดนผีหลอก คนคุ้มกันสองคนนี้ทรยศ อาศัยวรยุทธของเขาไม่สามารถพาซูจิ่วซือหนีออกไปได้ แม้เขาจะมีวรยุทธไม่สูงนัก แต่ก็รู้ว่าคนเหล่านี้ล้วนแต่เป็นยอดฝีมือขั้นสุดยอด

 

 

คราวนี้คงหนีไม่พ้น

 

 

“หลียวน อย่าขยับ เราไปไหนไม่ได้”

 

 

ซูจิ่วซือกลัวว่ากู้หลียวนจะลงมือ จึงร้องเตือน ถ้าลงมือคงมีแต่ตายอย่างเดียว ไม่ลงมือยังมีทางหนีเอาตัวรอดได้ นี่ไม่ใช่เวลาเอาความกล้าเข้าสู้ แต่สู้ด้วยปัญญา

 

 

“เจ้าคือซูจิ่วซือ”

 

 

หลังจากจ้องมองครู่หนึ่ง ในที่สุดจงมั่วเจียงก็เปิดปากพูด เด็กผู้หญิงคนนี้หน้าตาไม่เลว แต่ไม่ถึงขั้นสวยเลิศในปฐพี ใครหนอที่หวาดกลัวนางปานนี้ นางมีความสามารถอะไรจึงมีค่าหัวสูงถึงหมื่นตำลึงทอง จงมั่วเจียงประหลาดใจจริงๆ  

 

 

“ข้าเอง ขอถามชื่อของคุณชาย เจ้ากับข้าไม่มีความแค้นต่อกัน คุณชายดูผิดคนหรือไม่”

 

 

 

 

——

 

 

 

 

ตอนที่ 343 อ้อนข้าสิ

 

 

 

 

“ผู้น้อยจงมั่วเจียง” จงมั่วเจียงไม่ได้ปิดบังฐานะของตนเอง สายตายังคงจ้องซูจิ่วซือ “มีคนซื้อชีวิตเจ้า ข้าจึงมาเอาชีวิตเจ้าตามสัญญา”

 

 

“จิ่วซือ นี่คือเจ้าสำนักวิหคเขียว”

 

 

กู้หลียวนพอจะรู้เรื่องราวในวงการนักเลงบ้าง พอได้ยินชื่อนี้ ก็รู้ฐานะของจงมั่วเจียงทันที

 

 

พอได้ยินว่าจงมั่วเจียงเป็นเจ้าสำนักวิหคเขียว ซูจิ่วซือก็ผุดรอยยิ้มเยือกเย็นที่มุมปาก ตั้งใจให้จงมั่วเจียงมาเอาชีวิตนางด้วยตัวเอง คงต้องการให้นางตายอย่างแน่นอน

 

 

“นึกไม่ถึงว่าผู้หญิงอ่อนแอไร้เรี่ยวแรงอย่างข้ามีค่าพอที่จะให้เจ้าสำนักจงมาหาด้วยตัวเอง ไม่รู้ว่าเจ้าสำนักจงจะจัดการกับข้า”อย่างไร

 

 

ซูจิ่วซือจ้องมองจงมั่วเจียงตรงๆ  ไม่มีความหวาดกลัวแม้แต่น้อย นางดูออกว่าจงมั่วเจียงไม่คิดจะฆ่านางทันที ไม่อย่างนั้นคงไม่รอจนถึงเดี๋ยวนี้

 

 

“ถ้าเจ้าขอร้องข้า ข้าจะแทงเจ้าทีเดียวให้ตาย เจ้าจะได้ทรมานน้อยหน่อย เป็นไง”

 

 

กู้หลียวนรู้ว่าเขากับซูจิ่วซือหนีไปไหนไม่พ้น แต่ก็ไม่อยากเห็นใครมาข่มเหงซูจิ่วซือ เขาพูดสีหน้าเยือกเย็น “ผู้ชายดีไม่สู้กับผู้หญิง คุณชาย ผู้ชายควรจะมีจิตใจที่เวทนาสงสารผู้หญิง ถ้าจะฆ่ามาฆ่าข้าเลย”

 

 

