ตอนที่ 639

The Divine Nine Dragon Cauldron

เมื่อชายหนุ่มผมม่วงกลับมาได้สติ สีหน้าของเขาได้ดำมืดราวกับตับหมู ความรู้สึกที่มองซือหยูนั้นไม่ต่างกับได้จ้องมองห้าศักดิ์สิทธิ์ แค่เพียงประสงค์เดียวก็ตัดสินชะตาชีวิตของเขาได้!

 

เขาที่ไม่มีหวังจะหนีโศกเศร้าอย่างมาก แม้วิบัติอัสนีที่แข็งแกร่งที่สุดก็ถูกซือหยูรับมืออย่างง่ายดาย ไม่มีวิธีอื่นใดที่เขาจะพยายามได้อีกแล้ว!

 

เขามองซากศพที่ไหม้เกรียมรอบๆด้วยหางตา เขารู้สึกใจสั่นสะท้าน ถ้าเขารอให้ซือหยูลงมือเอง ชะตาของเขาก็คงจะไม่ต่างจากซากศพเหล่านี้!

 

เพราะเขาได้ทำลายพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ ซือหยูไม่มีเหตุให้ปรานีเขาอยู่แล้ว เขาลังเลเมื่อคิดถึงเรื่องที่เขาอาจจะกลายเป็นคนที่ถูกเผาจนตาย

 

เขาคิดว่าคงจะดีกว่าหากเขาปลิดชีวิตตัวเองแทนที่จะต้องตายอย่างทุกข์ทนมาน นี่คือทางเลือกเดียว…

 

“ข้าจะจำพวกเจ้าทุกคนเอาไว้”

 

ความโศกเศร้าเอ่อล้นออกจากจิตใจของชายหนุ่มผมม่วง ยากที่จะเชื่อว่าเมื่อครู่เขาได้คุมทัพใหญ่ และตอนนี้เขากำลังถูกบังคับให้ฆ่าตัวตาย!

 

ทั้งหมดเป็นเพราะซือหยู เขาถึงต้องมาอยู่ในสภาพนี้! เขาต้องมองซือหยูด้วยความดุร้าย สายตานั้นชิงชังถึงที่สุด

 

ฉั่วะ!

 

โลหิตในร่างไหลสู่หน้าผากและทะลักออกมาราวกับน้ำพุ ดวงตาของเขาไร้ซึ่งแวว ร่างอันอ่อนรวยรินได้ล้มลงกับพื้น เขาตายแล้ว

 

ภูติระดับหนึ่งเพิ่งจะถูกบังคับให้จบชีวิตตนเอง หลงจื้อชิงกับผู้เฒ่าเฉินตกตะลึง ถ้าหากพวกเขาไม่เห็นกับตาก็คงจะหัวเราะถ้าหากได้ฟังเรื่องนี้จากคนอื่น เพราะมันก็คือเรื่องตลกดีๆนี่เอง

 

ทั้งสองใจเต้นแรงเมื่อมองซือยหู แม้ว่าเขาจะไม่ได้ปล่อยแรงกดดันใดออกมา ทั้งคู่ก็รู้สึกเหมือนซือหยูปล่อยแรงกดดันอันไร้เทียมทาน ทั้งคู่เห็นกับตาว่าซือหยูยิ่งใหญ่เพียงใด

 

แปดศักดิ์สิทธิ์ถอนหายใจเบาๆและมองร่างไร้วิญญาณของชายหนุ่มผมม่วง เมื่อครู่ ชายผู้นี้สาปแช่งเขาอย่างโกรธแค้น ชายผู้นี้บอกว่าเขาทำให้เหล่าผู้ศักดิ์สิทธิ์ต้องมัวหมอง

 

แปดศักดิ์สิทธิ์พูดออกมา

 

“มิใช่ว่าข้าเต็มใจยอมแพ้โดยไม่คิดสู้ แต่ข้ารู้อยู่แล้วว่าชะตาข้าจะเป็นเหมือนเจ้าถ้าข้าต่อต้านชายคนนี้”

 

ซือหยูมองไปที่แปดศักดิ์สิทธิ์

 

“บอกข้า…เจ้าได้ยินเรื่องของข้ามาจากไหน?”

