ตอนที่ 46

Ranker’s Return

เมื่ออัลเดรดเห็นฮยอนนูปรากฏตัวตรงหน้าเขาจึงอดรู้สึกสงสัยไม่ได้ “ฮยอนนูเหรอ? ทำไมเจ้าไม่กลับไปหานายท่านล่ะ?”

 

ฮยอนนูมอบพระราชสาส์นของจักรพรรดิต่ออัลเดรด

 

“นี่มันอะไรเหรอ?”

 

“เป็นข้อความจากจักรพรรดิครับ”

 

“ข้อความจากนายท่านงั้นเหรอ?” อัลเดรดกล่าวพลางเปิดผนึกข้อความอย่างรวดเร็วและอ่านมัน มือของเขาสั่นขณะที่เขากำลังอ่านข้อความจากจักรพรรดิ “เจ้ารามอน! ฉันเกลียดขี้หน้าที่ไร้ยางอายของมันมาตั้งแต่แรกแล้ว! ตามข้ามา เราต้องจัดการกับเอิร์ลรามอนก่อนที่พวกมันจะเข้าตีปราสาทลิป้า”

 

อัลเดรดเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เขากำลังมุ่งหน้าไปที่คฤหาสน์ของเอิร์ลรามอน

 

“อา~ รอผมด้วยครับ”

 

– 555 บอสใหญ่โดนทิ้งแล้ว

 

– ดูเหมือนบอสใหญ่จะไม่ใช่ตัวเอกแล้วแบบนี้ กลายเป็นนักหอบประจำซอยไปแล้วเรียบร้อย 555

 

– ถ้าเป็นฉันนะ ฉันคงวิ่งไปบ่นไปแน่นอน 555

 

ฮยอนนูพูดบ่นในตอนที่อัลเดรดทิ้งเขาให้อยู่ข้างหลัง ผู้ชมต่างพากันหัวเราะเมื่อเห็นสภาพของฮยอนนูในตอนนี้

 

***

 

เมื่อฮยอนนูมาถึงคฤหาสน์ของเอิร์ลรามอน สถานการณ์ก็กำลังจะจบลงแล้ว ดาบยักษ์ของอัลเดรดกวาดไปทั่วทุกพื้นที่ และศัตรูที่เหลืออยู่ในตอนนี้มีเพียงเอิร์ลรามอนเท่านั้น

 

“รามอน! นายท่านอุตส่าห์ไว้ใจให้แกคอยดูแลปราสาทลิป้า! แต่แกก็ยังกล้าหันไปเข้ากับพวกกบฏ!”

 

“หึ! แกจะไปรู้อะไร? ในเมื่อแกได้รับความไว้วางใจจากจักรพรรดิมาโดยตลอด!”

 

ฮยอนนูจำต้องดูฉากนี้ดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ  การต่อสู้กันระหว่าง NPC ทั้งสองเป็นสถานการณ์ที่ถูกกำหนดไว้เรียบร้อยแล้ว

 

“พอกันที! ความโง่เขลาของแกจะต้องจบลงตรงนี้!”

 

“ถ้าไม่มีแก ถ้าไม่มีแกซักคนละก็…อัลเดรด!”

 

“ต่อให้ไม่มีข้าก็จะมีคนอื่นมาหยุดแกอยู่ดีนั่นแหละ!”

 

การสนทนาระหว่างคนทั้งสองเป็นไปอย่างน่าตื่นเต้น แม้ฮยอนนูจะรู้อยู่แล้วว่ามันเป็นแค่การสนทนาตามโปรแกรมระหว่าง NPC แต่เขาก็ไม่เห็นว่ามันเป็นเรื่องตลก ในความเป็นจริงมีบางคนที่ดูฉากนี้แล้วประทับใจด้วยซ้ำ

 

– ฉันจะยอมจ่ายเงินดูเลยละ

 

– จริงด้วย ดีจริง ๆ ที่ได้ดูสตรีมของบอสใหญ่ประจำซอย

 

– เดี๋ยวจากนี้ฉันจะโดเนทโกลด์คอยน์เพิ่มอีก จะได้เห็นความคืบหน้าของการลุยเนื้อเรื่องหลักแบบเรียลไทม์เลยไงละ

