ตอนที่ 48

Ranker’s Return

ก็อก! ก็อก!

 

ฮยอนนูเคาะประตูของอัลเดรดเบา ๆ  “ท่านอัลเดรด ผมฮยอนนูเองครับ”

 

“เข้ามาเลย” สีหน้าของอัลเดรดยังคงซีดเซียวอย่างเห็นได้ชัด แม้ว่าเขาจะได้รับการรักษาจากนักบวชแล้วก็ตาม แต่การต่อสู้ก็เพิ่งผ่านไปได้เพียงหนึ่งชั่วโมงเท่านั้น เป็นธรรมดาที่เขายังคงอ่อนเพลีย นี่เป็นจุดสำคัญจุดหนึ่งที่ทำให้เหล่า NPC นั้นแตกต่างกับผู้เล่น

 

“หวังว่าผมคงไม่ทำให้ท่านรู้สึกไม่สะดวกนะครับ” ฮยอนนูพูดอย่างระมัดระวัง เห็นได้ชัดว่าทำไมอัลเดรดถึงเรียกเขามาที่นี่ นั่นก็เพราะเพื่อให้รางวัลแก่เขานั่นเอง! ในเวลานี้สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับฮยอนนูคือการสงบสติอารมณ์ให้ได้มากที่สุด

 

“ข้าเรียกเจ้ามาก็จริง แต่ก็คงไม่พูดนานหรอก ข้าจะให้สิ่งนี้แทนคำพูดก็แล้วกัน” อัลเดรดยื่นดาบหักให้แก่เขา ฮยอนนูสัมผัสได้อย่างชัดเจนถึงความรู้สึกหรูหราที่มาจากดาบเล่มนี้ ทว่ามันกลับหักไปแล้วครึ่งหนึ่ง ดังนั้นสุดท้ายมันจึงดูเหมือนสิ่งของที่ไร้ประโยชน์ในสายตาของฮยอนนูเท่านั้น

 

“ข้าเคยเดินทางไปทั่วทั้งทวีปเมื่อครั้งที่ยังหนุ่ม และนี่ก็เป็นสิ่งที่ข้าได้มาในตอนนั้น ข้าพยายามหาทางซ่อมมัน แต่พวกคนแคระก็ได้แต่ส่ายหัวกับคำขอของข้า พวกเขาบอกว่านี่คือรูปลักษณ์ที่เสร็จสมบูรณ์แล้ว”

 

ฮยอนนูรับดาบครึ่งเล่มที่อัลเดรดมอบให้อย่างระมัดระวัง

 

[ได้รับดาบครึ่งเล่ม]

 

‘นี่เป็นของที่หมอนี่ให้ฉันมาจริง ๆ งั้นเหรอ?’ ฮยอนนูตัวสั่นด้วยความโกรธ แต่เขาก็ไม่ได้แสดงความรู้สึกออกมาให้เห็นภายนอก

 

“งั้นก็ไปได้แล้ว ข้าให้ทุกอย่างแก่เจ้าไปแล้วละ”

 

“ขอบคุณครับท่านอัลเดรด”

 

ฮยอนนูถูกบอกให้ออกจากที่พักของอัลเดรดดังนั้นเขาจึงรีบออกไปด้วยความรีบร้อน

 

***

 

“ข้าได้ยินถึงวีรกรรมของเจ้าแล้ว เจ้าเป็นนักผจญภัยที่ข้าสมควรให้การยอมรับจริง ๆ”

 

เลบรอนที่กำลังรอฮยอนนูอยู่เอ่ยปากพูดกับเขา หลังจากที่ฮยอนนูออกมาจากห้องพักของอัลเดรดแล้ว “นายท่านจะต้องพอใจมากแน่ บางทีเจ้าอาจจะเป็นนักผจญภัยคนแรกที่ได้รับฉายาจากท่านก็ได้นะ”

 

ฮยอนนูฟังเลบรอนพูดโดยไม่ได้ตอบโต้อะไรกลับไป ที่จริงแล้วตอนนี้เขากำลังพยายามอย่างหนักเพื่อที่จะคงสีหน้าของตนให้เป็นปกติ

 

‘ฉายาที่ได้รับเป็นคนแรกในเกมอารีน่า…’

 

“ข้าได้ยินข่าวเกี่ยวกับเรื่องทางใต้ก่อนที่จะออกจากเมืองหลวง พวกจอมเวทมนตร์ดำได้เล่นงานเหล่าสมาชิกของโบสถ์ไปเรียบร้อยแล้ว” เลบรอนบอกข้อมูลนี้กับฮยอนนู จากนั้นเขาก็พูดต่ออีก “ข้าได้ยินถึงวีรกรรมของนักผจญภัยคนหนึ่งที่ไม่เลวเลย ซึ่งแน่นอนว่านักผจญภัยคนนั้นก็ได้มาหาข้าด้วยเช่นกัน แต่ข้ากลับจำชื่อคนผู้นั้นไม่ได้ ข้ารู้สึกว่าเขาจะเป็นนักบวชนะ”

 

“จินซอกจอง?!”