 

ซือหยูรู้เรื่องต้นกำเนิดของเหล่าผู้ศักดิ์สิทธิ์แล้ว

 

แปดศักดิ์สิทธิ์มองหลงจื้อชิงกับผู้เฒ่าเฉินอย่างลังเล ทั้งคู่รู้ตัวทันทีว่าต้องทำอะไร

 

“ผะ…ผู้อาวุโส เราจะไปรวมตัวกับคนอื่นเดี๋ยวนี้…”

 

หลงจื้อชิงกล่าวและระวังที่จะไม่พูดชื่อเขาออกไป

 

ซือหยูพยักหน้ากับทั้งสองคน

 

“ไปทำให้พวกเขาสงบลงเสียก่อนเถอะ”

 

เขาพูดถึงทุกคนบนเรือรบ เพราะคนเหล่านั้นทั้งตกใจและเป็นกังวล พวกเขาต้องการเจ้าพันธมิตร

 

ในตอนนี้เหลือเพียงซือหยูกับแปดศักดิ์สิทธิ์ในห้องกับราชาโลกดับสูญ

 

“พูดมา! เจ้าได้ยินเรื่องของข้ามาได้ยังไง?”

 

ซือหยูถามอีกครั้ง

 

แปดศักดิ์สิทธิ์หัวเราะอย่างขมขื่น

 

“ย่อมได้ ข้าจะบอกท่าน มันไม่ใช่ความลับอะไรหรอก ข้ามาจากจิวโจว ท่านจะต้องได้ยินเรื่องนี้มาแล้วตอนที่เจอกับพวกเด็กมีพรสวรรค์ในกระโจมเทพสวรรค์ ทวีปเฉินหลงมิใช่แผ่นดินเดียวในโลกนี้ และมันก็เป็นแค่ดินแดนรกร้างในมุมหนึ่งที่เล็กจ้อย ถ้าเทียบกับจิวโจว มันก็เป็นเมืองเล็กๆที่คนอยู่เท่านั้น”

 

ซือหยูใจเต้นแรงเมื่อได้ยินเรื่องนี้ เขามิอาจเชื่อว่าทวีปที่กว้างใหญ่อย่างเฉินหลงจะเป็นแค่เมืองเล็กๆเมืองเดียวในจิวโจว!

 

เมืองแบบนั้นจะยิ่งใหญ่แค่ไหนกัน? แล้วโลกของจิวโจวเป็นที่แบบใดกันแน่?

 

“ท่านได้เจอกับยอดฝีมือจากจิวโจวมากมาย จิวโจวจะมองข้ามท่านได้อย่างไร?”

 

แปดศักดิ์สิทธิ์ถามกลับ

 

“นามของท่านเป็นที่เลื่องลือในเขตกลางของเรา เพราะท่านคือยอดฝีมือที่โดดเด่นจากดินแดนรกร้าง แต่กลับต่อสู้กับยอดฝีมือชั้นเยี่ยมได้หลายคนอย่างไม่น่าเชื่อ ดังนั้นคงจะเป็นการยากนักที่จะมองข้ามคนที่ประสบความสำเร็จเช่นนี้”

 

ซือหยูแววตาเยือกเย็น

 

“พวกเจ้ารู้ทุกเรื่องเกี่ยวกับข้าได้ยังไง? พวกเจ้าแอบดูพวกข้าทุกอย่างเลยรึ?”