 

ในตอนนั้นเองเรื่องราวก็ได้ดำเนินมาถึงจุดไคลแมกซ์ เอิร์ลรามอนยกดาบขึ้นและพุ่งไปที่อัลเดรด ร่างของเขาลุกโชนไปด้วยออร่าสีฟ้าคราม มันเป็นการระเบิดพลังเวทของเขาออกมา แต่ต่อให้เขาจะเอาชนะอัลเดรดได้ แต่เอิร์ลรามอนก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงความตายของเขาได้เช่นกัน

 

“สุดท้ายแล้วแกก็เลือกเส้นทางที่โง่เง่าสิ้นดี” อัลเดรดเหวี่ยงดาบไปยังเอิร์ลรามอนที่กำลังพุ่งเข้าหาเขา เขาโจมตีเอิร์ลรามอนไปสามครั้ง และผลที่ตามมาก็คือหายนะ เอิร์ลรามอนเอาชนะพลังของอัลเดรดไม่ได้ทำให้แขนของเขาแหลกสลายจนไม่เหลือชิ้นดี

 

ในขณะที่เขาคุกเข่าและค่อย ๆ ล้มลง เอิร์ลรามอนก็เรียกชื่อชื่อหนึ่งในช่วงสุดท้ายออกมาว่า “ท่านอเล็กซานเดอร์”

 

อเล็กซานเดอร์เป็นชื่อของจักรพรรดิองค์ปัจจุบัน

 

“เอาล่ะ! ตอนนี้สิ่งที่เหลืออยู่คือการกำจัดคนทรยศที่ชั่วร้ายเท่านั้น” อัลเดรดกล่าวกับเอิร์ลรามอนที่ล้มลงไป

 

จากนั้นสายตาของอัลเดรดก็สบกับฮยอนนูพอดี “ตาของเจ้าแล้ว” เขาพบบุคคลที่จะช่วยให้เนื้อเรื่องหลักดำเนินต่อไปได้แล้ว “ข้าต้องการความช่วยเหลือจากเจ้า ข้าถูกชะตากับเจ้าตั้งแต่วินาทีแรกที่ได้เห็นเจ้าเลยละ เจ้าเหมาะสมแล้วที่จะทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่สิ่งนี้”

 

ฮยอนนูตอบกลับคำพูดของอัลเดรดว่า “ปราสาทลิป้าจะได้รับการคุ้มครองจากเราแน่นอนครับ”

 

– ว้าว! บอสใหญ่ดูเท่มากจริง ๆ

 

– ออร่าตัวเอกมันแสบตาเหลือเกิน

 

***

 

หลิวเซยกำลังตั้งใจจะไปหาฮยอนนู อย่างไรก็ตามในตอนนี้ฮยอนนูได้ทำให้วงการเกมอารีน่าสั่นสะเทือนไปอีกครั้งแล้วเรียบร้อย

 

‘ผู้เล่นทั่วไปหลายคนก็กำลังเข้าร่วมในเควสเนื้อเรื่องหลักนี้อยู่’

 

แม้ว่าเขาจะเป็นมังกรตัวที่สามของกิลด์เกาลูน แต่ก็เป็นเรื่องที่หนักเอาการหากเขาต้องปะทะกับฮยอนนูผู้ที่ตอนนี้กำลังเป็นจุดสนใจของเกมอารีน่า

 

“ให้ตายเถอะ! สถานการณ์มันผิดเพี้ยนไปขนาดนี้เชียว” หลิวเซยกระแทกกำปั้นของเขากับโต๊ะ เขาสามารถขยี้ฮยอนนูได้อย่างสบาย ๆ อยู่แล้ว เพราะถึงอย่างไรเขาก็มีเลเวล 170 แถมตอนนี้ยังติดอันดับ 100 คนแรก ในขณะที่ฮยอนนูตอนนี้นั้นมีเลเวลอย่างมากก็เพียงแค่ 70 ถ้าวัดจากมาตรฐานทั่วไปแล้วละก็ ช่องว่างที่ห่างกันถึง 100 เลเวลนั้นเป็นตัวเลขที่ไม่สามารถเอามาเทียบกันได้เลย

 

“จะพูดอะไรกับพี่ยังไงดี?”