 

“ใช่ ๆ ชื่อนั้นแหละ เจ้ารู้จักด้วยงั้นเหรอ?” เลบรอนดูเหมือนจะจำได้หลังจากที่ได้ยินคำอุทานของฮยอนนู

 

“ผมรู้จักแค่ผิวเผินเท่านั้นครับ แต่จะว่าไปทำไมท่านถึงมาหาผมกัน?” ฮยอนนูถามออกไปตรง ๆ

 

เลบรอนคิดอยู่พักหนึ่งเมื่อเขาได้ยินคำถามของฮยอนนู “อ้อ! ข้ามาเพื่อถามอะไรบางอย่างกับเจ้า”

 

“หมายความว่ายังไงกันครับ?”

 

“เจ้าอยากจะเป็นศิษย์ของข้าไหม?”

 

“หา?”

 

[คุณต้องการเปลี่ยนอาชีพเป็น ‘???’ ซึ่งเป็นอาชีพพิเศษหรือไม่?]

 

คำถามของเลบรอนสั่นสะเทือนจิตวิญญาณของฮยอนนูอย่างรุนแรง

 

“เอ่อ! คือว่า…ให้เวลาผมคิดซักหน่อยได้ไหมครับ?”

 

“ข้าไม่รู้หรอกนะว่าทำไมเจ้าถึงต้องใช้เวลาคิด แต่ข้าก็พอจะเข้าใจเจ้าอยู่” เลบรอนตอบตกลงแม้จะรู้สึกงงงวยอยู่บ้าง

 

การเป็นศิษย์ของเลบรอนนั้นไม่ใช่ปัญหาเลย ทว่าปัญหาก็คือข้อความที่แสดงให้ฮยอนนูเห็นนั้นต่างออกไปจากเดิม ‘???’ นั่นหมายความว่าอย่างไรกัน ‘???’ ปรากฏขึ้นมาแทนที่จะเป็นชื่ออาชีพ หลังจากที่มันโผล่ออกมาก็เท่ากับว่านี่เป็นการเดิมพันแล้ว อย่างไรก็ตามข้อเสนอที่จะให้เป็นลูกศิษย์ของอัศวินที่ยอดเยี่ยมที่สุดของอาณาจักรก็ช่างน่าดึงดูดเหลือเกิน ฉายาที่เขาได้รับตอนเปลี่ยนอาชีพจะต้องดีกว่าทักษะต่าง ๆ ของอาชีพเก่ง ๆ อาชีพอื่นอย่างแน่นอน

 

‘เอาล่ะ! ฉันจะตอบตกลง’

 

“ตกลงครับ! ผมจะเป็นลูกศิษย์ของคุณ” และแล้วฮยอนนูก็ตัดสินใจ

 

“เยี่ยมมาก! เจ้าตัดสินใจได้ดีจริง ๆ ศิษย์ของข้า”

 

[อาชีพของคุณได้เปลี่ยนเป็น ‘อัศวินแห่งคีออน’]

 

[ค่าสถานะทั้งหมดจะเพิ่มขึ้น 50 แต้มตามลำดับ]

 

[ฉายา ‘ศิษย์ของเลบรอน’ ถูกสร้างขึ้นแล้ว]

 

[ศิษย์ของเลบรอน]

 

[ฉายาที่มอบให้แก่ศิษย์ของเลบรอนผู้เป็นอัศวินที่เก่งกาจที่สุดแห่งอาณาจักร]

 

[ความสามารถ: พลังโจมตีและพลังป้องกันเพิ่มขึ้น 10%]

 

‘ถือว่าเป็นการเดิมพันที่ดีทีเดียว’

 

