ตอนที่ 638

The Divine Nine Dragon Cauldron

“เจ้ารู้จักข้ารึ?”

 

ซือหยูขมวดคิ้วเล็กน้อย

 

“มะ…ไม่ ข้าไม่รู้จักท่าน”

 

แปดศักดิ์สิทธิ์ไม่กล้าจะมองตาซือหยู

 

ดวงตาของซือหยูมีแสงแปลกๆเมื่อพูดออกไปอย่างใจเย็น

 

“เอาเถอะ หลีกไป ข้าจะถามเจ้าทีหลัง”

 

แปดศักดิ์สิทธิ์ไม่คิดจะลังเล เขาหลีกทางให้ซือหยูโดยไม่คิดจะหนีไปที่ใด เหงื่อเย็นๆผุดออกมาเต็มหน้าผาก เขาให้ความนับถือกับซือหยูอย่างมาก!

 

ภาพนี้ทำให้ชายหนุ่มผมสีม่วงตกใจ เขาสงสัย…

 

เด็กหนุ่มผมสีเงินผู้นี้เป็นใครกัน แม้แต่ผู้ศักดิ์สิทธิ์ยังต้องหวาดกลัว?

 

“เจ้าคือคนที่ทำลายม่านลำดับห้าธาตุกับเรือรบลำนี้ใช่หรือไม่?”

 

ซือหยูถามอย่างใจเย็นกับชายหนุ่มผมม่วง

 

ชายหนุ่มผมม่วงรับรู้ทันทีว่าอันตรายอันยิ่งใหญ่กำลังมาถึงตัวเขา เขาถอยหลังไม่หยุดขณะที่มองไปยังแปดศักดิ์สิทธิ์เพื่ออ้อนวอนขอความช่วยเหลือ แต่ในตอนนั้นแปดศักดิ์สิทธิ์เอาแต่ก้มหน้าไม่กล้าจะมองกลับ

 

“ใต้เท้า ข้าไม่คิดจะทำให้ท่านโกรธ โปรดอภัยให้ข้า”

 

ชายหนุ่มผมม่วงรู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาลจากซือหยู เขาพูดเสียงสั่น

 

อภัยเจ้ารึ? ซือหยูส่าบหน้าเบาๆ ซือหยูจะคุยกับแปดศักดิ์สิทธิ์ทีหลังเพราะเขาไม่ได้ทำร้ายใครสักคนเดียว แต่กับชายหนุ่มที่ทำลายเรือรบและก่อความสูญเสียมากมายเช่นนี้ แม้ว่าซือหยูจะไม่ใช่คนของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ เขาก็จะไม่มีวันอภัยให้!

 

“เห็นแก่ที่เจ้ามาถึงที่นี่แล้ว ข้าจะทำให้เจ้าอยู่ที่นี่ไปตลอดกาล…”

 

ซือหยูพูดอย่างใจเย็น

 

ชายหนุ่ผมม่วงชักสีหน้า เขารีบหนีในทันทีทันใด! เขาใช้พลังทั้งหมดพุ่งตัวออกไปจากช่องว่างของเรือรบ

 

ถ้าออกไปยังด้านนอกได้ ด้วยพลังภูติระดับหนึ่งของเขา แม้แต่ซือหยูก็อาจจะตามไม่ทัน เขาจะออกไปได้ในอีกอึดใจเดียว

 

แต่ตอนที่เขากำลังจะได้ผ่านช่องว่าง หมอกสีชมพูได้ปรากฏที่ด้านหน้าช่องว่าง กิเลนขนาดเท่าฝ่ามือเดินออกมาจากหมอกและกระทืบกีบเท้าใส่เขาอย่างแรง

 

เอื้อก

 

เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดดังลั่น กิเลนน้อยกระทืบโดนจมูกของเขาพอดี! เขาเอามือปิดใบหน้าที่เจ็บปวด กิเลนน้อยทำท่าทางภูมิใจมาโดยตลอด

 

“ข้าจะฆ่าเจ้า!”

 

ชายหนุ่มผมม่วงโกรธกิเลนชมพูตัวน้อยนี้มากที่มาขวางทางเขาในเวลาที่สำคัญที่สุด!