 

หลิวเซยไม่ได้กังวลเรื่องอื่นเลย ปัญหามีเพียงแค่เขากำลังกังวลว่าเทียนฮูจะคิดว่าเขาไร้ความสามารถ

 

‘ยังไงฉันก็ต้องลุยสินะ?’

 

หลิวเซยหยิบสมาร์ทโฟนออกมาแล้วโทรหาเทียนฮูทันที

 

“พี่ครับ ช่วยผมทำแบบนี้ให้หน่อยนะครับ”

 

หลิวเซยวางแผนที่จะจัดการฮยอนนูอีกครั้ง

 

***

 

ฮยอนนูกำลังยุ่งอยู่กับการทำภารกิจโดยไม่รู้เลยว่ากำลังมีใครบางคนเริ่มสมคบคิดที่จะเล่นงานเขา และในที่สุดกลุ่มกบฏก็โผล่ออกมา บุคคลที่เห็นกลุ่มกบฏเป็นคนแรกนั้นเป็นเพียงแค่ผู้เล่นธรรมดา ๆ ที่มีเลเวล 100 เขาเห็นโพสต์ของบอสใหญ่ประจำซอยและมาถึงปราสาทลิป้าเพื่อเป็นการระลึกถึงการเปลี่ยนอาชีพเป็นขั้นสองของเขา เขาไม่สามารถทนกับความเบื่อหน่ายได้และออกจากปราสาทไป

 

จากนั้นกองทัพที่มีกำลังพลมหาศาลก็ประจักษ์อยู่ในดวงตาของเขา ไม่ว่าใครต่างก็เห็นได้ชัดเจนว่ากองกำลังนี้มีขนาดใหญ่จนถึงขั้นเรียกว่ากองทัพเลยก็ยังได้ นอกจากนี้ยังมีกลุ่มกำลังของอันเดธจำนวนหนึ่งอยู่แนวหน้าของกองทัพด้วย

 

ในที่สุดบทเนื้อเรื่องหลักที่สี่ซึ่งเป็นของจริงก็ปรากฏขึ้น

 

***

 

‘ตอนนี้มันกำลังเริ่มขึ้นแล้วสินะ’

 

ฮยอนนูมองดูกองทหารทั้งหมดที่อยู่ด้านนอกปราสาทลิป้า ตอนนี้กลุ่มกบฏเข้ามาใกล้มากพอที่จะมองเห็นได้จากกำแพงของปราสาทลิป้าแล้ว

 

“ทุกคนเห็นนี่ไหมครับ? ในที่สุดกลุ่มกบฏก็โผล่ออกมาแล้ว” หลังจากที่ฮยอนนูพูดจบ ช่องแชทก็ท่วมท้นไปด้วยข้อความ

 

– ถ้าฉันเลเวลสูงกว่านี้ละก็ ฉันจะไปที่นั่นแน่นอน

 

– ตอนนี้ฉันอยู่ในอาณาจักรซอง แต่ก็ไม่เห็นอะไรเลย

 

– ฉันอยู่ที่ปราสาทลิป้าแล้ว

 

ผู้ชมต่างก็ต้องการมีส่วนร่วมในการต่อสู้ของปราสาทลิป้ากันทั้งนั้น อย่างไรก็ตาม หลายคนไม่สามารถเข้าร่วมได้เนื่องจากสถานการณ์ของแต่ละบุคคลที่ไม่เอื้ออำนวย พวกเขาบางส่วนมีเลเวลต่ำเกินไปหรือไม่ก็อยู่ห่างเกินกว่าจะไปทัน ดังนั้นพวกเขาจึงรู้สึกพอใจมากที่ได้ดูเหตุการณ์ผ่านทางสตรีมของฮยอนนู พวกเขารู้สึกเหมือนกำลังสัมผัสกับเนื้อเรื่องหลักนี้อยู่

 

‘เอ๋?’ ตอนนั้นเองก็มีอะไรบางอย่างในแชทดึงดูดสายตาของฮยอนนู

 