การเดิมพันของเขาประสบความสำเร็จ เมื่อพิจารณาว่าค่าสถานะที่ได้รับเมื่อเปลี่ยนเป็นคลาสสองตอนเลเวล 100 อยู่ระหว่าง 100 ถึง 150 แต้มแล้ว ค่าสถานะ 250 แต้มที่มอบให้โดยการเปลี่ยนอาชีพเป็นอัศวินแห่งคีออนนั้นแสดงให้เห็นได้เป็นอย่างดีว่านี่เป็นอาชีพที่ไม่ธรรมดาเลย

 

[ทักษะถูกสร้างขึ้นแล้ว]

 

[ทักษะ ‘เพิ่มพลังเวทมนตร์’]

 

[เทคนิคลับของอัศวินแห่งคีออนจะทำให้ปริมาณพลังเวทที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายเพิ่มขึ้น]

 

รูปแบบ: แสดงผลอัตโนมัติ

 

ระดับ: แรร์

 

ระดับประสิทธิภาพของทักษะ: F

 

พลังเวทมนตร์เพิ่มขึ้น 20%

 

[ทักษะ ‘การผสานพลังเวท’]

 

[เทคนิคลับของอัศวินแห่งคีออนจะควบแน่นพลังเวทให้ทรงพลังมากขึ้น]

 

รูปแบบ: แสดงผลอัตโนมัติ

 

ระดับ: ยูนีค

 

ระดับประสิทธิภาพของทักษะ: F

 

ปริมาณการใช้พลังเวทมนตร์ลดลง 20% ผลของพลังเวทมนตร์เพิ่มขึ้น 20%

 

‘สุดยอดไปเลย!’

 

ฮยอนนูยืนยันทักษะที่ได้รับจากการเปลี่ยนคลาส มีทักษะที่เป็นระดับยูนีคและแรร์อย่างละหนึ่งทักษะ พวกมันสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างยอดเยี่ยมกับทักษะที่เขามีอยู่แล้ว เห็นได้ชัดว่าพวกมอนสเตอร์จะถูกหั่นเหมือนหัวผักกาดเพียงแค่เขาแกว่งดาบยาวปลายมนของตน

 

“มีเพียงเท่านี้ใช่ไหมครับ?”

 

ฮยอนนูรู้สึกยินดีเป็นเวลานานก่อนที่เขาจะสังเกตเห็นบางอย่างแปลก ๆ มีเพียงสองทักษะ และทั้งสองเป็นทักษะประเภทแสดงผลอัตโนมัติ ถึงแม้มันจะเป็นสิ่งที่ดีแต่มันก็เป็นเรื่องปกติสำหรับผู้เล่นที่จะเสียเปรียบหากพวกเขาไม่มีทักษะเรียกใช้เลย เพราะท้ายที่สุดแล้วการประสานกันอย่างกลมกลืนของทักษะทั้งสองแบบนั้นเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการต่อสู้เป็นอย่างยิ่ง

 

“เจ้ายังต้องการอะไรมากกว่านี้อีกล่ะ?” เลบรอนจ้องมองฮยอนนูด้วยสายตาที่เบิกกว้าง

 

“ไม่มีทักษะอะไรที่เป็นแบบการโยนพลังงานดาบออกไปเหรอครับ?”

 

“ของแบบนั้นมันจำเป็นด้วยงั้นเหรอ? พลังเวทต่างหากที่มีความสำคัญต่ออัศวินแห่งคีออน เจ้าต้องเรียนรู้ที่จะใช้มันให้เหมือนกับเป็นอาวุธของตัวเอง”

 

ทันทีที่เขาพูดจบเลบรอนก็ยื่นนิ้วออกมาแล้วขยับมันไปในอากาศ ตอนนั้นเองเรื่องประหลาดบางอย่างเกิดขึ้น โต๊ะตรงหน้าของพวกเขาถูกตัดออกจากกันโดยทันที

 

“แค่เจ้ารู้วิธีใช้พลังเวทอย่างถูกต้องมันก็เพียงพอแล้ว ฉะนั้นจงเรียนรู้เสียเถิด จงทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ นี่แหละคือความรู้อันเป็นพื้นฐานของอัศวินแห่งคีออนอย่างพวกเรา” เลบรอนพูดด้วยรอยยิ้มภาคภูมิใจบนใบหน้า “เอาล่ะ! หลังจากที่เข้าเฝ้านายท่านแล้ว ข้าจะให้การฝึกพิเศษแก่เจ้า ไม่สำคัญหรอกนะว่าเจ้าจะเป็นนักผจญภัยที่เก่งกาจแค่ไหน หากเจ้าจะเป็นศิษย์ของข้า เจ้าก็จำเป็นจะต้องเรียนรู้พื้นฐาน”

 

***

 

ฮยอนนูออกจากเกมอารีน่าและทำเรื่องต่าง ๆ ต่อไป เขาส่งวิดีโอให้เอลลิสและเขียนแนวทางการตัดต่อในอีเมล จากนั้นเขาก็โทรหาเคลในทันที “คุณเคลใช่ไหม? นี่ฮยอนนูเองครับ”

 

“โอ้! คุณคัง! มีอะไรเหรอครับ?”