 

แต่เมื่อเขาพูด เขาได้ยินเสียงอันเย็นชามาจากด้านหลัง

 

“ข้าว่าเจ้าคงจะไม่ได้ฆ่าใครนอกจากตัวเจ้าเองแล้วล่ะ…”

 

ซูม

 

เสียงสายลมแล่นผ่านข้างหูของเขา ชายหนุ่มผมม่วงรู้สึกถึงอันตรายแต่ก็ตอบสนองได้ทัน เขาหยิบเอาหุ่นเชิดกระดาษสองตัวออกมา

 

หุ่นเชิดกระดาษรายล้อมด้วยพลังชีวิต มันกลายร่างมาเป็นชายหนุ่มผมม่วงที่เหมือนกันสองร่าง ทั้งสองบางเหมือนกระดาษ แต่ถ้ามองจากด้านหน้าก็ไม่ต่างจากร่างต้นเลย!

 

แกร๊ง

 

เสียงโลหะปะทะกันดังขึ้น วัตถุดิบของหุ่นเชิดกระดาษนี้แข็งแกร่งมาก มันป้องกันกระบี่ทองคำของซือหยูได้ครู่เดียว แต่ก็เพียงครู่เดียวเท่านั้น

 

ฟึ่บ

 

เพียงพลิกฝ่ามือ กระบี่เล่มเล็กได้ตัดหุ่นเชิดกระดาษขาดสะบั้น ชายหนุ่มผมม่วงมิอาจเชื่อสายตา

 

เพราะหุ่นเชิดกระดาษของเขาคือสมบัติเทพระดับสูงที่ยอดเยี่ยมที่สุด มันแข็งแกร่งอย่างมาก เขาทดสอบมันกับสมบัติกึ่งวิญญาณหลายชิ้นที่มีความคม แต่สมบัติเหล่านั้นก็แทบจะสร้างรอยข่วนให้หุ่นเชิดของเขาไม่ได้!

 

นี่เป็นครั้งแรกที่หุ่นเชิดของเขาถูกตัด! แต่ถึงจะถูกตัดไป หุ่นเชิดทั้งสองก็ทำให้เขามีเวลาหนี!

 

“อย่าไล่ต้อนข้าให้มากนัก เจ้าคงไม่อยากให้ข้าเอาทุกคนลงนรกไปกับข้าด้วยหรอก”

 

ชายผมม่วงถอยออกจากเรือรบ

 

เขาสวมถุงมือหลากสี มันคือถุงมือที่ทำจากสมุนไพรสายฟ้า และเขายังหยิบเอาค้อนที่เปล่งแสงจ้าออกมาด้วย

 

“วิบัติอัสนีในค้อนนี่มากพอที่จะฆ่าพวกเจ้าทุกคน ถึงข้าจะต้องตายไปด้วยก็จะไม่มีใครรอดไปได้!”

 

ชายหนุ่มตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยว

 

แปดศักดิ์สิทธิ์เงยหน้าลืมตากว้าง ใบหน้าเคร่งเครียดของเขาเปลี่ยนไปในทันที

 

“ไอ้บัดซบ! วางไอ้นั่นลงเดี๋ยวนี้! เจ้าคิดจะฆ่าข้าด้วยเรอะ?”

 

เขาสั่งในทันที

 

ชายหัวม่วงหวาดกลัวกับความโกรธของแปดศักดิ์สิทธิ์ แต่เมื่อความตายกำลังจ้องมอง เขาต้องรวบรวมความกล้าตะโกนกลับไป

 

“ฮื่ม! ถ้าข้าไม่ใช้มัน เจ้าจะมาช่วยข้าเรอะ? เพราะเจ้าไม่โต้ตอบด้วยซ้ำ เจ้ายอมแพ้กับศัตรูทั้งๆที่ยังไม่ได้สู้เลย แปดศักดิ์สิทธิ์ เจ้ามันน่าละอายที่สุดในบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์!”