– ทั้งสมาพันธ์โลกใหม่และฟีนิกซ์ต่างก็กำลังดำเนินเนื้อเรื่องหลักอยู่เหมือนกันนะ

 

– มันเป็นการต่อสู้กับพวกจอมเวทมนตร์ดำน่ะ

 

– จริงเหรอ? น่าไปดูทางนั้นเหมือนกันนะ แต่เหมือนจะไม่ได้สตรีมนะ งั้นฉันจะดูบอสใหญ่ประจำซอยละกัน

 

-ใช่แล้ว! เราต้องจ่ายเงินเพื่อดูแบบสด

 

‘ทางใต้คืออาณาจักรซองสินะ…? งั้นก็หมายความว่าเลบรอนกำลังจะมางั้นสิ?’

 

“ก็ดูสมน้ำสมเนื้อกันดี”

 

ฮยอนนูมองไปรอบ ๆ ผู้เล่นหลายคนรอสัญญาณการโจมตีอยู่ที่กำแพง ทันทีที่พวกเขาเข้ามาในระยะแล้ว การระดมยิงเวทมนตร์จะเริ่มขึ้น อีกทั้งผู้เล่นที่เล่นอาชีพโจมตีระยะประชิดก็จะรีบออกไปปะทะ อัลเดรดดูเหมือนจะรับรู้ความคิดดังกล่าว เขาจึงตบไหล่ฮยอนนูเบา ๆ

 

“อีกไม่นานสงครามก็จะเริ่มขึ้นแล้ว พวกเราแค่ถ่วงเวลาไว้ก็เท่านั้น กองกำลังที่แท้จริงคือพวกอัศวินของท่านเลบรอนต่างหาก ข้าได้รับแจ้งมาว่าพวกเขากำลังจะมา”

 

“ท่านดยุคเลบรอนงั้นเหรอครับ?”

 

“ใช่แล้ว! ท่านจะมาที่นี่ด้วยตัวเอง อย่างที่เจ้ารู้ท่านดยุคเลบรอนเป็นอัศวินที่ยอดเยี่ยมที่สุดของอาณาจักร และอาจจะเรียกว่าเป็นอัศวินที่เก่งที่สุดในทวีปเลยก็ได้” อัลเดรดยกย่องเลบรอนเป็นเวลานานก่อนที่เขาจะมองข้ามกำแพงและจากไปอย่างรวดเร็ว “เตรียมตัวให้ดี ตอนนี้สงครามตัดสินชะตากรรมของปราสาทลิป้าได้เริ่มขึ้นแล้ว”

 

“เข้าใจแล้วครับ” ฮยอนนูตอบรับด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

 

– เขาพูดคำเดิม ๆ แบบนั้นมาเป็นสิบนาทีแล้วนะ

 

– ฉันคิดว่าเขาเป็นหัวหน้าห้องที่คอยเอาแต่ตอบรับนะ

 

– ไม่หรอกฉันว่าเขาเป็นประธานโรงเรียนมากกว่า

 

ผู้ชมต่างก็พร้อมใจร่วมกันให้กำลังใจฮยอนนู

 

***

 

ภาพที่ดูแล้วน่าตื่นตาตื่นใจที่สุดของเกมอารีน่าคือการแสดงพลังเวทมนตร์อันสวยงามให้เห็น หากนำลูกบอลไฟและสายฟ้าที่ปล่อยออกมาในที่ต่าง ๆ ของเกมนี้มาเปรียบเทียบแล้วละก็ ดอกไม้ไฟในชีวิตจริงก็จะดูเป็นแค่ของเด็กเล่นไปเลย มันเป็นการบุกล้อมปราสาทที่จะได้เห็นการใช้เวทมนตร์ต่าง ๆ จำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการบุกล้อมที่ถือเป็นหัวใจสำคัญของเกมอารีน่าในครั้งนี้

 

เป้ง!

 

เปรี้ยง!

