ตอนที่ 239 นอร์แมนในห้องทดลอง

เสน่ห์รักร้ายคุณบอสเพลย์บอย

ในฐานะที่เขามีอำนาจรองลงมาจากจิ้นหยวน นอกจากคำสั่งโดยตรงของจิ้นหยวนที่ไม่ต้องการให้เขารู้แล้ว นอกนั้น แผนงานทุกอย่างในบริษัทไม่เคยหลุดรอดสายตาเขา  

 

 

จิ้นหยวนมองเขาอีกแวบหนึ่ง “นายคิดมากเกินไปแล้ว” 

 

 

“แล้วเพราะอะไรล่ะครับ?” หลินจื้อเฉิงอยากรู้ใจจะขาดอยู่แล้ว ถ้าไม่ได้ทำเพื่อความเจริญก้าวหน้าของบริษัทแล้วทำเพื่ออะไร นี่เขามีเงินล้นเหลือมากเกินไปอย่างนั้นหรือ ถึงได้คิดสร้างห้องทดลองทางชีวภาพขนาดใหญ่ที่ต้องใช้เงินมากมายมหาศาลขนาดนั้น 

 

 

“เดี๋ยวนายก็รู้เอง” 

 

 

หลินจื้อเฉิงต้องถอยทัพออกไปหน้าเศร้า 

 

 

จิ้นหยวนชายตามองแผ่นหลังที่ค่อยๆ เคลื่อนหายไปของเขา แววตาเต็มไปด้วยความเหนื่อยใจ เขาเพิ่งสังเกตเห็นว่าพี่น้องของเขายิ่งนับวันยิ่งทำตัวเหมือนเด็กๆ 

 

 

ทันใดนั้น เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เขารับสายพลันได้ยินเสียงตะคอกด้วยความโกรธจัดดังมาตามสาย เสียงพูดภาษาอังกฤษดังทะลุเข้าไปในหูเขา “จิ้นหยวน คุณเป็นบ้าอะไร ทำไมอยู่ดีๆ ถึงให้ผมไปที่นั่น? เห็นแก่พระเจ้าเถอะ กรุณาอย่าทรมานผมแบบนี้ได้ไหม ผมแก่แล้วนะ…” 

 

 

“ครับ คนแก่ที่อายุไม่ถึงห้าสิบ” จิ้นหยวนเอ่ยต่อคำพูดของเขาเนิบนาบ “นอร์แมน คุณรู้หรือเปล่าว่าเมื่อกี้ผมเพิ่งสั่งให้สร้างสุดยอดห้องทดลองขึ้น?” 

 

 

“ห้องทดลอง?” นอร์แมนน้ำเสียงเปลี่ยนทันที “คุณหมายถึงห้องทดลองแบบที่ผมอยากได้อย่างนั้นเหรอ?” 

 

 

“ใช่แล้ว” จิ้นหยวนเอ่ยเสียงเรียบ 

 

 

“คุณนี่กล้าลงทุนจริงๆ” ดอกเตอร์นอร์แมนทำเสียงจุ๊ๆ “นึกไม่ถึงเลยว่าสาวน้อยคนนั้นจะสำคัญกับคุณมากขนาดนั้น โทรตามผมให้ไปช่วยเธอยังพอว่า นี่ถึงขั้นทุ่มทุนสร้างห้องทดลองโดยไม่เสียดายเงินสักนิด คุณเคยคิดหรือเปล่า คุณจะทำยังไงถ้าผมไม่ยอมไปที่นั่น?” 

 

 

“คุณตัดใจได้เหรอ?” จิ้นหยวนเอ่ย “เดี๋ยวผมส่งงบประมาณและงบสั่งซื้ออุปกรณ์ต่างๆ ไปให้คุณดูก่อน คุณค่อยตัดสินใจว่ามาหรือเปล่า” 

 

 

เอ่ยจบแล้ววางสายทันที เขาไม่กังวลเรื่องของนอร์แมนสักนิด นักวิจัยสติเฟื่องอย่างเขา ขอแค่สามารถจัดหาอุปกรณ์และเครื่องมือที่เขาต้องการมาให้เขาได้ อย่าว่าแต่ช่วยชีวิตคนเลย ต่อให้สั่งให้เขาไปฆ่าคนเขาก็ย่อมทำได้ 

 

 

ส่วนเรื่องที่ว่าทำไมเขาต้องสร้างห้องทดลองในประเทศ ใช้สารพัดวิธีหลอกล่อให้นอร์แมนมาที่นี่นั้น… 

 

 

เขายกยิ้มมุมปากน้อยๆ ใบหน้างดงามดั่งบุปผาแรกแย้มในวสันตฤดู  

 

 