 

เมื่อได้ยินคำด่าทอ แปดศักดิ์สิทธิ์หมดคำพูด เขาทำได้แต่จ้องมองค้อนที่มีวิบัติอัสนีและพูดกับซือหยู

 

“ใต้เท้า ระวังตัวด้วย มันคือสมบัติที่ข้าให้เจ็ดศักดิ์สิทธิ์คนก่อนไป ไม่คิดเลยว่ามันจะกล้าใช้สมบัติที่ได้มาจากผู้ศักดิ์สิทธิ์ มันช่างกล้านัก!”

 

เขาอธิบาย

 

“มันคือสมบัติกึ่งวิญญาณที่มีวิบัติอัสนี มันจะทำให้ทุกคนที่มีพลังต่ำกว่าภูติระดับสองกลายเป็นฝุ่นผงในพริบตา! เขาไม่เคยใช้มันมาก่อนและควบคุมวิบัติอัสนีไม่ได้แน่ ถ้ามันถูกใช้ สายฟ้าข้างในจะไม่ได้ฆ่าแค่มันแต่เป็นพวกเราทุกคน รวมถึงคนในเรือรบด้วย คนที่นี่มากกว่าครึ่งคงบาดเจ็บล้มตาย”

 

ซือหยูแววตาเยือกเย็น…ผู้ศักดิ์สิทธิ์…พวกนั้นคือใครกัน?

 

ซือหยูได้ยินเรื่องผู้ศักดิ์สิทธิ์มาก่อนคนธรรมดาๆในทวีปเฉินหลง นั่นก็เพราะในตอนที่เขาได้ฎีกาสวรรค์พิสุทธิ์ เขาได้ทำให้สวรรค์พิโรธ และเป็นเก้าศักดิ์สิทธิ์ที่ไล่ล่าซือหยูแทนสวรรค์!

 

โชคดีที่พันธมิตรผู้คุมสวรรค์มาทัน ราชาโลกดับสูญจึงได้ด้วยให้ซือหยูรอดมาได้ ด้วยเหตุนี้ซือหยูจึงได้รู้ถึงเรื่องการมีอยู่ของเหล่าผู้ศักดิ์สิทธิ์

 

“อืม ข้ารู้แล้ว”

 

ซือหยูก้าวไปข้างหลังอย่างไม่ยี่หระ ดวงตาของเขามีแต่ความเย็นชา

 

“เจ้าจะให้ข้าลงมือ หรือเจ้าจะลงมือเอง?”

 

ชายผมม่วงจ้องซือหยูที่เข้าใกล้ด้วยความตื่นตระหนก เขาไม่กลัวตายรึไงกัน?

 

เพราะสมบัตินี้เคยถูกใช้โดยห้าศักดิ์สิทธิ์ พลังของมันน่าตกใจโดยแท้จริง! แม้แต่แปดศักดิ์สิทธิ์เองก็หวาดกลัวมัน แล้วซือหยูที่เป็นแค่กึ่งภูติจะไม่กลัวได้ยังไง?

 

“ย่อมได้ เจ้าวอนเองนะ ต่อให้ข้าต้องเจ็บหนัก ข้าก็ต้องกำจัดเจ้า!”

 

ชายหนุ่มผมม่วงเตรียมที่จะใช้ค้อน

 

บางทีวิบัติอัสนีอาจจะทำให้เขากลายเป็นเถ้าถ่าน แต่เขาก็จะทำทั้งๆที่รู้อย่างนั้น เขาจะต้องสังหารคนตรงหน้าให้ได้! ทางเดียวคือต้องสู้จนตัวตาย!

 

เขาใช้มือซ้ายอัดพลังชีวิตลงในค้อน สายฟ้าในค้อนเริ่มเคลื่อนไหวอย่างบ้าคลั่ง คลื่นสายฟ้าแดงที่เหมือนกับอสรพิษเล็กๆเริ่มที่จะกระโจนไปมา พลังทำลายล้างปะทุออกจากค้อน

 

ตู้ม

 

เสียงสายฟ้าระเบิดดังออกมาพร้อมกับพลังทำลายล้าง! อากาศรอบๆหยุดนิ่ง ทุกคนตัวชา ราวกับว่าสายฟ้าได้ไหลซึมเข้าไปในโลหิตของพวกเขา

 