 

– ลูกบอลไฟ

 

– สายฟ้าฟาด

 

“อย่าเอาแต่เก็บพลังเวทไว้สิ! ปล่อยมันออกมาเลย!” อัลเดรดตะโกนสั่งออกมาด้วยเสียงอันดังลั่น ลูกบอลไฟและสายฟ้าต่างก็ถูกปล่อยออกมาเต็มทั่วพื้นที่ตามคำสั่งของอันเดรด อย่างไรก็ตามพวกกบฏนั้นมีจำนวนมาก แม้จะถูกโจมตีด้วยเวทมนตร์ แต่จำนวนของพวกมันก็ดูไม่ลดลงเลย

 

‘เราจะต้านไว้ได้ไหมนะ’ นี่เป็นคำถามที่อยู่ในหัวของผู้เล่นทุกคน ขนาดกองทัพของพวกกบฏนั้นใหญ่มากจริง ๆ ในกองทัพนอกจากจะมีพวกนักรบแล้ว ยังมีพวกโกเล็มและซอมบี้ที่พวกจอมเวทมนตร์ดำอัญเชิญออกมาอีกด้วย

 

“ถ้าพวกมันพร้อมใจกันเข้ามาละก็ พวกเราต้านลำบากแน่”

 

ในที่สุดอัลเดรดก็ตัดสินใจอะไรบางอย่าง ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีทางที่จะปกป้องปราสาทเอาไว้ได้โดยไม่มีความเสียหายใด ๆ เกิดขึ้น กำแพงจะไม่ปลอดภัยตราบใดที่ยังมีซอมบี้บุกเข้ามาเป็นจำนวนมาก ยิ่งไปกว่านั้นมันจะยิ่งทำให้นักเวทและนักธนูยิงสนับสนุนได้ยากกว่าเดิม

 

อัลเดรดขบฟันแน่น เขาตัดสินใจตะลุยไปข้างหน้า “อัศวินทุกคนตามข้ามา!”

 

อัลเดรดดึงดาบใหญ่ของเขาออกมา

 

ฮยอนนูเมื่อได้ยินเสียงตะโกนของอัลเดรดจากกำแพงด้านหนึ่ง เขาก็ตัดสินใจออกมาเช่นกันว่า “ถึงเวลาที่ฉันต้องสู้แล้ว ดูเหมือนน่าจะได้เลเวลอัพอีกซักเลเวลนะ”

 

– รับ ๆ ค่าประสบการณ์เหนาะ ๆ เลยแบบนี้

 

– อย่างน้อยน่าจะเลเวลอัพไม่ต่ำกว่าสามเวลเลยนะ

 

– จะว่าไปไม่คิดจะเรียกทังอีออกมาหน่อยเหรอ…?

 

“อ้อ! ทังอีออกมาเลย” ฮยอนนูเห็นหน้าต่างแชทและนึกขึ้นได้ว่าเขายังไม่ได้อัญเชิญทังอีออกมาเลย

 

“เฮ้อ~ นี่ยังอยู่ในทะเลทรายอีกเหรอเนี่ย? ไอ้เจ้านายท่าน” ทันทีที่ทังอีถูกอัญเชิญออกมามันก็รู้สึกหงุดหงิดทันที เนื่องจากยังเห็นว่ารอบ ๆ บริเวณยังคงเป็นทะเลทรายอยู่

 

– 555 ทังอี

 

– รีบจัดการมันเร็วเข้า

 

ในขณะเดียวกันผู้คนต่างก็หลงไหลเมื่อได้เห็นทังอีปรากฏออกมา

 

– แฟนพันธุ์แท้ทังอี บริจาคให้คุณ 99 โกลด์

 

“ขอบคุณสำหรับโกลด์คอยน์นะครับ” ฮยอนนูพูดขอบคุณจากนั้นเขาก็วางทังอีลงที่กำแพงอีกด้านหนึ่ง “นายแค่คอยบัฟอยู่ตรงนี้ก็พอ อีกอย่างอย่าลืมดูพลังเวทของตัวเองแล้วใช้สายฟ้าแค่เฉพาะเวลาที่เหมาะสมก็พอเข้าใจนะ?”

 

“เข้าใจแล้ว ไอ้เจ้านายท่าน”

 

ในที่สุดฮยอนนูก็กระโดดข้ามกำแพงไป