ราตรีนั้น ท้องฟ้าในมิลานมืดมิดไม่แตกต่างจากในประเทศ หลังจากนางพยาบาลพิเศษหลับสนิทแล้ว ข้างกายเฉียวซือมู่ปรากฎเงาร่างสูงใหญ่ของชายคนหนึ่ง เธอยังคงหลับไม่ได้สติ ใบหน้าซีดขาวผิดปกติ 

 

 

แววตาของชายคนนั้นฉายแววสงสารจับใจ มือใหญ่ลูบไล้ใบหน้านวลเนียนของเธอเบาๆ พลางเอ่ยเสียงเบาหวิว “ผมพาคุณกลับบ้านนะ” 

 

 

เอ่ยจบแล้วก้มกายลงช้อนกายเธอขึ้นอุ้ม กอดเธอเอาไว้ในอกอย่างระมัดระวังและทะนุถนอมราวกำลังกอดตุ๊กตากระเบื้องแสนเปราะบาง จากนั้นก้าวเดินไปยังประตูห้องและหายลับไปในความมืดอย่างรวดเร็ว 

 

 

เช้าวันรุ่งขึ้น นางพยาบาลพิเศษตื่นขึ้นมาเห็นเพียงเตียงว่างเปล่า เธอกระวีกระวาดตามหาตัวคนไข้จนทั่วแต่ก็ไม่พบ จึงรีบโทรศัพท์ไปรายงานฉีหย่วนเหิงด้วยความตื่นตระหนก 

 

 

ฉีหย่วนเหิงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟหลังทราบข่าว ตรวจสอบกล้องวงจรปิดแล้วพบแต่ความว่างเปล่า ในที่สุดเขาก็ใจเย็นลง จากนั้นต่อสายถึงจิ้นหยวนทันที “ฝีมือนายใช่ไหม?” 

 

 

จิ้นหยวนเพิ่งลงจากเครื่องบินส่วนตัวไม่นาน ตอนนี้เขากำลังกอดเฉียวซือมู่เอาไว้ในอกและอยู่ระหว่างทางกลับบ้าน ได้ยินคำถามของฉีหย่วนเหิงแล้วเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “แล้วนายคิดว่าไงล่ะ?” 

 

 

ฉีหย่วนเหิงโกรธจนอกกระเพื่อม เอ่ยด้วยน้ำเสียงโกรธจัด “นายไม่รักษาสัญญา” เป็นฝีมือเขาจริงด้วย 

 

 

“อ้อ ฉันรับปากอะไรนายอย่างนั้นเหรอ?” จิ้นหยวนเอ่ยถามยียวนพลางกอดเฉียวซือมู่เอาไว้ 

 

 

“นี่นาย!” ฉีหย่วนเหิงพูดไม่ออก ก่อนหน้านี้เขาบอกกับจิ้นหยวนว่าการพาเธอกลับไปเป็นเรื่องที่อันตรายเกินไป แต่จิ้นหยวนไม่ได้ให้สัญญาอะไรทั้งนั้น 

 

 

จิ้นหยวนเอ่ยเย็นชา “รบกวนนายดูแลเธอตั้งนาน ตอนนี้ได้เวลากลับแล้ว เพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณ ฉันอุตส่าห์ทิ้งของขวัญเอาไว้ให้นายด้วยนะ ขอให้มีความสุขล่ะ” 

 

 

เอ่ยจบแล้ววางสายทันที 

 

 

ฉีหย่วนเหิงมองโทรศัพท์มือถือในมือตัวเอง ชักสังหรณ์ใจไม่ดีเสียแล้ว 

 

 

ในเวลาเดียวกัน เจิ้งไห่วิ่งพุ่งเข้ามาในห้องพอดี “พี่ใหญ่ แย่แล้วครับ…” 

 

 

เงินช่วยทำให้อะไรๆ ง่ายขึ้น จิ้นหยวนทุ่มเงินก้อนใหญ่เพื่อเร่งการก่อสร้างให้เสร็จเร็วขึ้น และในที่สุดห้องทดลองก็ถูกสร้างแล้วเสร็จภายในเวลาเดือนกว่าๆ ดอกเตอร์นอร์แมนรีบเก็บกระเป๋าแล้วนั่งเครื่องบินมาทันที 

 

 

จิ้นหยวนทุ่มเงินมหาศาลให้กับการสร้างห้องทดลองแห่งนี้ แม้แต่หลินจื้อเฉิงยังคิดว่ามันเยอะมากเกินไป แต่จิ้นหยวนกลับไม่สนใจแม้แต่นิดเดียว หลินจื้อเฉิงจึงห้ามอะไรเขาไม่ได้ 

 

 

ความจริงตอนนี้จิ้นหยวนกำลังร้อนใจมาก เพราะเฉียวซือมู่ยังคงหลับไม่ตื่นเสียที และหมอเองก็บอกแล้วว่าขืนเธอยังหลับไม่ได้สติอยู่แบบนี้ ต่อไปจะควบคุมอาการได้ยาก ถึงตอนนั้นหมอเองก็ไม่รู้เหมือนกันจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง 

