ตอนที่ 47

Ranker’s Return

นอกกำแพงมีแต่ความโกลาหล ซอมบี้แมงป่องทะเลทรายและพวกซอมบี้ยักษ์ทะเลทรายกำลังต่อสู้กับทหารที่เป็น NPC แต่สำหรับผู้เล่นแล้วมันต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง พวกเขาหัวเราะอย่างเบิกบานขณะที่ค่าประสบการณ์จำนวนมากหลั่งไหลเข้ามา และกลุ่มผู้เล่นที่อยู่ในปาร์ตี้เดียวกันกับนักบวชหรือผู้เล่นที่ลุยคนเดียวนั้นก็ยิ่งพอใจยิ่งกว่าเดิมอีก ฮยอนนูเองก็ไม่ต่างอะไรกับผู้เล่นพวกนั้น

 

‘โอ้! นี่มันเหมืองขุดค่าประสบการณ์ชัด ๆ’

 

[คุณได้รับบัฟ ‘การเคลื่อนที่ของหมี’]

 

[พลังโจมตีทางกายภาพเพิ่มขึ้น]

 

[พละกำลังเพิ่มขึ้น]

 

[คุณได้รับบัฟ ‘คำอวยพรแห่งป่า’]

 

[พลังป้องกันเพิ่มขึ้น]

 

[พลังชีวิตจะฟื้นฟูอย่างต่อเนื่อง]

 

[คุณได้ฆ่าซอมบี้ยักษ์ทะเลทราย]

 

[ได้รับค่าประสบการณ์]

 

[คุณได้ฆ่าซอมบี้แมงป่องแห่งทะเลทราย]

 

[ได้รับค่าประสบการณ์]

 

เมื่อฮยอนนูรู้สึกได้ถึงพลังจากบัฟของทังอีแล้ว เขาก็ปล่อยคลื่นพระจันทร์เสี้ยวออกไป ทักษะที่ส่งผลเป็นวงกว้างนั้นเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการต่อสู้ในพื้นที่สมรภูมิขนาดใหญ่  ทักษะพวกนี้จำเป็นต้องใช้ทุกครั้งที่เวลาคูลดาวน์หมดลง เนื่องจากจะเป็นการดึงประสิทธิภาพของทักษะออกมาอย่างสูงสุด ฮยอนนูได้รับทั้งค่าประสบการณ์ตัวละครและทักษะในทุก ๆ ครั้งที่เขาใช้ทักษะ

 

[คุณได้ฆ่ากบฏ]

 

[ได้รับค่าประสบการณ์]

 

[คุณได้ฆ่าซอมบี้ยักษ์ทะเลทราย]

 

[ได้รับค่าประสบการณ์]

 

เมื่อเวลาผ่านไปความแตกต่างระหว่างพวก NPC กับพวกผู้เล่นก็ยิ่งแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนขึ้น พวก NPC จะรู้สึกหวาดกลัวเนื่องจากถูกตั้งโปรแกรมมาแบบนั้น แต่สำหรับผู้เล่นนั้นต่างออกไป

 

– ที่นี่มันขุมทรัพย์ชัด ๆ

 

– เราควรไปร่วมแจมกับบอสใหญ่ประจำซอยนะ

 

– ความใจกว้างของเขานี่ต่างจากพวกกิลด์ใหญ่ ๆ มากจริง ๆ

 

‘ฉันแพ้ไม่ได้เด็ดขาด’ ฮยอนนูตวัดดาบอย่างขยันขันแข็งเมื่อมีข้อความปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา

 

[เหลือเวลาอีก 7 ชั่วโมง 59 นาทีและ 59 วินาทีจนกว่าอัศวินแห่งคีออนจะมาถึง]

 

‘วันนี้ขอฉันดื่มด่ำกับมันหน่อยเถอะ’

 

“เอาล่ะ! ฉันต้องจริงจังหน่อยแล้ว”

 

ฮยอนนูพุ่งเข้าหาซอมบี้ยักษ์ทะเลทราย นี่คือจุดเริ่มต้นของการป้องกันปราสาทลิป้าอย่างเต็มรูปแบบ

 

***

 

ชั่วโมงแห่งการต่อสู้อันยาวนานสร้างความเสียหายอย่างมากจนทำให้ผู้เล่นหลายคนต้องออกจากระบบไป นอกจากนี้ทหาร NPC และอัศวินจำนวนมากต่างก็ได้รับบาดเจ็บหรือถูกฆ่าตาย อย่างไรก็ตามพวกกบฏก็ใช่ว่าจะไม่ได้รับความเสียหายใด ๆ  จำนวนสมาชิกของกลุ่มกบฏลดลงมากกว่าครึ่ง ตอนนี้เป้าหมายหลักที่ต้องกำจัดคือพวกซอมบี้ที่ถูกสร้างขึ้นจากพลังเวทมนตร์ของจอมเวทมนตร์ดำ