พร้อมกันนั้นทุกคนยังรู้สึกว่าหัวใจสั่นสะท้าน ดวงตาของทุกคนมองสายฟ้าสีแดงราวกับมัจจุราช! พวกเขารู้สึกว่าความตายกำลังใกล้เข้ามา

 

หลงจื้อชิงกับผู้เฒ่าเฉินตัวแข็งทื่อ พวกเขาไม่กล้าจะขยับตัวต่อหน้าวิบัติอัสนี พลังทำลายล้างในวิบัติอัสนีนี้ไม่ทำให้พวกเขาคิดที่จะต่อต้านเลย

 

แม้แต่แปดศักดิ์สิทธิ์เองก็ชักสีหน้า เขารีบเรียกพลังชีวิตออกมาปกป้องร่างกาย เขาเรียกเอาสมบัติปกป้องร่างกายออกมาหลายชิ้นจนแน่นหนา และถึงจะป้องกันตัวอย่างนั้น ใบหน้าเขาก็ซีดราวกับกระดาษ ความสิ้นหวังกำลังกัดกินจิตใจ

 

เพราะสมบัติที่ถูกใช้โดยห้าศักดิ์สิทธิ์มิใช่สิ่งที่ภูติระดับสองอย่างเขาจะรับมือได้ แต่เขาก็ไม่ได้หวาดกลัวเท่ากับหลงจื้อชิงและผู้เฒ่าเฉิน เขากลับจ้องไปยังซือหยู

 

คนอื่นทั้งหวาดกลัวและตกใจ มีแค่ซือหยูที่ไม่สนใจวิบัติอัสนีอันน่ากลัวนี้ เขาเดินเข้าไปหาชายหนุ่มผมม่วงอย่างช้าๆและระมัดระวัง

 

“ตายซะ!”

 

ชายผมม่วงตกใจซือหยูมาก ซือหยูไม่พยายามจะปกป้องตัวเองเลย เขายังเดินไปข้างหน้าแม้จะต้องเจอกับสายฟ้าอันทรงพลังเช่นนี้!

 

โฮก!

 

เสียงที่เหมือนกับมังกรสายฟ้าคำรามลั่น วิบัติอัสนีสีชาดได้กลายเป็นเงาพุ่งออกจากค้อน แต่ทันทีที่วิบัติอัสนีพุ่งออกมา ทุกคนก็ตกตะลึงจนพูดไม่ออก!

 

ไม่เพียงแค่ซือหยูจะไม่ก้าวไปข้างหลัง เขายังคงเดินต่อไป! ในตอนนั้น มีชุดเกราะหลากสีปรากฏในมือ มันดันตัวไปกับวิบัติอัสนีสีชาด!

 

เสียงพิโรธของสายฟ้าที่ลั่นนภาเงียบไป! สายฟ้าสีชาดถูกชุดเกราะในมือซือหยูอัดกลับลงสู่ค้อน!

 

หลงจื้อชิงกับผู้เฒ่าเฉินแทบจะตาถลนออกจากเบ้า ทั้งคู่มือสั่น…ต้านวิบัติอัสนีด้วยมือเดียว…นี่เป็นสิ่งที่มนุษย์ทำได้งั้นรึ?

 

ใบหน้าซีดของแปดศักดิ์สิทธิ์กลับมามีโลหิตดังเดิม เขาหัวเราะเยาะให้ตัวเองอย่างขมขื่น

 

“ข้ามาเจอกับสัตว์ประหลาดตัวน้อยของจริงงั้นหรือ”

 

ชายผมม่วงตกใจกลัว เขาขยับตัวไม่ได้อีกแล้ว ในใจเขามีแต่ความว่างเปล่า…วิบัติอัสนีถูกต้านอย่างนี้ได้ด้วยรึ?

 

ซูม

 

ฝ่ามือของเขาว่างเปล่า ซือหยูหยิบเอาค้อนออกจากมือและเอามาโยนเล่น ซือหยูถามอย่างเย็นชาโดยไม่เงยหน้ามอง

 

“เจ้าจะให้ข้าลงมือเอง หรือเจ้าจะฆ่าตัวตายไปซะ? ข้าจะถามเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย…”