 

แปดศักดิ์สิทธิ์ใจสั่นเมื่อสัมผัสจิตสังหารจากซือหยู เขารีบตอบ

 

“โปรดอย่าด่วนสรุปเช่นนั้น ข้ามิใช่คนจากดินแดนพรสวรรค์ ข้าจะเข้าไปในกระโจมเทพสวรรค์ที่ถูกคุ้มกันอย่างแน่นหนาได้อย่างไร? แต่พวกเรามีวิธีอื่นที่จะเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นภายในกระโจมเทพสวรรค์ พวกเราเห็นเพียงแค่เรื่องที่เกิดในกระโจมเทพสวรรค์แบบที่ไม่ชัดเจนเท่าใดนัก”

 

เขาพูดเสริม

 

“เราแค่เห็นคนจำนวนที่แน่นอนที่ปรากฏตัวที่นั่นและต่อสู้กับท่าน และท่านเอาชนะได้หมดทุกคน”

 

ซือหยูสีหน้าเยือกเย็นยิ่งกว่าเดิม

 

“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็เห็นการต่อสู้ทุกครั้งเลยสินะ?”

 

ซือหยูระวังตัวอย่างมาก เขาได้ใช้สมบัติวิเศษเกือบทั้งหมดในการต่อสู้ และสิ่งที่ไม่ควรจะเปิดเผยอย่างต้นแบบสมบัติภูติ

 

แปดศักดิ์สิทธิ์หัวเราะแห้งๆ

 

“ท่านไม่ต้องกังวลเลย ยากนักที่เราจะแอบดูกระโจมเทพสวรรค์โดยเฉพาะเมื่อต้องซ่อนตัวจากดินแดนพรสวรรค์ เราเพียงแค่รู้ว่าใครแพ้หรือชนะเท่านั้น เราไม่รู้รายละเอียดเลย”

 

ซือหยูมองสายตาของอีกฝ่ายอย่างสงสัย แต่เมื่อยืนยันได้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้โกหก เขาก็แน่ใจว่าทำไมอีกฝ่ายจึงรู้จักเขา และก็เข้าใจได้ที่อีกฝ่ายยอมแพ้ต่อเขาในทันทีทั้งที่ยังไม่ได้ต่อสู้

 

แต่พวกเขาไม่รู้เลยว่าซือหยูในตอนนี้ใช้พลังระดับนั้นไม่ได้อีกแล้ว ทั้งภาพเขียนทัณฑ์ภูติสุริยา ตราสายฟ้าห้าธาตุ สายโลหิตปีศาจ พวกผู้ศักดิ์สิทธิ์ยังไม่รู้อีกด้วยว่าซือหยูในตอนนี้มีพลังที่จำกัด

 

แท้จริงแล้ว กระบวนท่าที่ทรงพลังที่สุดที่ซือหยูจะใช้ได้ในตอนนี้ก็คือการผสานต้นกำเนิด และซือหยูจะไม่ใช้มันออกมาง่ายๆเพราะมันจะทำให้เขาบาดเจ็บสาหัส และพลังของเขาในตอนนี้เองก็น่าจะเทียบได้กับภูติระดับสามอยู่แล้ว

 

แต่ยังมีอีกอย่างที่ซือหยูยังสับสนในน้ำเสียงของแปดศักดิ์สิทธิ์ ดูเหมือนว่าเขาจะมีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีนักกับดินแดนพรสวรรค์ทั้งสิบแปด

 

“บอกเรื่องราวของเจ้ามาซะ”

 

ซือหยูสั่ง

 

แปดศักดิ์สิทธิ์ตอบ

 

“ข้ามาจากเขตกลาง ข้าเป็นขุนพลลำดับแปดแห่งองครักษ์เงาทมิฬ…วู่เหิง”

 

“เขตกลางรึ?”

 

นี่เป็นครั้งแรกที่ซือหยูได้ยินชื่อสถานที่แบบนี้

 

“ในจิวโจวแบ่งพื้นที่เป็นเก้าเขต เขตกลางคือหนึ่งในนั้น องครักษ์ของเขตกลางคือคนที่ทำตามคำสั่งของราชาเขตกลาง แบ่งเป็นสองกำลังคือองครักษ์แสงกระจ่างและองครักษ์เงาทมิฬ องครักษ์แสงกระจ่างรับผิดชอบในด้านการปกป้องเบื้องหน้า ส่วนองครักษ์เงาทมิฬทำภารกิจลับ”

 

เขาอธิบายกับซือหยู

 

ราชาทั้งหมดในประวัติศาสตร์ล้วนมีกองกำลังลับของตัวเอง กำลังลับเหล่านี้จะปฏิบัติภารกิจลับและปิดบังเรื่องราว ราชาเขตกลางเองก็ไม่มีข้อยกเว้นในเรื่องนี้

 

“เขตกลางกับดินแดนพรสวรรค์สัมพันธ์กันยังไง?”