 

 

เขาร้อนใจดั่งไฟเผา ทันทีที่นอร์แมนมาถึง เขาก็ส่งยาพิษให้นอร์แมนทันที 

 

 

นอร์แมนชักหัวคิ้วชนกันแน่น หากแต่ไม่ได้สนใจเขา “ผมว่านะ คุณควรจะให้เวลาผมได้พักหายใจบ้าง นี่ผมเพิ่งลงจากเครื่องยังไม่ถึงแปดชั่วโมงเลยนะ” 

 

 

จิ้นหยวนคิ้วกระตุก “ผมให้คุณพักตั้งแปดชั่วโมงแล้ว มากเกินพอแล้ว” เขายื่นยาพิษให้เขา “ทำยาถอนพิษออกมาให้เร็วที่สุด จำไว้ว่าให้เร็วที่สุด” 

 

 

เขาเอ่ยสีหน้าเคร่งเครียดจริงจัง นอร์แมนหุบยิ้มพลางยื่นมือออกไปรับยานั้น “นี่อะไร? ยาพิษเหรอ?” 

 

 

จิ้นหยวนพยักหน้า “เฉียวซือมู่ถูกพิษนี้ ผมต้องการให้คุณทำยาถอนพิษออกมาให้ได้เร็วที่สุด” 

 

 

นอร์แมนเปิดถุงที่ใส่ยาผงเอาไว้ออกมาดูและดมกลิ่น “อืม กลิ่นแปลกมาก สาวน้อยคนนั้นไม่ไหวแล้วเหรอ? อายุยังน้อยอยู่แท้ๆ ทำไมถึง…” 

 

 

เขาชายตาขึ้นมอง เห็นสีหน้าน่ากลัวของจิ้นหยวนแล้วรีบหุบปากทันที 

 

 

จิ้นหยวนเอ่ยเสียงเย็นเยียบ “ขืนยังพูดมากอยู่อีก ผมจะตัดค่าใช้จ่ายสำหรับงานวิจัยของคุณออกห้าสิบเปอร์เซ็นต์”  

 

 

นอร์แมนหน้าถอดสีทันที “ได้ ผมไปวิจัยเดี๋ยวนี้แหละ” เขาหุบปากแล้วหมุนตัวเดินจากไปทันที 

 

 

จิ้นหยวนสีหน้ายุ่งยากใจ แม้เขาจะเชื่อมั่นความสามารถของนอร์แมน แต่เขาก็อดกังวลไม่ได้ ถ้าเกิดนอร์แมนทำไม่ได้ขึ้นมาล่ะ? 

 

 

ไม่ เขาไม่ยอมเด็ดขาด เขาไม่ยอมให้อะไรมาพรากเธอไปจากเขาเด็ดขาด ต่อให้เป็นความตายเขาก็ไม่ยอม! 

 

 

นอร์แมนทุ่มแรงกายแรงใจให้กับการวิจัยหายาถอนพิษ แต่ก็แทบไม่มีความคืบหน้าอะไรเลย เพราะเขาพบว่ายาพิษนี้สกัดจากพืชหายากมาก และยังผสมสารสกัดจากพืชอื่นๆ อีกหลายชนิด ซึ่งเป็นส่วนผสมที่ซับซ้อนมาก 

 

 

ถ้าส่งคนออกตามหาพืชหายากพวกนั้น ใช้เวลาสามปีก็คงหาไม่เจอ เพราะตอนนี้ระบบนิเวศน์ทางธรรมชาติถูกทำลายจนเสียหายอย่างรุนแรง ส่งผลให้พืชและสิ่งมีชีวิตมากมายสูญพันธ์ ต่อให้ยังมีพืชพวกนั้นหลงเหลืออยู่ แต่ก็เป็นพืชที่พบได้ยากมาก 

 

 

แต่ถ้าไม่ไปตามหาพืชพวกนั้นแล้วควรจะทำอย่างไรดี? ร่างกายของสาวน้อยคนนั้นรอนานขนาดนั้นไม่ไหวแน่ 

 

 

เขาครุ่นคิดไปคิดมา สุดท้ายนึกถึงวิธีโง่ๆ วิธีหนึ่ง นั่นคือหาคนมาทดลองยาพิษชนิดนี้ จากนั้นค่อยๆ สังเกตอาการ หากมีความจำเป็นก็ต้องเจาะเลือดเพื่อนำตัวอย่างเลือดไปตรวจวิเคราะห์ 

 

 

ตอนแรกเขาเตรียมจะใช้ผู้ช่วยของตัวเองมาเป็นหนูทดลอง แต่พอจิ้นหยวนรู้เรื่องนี้เข้า เขานิ่งเงียบไปชั่วครู่ จากนั้นเอ่ยขึ้น “ผมลองเอง”