 

“ให้ตายเถอะ ข้อมูลมันต้องรั่วไหลออกไปแน่เลย!” เฟเลี่ยนจอมเวทมนตร์ดำผู้สนับสนุนกลุ่มกบฏไม่สามารถเก็บความโกรธของตัวเองเอาไว้ได้ เขายังคงจำความรู้สึกนั้นของตัวเองเมื่อสองสามวันก่อนได้ และสัญชาตญาณของเขาก็บอกว่าตัวเองไม่ได้เข้าใจผิด ชัดเจนแล้วว่ามีใครบางคนได้แอบฟังแผนการของเขา เป็นเรื่องธรรมดาที่เฟเลี่ยนจะโกรธ เพราะตามแผนที่วางไว้  เอิร์ลรามอนจะต้องเปิดประตูและอนุญาตให้พวกเขายึดครองปราสาทลิป้าโดยที่ฝ่ายตนได้รับความเสียหายเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

 

อย่างไรก็ตามเพราะการสืบข่าวของฮยอนนูทำให้แผนการนี้ถูกขัดขวาง เอิร์ลรามอนถูกสังหารและทำให้กำลังพลของพวกเขาลดลงไปครึ่งหนึ่ง สายลมที่พวกเขาคิดว่าจะสั่นคลอนอาณาจักรได้นั้นกลับกลายเป็นเพียงแค่สายลมอันอ่อนแรงที่ได้แต่พัดผ่านไป เฟเลี่ยนไม่อาจทนต่อไปอีกได้แล้ว เขาจึงรีบสั่งพวกจอมเวทมนตร์ดำที่อยู่รอบ ๆ ตัวเขาในทันทีว่า “รีบปล่อยคิเมร่าเดี๋ยวนี้ ขยี้เจ้าพวกนักผจญภัยให้สิ้นซากซะ!”

 

“เข้าใจแล้วครับท่านเฟเลี่ยน!”

 

จอมเวทมนตร์ดำจึงเริ่มอัญเชิญคิเมร่าออกมาตามคำสั่งของเฟเลี่ยน

 

“จงออกมา!”

 

“อัญเชิญคิเมร่า!”

 

คิเมร่าที่ได้รับการอัญเชิญออกมาแต่ละตัวล้วนมีรูปร่างที่แตกต่างกันออกไป ทว่าไม่มีตัวไหนเลยที่ไม่ประหลาดหรือน่าหวั่นเกรง พวกมันต่างก็วิ่งไปข้างหน้าเพื่อที่จะฆ่าศัตรูที่อยู่ใต้กำแพงตามคำสั่งของเจ้านาย

 

“จัดการพวกมันให้หมด!”

 

ตึง! ตึง! ตึง!

 

ตอนนี้เองผู้คนที่ต่อสู้อยู่ใต้กำแพงต่างก็หยุดและจ้องมองไปที่แรงสั่นสะเทือนที่มาจากพื้นดิน

 

“นั่นมันอะไรกัน?”

 

“อะไรเนี่ย?”

 

จู่ ๆ พวกเขาก็เห็นว่ามีพวกสัตว์ประหลาดอยู่ข้างหน้าเต็มไปหมด

 

“คิเมร่า!!!”

 

พวกคิเมร่านั้นไม่สนว่าใครจะเป็นมิตรหรือศัตรู พวกมันจัดการทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางทาง คิเมร่ายักษ์ตัวหนึ่งเริ่มเคี้ยวทหารที่ยังมีชีวิตอยู่ ใบหน้าของทุกคนที่เห็นเหตุการณ์ต่างก็บิดเบี้ยวไปด้วยความรู้สึกขยะแขยงและหวาดกลัว เมื่ออัลเดรดเห็นดังนั้นเขาก็ยกดาบยักษ์ของตัวเองออกมา จากนั้นก็พุ่งเข้าหาคิเมร่ายักษ์ตัวนั้น ซึ่งมันน่าจะแข็งแกร่งที่สุดในบรรดาคิเมร่าทั้งหมด

 

“ข้าจะจัดการเจ้ายักษ์นี่เอง ฝากพวกเจ้าจัดการที่เหลือด้วย!”