 

“มีเรื่องอยากจะขอรบกวนหน่อยน่ะครับ”

 

“พูดมาได้เลยครับ ผมยินดีที่จะพิจารณาให้ทุกอย่างที่อยู่ขอบเขตที่ยอมรับได้ คุณอยากจะได้ไอเทมหรือว่าสกิลละครับ? ” เคลยังคงมีท่าทีร่าเริงแม้ว่าฮยอนนูจะโทรมาแบบไม่คาดคิดก็ตาม

 

“ไม่ใช่แบบนั้นหรอกครับ ครั้งนี้ผมต้องการความช่วยเหลือจากไนกี้โดยตรง”

 

“อืม…มีอะไรงั้นเหรอครับ?”

 

“ผมกำลังคิดที่จะสร้างคอนเทนต์ใหญ่ที่มีศูนย์กลางอยู่ที่อารีน่า เลยหวังว่าไนกี้น่าจะช่วยผมได้”

 

“ช่วยพูดให้ชัดเจนกว่านี้ได้ไหมครับ? คอนเทนต์ที่ว่าคืออะไรกันแน่?”

 

เคลรู้สึกใจเต้นแรงขณะรอฟังเนื้อหาจากปากของฮยอนนู

 

‘ครั้งนี้จะเป็นเรื่องอะไรกันนะ?’

 

“ช่วยตามหาพวกคนดัง อย่างเช่นดาวเด่นของ ‘เอ-เวิร์ล’ หรือจะเป็นผู้เล่นที่เป็นสัญลักษณ์ของกิลด์ใหญ่ ๆ ก็ดี จากนั้นช่วยพาพวกเขามารวมตัวกันแล้วไปยังอารีน่าด้วยครับ”

 

“มันดูยุ่งยากไปหน่อยนะครับ อันที่จริงผมว่าคอนเทนต์ในทำนองนี้ไม่ค่อยจะน่าสนใจซักเท่าไหร่นะครับ ตอนแรก ๆ อาจจะดูสนุกอยู่บ้างก็จริง แต่ยิ่งทำมันมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งดูไม่สนุกมากเท่านั้น” เคลพูดความคิดเห็นของเขาออกมาอย่างตรงไปตรงมา อันที่จริงเขาแอบรู้สึกผิดหวังอยู่เล็กน้อย แม้ว่ามันจะเป็นข้อเสนอของเมลีก็อด แต่ความคิดแบบนี้ไม่ว่าใครก็สามารถทำได้ทั้งนั้น

 

“ผมยังพูดไม่จบเลย ถ้าผมจะขอร้องแค่นี้ละก็ ผมคงไม่ต้องการความช่วยเหลือจากคุณแต่แรกหรอกครับ ผู้เข้าร่วมทุกคนจะต้องซ่อนตัวตนโดยการเปลี่ยนรูปลักษณ์ของอุปกรณ์สวมใส่ และจะต้องสวมหน้ากากด้วย ชื่อของคอนเทนต์นี้คือ ‘ราชานักสู้ผู้สวมหน้ากาก’ ครับ”

 

“ราชานักสู้ผู้สวมหน้ากาก…”

 

หลังจากจบคำอธิบายของฮยอนนูแล้ว เคลก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีกพักใหญ่

 

‘ฉันตัดสินเขาเร็วเกินไป’ เคลตำหนิตัวเอง

 

“ขอโทษด้วยครับ ผมพลาดไปแล้ว ขออภัยจริง ๆ”

 

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ถ้างั้นทางไนกี้จะพอช่วยได้ไหมครับ?”

 

“แน่นอน! ผมจะรีบรายงานให้บอสทราบเดียวนี้เลยครับ”

 

“เข้าใจแล้วครับ ถ้างั้นผมจะรอฟังข่าวดีนะครับ”

 

และแล้วคอนเทนต์ใหม่ของฮยอนนูก็ส่งไปถึงไนกี้

 

‘ราชานักสู้ผู้สวมหน้ากาก’