“ชีวิตเจ้ามีค่าไม่ถึงหมื่นตำลึงทอง อย่าเอาทองมาปิดหน้าตัวเอง” จงมั่วเจียงไม่อยากใส่ใจกู้หลียวน ยังคงจ้องหน้าซูจิ่วซือ รอให้ซูจิ่วซือตอบคำถามของเขา

 

 

ถ้าเขาจะฆ่าซูจิ่วซือก็ง่ายเหมือนบี้มด เขาไม่อยากทำให้ซูจิ่วซือตายง่ายๆ  แต่อยากดูว่าเด็กผู้หญิงคนนี้จะทำอย่างไร เด็กผู้หญิงที่กล้าหาญอย่างนี้ เขาไม่เจอนานแล้ว

 

 

ซูจิ่วซือยื่นมือไปรวบผมไว้ข้างหู เผยให้เห็นกำไลบนข้อมือ

 

 

ภาพนี้ปรากฏต่อสายตาของจงมั่วเจียง เขามองเห็นอย่างชัดเจน ทำไมเด็กผู้หญิงจึงมีกำไลนี้ มิน่าจึงมีคนตั้งค่าหัวนางสูงลิ่ว ที่แท้ไม่ใช่คนธรรมดา

 

 

“เจ้าสำนักจง เจ้ากับข้าไม่ได้มีความแค้นต่อกัน เจ้าฆ่าข้าเพื่อเงินรางวัล ฆ่าคนเพื่อเงิน ข้ายินดีให้เงินมากกว่า เจ้าสำนักจงจะยอมไว้ชีวิตข้าหรือไม่”

 

 

จงมั่วเจียงยิ้มอย่างมีนัย “วงการนักเลงก็มีกฎของวงการนักเลง ถ้าสำนักวิหคเขียวทำอย่างนี้ ชื่อเสียงของสำนักเราก็ย่อยยับ”

 

 

“ในเมื่อเจ้าสำนักพูดถึงกฎวงการนักเลง ถ้างั้นก็ควรจะรู้ ตามกฎวงการนักเลงไม่ควรทำร้ายผู้หญิงที่อ่อนแอ เจ้าสำนักไม่ใส่ใจกฎวงการนักเลงอยู่ก่อนแล้ว ทำไมเวลานี้จึงใส่ใจกับชื่อเสียง เอาเงินไว้ก่อนไม่ดีกว่าหรือ”

 

 

ซูจิ่วซือโต้แย้งจงมั่วเจียง

 

 

“ปากคอเราะร้ายจริงๆ  ข้าไม่ขัดสนเงินทอง ถ้าข้าอารมณ์ดี ไม่แน่อาจจะปล่อยเจ้าไป แม่นาง เจ้าไม่ยอมขอร้องก็ได้ แต่เจ้าต้องทำให้ข้าพอใจ ถ้าข้าพอใจ ไม่แน่อาจจะถือโอกาสปล่อยเจ้า ไม่รับเงินแล้ว”

 

 

ซูจิ่วซือมุมปากกระตุก ดูแล้วนางเจอคนที่ชอบตอแย

 

 

นางไม่ถนัดที่สุดก็คือการหลอกคน โดยเฉพาะผู้ชาย นางจะหลีกห่างมาตลอด ให้นางหลอกล่อจงมั่วเจียง นางทำไม่ได้เด็ดขาด

 

 

“ผู้หญิงทุกคนขี้อ้อนทั้งนั้น แม่หนู อ้อนข้าสิ”

 

 

จงมั่วเจียงเก็บไอสังหารไว้ สีหน้ากรุ้มกริ่ม มองซูจิ่วซือเหมือนจะยิ้ม รอให้ซูจิ่วซืออ้อน ราวกับมีความหวัง

 

 

เขารู้ว่าซูจิ่วซือไม่ใช่คนอย่างนั้น จึงจงใจยั่วนาง ไม่รู้ทำไมเขาจึงรู้สึกอารมณ์ดีเป็นพิเศษ

 

 

บางทีอาจจะเป็นเพราะเห็นกำไลนั่น ของที่ตามหามานานกลับมาแล้ว และอยู่ในมือผู้หญิงเบื้องหน้าคนนี้

 

 

ดูแล้วคงเป็นลิขิตฟ้า ถ้าคราวนี้เขาไม่มาเอง คงไม่รู้ว่ากำไลอยู่ที่มือของผู้หญิงคนนี้