 

“ท่านอัลเดรด!” เหล่าอัศวินแห่งปราสาทลิป้าต่างก็ร้องเรียกอัลเดรด อย่างไรก็ตามอัลเดรดก็ได้กระโดดเข้าหาคิเมร่ายักษ์ตัวนั้นเรียบร้อยแล้ว หลังจากนั้นสนามรบซึ่งเคยเข้าสู่สภาพที่หยุดนิ่งไปชั่วขณะเนื่องจากการเกิดขึ้นของคิเมร่านั้นก็กลับมาดุเดือดอีกครั้ง

 

การต่อสู้ระหว่างอัลเดรดและคิเมร่ายักษ์นั้นทำให้บรรยากาศของสนามรบเดือดพล่าน อาวุธรูปทรงค้อนของคิเมร่ายักษ์และดาบของอัลเดรดปะทะกัน ครั้งนี้เป็นฝ่ายอัลเดรดที่ถูกแรงปะทะทำให้กระเด็นออกไปพร้อมกับเสียงระเบิดที่ดังขึ้น จากนั้นอัลเดรดก็ตั้งท่าและกระโดดไปข้างหน้าอีกครั้ง โชคดีที่เขาไม่มีอาการบาดเจ็บใด ๆ จากการปะทะเมื่อสักครู่ คราวนี้อัลเดรดเป็นฝ่ายเหนือกว่าคิเมร่ายักษ์

 

คิเมร่ายักษ์หวดกระบองของมันทว่าอัลเดรดก็หลบได้อย่างรวดเร็ว การต่อสู้ระหว่างอัลเดรดและอสูรที่มีร่างเป็นมนุษย์และสัตว์ประหลาดสูงสี่เมตรรวมกันนั้นดูดุเดือดอย่างไม่น่าเชื่อ อย่างไรก็ตามการต่อสู้ระหว่างพวกเขาทั้งสองก็ไม่ได้ดำเนินไปนานนัก อัลเดรดได้ต่อสู้มาหลายต่อหลายครั้งก่อนที่จะต้องมาต่อสู้กับคิเมร่ายักษ์ตัวนี้ และตอนนี้สภาพร่างกายของเขาก็อ่อนเพลียอย่างมาก

 

กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คืออัลเดรดในตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับแบตเตอรี่ที่ใกล้จะหมดไฟ หากแบตเตอรี่ไร้ซึ่งพลังงานแล้ว เครื่องยนต์ก็คงจะทำงานต่อไปไม่ได้แน่ นี่คือสภาพของอัลเดรดในขณะนี้ เขาไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะขยับร่างกาย

 

‘ขยับสิ!’

 

กระบองของคิเมร่ายักษ์เหวี่ยงไปหาเขาอีกครั้ง แต่ในตอนนี้แม้แต่จะขยับนิ้วเขาก็ทำไม่ได้แล้ว ผลลัพธ์ที่ได้จึงชัดเจน เขาจะต้องถูกกระบองของยักษ์หวดตายแน่ และร่างกายของเขาจะต้องแหลกสลายไป

 

“ท่านอัลเดรด!” ทุกคนต่างก็ตะโกนเสียงดังลั่นออกมาเมื่อเห็นว่าอัลเดรดไม่ยอมขยับ ทว่าในขณะนั้นเองปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้น

 

คลื่นแสงสีน้ำเงินพุ่งทะลุผ่านข้อมือของคิเมร่ายักษ์ไป จากนั้นข้อมือของมันก็ขาดเป็นสองท่อนและตกลงสู่พื้น

 

“ท่านอัลเดรด!” เจ้าของคลื่นพลังนั้นก็คือฮยอนนูนั่นเอง หลังจากจัดการคิเมร่าที่มีลักษณะเหมือนกับดาร์กเอลฟ์ได้แล้ว ฮยอนนูก็เห็นว่าอัลเดรดกำลังตกอยู่ในอันตรายและใช้คลื่นพระจันทร์เสี้ยวช่วยเหลือทำให้อัลเดรดสามารถถอยกลับไปยังปราสาทลิป้าได้อีกครั้งอย่างน่าทึ่ง

 

คิเมร่ายักษ์เมื่อเห็นเช่นนั้นแล้วก็พุ่งเข้ามายังกำแพง มังถูกกระตุ้นโดยความเจ็บปวดและความโกรธ ทุกครั้งที่อาวุธของมันฟาดลงไป กำแพงของปราสาทลิป้าก็จะถูกทำลายกลายเป็นรูขนาดใหญ่ ผู้เล่นที่ไม่มีทักษะทะลวงพลังป้องกันเฉกเช่นฮยอนนูนั้นต่างก็ไม่สามารถทะลวงผิวหนังที่แข็งแกร่งของคิเมร่ายักษ์ได้