 

ซือหยูถามต่อ

 

“ดินแดนพรสวรรค์ตั้งอยู่ในชายแดนของเขตกลาง มันเป็นดินแดนที่ไม่ยอมสวามิภักดิ์ต่อเรา พวกนั้นยังต่อต้านเราตลอดมา พวกมันคือเสี้ยนหนามที่แท้จริงของฝั่งราชา…”

 

เขาตอบ

 

“เป็นเพราะเหตุผลทางการปกครองที่ราชาเขตกลางโจมตีพวกดินแดนพรสวรรค์ไม่ได้อย่างเปิดเผย และดินแดนพรสวรรค์ก็ไม่คิดจะก่อสงครามอย่างเปิดเผยกับราชาของเราเหมือนกัน ตามปกติพวกนั้นจะถูกนับว่าอยู่ในเขตกลางเหมือนกัน แต่ความจริงคือพวกมันอยู่เป็นเอกเทศ แต่เขตกลางก็ยังต้องส่งอสูรเนรมิตรไปปกป้องคนในดินแดนพรสวรรค์อยู่ดีเพราะเรื่องดินแดน”

 

ซือหยูเคยเห็นอสูรเนรมิตรมาก่อน! นั่นคือฮงหลวน!

 

ซือหยูเข้าใจเรื่องส่วนใหญ่ของจิวโจวแล้ว

 

“เอาล่ะ แล้วองครักษ์เงาทมิฬรับคำสั่งแบบไหนจากราชาบ้างรึ? แล้วทำไมพวกเจ้าถึงต้องมาเฉินหลง? ที่นี่มันดินแดนรกร้าง ต่ำต้อยเสียยิ่งกว่าเมืองเดียวในจิวโจว พวกเจ้าจะต้องเสียแรงมาทำไม? ข้าสงสัยจริงๆ”

 

ซือหยูรอคำตอบ เพราะนี่เป็นเรื่องที่เขาอยากรู้มากที่สุด แปดศักดิ์สิทธิ์ลังเลไปก่อนจะตอบด้วยความนับถือ

 

“จริงๆแล้ว พวกเรา…กำลังตามหาคนคนหนึ่ง…”

 

“ใครกัน?”

 

ซือหยูแปลกใจที่กำลังใหญ่เช่นนี้เข้ามาในทวีปเพื่อค้นหาคนเพียงคนเดียว!

 

คนคนนั้นมีค่ามากเช่นนี้เชียวรึ? ซือหยูมิอาจจะเข้าใจได้

 

แปดศักดิ์สิทธิ์ตอบ

 

“คนผู้นี้เคยอยู่ในเขตกลาง เขาคือยอดฝีมือไร้เทียมทานที่อยู่ในจุดเหนือสุดของจิวโจว เขามีพลังอำนาจจนเกือบจะได้เป็นจักรพรรดิจิวโจว นั่นหมายความว่าเขาจะได้ปกครองทั้งเก้าเขต!”

 

ซือหยูตกใจมาก…การเป็นจักรพรรดิของจิวโจวคือตำแหน่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุด!

 

ความลับอันน่าตกใจทำให้ซือหยูหยุดไม่ได้ที่จะถาม

 

“แล้วเขาเป็นใครกัน?”