 

สุดท้ายเมื่อมันโจมตีซ้ำ ๆ ไปเรื่อย ๆ กำแพงก็ถล่มลงมา อย่างไรก็ตามก่อนที่มันจะได้ร้องคำรามประกาศความสำเร็จนี้ คลื่นแสงสีน้ำเงินก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง ทว่าครั้งนี้ดูจะต่างออกไปจากเดิมอยู่บ้าง และที่สำคัญเป้าหมายการโจมตีไม่ใช่ข้อมือของมันอีกต่อไปแต่เป็นคอของมันต่างหาก คลื่นแสงสีน้ำเงินนั้นพุ่งเข้าหาคอของคิเมร่ายักษ์อย่างแม่นยำ และสามารถแยกหัวของคิเมร่ายักษ์ออกจากร่างกายได้ในที่สุด

 

“ท่านดยุคเลบรอน!”

 

เจ้าของคลื่นพลังจากดาบในครั้งนี้คือดยุคเลบรอน เขามาถึงที่นี่พร้อมเหล่าอัศวินแห่งคีออนจากเมืองหลวงเพื่อช่วยปราสาทลิป้า

 

“อัศวินแห่งคีออนทั้งหลาย ตามข้ามา!”

 

ทั้งคิเมร่าและพวกกบฏต่างก็ถูกเล่นงานจนสภาพไม่ต่างอะไรจากขยะเปียก

 

อัลเดรดได้เอ่ยคำพูดหนึ่งกับฮยอนนูว่า “ขอบใจนะ! ถ้าเจ้าไม่ช่วยละก็ข้าคงตายไปแล้ว”

 

“มันเป็นเรื่องที่สมควรทำอยู่แล้วครับ”

 

‘ถ้างั้นก็ให้สกิลฉันเป็นรางวัลบ้างสิ’ ฮยอนนูจ้องมองอัลเดรดด้วยสายตาอันเร่าร้อน

 

“หลังจากการต่อสู้จบลงแล้วมาหาข้า ข้าจะให้อะไรบางอย่างกับเจ้า” อัลเดรดพูดในสิ่งที่ฮยอนนูต้องการราวกับว่าเขาอ่านใจฮยอนนูได้

 

“ได้เลยครับ!”

 

จากนั้นเสียงตะโกนโห่ร้องก็ดังขึ้นรอบ ๆ ตัวพวกเขา

 

“จบสิ้นกันซักที!”

 

“ในที่สุดมันก็จบลงแล้ว!”

 

กลุ่มอัศวินแห่งคีออนที่ปรากฏตัวออกมาทำให้พวกกบฏหนีไป พวกเขาเปรียบได้กับสัตว์ร้ายที่กระโจนเข้าสู่สนามรบ อัศวินแห่งคีออนกำจัดกลุ่มกบฏไปเรื่อย ๆ อย่างง่ายดาย ความแตกต่างระหว่างพวกกบฏกับเหล่าอัศวินแห่งคีออนก็เหมือนกับความแตกต่างระหว่างเด็กกับผู้ใหญ่ ทุกพื้นที่ที่อัศวินแห่งคีออนพุ่งผ่านล้วนเต็มไปด้วยเลือด ไม่มีคำพูดใดที่เหมาะสมไปกว่านี้แล้ว

 

แม้แต่เฟเลี่ยนผู้ชั่วร้ายก็ยังถูกฆ่าโดยเลบรอน มันเป็นจุดจบที่น่าอนาถสำหรับผู้นำกลุ่มกบฏ พลังของอัศวินแห่งคีออนเป็นที่ตราตรึงอีกครั้งในทวีป การต่อสู้จบลงแล้วและนี่ก็หมายถึงการสิ้นสุดลงของภารกิจเนื้อเรื่องขั้นที่สี่

 

[ปกป้องปราสาทลิป้า 1/1]

 

“ถ้างั้นผมจะจบสตรีมไว้เท่านี้ ไว้เจอกันนะครับ”

 

ฮยอนนูจบการสตรีมลงอย่างรวดเร็ว เนื้อหาการสตรีมครั้งต่อไปไม่ควรจะแพร่งพรายออกไป

 

‘เมื่อข้อมูลเกี่ยวกับเควสเนื้อเรื่องหลักออกมาละก็ ฉันจะกลายเป็นเหยื่อของพวกกิลด์ใหญ่แน่ ๆ’