 

แปดศักดิ์สิทธิ์ส่ายหน้าเบาๆ

 

“ข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนผู้นั้นคือใคร แต่ข้าแน่ใจว่าเขาจะต้องอยู่ในมุมหนึ่งของทวีปเฉินหลง เพราะองครักษ์ของเขายังอยู่ที่นี่…”

 

“ฐานพลังของใต้เท้าอยู่ในระดับนี้ ท่านก็ควรจะมีตำแหน่งที่ยิ่งใหญ่ในเฉินหลง ท่านอาจจะเคยเห็นองครักษ์ของเขามาก่อนแล้วก็ได้ และต่อให้ท่านไม่เคยเห็น อย่างน้อยท่านก็น่าจะเคยได้ยินมาบ้าง”

 

องครักษ์ของจักรพรรดิจิวโจว? ซือหยูตกใจอีกครั้ง

 

แปดศักดิ์สิทธิ์เริ่มอธิบายเมื่อเห็นท่าทางสับสนจากซือหยู

 

“จักรพรรดิจิวโจวเคยเป็นหนึ่งในเก้าราชา และเขาเคยเป็นราชาเขตกลางมาก่อน แค่เพียงฐานพลังของเขาไปถึงระดับอันยิ่งใหญ่ เพียงเท่านั้นเขาก็จะได้มงกุฎจักรพรรดิ แต่ก่อนที่จะได้ครองบัลลังก์ มีคนกุเรื่องใส่ร้ายจนเขาเกือบจะต้องถูกทำลายไปทั้งร่างกายและวิญญาณ!”

 

เขาส่ายหน้า

 

“เป็นเพราะการปกป้องจากองครักษ์ทั้งห้าของเขา เสี้ยววิญญาณนั้นจึงหนีออกมาได้ เขาบินหนีมาที่ทวีปเฉินหลงเพราะที่นี่ถูกตัดออกจากส่วนอีกของโลก เขาจึงรอดมาได้จนถึงตอนนี้”

 

ซือหยูสงสัย

 

“ส่วนคนที่วางอุบายตอนนั้นก็คือราชาเขตกลางในตอนนี้สินะ?”

 

ซือหยูคิดถึงหยุนย่าสีขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล

 

จะเป็นเขารึ?

 

เสี้ยววิญญาณ การทรยศ ยอดฝีมือไร้เทียมทาน…เบาะแสทั้งหมดไม่ใช่ใครอื่นนอกจากหยุนย่าสี!

 

“ท่านพูดถูกแล้ว เขาเป็นราชาเขตกลางในตอนนี้ และยังเป็นนายเหนือหัวของข้า”

 

แปดศักดิ์สิทธิ์หน้าแดงด้วยความละอายใจ

 

“ข่าวเรื่องนี้แพร่กระจายไปในจิวโจว แต่ไร้ซึ่งหลักฐาน ไม่มีใครกล้าตั้งคำถามในอำนาจของราชา”

 

ซือหยูเริ่มอยากรู้ยิ่งขึ้น

 

“ทำไมไม่บอกข้ามากกว่านี้เล่า? ปีนั้นเกิดอะไรขึ้น? ถ้าหากจักรพรรดิจิวโจวมีพลังไร้เทียมทาน อุบายธรรมดาๆก็คงจะทำอะไรเขาไม่ได้มิใช่รึ?”

 

แปดศักดิ์สิทธิ์พยักหน้า

 

“ใต้เท้าหลักแหลมนัก ราชาเขตกลางมิได้ใช่อุบายธรรมดา เขาแอบสบคบกับจักรพรรดิตระกูลปีศาจและลอบโจมตีจักรพรรดิจิวโจว ทั้งร่างกายและวิญญาณถึงได้เกือบถูกทำลายจนหมดสิ้น”

 

จักรพรรดิตระกูลปีศาจรึ? ซือหยูตกใจอีกครั้ง

 

เพราะจักรพรรดิตระกูลปีศาจที่ใช้มุกบาดาลนั้นแทบจะมิอาจแตะต้อง และการบุกจิวโจวของเขาก็เกือบจะทำให้เผ่าพันธุ์มนุษย์ในจิวโจวตายหมด!

 

แต่เป็นเพราะเขากลับไปในโลกของตัวเอง จิวโจวเลยรอดมาได้! และความลับในเรื่องที่เขาถอยกลับก็ยังคงเป็นเรื่องที่ไม่มีใครรู้มาจนถึงวันนี้!